The greatest discovery is the natural laws of human life. That everyone is equal Without choosing a social caste as the basis for determining humanity When the soul is the real person of man That accumulates knowledge from the mind with reasons And show his intention to act accordingly Would receive the result of Own action

Breaking

Post Top Ad

Your Ad Spot

วันศุกร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2566

บทนำ เมืองท่าอุเทนในความทรงจำของเราตามหลักปรัชญาพุทธภูมิ

  Tha UThen district our memories according to the philosophy of the Buddha.
คำสำคัญ  เมืองท่าอุเทน   ความทรงจำ  ปรัชญาพุทธภูมิ
สารบาญ 
๑.บทนำ
๒.ความเป็นมาของอำเภอท่าอุเทน
๓.ความสำคัญทางเศรษฐกิจ
๔.มุมมองปรัชญาต่อเมืองท่าอุเทน
๕.บทสรุป 


๑.บทนำ 

      โดยทั่วไปแล้ว มนุษย์เกิดมาจากครรภ์มารดาพร้อมด้วยอวิชชา (ความไม่รูู้)  พวกเขาจึงไม่รู้จักความจริงของชีวิตตนเอง มีวิญญาณอาศัยอยู่ในร่างกายเพียงชั่วคราวเท่านั้นแล้วจึงตายไป เมื่อร่างกายตาย จิตใจก็ไม่สามารถใช้อายตนะภายในร่างกายรับรู้เรื่องราวของกิเลสตัณหาต่าง ๆ  ที่ชีวิตของตนอยากได้มาสนองอารมณ์ เช่นอยากเป็นตำรวจ ทหาร ผู้พิพากษาและอื่น ๆ  ซึ่งเป็นความจริงที่มนุษย์สมมติขึ้น  พวกเขาต้องการมีคนรัก รถยนต์หรือโทรศัพท์เพื่อแสดงว่าตนเป็นเจ้าของสิ่งเหล่านั้น  หรือต้องการอยากความร่ำรวย และ ความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตมากขึ้น เมื่อชีวิตมนุษย์ตาย วิญญาณก็จะไปเกิดในภพภูมิอื่น  ขณะมีชีวิตอยู่พวกเขาปรารถนาสิ่งใดแต่ไม่ได้สิ่งนั้น พวกเขามักจะทุกข์เช่น อยากได้ความรักจากคนที่รัก  แม้จะได้เป็นเจ้าของคนรัก แต่ถ้าอยู่กับคนไม่รักพวกเขาก็จะต้องทุกข์ เมื่อรู้ความจริงว่าคนรักไม่รักตน แม้จะทำบุญไว้มากเพียงใดก็ตาม  ก็จะฆ่าให้ตาย  ลักทรัพย์  ประพฤติผิดในกามเพราะกิเลสตน   พูดจาลวงผู้อื่น หรือดูถูกศักยภาพของผู้อื่น  ดื่มสุราหรือเสพยา เพื่อแสวงหาความสุขชั่วคราวท่ามกลางความทุกข์ที่เกิดขึ้นในชีวิตไม่ยอมรับมัน เป็นต้น  

          เมื่อชีวิตของพวกเขาเต็มไปด้วยความยากลำบาก  พวกเขาต้องหาที่พึ่งอันยิ่งใหญ่ให้กับตัวเอง เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตเมื่อพวกเขาปรึกษาหารือกับนักบวช ซึ่งเป็นผู้อาวุโสของประเทศและได้รับคำแนะนำให้เชื่อในเทพเจ้า เช่นพระพรหมและพระอิศวร เป็นต้น และทำการบูชายัญ เพื่อช่วยให้พวกเขาบรรลุความปรารถนา เมื่อความปรารถนาของพวกเขาสำเร็จ พวกเขาก็เริ่มเชื่อในเทพเจ้าตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา  เดิมที ผู้คนในอนุทวีปอินเดียเชื่อตามคำสอนของพราหมณ์อารยันว่าพระพรหมและพระอิศวรทรงสร้างมนุษย์ ส่วนชาวมิลักขะเชื่อตามคำสอนของพราหมณ์มิลักขะว่า "น้ำ" เป็นเทวดา    เมื่อคนทั่วทั้งอนุทวีปอินเดียเชื่อตามคำสอนของพราหมณ์ และตกลงที่จะปฏิบัติตามคำสอนของพราหมณ์ในการบูชายัญเพื่อขอพรจากพระพรหม  เป็นต้น  
 
             ตามหลักอภิปรัชญาเกี่ยวกับความจริงของ "มนุษย์" เมื่อความเชื่อในการมีอยู่ของเทพเจ้านั้น สร้างปัญหาทางการเมืองในแคว้นสักกะ เมื่อจัณฑาลซึ่งเป็นนักโทษทางสังคม ได้ถูกลงโทษตลอดชีวิต ไม่สามารถกลับคืนสถานะเดิมทางสังคมได้ เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะทรงปฏิรูปสังคมของแคว้นสักกะไม่สำเร็จ  เพราะหลักราชอปริหานิยธรรมได้กำหนดสภาพบังคับไว้ว่า ห้ามยกเลิกกฎหมายที่บัญญัติไว้ดี แล้ว จากการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าด้วยญาณทิพย์ที่เหนือกว่ามนุษย์ทั่วไป พระองค์ทรงเห็นดวงวิญญาณของคนทุกวรรณะออกจากร่างที่ตายแล้ว  ไปมีความสุขบนโลกสวรรค์  หรือไปเกิดในโลกมนุษย์โดยกำเนิดวิญญาณในครรภ์มารดา จนวิญญาณและกายรวมกันเป็นทารกอยู่ ๙ เดือน จึงได้เกิดมาจากครรภ์มารดา  มีโอกาสได้ปฏิบัติอริยมรรคมีองค์ ๘ เป็นต้น     เมื่อนักปรัชญากล่าวอ้างข้อเท็จจริงในเรื่องมนุษย์ ก็ต้องมีหลักฐานมาพิสูจน์ความจริงของคำตอบในเรื่องนั้นด้วย หากนักปรัชญาไม่หลักฐานมาพิสูจน์ข้อเท็จจริงในเรื่องนั้น ถือว่าข้อเท็จจริงในเรื่องนั้น มีน้ำหนักของเหตุผลน้อย และไม่น่าเชื่อถือที่จะยอมรับว่าเป็นความรู้ที่แท้จริงได้  กล่าวคือ ในสมัยอินเดียโบราณ  พราหมณ์อารยันสอนว่าพระพรหมสร้างมนุษย์ เมื่อเกิดมนุษย์มีชีวิตอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง เมื่อมนุษย์ตาย ชีวิตก็สูญสิ้น และไม่มีชีวิตหลังความตาย  เมื่อพระพรหมสร้างมนุษย์แล้ว หากมนุษย์ปรารถนาจะเป็นเช่นนี้ เป็นมนุษย์หรือเทพเจ้า ต้องบูชายัญเทพเจ้า เป็นต้น  
  
        ผู้เขียนเป็นมนุษย์ที่มีจิตวิญญาณเป็นแก่นแท้ของชีวิต เช่นเดียวกับมนุษย์ทุกคนทั่วโลก และ วิญญาณของเราล่องลอยไปในสังสารวัฏ เป็นเวลาหลายร้อยล้านปีแล้ว ลักษณะของแก่นแท้ของจิตวิญญาณผู้เขียนนั้น เป็นสิ่งที่ไม่มีรูปร่าง ชอบท่องเทียวไปไกล มีลักษณะเป็นดวงอาศัยอยู่ในร่างกายที่มีลักษณะเป็นถ้ำ ในขณะมีชีวิตอยู่ จิตวิญญาณของผู้เขียนอาศัยอวัยวะอินทรีย์ทั้ง ๖ ของร่างกายซึ่งเชื่อมโยงกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ และทางสังคมจิตของผู้เขียนรวบรวมหลักฐานของปรากฏการณ์ทางธรรมและสังคม เป็นความรู้ที่สั่งสมอยู่ในจิตใจของตัวเอง หรือเรากล่าวได้ว่าเป็นความรู้จากประสบการณ์ชีวิตผ่านประสาทสัมผัสของตัวเอง หรือเป็นความรู้ที่เรียนรู้โดยตรงและโดยอ้อมของการอบรมสั่งสอนของครูในสถาบันการศึกษาในระดับต่าง ๆ เทียบได้กับตำราหลายเล่ม บทวิเคราะห์นับร้อยและนวนิยายหลายร้อยล้านเล่มที่แสดงตัณหาซึ่งแฝงอยู่ในจิตใจของมนุษย์ เรื่องราวของมนุษย์อยู่ในอำนาจของโลกธรรมมาทุกยุคทุกสมัย ทุกคนลืมคำสัญญาที่เก็บไว้ในจิตใจเหมือนไฟล์ขยะที่สั่งสมอยู่ในโทรศัพท์มือถือ ทำให้ชีวิตเครียดจนเราหาประโยชน์จากชีวิตของตัวเองไม่ได้ จำเป็นต้องหาทางเคลียร์กิเลสที่สั่งสมเป็นอารมณ์ในจิตใจของตนเอง ให้มีความสุขและสามารถหาเหตุผลที่เป็นทางออกของชีวิต 

       คำว่า"ชีวิตมนุษย์" ตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าเรียกคำว่า "ชีวิต"ว่า"เบญขันธ์" คือ รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาณ เป็นต้น  โดยคำว่า "สัญญา" ขันธ์ ๕ อย่างหนึ่งของชีวิตมนุษย์ทุกคน  ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานพ.ศ. ๒๕๕๔ ได้ให้ความหมายของคำว่า "สัญญา" หมายถึง "ความจำ" คำว่า "จำ"นั้น แปลว่ากำหนดไว้ในใจ, ระลึกได้ เป็นต้น  กล่าวคือ ตัวอย่างเช่น 

        เมื่อชีวิตของผู้ขียนเกิดจากปัจจัยทางร่างกายและจิตใจ ทั้งสองสิ่งเป็นปัจจัยในการรับรู้ผ่านอายตนะภายในร่างกาย   เมื่อรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตแล้ว จิตใจของผู้เขียนก็เก็บเรื่องราวต่าง ๆ เหล่านั้นไว้และสั่งสมไว้เป็นอารมณ์ในจิตของตน เมื่อผู้เขียนรำลึกถึงความทรงจำของชีวิตในปีพ.ศ. ๒๕๐๒  ผู้เขียนที่เกิดอำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม และได้ย้ายติดตามบิดาซึ่งเป็นครูมาอาศัยอยู่ที่อำเภอท่าอุเทน  ขณะนั้น อำเภอท่าอุเทนยังเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีป่าธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ยังสามารถหาอาหารในป่าได้และจำได้ว่าครอบครัวของเราเคยอยู่อาศัยที่บ้านพักผู้อำนวยการโรงเรียนอุเทนพัฒนา อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม  

            ผู้เขียนได้ใช้ชีวิตเป็นเด็กชนบทในอำเภอท่าอุเทน เป็นอำเภอที่อยู่ติดกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว  มีแม่น้ำโขงเป็นพรมแดนระหว่างไทยและลาว    อำเภอท่าอุเทน ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำโขง  แม่น้ำโขงมีต้นกำเนิดมาจากที่ราบสูงอันกว้างใหญ่ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ผู้เขียนย้ายมาที่เมืองนี้เมื่ออายุได้ ๑ ขวบเนื่องจากย้ายตามครอบครัวมาโรงเรียนอุเทนพัฒนา เป็นโรงเรียนมัธยมที่สร้างขึ้นใหม่  พ่อเป็นครูใหญ่และมีบุคคลิกเงียบขรึม   เราเป็นครอบครัวใหญ่เพราะพ่อแม่มีลูกหลายคน เนื่องจากแม่ไม่ได้ใช้การคุมกำเนิด แต่พ่อก็ดีใจที่เห็นพวกเราส่งเสียงและเล่นกัน เหมือนนกร้องทั้งวัน ในบ้านผู้เขียนเป็นคนอ่อนแอแต่พัฒนาศักยภาพชีวิตของตัวเองให้แข็งแกร่งที่สุด ถึงแม้พ่อจะรับราชการเป็นครู  แต่แต่เงินเดือนน้อยลูกเยอะแต่ต่าใช้จ่ายในบ้านนั้นมาก จึงไม่มีเงินใช้จ่ายเพียงพอที่จะใช้จ่ายตามอารมณ์ของตนเองทุกประการแต่ชีวิตของผู้เขียนไม่เคยลำบากเพราะสมัยปี ๒๕๐๓ ป่าไม้ธรรมชาติ   ยังคงมีความอุดมสมบูรณ์เพราะมีฝนตกตามฤดูกาลน้ำหล่อเลี้ยงสัตว์ทั้งเล็กและใหญ่ จนสามารถกินอาหารตามธรรมชาติได้   สัตว์ป่าก็ยังคงอยู่อย่างสมบูรณ์ 

     ธรรมชาติของชีวิตมนุษย์ในคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น  พระองค์ตรัสรู้ว่า ชีวิตมนุษย์นอกจากร่างกายแล้วยังมีจิตวิญญาณสิงสถิตอยู่ในร่างกายนี้ดังปรากฎหลักฐานในคำสอนเรื่อง "ขันธ์ห้า" โดยทั่วไป จิตวิญญาณใช้ร่างกายรับรู้ปรากฎการณ์ของโลก โดยเฉพาะเหตุการณ์เกี่ยวกับกรรมมนุษย์  เมื่อจิตวิญญาณผัสสะกับกรรมของมนุษย์เช่น การฆ่าคนตาย  การลักขโมยทรัพย์สินของผู้อื่น การประพฤตินอกใจของบุคลลที่ตนรัก การพูดจา เยอะเย้ย ถากถาง  เสียดสีด้วยคำพูด การปรุงแต่งชีวิตให้สนุกสนานโดยการดื่มสิ่งมึนเมาต่าง  ๆ  การกระทำของมนุษย์เกิดจากเจตนามีอยู่ในจิตใจของมนุษย์ เมื่อกรรมเหล่านี้กระทำไปแล้วจนกลายเป็นอดีต  แต่กรรมเหล่านี้ไม่ได้หายไปไหนทั้งนี้ เป็นเพราะการกระทำเหล่านี้จิตวิญญาณที่ได้อาศัยร่างกายนี้ มีธรรมชาติรับรู้และน้อมรับอารมณ์หรือเรื่องราวเหล่านั้นเข้าสู่จิตเก็บอารมณ์เหล่านั้นนอนเนื่องอยู่ในจิตอย่างนั้น การประชุมเพลิงร่างของผู้เสียชีวิตไม่ได้เผาไหม้เรื่องราวเหล่านั้นไปตามร่างกายที่สูญสิ้นไม่เพราะยังติดตามจิตไปจุติจิต 

         ตั้งแต่บ้านหลังนี้หรือร่างกายนี้หมดสภาพ การใช้งานให้เป็นที่อยู่อาศัยของจิตวิญญาณอีกต่อไป อารมณ์ที่มีอยู่ในจิตนี้กลายเป็นกรรมติดตามจิตวิญญาณไปสู่ภพชาติต่าง ๆ อีกต่อไปไม่มีวันสิ้นสุดแต่อย่างใด เมื่อธรรมชาติของจิตวิญญาณเป็นผู้สั่งสมความรู้มนุษย์ทุกคนจึงมีความทรงจำในวัยเด็กกันทุกคน ความทรงจำที่ตนพอใจนั้น จะเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขามีความฝันในชีวิต ทุกคนจึงมีความปรารถนา จะเดินทางก้าวไปสู่เป้าหมายชีวิตตามจิตวิญญาณของตัวเองต้องการที่จะมี จะเป็น จะได้สิ่งนั้นตามความฝันของพวกเขาเอง   ดังนั้นความฝันคือความสำเร็จของชีวิต แต่ความสำเร็จเกิดขึ้นจากปัจจัยหลายอย่างด้วยกัน เช่น มนุษย์ต้องมั่นเรียนรู้จากประสบการณ์ของตัวเองที่ได้รับการค้นคว้าจากตำราต่าง ๆและประสบการณ์จากการลงมือปฏิบัติจริง จึงจะทำให้เกิดความรู้เป็นต้นทุนของชีวิตสามารถบรรลุความสำเร็จตามที่ตนฝันได้

๒.  เมื่อผัสสะเป็นแรงบันดาลใจของชีวิต  

                   เมื่อธรรมชาติของมนุษย์เป็นสัตว์ทีมีวิญญาณอยู่ในร่างกาย  มนุษย์จะใช้ร่างกายรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ จากความคิดเห็นของมนุษย์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตและสั่งสมความเห็นในเรื่องนั้น  ๆ  ไว้ในจิตใจของตนเองแล้ว      ใช้ความคิดเหล่านั้น คิดหาเหตุผล เพื่ออธิบายความจริงในเรื่องนั้น  ๆ   อย่างสมเหตุสมผลและเชื่อว่าเป็นความจริงที่เชื่อถือได้  เป็นต้น      เมื่อจิตใจมีความปรารถนาที่จะมีอยู่อาศัยมาครอบครอง อยากกินอาหารต่าง ๆ    อยากสวมใส่เสื้อผ้าที่มีราคาแพงและมนุษย์ชอบแสวงหาความสุขที่แลกกับสุขภาพ จึงมีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียนตลอดเวลามนุษย์      จำเป็นต้องหายารักษาโรคมาบรรเทาให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ        รู้จักคิดจากความรู้ที่มีอยู่ในจิตวิญญาณของตัวเอง  ความรู้ของมนุษย์เกิดจากผัสสะที่ตนพอใจ    มนุษย์ย่อมหาวิธีการด้วย  การคิดเหตุผลทางตรรกะทำให้เกิดความรู้เป็นตัวเอง และมีความเข้าใจถึงความเป็นไปโลกและมนุษย์ที่อยู่ล้อมรอบตัวเรา       เมื่อมนุษย์มีความคิดแล้ว ต้องลงมือกระทำให้ความฝันนั้นให้เป็นความจริงด้วยแต่ความฝันของมนุษย์แต่ละคน    เป็นความจริงขึ้นอยู่กับโอกาสของชีวิตแต่ละคน บางคนไม่มีโอกาส    เพราะไม่มีปัจจัยทางสังคมเอื้อให้ตัวเองประสบความสำเร็จตามที่ตนฝันได้    บางคนล้มเหลวหลายครั้งกว่าจะประสบความสำเร็จได้       ความสำเร็จหรือความล้มเหลวในชีวิต       มนุษย์มีจุดเริ่มต้นจากความคิดของตัวเขาเองเพราะจิตวิญญาณ   เขามีธรรมชาติที่ต้องคิดหาเหตุผลในการดำรงชีวิต

        ดังนั้น  เมื่อคนไม่มีโอกาสทางสังคมต้องรู้จักสร้างโอกาสให้กับตัวเองด้วยการศึกษาเพราะคนเข้าศึกษาในสถาบันการศึกษา  ทำให้มนุษย์มีโอกาสรู้จักผู้คนในสังคม    เรียนรู้ประสบการณ์ของพวกเขาที่อาศัยอยู่ในสังคม  ความคิดมีเหตุผลทางตรรกะปราศจากข้อสงสัยถึงแปรเปลื่ยน จากปัจจัยเป็นอย่างอื่น     ทำให้ความจริงเป็นเท็จได้ ในวัยเด็กฉันมีความฝันมากมายที่จิตฉันต้องการจะทำแต่ในสมัยนั้นประเทศไทย        ไม่ได้มีเทคโนโลยี่ที่ทันสมัยที่แบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับความมั่งคั่งของโลกในปัจจุบัน     ความคิดของฉันเป็นแค่ความฝันแบบเพ้อเจ้อไม่มีวันจะเป็นความจริงเพราะทุกอย่างเป็นไป ตามระบบการศึกษาที่รัฐบาลกำหนดโอกาสของชีวิตคือผู้ทำงานราชการ แต่เมื่อโลกเปลื่ยนแปลงไปความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี่  ทำให้มนุษย์ใกล้ชิดกันมากขึ้นด้วยเครื่องมือสื่อสารที่เรียกว่าอินเตอร์เน็ต  ทำให้เกิดการเรียนรู้ซึ่งกันและกันและ นำความรู้ของกันและกันมาดัดแปลงแก้ไขให้ตนเองได้   รับประโยชน์จากสิ่งประดิษฐ์นั้น ทำให้เกิดการพัฒนาความรู้ใหม่ ๆ เกิดขึ้น ทำให้โลกนี้แคบลง  คนใกล้ชิดเริ่มรู้ห่างจากกันเพราะมนุษย์ไม่สนใจกันคนห่างไกลรู้สึกใกล้ชิด เพราะมีการส่งข้อความติดต่อกันตลอดเวลาทำให้พฤติกรรมของสังคมเปลื่ยนแปลงไปมากมาย.

๓.สุนทรียศาสตร์แห่งความงามในวัยเด็ก
  
           ผู้เขียนไม่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัยเด็กมากนัก เพราะผู้เขียนมองโลกสดใสตามวัยของตน คิดแต่สิ่งดี ๆ ในชีวิต แม้จะเป็นความฝันของเด็กบ้านนอกก็ตาม  และถึงแม้ว่าความฝันจะไม่มีวันเป็นจริง  แต่ก็เป็นจินตนาการที่สำคัญกว่าความรู้ที่ยังไม่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตของเราเอง  เมื่อปี พ.ศ.  ๒๕๐๓ หนึ่งปี หลังจากที่ผู้เขียนเกิดที่อำเภอธาตุพนม  ครอบครัวของผู้เขียนก็ย้ายไปอยู่ที่บ้านโนนศรีวิไล อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม (ปัจจุบันบ้านนี้ไม่ชื่อตามกฎหมายแต่อย่างใด) ซึ่งห่างจากที่เดิมอำเภอธาตุพนมประมาณ ๑๐๔ กิโลเมตรเพราะคุณพ่อของ     ผู้เขียนรับราชการเป็นครูใหญ่ในโรงเรียนอุเทนพัฒนาซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมของอำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม ตอนนั้น  ผู้เขียนอายุได้ประมาณ ๒ ปี    ผู้เขียนยังรู้จากประสบการณ์ของชีวิตที่ผ่านจากแม่ของฉันว่า "ผู้เขียนล้มป่วยอายุ ๓ ขวบด้วยโรคปอดบวม"  เกือบเอาชีวิตไม่รอดพ่อกับแม่นั่งเฝ้าผู้เขียนทั้งวันทั้งคืน ไม่ได้นอนหลายคืนติดต่อกัน เพราะชีวิตของผู้เขียนอยู่กับเส้นด้ายของความตาย  ผู้เขียนจึงผูกพันกับพ่อและแม่เสมอ    ผู้เขียนมีความรู้อบอุ่นเสมอที่พ่อแม่อุ้มผู้เขียนไปนอน แม้จะเป็นผัสสะในเยาว์วัยแต่ก็เป็นสัญญามาถึงทุกวันนี้ ครอบครัวของเราอาศัยอยู่ที่เมืองท่าอุเทนนี้ประมาณ ๗ ปี เรียนจบแค่ชั้นประถมปีที่ ๓ จากโรงเรียนบ้านท่าอุเทน อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม ก่อนพ่อจะย้ายจากเมืองนี้อันเงียบสงบนี้ไปตัวอำเภอเมืองนครพนม    ผู้เขียนเรียน ป. ๔ ได้ ๑ เทอม ก็กลับสู่เมืองสกลนครซึ่งเป็นบ้านเกิดของพ่อกับแม่ บ้านเมืองในยุคนั้นบ้านโนศิวิไลเป็นหมูบ้านเล็กๆ อยู่ห่างไม่ไกลลำแม่น้ำโขงที่บ้านมีเพียงจักรยานคันเล็ก ๆ ที่แม่ถีบไปตลาดซื้อหมูกับไก่และข้าวเหนียวเป็นอาหารหลัก พ่อเงินเดือนไม่มากแต่อยู่ได้อย่างมีความสุขในการใช้ชีวิต  ผู้เขียนได้เรียนรู้ชีวิตจากโรงเรียนแห่งนี้และวิถีชีวิตของเด็กๆ  ในชนบท เพื่อความอยู่รอดและทำงานเพื่อหาอาหารจากป่าและแม่น้ำลำห้วยทวย การเรียนรู้ในยุคนั้นล้วนมาจากประสบการณ์ของชีวิต และฟังข่าวจากสถานีวิทยุ    บ้านโนนศรีวิไลเป็นชื่อหมู่บ้านที่ชาวบ้านอาศัยอยู่รอบโรงเรียนอุเทนพัฒนา ในอดีตบริเวณนี้อุดมไปด้วยป่าไม้ ผักป่าและเห็ดที่ขึ้นตามฤดูกาลก็หาได้ง่าย เพราะคนเกิดมาน้อยผู้เขียนตื่นเช้าในฤดูฝน ผู้เขียนเห็นแม่และเพื่อนบ้าน เพ่งกลับมาจากเก็บเห็ดในป่า  เป็นต้น . 

๔.ห้วยทวย แม่น้ำอิสระภาพแห่งความทรงจำ 

   ในความทรงจำของผู้เขียนในวัยเยาว์  ลำห้วยทวยเป็นแม่น้ำสายเล็ก ๆ ที่ไหลลงสู่แม่น้ำโขง เป็นแหล่งอาหารมีอยู่ตามธรรมชาติสำหรับเราในช่วงวัยเด็ก ในช่วงเช้าวันหยุด ผู้เขียนจึงรวมตัวที่ลำห้วยทวย เพื่อหาปลาตัวเล็ก ๆ มาปรุงอาหารเรียกว่า"ห่อหมกปลาซิว ใส่ใบแมงลัก ใส่เกลือ ถือเป็นอาหารธรรมชาติที่ไม่ปรุงแต่งด้วยเครื่องปรุงรสสำเร็จรูปเหมือนทุกวันนี้  ในหน้าแล้งเดือนเมษายน ปิดเทอมแล้ว ริมฝั่งริมห้วยทวยปริมาณของน้ำลดลงมาก ในอากาศแห้งแล้ง ฝั่งแม่ทวยแห้งผาดมีรอยแตกของดินเหนียวในชอกรอยแตกเต็มไปด้วยเขียดตัวเล็กมากมายอาศัยอยู่ เป็นแหล่งอาหารตามชาติให้คนบ้านนอกอย่างพวกฉันได้จับหาเป็นอาหาร มีหนอไม้ในป่าธรรมชาติที่เป็นแหล่งอาหารอันอุดมสมบูรณ์ เพราะพ่อของผู้เขียนคงเป็นคนเหงาแต่เด็กจึงให้แม่ฉันมีลูกเยอะ ก็อบอุ่นดี  

         เมื่อผู้เขียนยังเด็กยังไม่มีความรู้เพียงพอในการพึ่งพาอาศัยตนเองได้และยังไม่มีทำงานเพราะทำงานไม่ได้ จึงติดตามพ่อมาอยู่ที่บ้านพักครูของโรงเรียนแห่งนี้ และผู้เขียนยังเป็นเด็กต้องได้รับการเลี้ยงดูจากผู้ปกครอง และมีหน้าที่ศึกษาเล่าเรียนในระบบการศึกษาตามกฎหมายของประเทศไทย เพื่อให้ตัวเองมีความรู้ไปใช้เกิดประโยชน์เก็บสั่งสมอยู่ในจิต สามารถนำความรู้ไปใช้ให้เป็นประโยชน์พึ่งพาตนเองได้ความรู้ที่ได้รับเก็บห่อหุ้มไว้ในจิตของตน สามารถติดตามตนไปทุกหนทุกแห่งตลอดเส้นการทางของใช้ชีวิตได้ การทำงานโยกย้ายที่ทำงานของพ่อจากโรงเรียนธาตุพนมวิทยา อำเภอธาตุพนม มาเป็นครูใหญ่อยู่ที่โรงเรียนอุเทนพัฒนาเป็นโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวอำเภอเมืองนครพนมมากนักแค่ ๒๔ กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เดินด้วยเท้าเวลาประมาณครึ่งวันก็ถึงแล้ว เมื่อติดตามพ่อกับแม่มาอยู่ในหมู่บ้านชนบทเล็ก ๆ บ้านโนนศรีวิไลที่ความเงียบสงบมาก เพราะเป็นชนบทจริงแม้ไม่ห่างไกลจากตัวเมือง ไม่มีท้องนาอันกว้างไกลที่จะทำนาปลูกข้าวมีคนอาศัยอยู่น้อยไม่มีใครอยากมาอยู่ เพราะไม่มีไฟฟ้าใช้เป็นชนบทสะดวกสบาย แค่มีถนนใช้เท่านั้นแต่ก็ไม่ไกลจากตลาดท่าอุเทนมากนัก   แสงตะเกียงส่องแสงสว่างแห่งปัญญา 

        ในยามค่ำคืนในโรงเรียนอุเทนพัฒนาที่พ่อทำงานเป็นอาจารย์ใหญ่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ สนามฟุตบอลยังมืดอยู่ ในความมิดมนยังมีแสงสว่างจากดวงดาวห่างออกไปหลายแสนปีแสง ดวงดาวส่องระยิบระยับบนท้องฟ้า   แม้บนโลกท้องฟ้าก็ยังมืดเพราะดวงอาทิตย์ไม่ส่องแแสงงบนโลกเลย สถานที่ที่ฉันอาศัยอยู่อาศัยแต่ยังไม่สามารถระงับความคิดของมนุษย์ตัวเล็ก ๆ เช่นฉันได้ซึ่งส่องสว่างความคิดให้เจิดจ้าไปทั่วท้องฟ้า ดวงดาวที่อยู่ห่างไกลเป็นเพื่อนของฉันในเวลาแห่งความเหงา  และที่บ้านเราจุดตะเกียงน้ำมันก๊าซกาซ๊ใส ๆ ส่องสว่างบนหน้าหนังสือเรียนที่มีตัวอักษรตัวเล็กๆ ที่ฉันกำลังอ่านเพื่อสนองความอยากรู้อยากเห็นของเด็กน้อย ผู้มีความฝันและแก้เหงา ค่ำคืนสร้างจินตนาการในจิตใจของฉัน มันสร้างภาพให้เห็นกว้างไกลข้ามสุดขอบฟ้าของเด็กตัวเล็ก ๆ อย่างฉัน ไม่นานฉันก็หลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้าที่วิ่งเล่นหน้าสนามโรงเรียนมาตลอดทั้งวันตื่นแต่เช้าไปหาบน้ำที่ริมห้วยเพื่อใช้ดื่มแก้กระหาย ใช้นึ่งข้าวเหนียวและหาอาหาร อาบน้ำในลำธารเล็ก ๆเป็นลำห้วยทวย ริมห้วยที่น้ำใสเย็น เป็นช่วงหนึ่งของชีวิตที่น่าอบอุ่น ๕.แม่เป็นนักสู้ชีวิตคนหนึ่ง ผู้หญิงคนเดียวที่ยังคงอยู่ในความทรงจำของฉันในชีวิต คือ แม่ของฉัน แม้แม่ของฉันจะจบการศึกษาเพียงชั้นประถมปีที่ ๗ เท่านั้น แต่เธอยังเป็นผู้หญิงที่ฉลาดมาก   ฉันไม่เคยรู้สึกละอายใจเลยที่มีแม่ซึ่งเป็นผู้หญิงธรรมดาที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย เธอผอมและตัวเล็ก แต่เธอฉลาดและเก่งในการทำงาน  แม่ของฉันเป็นนักสู้ในชีวิตมาก   เธอเลี้ยงดูพวกเราด้วยความรัก ทุกเช้าของแม่ฉันจะขี่จักรยานคันเก่า ๆ คันเล็กของเธอไปตลาดทุกวัน เธอใช้เงินเดือนครูของพ่อ  ซื้ออาหารที่ตลาดให้พวกเรารับประทานในตอนเช้า   ในช่วงบ่ายเมื่อแม่มีเวลา  แม่ของฉันก็จะพาพวกฉันก็ไปที่ห้วยทวยซึ่งแม่น้ำสายเล็ก  ๆ ที่เต็มไปด้วยสายน้ำล้นตลิ่งเพื่อเล่นน้ำและหาอาหารพวกกบ เขียดและปลาตัวเล็ก ๆ   มาทำอาหารให้พวกเรารับประทานอย่างมีความสุขและความรู้สึกอบอุ่นที่พวกเราพ่อแม่และพี่น้องอยู่กันพร้อมหน้า. 

          แม้ว่าการอาศัยอยู่ที่นี้จะห่างไกลความเจริญแต่ผู้คนในช่วง ๕๐ ปีที่ผ่านมายังคงศรัทธาในคำสอนของพระพุทธศาสนาอย่างมาก  ในช่วงเทศกาลออกพรรษา  พวกเรามีโอกาสเยี่ยมชมงานวัดและชมการแข่งเรือระหว่างอำเภอและตำบลต่าง ๆ ทำให้ทราบว่าอำเภอท่าอุเทน มีวัดพระธาตุท่าอุเทน นครพนม เป็นสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา มาตั้งแต่ตอนอายุ ๘- ๙ ขวบ แต่คุณค่าของพระธาตุท่าอุเทน เมื่อครั้งยังเป็นเด็กนั้น พวกเรามีความรู้เพียงเรื่อองเดียว คือ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ควรเคารพบูชา คำว่า"บุญ"ของบูชาพระธาตุท่าอุเทนด้วยดอกบัวและธูปเทียนนั้น จะทำให้ชีวิตมีความเจริญรุ่งเรือง และประสบความสำเร็จตามที่ปรารถนา เป็นความเชื่อที่พ่อแม่ปลูกฝังให้พวกเราเกี่ยวกับบุญมาช้านานตั้งแต่ยังเป็นเด็กและมีความเคารพนับถือพระสงฆ์สายปฏิบัติกรรมฐานมาก   

๖.พ่อคือแรงบันดาลใจของฉัน  

           พ่อเป็นข้าราชการครู จึงมาอยู่บ้านพักครูที่โรงเรียนอุเทนพัฒนา เมื่อปี ๒๕๐๓ - ๒๕๑๒ เป็นเวลา ๙ ปี ตอนนั้นพ่อยังรับราชการในตำแหน่งเป็นครูตรี  สอนนักเรียนในชนบทแห่งนี้ ห่างจากอำเภอท่าอุเทน ๒ กิโลเมตร และห่างจากศาลากลางจังหวัดนครพนมประมาณ ๒๔ กิโลเมตร หลังจากอยู่ที่่นั่นได้ไม่กี่ปี พ่อก็ลาออกจากการเป็นครูเพื่อทำตามความฝันที่อยากเป็นผู้พิพากษา ไม่กี่ปีต่อมาความฝันของพ่อก็เป็นจริง เพราะตลอดชีวิตพ่อ สิ่งที่เห็นทุกวันคือความขยันมั่นเพียร ผู้เขียนเห็นพ่ออ่านหนังสือกฎหมายและเตรียมตัวสอบภาษาอังกฤษทุกวัน ... พ่อไม่เคยยอมแพ้ในการต่อสู้เพื่อชีวิตที่ดีกว่า เมื่อกลับไปอำเภอท่าอุเทนอีกครั้ง บ้านหลังนั้นก็หายไปจากสายตาของผู้เขียนเสียแล้ว  แต่ไม่เคยหายไปจากความทรงจำที่สั่งสมอยู่ในจิตใจของผู้เขียน   เพราะบ้านพักครูหลังนั้นถูกทุบทิ้ง เพื่อพัฒนาพื้นที่ตรงนั้นให้กลายเป็นสนามหญ้า ผู้คนที่เกิดมารุ่นหลังในปัจจุบันจึงไม่รู้จักบ้านหลังนั้นแล้ว 

               โรงเรียนอุเทนพัฒนา    ตั้งริมถนนลูกรังสีแดงตัดผ่านอำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดนครพนม     บ้านพักครูที่เราอาศัยอยู่ในโรงเรียนอุเทน พัฒนาอยู่ห่างจากวัดพระธาตุท่าอุเทนประมาณ  ๓ กิโลเมตร  เป็นถนนลูกรัง   เพราะรัฐบาลไทยเมื่อ ๕๐ ปีก่อน ยังมีงบประมาณมีน้อยมากในการจัดสรรเพื่อพัฒนาถนนหนทางในประเทศ.      ถนนตัดผ่านโรงเรียนบ้านท่าอุเทน    เปิดสอนชั้นประถมศึกษาแต่ปีที่. ๑ ถึงปีที่ ป.๔ เท่านั้น ส่วนประถมศึกษาปีที่๕ถึงปีที่ ๗ ต้องย้ายไปเรียนที่โรงเรียนอื่น ผู็เขียนเรียนถึงชั้นประถมปีที่ ๓   แล้วจึงย้ายไปเรียนที่โรงเรียนอื่นเพราะพ่อลาออกจากการเป็ครู     เพื่อไปประกอบอาชีพอื่น ตอนนั้นถนนยังเป็นถนนลูกรังสีแดง ไม่ได้ลาดยางเหมือนทุกวันนี้   สมัยที่ผู้เขียนยังเรียนอยู่ชั้นประถม ผู้เขียนเดินเท้าเปล่าไปโรงเรียนบ้านท่าอุเทนตั้งแต่ชั้นประถมปีที่ ๑ ถึงชั้นปีที่ ๓ ทุกวัน   โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนเล็ก ๆ  ตั้งอยู่ใกล้ตัวเมืองแห่งนี้ เปิดสอนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ถึงปีที่ ๔   

         ในฤดูฝน ผู้เขียนเดินเท้าเปล่าไปโรงเรียนบ้านท่าอุเทน เพียงลำพัง ไม่ใช่ว่าพ่อไม่มีเงินซื้อรองเท้า แต่เป็นเพราะวัฒนธรรมของเราเอง  ไม่ชอบใส่รองเท้าไปโรงเรียน   ฝนที่ตกลงมาบนตัวของฉันเปียกและหนาวเย็น  ก็ไม่สามารถหยุดเท้าของฉันในการก้าวเดินต่อไป การศึกษาเพื่ออนาคตของตัวเอง การได้พูดคุยกับคนในสังคม ในเรื่องเดี่ยวกัน เราจะไม่รู้สึกว่าตัวเองแตกต่างจากชีวิตของคนอื่น รถวิ่งไปมามีน้อยมาก   การเดินคนเดียวก็ไม่ได้ทำให้ฉันท้อแท้ในชีวิต เมื่อฉันขาดอะไรในชีวิต ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะไม่ขาดอะไรเช่นกัน แม้ว่าผู้คนจะไม่มีโอกาสเท่าเทียมกันในการก้าวไปสู่สิ่งที่ดีกว่า แต่ความตายก็เป็นทุกข์เหมือนกัน.  แม้ว่าบรรยายกาศ ๒ ข้างถนน  จะเงียบสงบเป็นเวลานาน  ๆ จะมีรถวิ่งผ่านเพียงคันเดียว หรือไม่มีเลยในบางสถานที่ แต่บรรยายกาศของท้องฟ้าที่มืดครึ้ม สอนให้ฉันเรียนรู้ และตั้งใจที่จะเดินก้าวต่อไป เพราะชีวิตในโลกแห่งจินตนาการนั้นกว้างไกลกว่าความเป็นจริงอยู่แล้ว   แต่จินตนาการของฉันไม่เคยจางหายไปจากจิตใจ และฉันหวังว่าจะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน    

          พ่อของเป็นคนชอบอ่านหนังสือและเป็นตัวอย่างให้พวกเราได้รักการอ่านนวนิกาย   ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ประสบความสำเร็จ  เช่น ตัวละครในนวนิยายที่พวกเราชอบอ่านกันทั้งบ้าน ทำให้ฉันรักการอ่านมาตั้งแต่เด็กมาก   ในฤดูฝนจะมีกบและเขียดเป็นเพื่อน ในชนบทกลางป่า เราออกไปหาเห็ดป่า พี่สาวของฉันเก่งมากในการหาเห็ดและเก็บได้หลายตะกร้าเพียงไม่กี่ชั่วโมง    ในฤดูปลูกข้าว โรงเรียนยังไม่ได้ปิด เมื่อฉันเดินทางไปโรงเรียนท่ามกลางสายฝน ในสมัยก่อนชาวบ้านมักห่มผ้ายางสีฟ้าคลุมไหล่เพื่อไม่ให้เปียกฝน ฉันเดินฝ่าสายฝนได้โดยไม่หวั่นไหวและจิตใจสงบ  จิตใจไม่กลัวสายฝนและฟ้าแลบ แม้ว่าพายุจะพัดมาอย่างรุนแรง ฉันไม่เคยรู้สึกกลัว เพราะชีวิตของฉันมีความฝันอยู่เสมอ และไม่เคยหยุดนิ่ง ฉันต้องการให้มันเป็นอย่างที่ฉันฝัน  ตอนเย็นฉันเดินทางจากโรงเรียนกลับบ้านพร้อมเพื่อน ๖ - ๗ คนจากหมู่บ้านในเดียวกัน ขากลับเราจะเดินตามสะพานไม้ข้ามแม่น้ำทวยซึ่งเป็นแม่น้ำสายเล็กที่ไหลลงสู่แม่น้ำโขง บนถนนมีรถน้อยมาก เราก็จะใช้สะพานไม้แห่งนี้กระโดดลงแม่น้ำทวยเพื่อเล่นน้ำกัน 

          สมัยก่อนแม่น้ำสะอาดมาก ลึกพอเพียงพอสำหรับร่างเล็ก ๆ ของพวกเรากระโดดขึ้นแล้วลอยละลิ่วสู่เบื้องล่างของแม่น้ำทวย ร่างของเรากระทบสายน้ำ เสียงดังตูมแม่น้ำแผ่กระจายไปเป็นคลื่นกระทบฝั่งน้ำทวย  เมื่อร่างร่วงลงสู่พื้นดินของน้ำลึกแล้วฉันพุ่งตัวขึ้นมาแล้วพวกเราหัวเราะอย่างสนุกสนานพวกเราจะโดดน้ำเป็นประจำไม่เคยขาดแม้จะสูงกว่า ๓๐ เมตรก็ตาม ความสุขจากเสียงหัวเราะเหล่านั้นก็หายไปตามกาลเวลา แม่น้ำสะอาดมากเพราะสารเคมีจากสบู่และผงซักฟอกจาการชำระเหงือไคล้สิ่งสกปรกจากกายมนุษย์มีน้อยมาก เพราะคนเกิดน้อย แม่น้ำทวยจึงอุดมสมบรูณ์มากปูปลากุ้งหอยหาได้ง่ายมาก  บ้านโนนศรีวิไล วิถีแห่งสัญญา ๑ในขันธ์ ๕ ของชีวิต บ้านโนนศรีวิไล เป็นหมู่บ้านขนาดเล็กมีไม่กี่หลัง ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียนอุเทน ปัจจุบันโลกออนไลน์ ทำให้ฉันรู้ว่าเป็นหมู่บ้านไม่อยู่ในแผนที่อีกต่อไป กลายเป็นบ้านกะเสิม หมู่ที่ ๖ ขึ้นกับตำบลโนนตาล 

       เมื่อโรงเรียนอุเทนพัฒนาอยู่ไกลจากตัวเมืองนครพนม จึงได้พัฒนาเป็นโรงเรียนมัธยมตอนปลายประจำอำเภอท่าอุเทน มีบ้านพักครูในโรงเรียนอุเทนพัฒนา ในหมู่บ้านของเราไม่มีวัดพุทธศาสนา แม้ชาวบ้านพยายามสร้างสำนักสงฆ์ขึ้นมา แต่เพียงไม่กี่ปีที่มีพระสงฆ์ที่มีพระภิกษุบางรูปมาอยู่จำพรรษา  และแสดงธรรมสั่งสอนแก่พวกเรา  ไม่นานก็กลายเป็นสำนักสงฆ์ร้างตามกฎไตรลักษณ์ของพระพุทธเจ้าอันเป็นกฎธรรมชาติของสรรพสิ่ง และมีต้นไม้ขึ้นเต็มไปหมด ในบางวันฉันเห็นพระจำวัดที่ห้องรับแขกของบ้านพักครู ท่านมีสติวิปลาสและรักษาหายแล้วก็สิกขาลาเพศ ออกเป็นคฤหัสถ์ส่งข่าวมาขอบคุณโยมพ่อที่ดูแลให้สถานที่จำวัด ปัจจุบันสำนักร้างแห่งนั้น ก็กลายเป็นสถานีอนามัยของอำเภอท่าอุเทนไปแล้ว 


      ชีวิตในวัยเด็กของเรามีแต่ความสนุกสนานมาก ยามทุกข์เราต้องการผู้มีสติให้สติเรา พออายุมากขึ้นเรารู้ว่าชีวิตถึงความไม่นอนของชีวิตเพราะการไม่มีเงินขอใครไม่ได้  ไม่พอยังถูกดูถูกเหยียดหยามอีก  เราถูกสอนให้หนังสือสูง ๆ เพื่อเป็นข้าราชการตามรอยของพ่อเท่านั้น หลักธรรมเรารู้เพียงการใส่บาตรแล้ว จิตของเรารู้สึกมีความสุขในการเป็นผู้ให้  เพราะได้ยกจิตตัวเองให้พ้นจากการตระหนี่ถี่เหนียวของแม่ของฉัน เป็นคนฉลาดรู้จักหาของป่าเช่นเห็ด, หน่อไม้ กบ เขียด ปูหอย กุ้งฝอย เป็นต้น มาเลี้ยงพวกฉันที่เกิดมาหลายชีวิต แม้อยู่ในชนบทเงินเดือนครูบ้านนอกของพ่อเพียง ๑,๙๐๐ บาท ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกอดมื้อกินมื้อ     พี่น้องของฉันก็ประสบความสำเร็จในวิถีชีวิตที่ตนชื่นชอบ ความเป็นเด็กต้องอยู่ในสายตาของพ่อแม่ 

        ฉันจะมาที่วัดพระธาตุท่าอุเทนศาสนสถานแห่งนี้     เฉพาะในช่วงเทศกาลประจำปีตรงกับวันขึ้น ๑๓ - ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ ของทุก ๆ ปี และเทศกาลแข่งเรือในวันออกพรรษา ก็จะมาเที่ยวกับพี่น้องและเพื่อนวิ่งเล่นในวัยเด็ก    ลูกของชาวบ้านใกล้เรือนเคียงและลูกของภารโรงเรียนอุเทนพัฒนา ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอท่าอุเทนและชาวบ้านโนนศิวิไลเป็นประจำทุก ๆ  ปี แม้กาลเวลาจะผ่านไปหลายปีความทรงจำของชีวิตยังห่อหุ้มจิตของฉันอยู่ไม่ได้หายไปไหนติดตามมาถึงปัจจุบัน  แม้วันเวลาห่างไปกว่า ๕๐ ปีแล้วก็ตามก็ไม่ทำให้ชีวิตลืมเรื่องราวของชีวิตที่ผ่านมาแต่อย่างใด เมื่อโลกปลื่ยนแปลงไปเพราะเทคโนโลยี่ทำให้มีความทันสมัยมากขึ้น การแต่งหนังสือเพื่อจำหน่ายเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและเมื่อผลิตก็ขายได้ยาก เพราะคนไม่นิยมซื้อหาไว้เป็นสมบัติส่วนตัวอีกต่อไป เรามีโอกาสแชร์ประสบการณ์เรื่องราวในโลกออนไลน์ได้ แต่ก็เป็นโอกาสดีของชีวิตที่อยากเก็บความทรงจำที่ดีงามเหล่านี้ไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษา  หากเราไม่รักษาไว้ ความทรงจำที่ดีงามก็ตายพร้อมกับชีวิตของเรา ไม่เป็นอุทาหรณ์ให้อนุชนรุ่นหลังมีเรื่องราวได้ศึกษา  ฉันจึงอยากเก็บเรื่องราวเหล่าไว้จึงบันทึกสิ่งเหล่านี้ไว้ด้วยศักยภาพของตนเอง. 

๗. ความสำคัญของเมืองท่าอุเทน 

   เป็นเมืองโบราณที่มีชื่อเสียงมายาวนานและถูกบันทึกไว้ในจดหมายเหตุของประเทศสยามไว้หลายร้อยปีจนตั้งเจ้าเมืองท่าอุเทนในดินแดนแถบนี้ และพระพุทธศาสนาเถรวาทก็ได้เผยแผ่มายาวนานแล้วและมีการสร้างวัดพระธาตุท่าอุเทน ซึ่งศาสนสถานที่ฉันรู้จักที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทที่เผยแผ่มาถึงเขตอำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม ในเวลาปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ตั้งของวัดพระธาตุท่าอุเทนจังหวัดนครพนม 

     ประวัติอำเภอท่าอุเทนพอหาได้ปีพ.ศ. ๒๔๑๐ ตามหนังสือจดหมายเหตุปีกล่าวไว้ในหนังสือเมืองมุกดาหาร กล่าวว่า เจ้าเมืองท่าอุเทนถึงแก่กรรมและเขตเมืองท่าอุเทนก็กว้างใหญ่ ครอบคลุมถึง ๒ ฝั่งแม่น้ำโขง จดแดนญวณ ถึงแขวงคำเกิดคำม่วง.....(๑)  ในปีพศ. ๒๔๓๙      มีเรือกลไฟของฝรั่งเศสสามารถเดินทางจากเมืองสะหวันเขต ไปเที่ยวที่เมืองท่าอุเทนได้เพราะเมืองท่าอุเทนเป็นเอเย่นต์ทางการค้าของฝรั่งเศส มาเปิดห้างขายสินค้าฝรั่งเศสที่อำเภอท่าอุเทน สินค้าที่ขายมีเสื้อผ้า ดินสอ หมึกปากกา และกระดาษฝรั่ง อำเภอท่าอุเทนตรงข้ามกับปากแม่น้ำหินบูรณ์เรียกว่าเมืองฟองวิน.(๒) 

๘. ความหมายของคำว่า "พระธาตุท่าอุเทน" คืออะไร มีลักษณะอย่างไร มีคำต้องค้นหาความหมาย ๓ คำด้วยกันคือ  ๑.พระธาตุ  ๒.ท่า  ๓.อุเทน

        ๑. พระธาตุ หมายถึง พระบรมสาริกธาตุของพระพุทธเจ้า เจดีย์อันเป็นบรรจุพระบรมสาริกธาตุ  
        ๒. คำว่าท่าหมายถึงฝั่งของแม่น้ำที่ใช้เป็นจอดเรือหาปลา  
        ๓. อุเทน หมายถึง รุ่งอรุณปราศจากหมอกควัน.              
        
               ดังนั้นคำว่า พระธาตุท่าอุเทน หมายถึงเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสาริกธาตุที่ฝั่งแม่น้ำโขงใช้เป็นที่จอดเรือโดยสารและเรือประมงหาปลาในยามรุ่งอรุณมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นสวยงาม ไม่มีเมฆหมอกปกคลุมแต่อย่างใด เมื่อวิเคราะห์ดูสถานที่ก่อนสร้างเจดีย์เป็นเจดีย์ที่มีลักษณะศิลปะทวาราวดีตัวพระธาตุตั้งอยู่ในวัดพระธาตุท่าอุเทน  ตำบลท่าอุเทน อำเภอเท่าอุเทน ห่างจากฝั่งแม่น้ำโขงไม่ถึง ๒๐ เมตรเพราะ มีถนนเส้นยาว ตัดผ่านหน้าวัดทำห้เรามองเห็นทัศนียภาพ ฝั่งแม่น้ำโขงฝั่งตะวันออกในบริเวณดินแดนประเทศลาวทั้งหมด  ในยามเช้าเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นมาไกลสวยงามมากไม่มีเมฆหมอกหวันจรผ่านดวงพระอาทิตย์ไปให้ความงามเป็นสุนทรียศาสตร์ลดลงไปแต่อย่างใด เมื่อวันอังคารที่ ๓๐ มกราคม ๒๔๕๔ ตรงกับรัชสมัยของรัชกาลที่ ๖ แห่งพระราชอาณาจักรไทย มีการก่อสร้างพระธาตุท่าอุเทนประดิษฐาน ณ วัดพระธาตุท่าอุเทนปรากฎหลักฐานในสำเนาทะเบียนเลขที่ ๘๗ บ้านท่าอุเทน ตำบลท่าอุเทน อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนมมีลักษณะเป็นเจดีย์โบราณเป็นศิลปะแบบทวาราวดี ก่อด้วยอิฐถือปูน เป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสกว้างด้านละ ๑๓ เมตร ๕๐ เซ็นติเมตร สูง ๖๖ เมตรสร้างขึ้นโดยหลวงปู่สีทัตต์ ญาณสัมปันโน (สุวรรณมาโจ) เป็นผู้นำชักชวนพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกาในหลายจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น สกลนคร, หนองคาย และอุดรธานีรวมทั้งอำเภอมุกดาหารและอำเภอคำชะอีมาร่วมมือร่วมใจกันก่อสร้างพระธาตุท่าอุเทนไว้กับฝั่งแม่น้ำโขงด้านทิศตะวันตก เพื่อแสดงอาณาเขตประเทศไทยไว้ดังนั้นพระธาตุท่าอุเทนคืออะไร คือสถูปเจดีย์สร้างขึ้นมาเพื่อบรรจุพระบรมสาริกธาตุของพระพุทธเจ้า ซึ่งสิ่งที่ชาวพุทธควรเคารพบูชาสักการะในพระพุทธศาสนา ที่หลวงปู่สิทัตถ์ได้อัญเชิญมาจากเมืองย่างกุ้งประเทศพม่า เมื่อตั้งอยู่ในบ้านท่าอุเทน จังหวัดนครพนมจึงเรียกเจดีย์พระธาตุท่าอุเทน. 
บรรณานุกรม
.(๑) สุรจิตต์ จันทรสาขา, เมืองมุกดาหาร หน้า. ๗๑
.(๒) สุรจิตต์ จันทรสาขา, เมืองมุกดาหาร  

ไม่มีความคิดเห็น:

Post Top Ad

Your Ad Spot

หน้าเว็บ