Facts about Buddhism 's patronage of King Bim bisara
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา
เมื่อผู้เขียนได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากหลักฐานเอกสารในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณแล้ว ได้ฟังข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่า เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะทรงไม่เชื่อว่ามีเทพเจ้าหลายองค์ แต่พระองค์ทรงไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยการบูชายัญ หากพระองค์ทรงฝ่าฝืนและบูชายัญไป ก็จะเป็นความผิดอย่างร้ายแรงต่อคำสอนของศาสนาพราหมณ์และกฎหมายวรรณะ เจ้าชายสิทธัตถะทรงตัดสินพระทัยที่จะปฏิรูปสังคมในอาณาจักรสักกะผ่านกระบวนการทางการเมือง โดยเสนอกฎหมายยกเลิกวรรณะ เมื่อสมาชิกรัฐสภาแห่งราชวงศ์ศากยะ พิจารณาร่างกฎหมายจารีตประเพณีเกี่ยวกับการยกเลิกวรรณะตามที่เจ้าชายสิทธัตถะทรงเสนอให้พิจารณา เมื่อสมาชิกรัฐสภาพิจารณาแล้ว ก็ไม่เห็นชอบด้วยกับร่างกฎหมายจารีตประเพณีเกี่ยวกับการยกเลิกวรรณะ เพราะขัดต่อมาตรา ๓ ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายจารีตประเพรีสูงสุดในการปกครองอาณาจักร เป็นต้น
เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะทรงพิจารณาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา และศาสนาพราหมณ์ในอาณาจักรสักกะ พระองค์ทรงเห็นว่า เมื่อชาวสักกะมีความเชื่อมั่นอย่างมั่นคงในคำสอนของพราหมณ์อารยันเกี่ยวกับความมีอยู่ของเทพเจ้าหลายองค์ แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยเห็นมาก่อน และไม่มีสิทธิทำการบูชายัญต่อเทพเจ้าโดยตรง แม้แต่เจ้าชายสิทธัตถะพระราชโอรสองค์โตของพระเจ้าสุทโธทนะ ผู้จะขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ต่อไปของอาณาจักรสักกะต่อจากพระราชบิดา ก็ยังไม่สามารถบูชายัญได้เนื่องจากกฎหมายวรรณะห้ามไว้
ดังนั้น เมื่อคนส่วนใหญ่ในอนุทวีปอินเดียขาดการศึกษา พวกเขาจึงไม่มีความรู้เกี่ยวกับเทพเจ้า ผ่านอายตนะภายในร่างกายของตนเองและสั่งสมไว้ในจิตใจ ยกเว้นวรรณะพราหมณ์เท่านั้น เมื่อข้อเท็จจริงเป็นข้ออ้างว่ามีอยู่ แต่ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ความจริงของเรื่องนี้ ดังนั้น เมื่อคำสอนเรื่องวรรณะเป็นทั้งคำสอนในศาสนาพราหมณ์ และกฎหมายวรรณะ ชาวอาณาจักรสักกะจึงถูกลิดรอนสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงเพราะถูกเลือกปฏิบัติในสังคมของอาณาจักรสักกะ เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะทรงไม่สามารถปฏิรูปสังคมได้ เพื่อให้ชาวสักกะทุกคนมีสิทธิและหน้าที่เท่าเทียมกันตามกฎหมาย ชีวิตของชาวอาณาจักรสักกะจึงอยู่ในความมืดมนตลอดไป มีเพียงวิธีเดียวที่จะพิสูจน์ความจริงของการมีอยู่ของเทพเจ้าได้ นั่นก็คือ พระองค์ทรงตัดสินพระทัยที่จะทิ้งวรรณะกษัตริย์เพื่อผนวชเป็นพระโพธฺสัตว์ พระองค์จึงทรงสามารถทำพิธีบูชายัญและสาธยายพระเวทได้โดยไม่ผิดกฎหมายวรรณะ เพื่อขอพรพระพรหมให้ช่วยเหลือชาวสักกะโดยการยกเลิกวรรณะ
เมื่อพระองค์ทรงผนวชเป็นพระโพธิสัตว์ ก็ละทิ้งบ้านเรือนและไม่เกี่ยวกับบ้านเรือนอีกต่อไป พระองค์ทรงสามารถทำพิธีบูชาได้ โดยไม่ละเมิดคำสอนของศาสนาพราหมณ์ และกฎหมายวรรณะอีกต่อไป พระองค์ทรงใช้เวลาหลายปีจึงจะค้นพบการปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ เมื่อพระองค์ทรงได้ลงมือภาวนาตามมรรคมีองค์ ๘ จนตรัสรู้กฎธรรมชาติของชีวิตมนุษย์เป็นความรู้ที่เรียกว่า "อภิญญา๖" เมื่อพระองค์ทรงตรัสรู้แล้ว พระองค์จึงได้ทรงทดสอบความรู้ในระดับอภิญญา ๖ ด้วยการปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ เป็นเวลา ๗ สัปดาห์ ๔๙ วันได้ผลลัพธ์เหมือนกันคือ "อภิญญา ๖"
เมื่อพระองค์ทรงตัดสินพระทัยที่จะเผยแผ่พระพุทธศาสนาและพระองค์ทรงนำหลักปฏิจจสมุปบาท มาอธิบายในรูปของคำสอนเรื่องอริยสัจ ๔ วิชชา ๓ กรรม, ธัมมจักรกัปวัตนสูตร เป็นต้น พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมเทศนาครั้งแรกแก่ปัญจวัคคีย์ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ต่อมาเรียกว่าตำบลสารนารถ อำเภอพาราณสี รัฐอุตตรประเทศ สาธารณรัฐอินเดีย คำสอนเรื่อง อริยสัจ ๔ เป็นความรู้ที่แท้จริงของมนุษย์ทุกชีวิต และผ่านเกณฑ์การตัดสินที่สมเหตุสมผล โดยปราศจากความสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับชีวิตมนุษย์ และหลักอริยสัจ ๔ จึงเป็นเครื่องยืนยันข้อพิสูจน์ความจริงของมนุษย์มานานกว่า ๒,๕๐๐ ปีแม้ว่าจะมีนักปรัชญาในยุคหลังพุทธกาล ที่จะนำข้อเท็จจริงอื่น ๆ มาโต้แย้งและหักล้างข้อพิสูจน์ความจริงตามอริยสัจ๔ ก็ตาม เพราะข้อพิสูจน์เหล่านั้นเป็นการคาดคะเนความจริงตามหลักเหตุผลเท่านั้น มิใช่หลักฐานจากการปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ ที่จะเข้าถึงความจริงของชีวิตมนุษย์ในระดับอภิญญา ๖ ได้
ติดตามปัญหาญาณวิทยาเกี่ยวกับการอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาในพระไตรปิฎก(ตอน๗) การตรวจสอบหลักฐานเกี่ยวกับการอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาของพระเจ้าพิมพิสาร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น