Introduction: Kesariya Stupa is the place where the Kalama Sutta is presented in the Buddhist philosophy.
![]() |
ภาพโดยก้าวตามธรรม(follow dhamma) |
บทนำ
สถูปเกสเรียเป็นหนึ่งในสถานที่ทางพุทธศาสนาที่สำคัญในพระพุทธศาสนา ตั้งอยู่บนเส้นทางการแสวงบุญของชาวพุทธทั่วโลกระหว่างเขตเวสารีรัฐพิหาร กับ เขตกุสินารา รัฐอุตตรประเทศสาธารณรัฐอินเดีย สถูปเกสเรียแห่งนี้มีนักปรัชญ์ชาวพุทธหลายคนเชื่อว่าเป็นสถานที่ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงแสดงกาลามสูตร ซึ่งเป็นพระสูตรที่อธิบายแนวคิดที่มาของความรู้มนุษย์ที่เรียกว่า"ญาณวิทยา" ในยุคปัจจุบันเรียกว่า"ทฤษฎีความรู้" เมื่อได้ยินข้อเท็จจริงในเรื่องใด อย่าเพิ่งเชื่อทันทีว่าเป็นความจริง ควรสงสัยไว้ก่อน จนกว่าจะตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานให้เพียงพอก่อน เพื่อเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์หาเหตุผลพิสูจน์ความจริงของคำตอบในเรื่องนั้น จึงจะถือว่าเป็นความรู้ที่แท้จริง แต่เมื่อผู้เขียนสืบค้นข้อความคำว่า "สถูปเกสเรีย" หรือเกสริยา" ในแพลตฟอร์มอินเตอร์เน็ต
https://tripitakaonline.blogspot.com/2016/08/tpd32-02.html เพื่อค้นหาข้อความในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณและอรรถกถา แต่กลับไม่พบคำว่า"เกสเรีย"หรือ"เกสริยา" แต่อย่างใด แต่นักปรัชญาหลายท่านได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ "สถูปเกสเรีย" คือสถานที่ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงแสดงกาลามสูตร ซึ่งเป็นพระสูตรที่แสดงต้นกำเนิดแห่งความรู้ของมนุษย์ ต่อมานักปรัชญาตะวันตกได้พัฒนาคำสอนของพระพุทธเจ้านี้เป็น "ทฤษฎีความรู้" เกี่ยวกับต้นกำเนิดความรู้ของมนุษย์ในปรัชญาพุทธภูมิ เป็นต้น
ที่สถูปเกสเรียแห่งนี้ ผู้เขียนเดินทางไปกับนักแสวงบุญหลายคณะในการเดินทางไปปฏิบัติบูชา รำลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าและเดินตามรอยพระพุทธเจ้าด้วยฝึกสมาธิ และเพิ่มพลังชีวิตให้บริสุทธิปราศจากอคติและไม่มีอารมณ์ขุ่นมัวในจิตใจ อ่อนโยนและไม่หยาบกระด้าง ตั้งมั่นเป้าหมายของชีวิตให้มั่นคง และไม่ลังเลใจในการปฏิบัติหน้าที่ต่อผู้อื่นอย่างบริสุทธิ์และยุติธรรมด้วยสติปัญญาของตนเอง เป็นต้น เมื่อผู้เขียนพิจารณาลักษณะสถูปเกสริยา จะมีลักษณะเหมือนชามคว่ำสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช
เมื่อผู้เขียนได้ยินข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถูปเกสริยาว่า เป็นสถานที่ที่แสดงกาลามสูตรของพระพุทธเจ้านั้น แม้ว่าผู้เขียนจะยอมรับโดยปริยายว่าเป็นความจริง อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีอายคนะภายในร่างกายมีข้อจำกัดในการรับรู้ที่เกิดขึ้นในชีวิต และมีอคติต่อผู้อื่น เนื่องจากความไม่รู้ของตนเอง ทำให้ชีวิตของผู้เขียนและมนุษย์คนอื่น ๆ เต็มไปด้วยความมืดมน ไม่สามารถใช้เหตุผลซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญา ในการอธิบายความจริงในเรื่องนั้นได้อย่างสมเหตุสมผล
ตามคำสอนของพระพุทธเจ้าทรงสอนว่าพราหมณ์บางคนในโลกเป็นนักตรรกะและนักปรัชญา เมื่อได้ยินความคิดเห็นเกี่ยวกับความจริงของมนุษย์ โลก มักจะแสดงความคิดเห็นในเรื่องเหล่านี้ ตามปฏิภาณของตนเองตามหลักเหตุผล หรือตาดคะเนความจริงจากสิ่งที่ได้ยินมานั้น โดยใช้เหตุผล เพื่อธิบายความจริงในเรื่องนั้น อย่างไรก็ตาม นักตรรกะ หรือนักปรัชญา บางครั้งพวกเขามักจะใช้เหตุผลเพื่ออธิบายความจริงของคำตอบของเรื่องนั้นได้อย่างถูกต้อง บางครั้งพวกเขามักจะใช้เหตุผลเพื่ออธิบายความจริงของคำตอบของเรื่องนั้นได้ไม่ถูกต้อง บางครั้งพวกเขามักจะใช้เหตุผลเพื่ออธิบายความจริงของคำตอบของเรื่องนั้นได้ในลักษณะเป็นอย่างนี้ บางครั้งพวกเขามักจะใช้เหตุผล เพื่ออธิบายความจริงของคำตอบของเรื่องได้ในลักษณะเป็นอย่างนั้น เมื่อเรื่องราวของความเป็นมายังไม่ชัดเจนว่าเป็นอย่างไร วิญญูชนย่อมไม่เชื่อถือว่าเรื่องนั้นเป็นความจริงและไม่ยอมรับว่าเป็นความรู้ที่แท้จริงของเรื่องนั้น
ตามหลักปรัชญานั้น กระบวนการวิเคราะห์ความจริงได้กำหนดไว้ดังนี้ เมื่อผู้ใดกล่าวถึงข้อเท็จจริงในเรื่องใด ๆ อย่าเพ่งเชื่อทันที่ว่า ข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวนั้นเป็นความจริง เราต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความจริงของคำตอบในเรื่องนั้น ๆ ถ้าไม่มีหลักฐานพิสูจน์ความจริง ตามหลักปรัชญาถือว่าข้อเท็จจริงที่เราได้ยินมาจากคำให้การของพยานที่อ้างว่าได์เห็นการณ์นั้น ขาดความน่าเชื่อถือและตามหลักปรัชญานั้น ไม่สามารถยอมรับข้อเท็จจริงได้ว่าเป็นความจริงได้ เพราะมนุษย์มีความเห็นแก่ตัวโดยเนื้อแท้จึงแนวโน้มที่จะมีอคติต่อผู้อื่นที่เกิดจากความโง่เขลา ความกลัว ความเกลียดชัง ความรักเป็นต้น นอกจากนี้มนุษย์ยังมีข้อจำกัดในการรับรู้ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ และเหตุการณ์ทางสังคมที่เกิดขึ้นในอดีต ย้อนไปถึงสมัยพระพุทธเจ้าได้หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไกลออกไป เป็นต้น
เมื่อผู้เขียนพิจารณาความมีอยู่ของสถูปเกสเรียผ่านประสาทสัมผัสของตนเอง แต่เรื่องราวเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของสถูปแห่งนี้ ปรากฏอยู่ในจิตใจของผู้เขียนยังไม่ชัดเจน เพราะมีหลักฐานไม่เพียงพอสิ่งนี้ทำให้ผู้เขียนสงสัยว่า สถูปเกสรียาเป็นสถานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมเทศนาเรื่องกาลามสูตรจริงหรือ? แต่ผู้เขียนชอบแสวงหาความรู้ในเรื่องนี้ต่อไป จึงตัดสินใจตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้จากพยานเอกสาร เช่น พระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ อรรถกถา พยานวัตถุได้แก่สถูปเกสเรีย พยานแผนเอกสารดิจิทัลได้แก่แผนที่โลกกูเกิลและแผนที่โบราณ ส่วนพยานบุคคลได้แก่ บันทึกจดหมายเหตุแห่งพุทธอาณาจักรของพระภิกษุฟาเหียน เป็นต้น เพื่อหาเหตุผลยื่นยันความจริงของตอบผลในเรื่องนี้
การวิเคราะห์ข้อมูลโดยอนุมานความรู้จากจากหลักฐานเกี่ยวกับสถูปเกสรียาเพื่อหาเหตุผลอธิบายความจริงในเรื่องดังกล่าว จะเป็นความรู้ที่ผ่านเกณฑ์การตัดสินตามหลักญาณวิทยาที่สมเหตุสมผล และไม่สงสัยในความจริงของสถูปเกสริยาอีกต่อไป เนื้อหาของบทความในเรื่องนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อพระธรรมทูตแห่งราชอาณาจักรไทยในอินเดียและเนปาล สามารถนำใช้ในการบรรยายให้ผู้แสวงบุญทั้งไทยพุทธและชาวต่างประเทศ ได้มีเนื้อหาเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนกระบวนวิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งความรู้จะเป็นประโยชน์ต่อนักศึกษาระดับปริญญาเอกด้านพระพุทธศาสนา และปรัชญา เพื่อนำไปใช้ในการตีความพระไตรปิฎกให้ได้ความรู้ที่สมเหตุสมผลและถูกต้องตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาอย่างไม่มีข้อกังขาอีกต่อไป.
4 ความคิดเห็น:
มหาสถูปเกสเรีย แคว้นวัชชี
มหาสถูปเกสเรียวัดความกว้างได้ 1400 ฟุต ส่วนสูง 123 ฟุต
ขณะที่บุโรบุโดนั้นสูงเพียง 103 ฟุตเท่านั้น
สถานที่แห่งนี้ จะเป็นคนละแห่ง กับหมู่บ้านเกสปุตตนิคม ที่อยู่แคว้นโกศล
ระยะทาง เกสเรียอยู่ห่างจากเมืองไพศาลี 55 กิโลเมตร จากเมืองปัตนะ 120 กิโลเมตร จากมุซาฟาร์ปูร์ 75 กิโลเมตร จากโมติหารี 54 กิโลเมตร ตัวสถูปตั้งอยู่บนทางแยกจากเส้นทางจากไพศาลี-กุสินารา เข้าไปอีกประมาณ 10 กิโลเมตร
เกสริยา, เกสเรีย (Kesariya, Kesaria)
เกสริยา มหาสถูปเกสริยา (Kesariya Maha stupa) (Champaran) แคว้นวัชชี ปัจจุบัน คือเมืองเขตจังหวัดจัมบารันรัฐพิหาร
เกสริยา มหาสถูป สร้างขึ้นเป็นฐานกลมครั้งแรกในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๔ -๖ และ มีการปฏิสังขรณ์เติมซุ้มคูหาในยุคพุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๓ เป็นมหาสถูปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอินเดีย
เกสริยา เป็นสถูปยุคแรกๆ ของพระพุทธศาสนา
ต้นกำเนิดของเจดีย์มาจากอินเดียเรียกว่า “สถูป” ในภาษาบาลี หรือ “ถูป” ในภาษาสันสกฤต แต่เดิมก่อนมีพระพุทธศาสนาเป็นที่ฝังอัฐิ ใน ในล้านนาเรียกเจดีย์ว่า กู่ เช่น กู่เต้า กู่กุด ต่างจากในภาคตะวันออกเฉียง เหนือนิยมเรียกเจดีย์ว่า ธาตุ
เกสริยาสถูป
สถานที่ประดิษฐานบาตรของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงประทานแก่ชาววัชชี เมื่อครั้งพุทธกาลเกสเรียอยู่ในเขตพรมแดนของแคว้นวัชชีและมัลละต่อกัน รัฐพิหารในปัจจุบัน
มหาสถูปแห่งเกสเรีย หรือที่ในปัจจุบันเรียกว่า เกสริยา, เกสเรีย (อังกฤษ: Kesaria, อักษรเทวนาครี: केसरिया)สถานที่ประดิษฐานบาตรของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงประทานแก่ชาววัชชี
ในวรรคที่สองกล่าวไว้ชัดเจนแล้ว
แสดงความคิดเห็น