Muang Tha UThen city in our memories according to the philosophy of the Buddha.
๑.บทนำ
โดยทั่วไปแล้ว มนุษย์เกิดมาพร้อมกับความไม่รู้ ชีวิตจึงเต็มไปด้วยความทุกข์ พวกเขาจำเป็นต้องหาที่พึ่งอันประเสริฐของตนเองในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิต เมื่อพวกเขาปรึกษากับปุโรหิตผู้อาวุโสในบ้านเมือง ก็คำแนะนำให้พวกเขาเชื่อในการมีอยู่เทพเจ้า และทำพิธีบูชายัญเพื่อขอพรพระองค์ทรงช่วยเหลือพวกเขาให้บรรลุในสิ่งที่ปรารถนา เมื่อทำพิธีแล้วประสบความสำเร็จในสิ่งปรารถนาก็เกิดความศรัทธาในเทพเจ้านับต่บัดนั้นเป็นต้น เดิมชาวอนุทวีปอินเดียเชื่อตามคำสอนของพราหมณ์อารยันว่าพระพรหมและพระอิศวรสร้างมนุษย์ ส่วนชาวมิลักขะเชื่อตามคำสอนของพราหมณ์มิลักขะว่า น้ำเป็นเทวดา เมื่อคนทั่วอนุทวีปอินเดียเชื่อตามคำสอนของพราหมณ์และยินยอมปฏิบัติตามคำสอนของพราหมณ์ในการบูชายัญ เพื่อขอพรพพระพรหม แนวคิดทางอภิปรัชญาเรื่องความจริงของ"มนุษย์" จากการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าด้วยญาณทิพย์ที่เหนือกว่ามนุษย์ทั่วไป พระองค์ทรงเห็นดวงวิญญาณของคนทุกวรรณะออกจากร่างที่ตายแล้ว ที่จะมีความสุขบนโลกสวรรค์ หรือไปเกิดในโลกมนุษย์โดยกำเนิดวิญญาณในครรภ์มารดา จนดวงวิญญาณและกายรวมกัน เติบโตเป็นทารกได้ ๙ เดือนแล้ว จึงกำเนิดจากครรภ์มารดา ก็มีโอกาสได้ปฏิบัติธรรมอริยมรรคมีองค์๘ เป็นต้น เมื่อนักปรัชญากล่าวอ้างข้อเท็จจริงในเรื่องมนุษย์ ก็ต้องมีหลักฐานมาพิสูจน์ความจริงของคำตอบในเรื่องนั้นด้วย หากนักปรัชญาไม่หลักฐานมาพิสูจน์ข้อเท็จจริงในเรื่องนั้น ถือว่าข้อเท็จจริงในเรื่องนั้น มีน้ำหนักของเหตุผลน้อย และไม่น่าเชื่อถือที่จะยอมรับว่าเป็นความรู้ที่แท้จริงได้ กล่าวคือ ในสมัยอินเดียโบราณ พราหมณ์อารยันสอนว่าพระพรหมสร้างมนุษย์ เมื่อเกิด มนุษย์มีชีวิตอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง เมื่อมนุษย์ตาย ชีวิตก็สูญสิ้นและไม่มีชีวิตหลังความตาย เมื่อพระพรหมสร้างมนุษย์แล้ว หากมนุษย์ปรารถนาจะเป็นเช่นนี้ เป็นมนุษย์หรือเทพเจ้า ต้องบูชายัญเทพเจ้า เป็นต้น
ผู้เขียนเป็นมนุษย์ที่มีจิตวิญญาณเป็นแก่นแท้ของชีวิต เช่นเดียวกับมนุษย์ทุกคนทั่วโลก และ วิญญาณของเราล่องลอยไปในสังสารวัฏ เป็นเวลาหลายร้อยล้านปีแล้ว ลักษณะของแก่นแท้ของจิตวิญญาณผู้เขียนนั้น เป็นสิ่งที่ไม่มีรูปร่าง ชอบท่องเทียวไปไกล มีลักษณะเป็นดวงอาศัยอยู่ในร่างกายที่มีลักษณะเป็นถ้ำ ในขณะมีชีวิตอยู่ จิตวิญญาณของผู้เขียนอาศัยอวัยวะอินทรีย์ทั้ง ๖ ของร่างกายซึ่งเชื่อมโยงกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ และทางสังคมจิตของผู้เขียนรวบรวมหลักฐานของปรากฏการณ์ทางธรรมและสังคม เป็นความรู้ที่สั่งสมอยู่ในจิตใจของตัวเอง หรือเรากล่าวได้ว่าเป็นความรู้จากประสบการณ์ชีวิตผ่านประสาทสัมผัสของตัวเอง หรือเป็นความรู้ที่เรียนรู้โดยตรงและโดยอ้อมของการอบรมสั่งสอนของครูในสถาบันการศึกษาในระดับต่าง ๆ เทียบได้กับตำราหลายเล่ม บทวิเคราะห์นับร้อยและนวนิยายหลายร้อยล้านเล่มที่แสดงตัณหาซึ่งแฝงอยู่ในจิตใจของมนุษย์ เรื่องราวของมนุษย์อยู่ในอำนาจของโลกธรรมมาทุกยุคทุกสมัย ทุกคนลืมคำสัญญาที่เก็บไว้ในจิตใจเหมือนไฟล์ขยะที่สั่งสมอยู่ในโทรศัพท์มือถือ ทำให้ชีวิตเครียดจนเราหาประโยชน์จากชีวิตของตัวเองไม่ได้ จำเป็นต้องหาทางเคลียร์กิเลสที่สั่งสมเป็นอารมณ์ในจิตใจของตนเอง ให้มีความสุขและสามารถหาเหตุผลที่เป็นทางออกของชีวิต
คำว่า"ชีวิตมนุษย์" ตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าเรียกคำว่า"ชีวิต" ว่า "ขันธ์๕" โดยคำว่า "สัญญา" เป็น ๑ ในขันธ์ ๕ แห่งชีวิตของมนุษย์ทุกคน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้คำนิยามว่า "สัญญา" มีความหมายว่า "ความจำ" คำว่า "จำ"นั้น แปลว่า กำหนดไว้ในใจ, ระลึกได้ เป็นต้น กล่าวคือ ผู้ขียนมีร่างกายและจิตใจเป็นปัจจัยในการรับรู้ผ่านอวัยวะอินทรีย์ทั้ง ๖ ในร่างกายเพื่อรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านเข้าในชีวิต และจิตใจของผู้เขียนเก็บเรื่องราวต่าง ๆ เหล่านั้น สั่งสมเป็นอารมณ์ในจิตวิญญาณของตนเอง เมื่อผู้เขียนหวนนึกถึงความทรงจำของชีวิตในปี พ.ศ. ๒๕๐๒ ผู้เขียนที่เกิดอำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม และย้ายไปติดตามบิดาซึ่งมีอาชีพเป็นครูมาอาศัยอยู่ที่อำเภอท่าอุเทน สมัยนั้นอำเภอท่าอุเทนยังคงเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีป่าธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ คุณสามารถยังหาอาหารได้ในป่าและระลึกได้ว่าครอบครัวของเรา พักอาศัยที่บ้านพักครูใหญ่ที่โรงเรียนอุเทนพัฒนา อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม
ผู้เขียนได้ใช้ชีวิตเป็นเด็กชนบทในอำเภอท่าอุเทน เป็นอำเภอที่อยู่ติดกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีแม่น้ำโขงเป็นพรมแดนระหว่างไทยและลาว อำเภอท่าอุเทนตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำโขง แม่น้ำโขงมีต้นกำเนิดมาจากที่ราบสูงอันกว้างใหญ่ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ผู้เขียนย้ายมาที่เมืองนี้เมื่ออายุได้ ๑ ขวบเนื่องจากย้ายตามครอบครัวมาโรงเรียนอุเทนพัฒนาเป็นโรงเรียนมัธยมที่สร้างขึ้นใหม่ พ่อเป็นครูใหญ่และมีบุคคลิกเงียบขรึม เราเป็นครอบครัวใหญ่เพราะพ่อแม่มีลูกหลายคน เนื่องจากแม่ไม่ได้ใช้การคุมกำเนิด แต่พ่อก็ดีใจที่เห็นพวกเราส่งเสียงและเล่นกัน เหมือนนกร้องทั้งวัน ในบ้านผู้เขียนเป็นคนอ่อนแอแต่พัฒนาศักยภาพชีวิตของตัวเองให้แข็งแกร่งที่สุด ถึงแม้พ่อจะรับราชการเป็นครู แต่แต่เงินเดือนน้อยลูกเยอะ แต่ต่าใช้จ่ายในบ้านนั้นมาก จึงไม่มีเงินใช้จ่ายเพียงพอที่จะใช้จ่ายตามอารมณ์ของตนเองทุกประการ แต่ชีวิตของผู้เขียนไม่เคยลำบาก เพราะสมัยปี ๒๕๐๓ ป่าไม้ธรรมชาติยังคงมีความอุดมสมบูรณ์เพราะมีฝนตกตามฤดูกาลน้ำหล่อเลี้ยงสัตว์ทั้งเล็กและใหญ่ จนสามารถกินอาหารตามธรรมชาติได้ สัตว์ป่าก็ยังคงอยู่อย่างสมบูรณ์
ธรรมชาติของชีวิตมนุษย์ในคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น พระองค์ตรัสรู้ว่าชีวิตมนุษย์นอกจากร่างกายแล้วยังมีจิตวิญญาณสิงสถิตอยู่ในร่างกายนี้ ดังปรากฎหลักฐานในคำสอนเรื่อง "ขันธ์ห้า" โดยทั่วไป จิตวิญญาณใช้ร่างกายรับรู้ปรากฎการณ์ของโลกโดยเฉพาะเหตุการณ์เกี่ยวกับกรรมมนุษย์ เมื่อจิตวิญญาณผัสสะกับกรรมของมนุษย์เช่น การฆ่าคนตาย การลักขโมยทรัพย์สินของผู้อื่น การประพฤตินอกใจของบุคลลที่ตนรัก การพูดจา เยอะเย้ย ถากถาง เสียดสีด้วยคำพูด การปรุงแต่งชีวิตให้สนุกสนานโดยการดื่มสิ่งมึนเมาต่าง ๆ การกระทำของมนุษย์เกิดจากเจตนามีอยู่ในจิตใจของมนุษย์ เมื่อกรรมเหล่านี้กระทำไปแล้วจนกลายเป็นอดีต แต่กรรมเหล่านี้ไม่ได้หายไปไหนทั้งนี้ เป็นเพราะการกระทำเหล่านี้จิตวิญญาณที่ได้อาศัยร่างกายนี้ มีธรรมชาติรับรู้และน้อมรับอารมณ์หรือเรื่องราวเหล่านั้นเข้าสู่จิตเก็บอารมณ์เหล่านั้นนอนเนื่องอยู่ในจิตอย่างนั้น การประชุมเพลิงร่างของผู้เสียชีวิตไม่ได้เผาไหม้เรื่องราวเหล่านั้นไปตามร่างกายที่สูญสิ้นไม่เพราะยังติดตามจิตไปจุติจิต
ตั้งแต่บ้านหลังนี้หรือร่างกายนี้หมดสภาพ การใช้งานให้เป็นที่อยู่อาศัยของจิตวิญญาณอีกต่อไป อารมณ์ที่มีอยู่ในจิตนี้กลายเป็นกรรมติดตามจิตวิญญาณไปสู่ภพชาติต่าง ๆ อีกต่อไปไม่มีวันสิ้นสุดแต่อย่างใด เมื่อธรรมชาติของจิตวิญญาณเป็นผู้สั่งสมความรู้มนุษย์ทุกคนจึงมีความทรงจำในวัยเด็กกันทุกคน ความทรงจำที่ตนพอใจนั้น จะเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขามีความฝันในชีวิต ทุกคนจึงมีความปรารถนา จะเดินทางก้าวไปสู่เป้าหมายชีวิตตามจิตวิญญาณของตัวเองต้องการที่จะมี จะเป็น จะได้สิ่งนั้นตามความฝันของพวกเขาเอง ดังนั้นความฝันคือความสำเร็จของชีวิต แต่ความสำเร็จเกิดขึ้นจากปัจจัยหลายอย่างด้วยกัน เช่น มนุษย์ต้องมั่นเรียนรู้จากประสบการณ์ของตัวเองที่ได้รับการค้นคว้าจากตำราต่าง ๆและประสบการณ์จากการลงมือปฏิบัติจริง จึงจะทำให้เกิดความรู้เป็นต้นทุนของชีวิตสามารถบรรลุความสำเร็จตามที่ตนฝันได้
๒. เมื่อผัสสะเป็นแรงบันดาลใจของชีวิต
เมื่อธรรมชาติของมนุษย์เป็นสัตว์ที่มีจิตวิญญาณอยู่ในร่างกาย มนุษย์ใช้ร่างกายของตนเองเพื่อรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ จากความคิดเห็นของมนุษย์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต และสั่งสมความคิดเห็นในเรื่องนั้นไว้นจิตใจของตนเองแล้วนำมาคิดหาเหตุผลมาอธิบายความจริงในเรื่องนั้นว่ามีความสมเหตุสมผล และเชื่อว่าเป็นความจริงที่น่าถือได้ เป็นต้น จิตของพวกเขาเกิดตัณหาอยากได้ที่อยู่อาศัยมาครอบครอง อยากกินอาหารต่าง ๆ อยากสวมใส่เสื้อผ้าที่มีราคาแพงและมนุษย์ชอบแสวงหาความสุขที่แลกกับสุขภาพ จึงมีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียนตลอดเวลามนุษย์ จำเป็นต้องหายารักษาโรคมาบรรเทาให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ รู้จักคิดจากความรู้ที่มีอยู่ในจิตวิญญาณของตัวเอง ความรู้ของมนุษย์เกิดจากผัสสะที่ตนพอใจ มนุษย์ย่อมหาวิธีการด้วย การคิดเหตุผลทางตรรกะทำให้เกิดความรู้เป็นตัวเอง และมีความเข้าใจถึงความเป็นไปโลกและมนุษย์ที่อยู่ล้อมรอบตัวเรา เมื่อมนุษย์มีความคิดแล้ว ต้องลงมือกระทำให้ความฝันนั้นให้เป็นความจริงด้วย แต่ความฝันของมนุษย์แต่ละคน เป็นความจริงขึ้นอยู่กับโอกาสของชีวิตแต่ละคน บางคนไม่มีโอกาส เพราะไม่มีปัจจัยทางสังคมเอื้อให้ตัวเองประสบความสำเร็จตามที่ตนฝันได้ บางคนล้มเหลวหลายครั้งกว่าจะประสบความสำเร็จได้ ความสำเร็จหรือความล้มเหลวในชีวิต มนุษย์มีจุดเริ่มต้นจากความคิดของตัวเขาเองเพราะจิตวิญญาณ เขามีธรรมชาติที่ต้องคิดหาเหตุผลในการดำรงชีวิตดังนั้น เมื่อคนไม่มีโอกาสทางสังคมต้องรู้จักสร้างโอกาสให้กับตัวเองด้วยการศึกษา เพราะคนเข้าศึกษาในสถาบันการศึกษา ทำให้มนุษย์มีโอกาสรู้จักผู้คนในสังคม เรียนรู้ประสบการณ์ของพวกเขาที่อาศัยอยู่ในสังคม ความคิดมีเหตุผลทางตรรกะปราศจากข้อสงสัยถึงแปรเปลื่ยน จากปัจจัยเป็นอย่างอื่น ทำให้ความจริงเป็นเท็จได้ ในวัยเด็กฉันมีความฝันมากมายที่จิตฉันต้องการจะทำ แต่ในสมัยนั้นประเทศไทย ไม่ได้มีเทคโนโลยี่ที่ทันสมัยที่แบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับความมั่งคั่งของโลกในปัจจุบัน ความคิดของฉันเป็นแค่ความฝันแบบเพ้อเจ้อไม่มีวันจะเป็นความจริง เพราะทุกอย่างเป็นไป ตามระบบการศึกษาที่รัฐบาลกำหนด โอกาสของชีวิตคือผู้ทำงานราชการ แต่เมื่อโลกเปลื่ยนแปลงไปความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี่ ทำให้มนุษย์ใกล้ชิดกันมากขึ้นด้วยเครื่องมือสื่อสารที่เรียกว่าอินเตอร์เน็ต ทำให้เกิดการเรียนรู้ซึ่งกันและกันและ นำความรู้ของกันและกันมาดัดแปลงแก้ไขให้ตนเองได้ รับประโยชน์จากสิ่งประดิษฐ์นั้น ทำให้เกิดการพัฒนาความรู้ใหม่ ๆ เกิดขึ้น ทำให้โลกนี้แคบลง คนใกล้ชิดเริ่มรู้ห่างจากกัน เพราะมนุษย์ไม่สนใจกันคนห่างไกลรู้สึกใกล้ชิดเพราะมีการส่งข้อความติดต่อกันตลอดเวลาทำให้พฤติกรรมของสังคมเปลื่ยนแปลงไปมากมาย.
๓.สุนทรียศาสตร์แห่งความงามในวัยเด็ก
ผู้เขียนไม่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัยเด็กมากนัก เพราะผู้เขียนมองโลกสดใสตามวัยของตน คิดแต่สิ่งดี ๆ ในชีวิต แม้จะเป็นความฝันของเด็กบ้านนอกก็ตาม และถึงแม้ว่าความฝันจะไม่มีวันเป็นจริง แต่ก็เป็นจินตนาการที่สำคัญกว่าความรู้ที่ยังไม่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตของเราเอง เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๓ หนึ่งปี หลังจากที่ผู้เขียนเกิดที่อำเภอธาตุพนม ครอบครัวของผู้เขียนก็ย้ายไปอยู่ที่บ้านโนนศรีวิไล อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม (ปัจจุบันบ้านนี้ไม่ชื่อตามกฎหมายแต่อย่างใด) ซึ่งห่างจากที่เดิมอำเภอธาตุพนมประมาณ ๑๐๔ กิโลเมตรเพราะคุณพ่อของ ผู้เขียนรับราชการเป็นครูใหญ่ในโรงเรียนอุเทน พัฒนาซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมของอำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม ตอนนั้น ผู้เขียนอายุได้ประมาณ ๒ ปี ผู้เขียนยังรู้จากประสบการณ์ของชีวิตที่ผ่านจากแม่ของฉันว่า "ผู้เขียนล้มป่วยอายุ ๓ ขวบด้วยโรคปอดบวม" เกือบเอาชีวิตไม่รอดพ่อกับแม่นั่งเฝ้า ผู้เขียนทั้งวันทั้งคืน ไม่ได้นอนหลายคืนติดต่อกัน เพราะชีวิตของผู้เขียนอยู่กับเส้นด้ายของความตาย ผู้เขียนจึงผูกพันกับพ่อและแม่เสมอ ผู้เขียนมีความรู้อบอุ่นเสมอที่พ่อแม่อุ้มผู้เขียนไปนอน แม้จะเป็นผัสสะในเยาว์วัยแต่ก็เป็นสัญญามาถึงทุกวันนี้ ครอบครัวของเราอาศัยอยู่ที่เมืองท่าอุเทนนี้ประมาณ ๗ ปี เรียนจบแค่ชั้นประถมปีที่ ๓ จากโรงเรียนบ้านท่าอุเทน อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม ก่อนพ่อจะย้ายจากเมืองนี้อันเงียบสงบนี้ไปตัวอำเภอเมืองนครพนม ผู้เขียนเรียน ป. ๔ ได้ ๑ เทอม ก็กลับสู่เมืองสกลนครซึ่งเป็นบ้านเกิดของพ่อกับแม่ บ้านเมืองในยุคนั้นบ้านโนศิวิไลเป็นหมูบ้านเล็กๆ อยู่ห่างไม่ไกลลำแม่น้ำโขงที่บ้านมีเพียงจักรยานคันเล็ก ๆ ที่แม่ถีบไปตลาดซื้อหมูกับไก่และข้าวเหนียวเป็นอาหารหลัก พ่อเงินเดือนไม่มากแต่อยู่ได้อย่างมีความสุขในการใช้ชีวิต ผู้เขียนได้เรียนรู้ชีวิตจากโรงเรียนแห่งนี้และวิถีชีวิตของเด็กๆ ในชนบท เพื่อความอยู่รอดและทำงานเพื่อหาอาหารจากป่าและแม่น้ำลำห้วยทวย การเรียนรู้ในยุคนั้นล้วนมาจากประสบการณ์ของชีวิต และฟังข่าวจากสถานีวิทยุ บ้านโนนศรีวิไลเป็นชื่อหมู่บ้านที่ชาวบ้านอาศัยอยู่รอบโรงเรียนอุเทนพัฒนา ในอดีตบริเวณนี้อุดมไปด้วยป่าไม้ ผักป่าและเห็ดที่ขึ้นตามฤดูกาลก็หาได้ง่าย เพราะคนเกิดมาน้อยผู้เขียนตื่นเช้าในฤดูฝน ผู้เขียนเห็นแม่และเพื่อนบ้าน เพ่งกลับมาจากเก็บเห็ดในป่า เป็นต้น .
๔.ลำห้วยทวย แม่น้ำอิสระภาพแห่งความทรงจำ
ในความทรงจำของผู้เขียน ในวัยเยาว์ ลำห้วยทวยเป็นแม่น้ำสายเล็ก ๆ ที่ไหลลงสู่แม่น้ำโขง เป็นแหล่งอาหารมีอยู่ตามธรรมชาติสำหรับเราในช่วงวัยเด็ก ในช่วงเช้าวันหยุด ผู้เขียนจึงรวมตัวที่ลำห้วยทวย เพื่อหาปลาตัวเล็ก ๆ มาปรุงอาหารเรียกว่า"ห่อหมกปลาซิว ใส่ใบแมงลัก ใส่เกลือ ถือเป็นอาหารธรรมชาติที่ไม่ปรุงแต่งด้วยเครื่องปรุงรสสำเร็จรูปเหมือนทุกวันนี้ ในหน้าแล้งเดือนเมษายน ปิดเทอมแล้ว ริมฝั่งแม่น้ำทวยปริมาณของน้ำลดลงมาก ในอากาศแห้งแล้ง ฝั่งแม่ทวยแห้งผาดมีรอยแตกของดินเหนียวในชอกรอยแตกเต็มไปด้วยเขียดตัวเล็กมากมายอาศัยอยู่ เป็นแหล่งอาหารตามชาติให้คนบ้านนอกอย่างพวกฉันได้จับหาเป็นอาหาร มีหนอไม้ในป่าธรรมชาติที่เป็นแหล่งอาหารอันอุดมสมบูรณ์ เพราะพ่อของผู้เขียนคงเป็นคนเหงาแต่เด็กจึงให้แม่ฉันมีลูกเยอะ ก็อบอุ่นดี และเมื่อ ผู้เขียนยังเด็กยังไม่มีความรู้เพียงพอในการพึ่งพาอาศัยตนเองได้ และยังไม่มีทำงานเพราะทำงานไม่ได้ จึงติดตามพ่อมาอยู่ที่บ้านพักครูของโรงเรียนแห่งนี้ และผู้เขียนยังเป็นเด็กต้องได้รับการเลี้ยงดูจากผู้ปกครอง และมีหน้าที่ศึกษาเล่าเรียนในระบบการศึกษาตามกฎหมายของประเทศไทย เพื่อให้ตัวเองมีความรู้ไปใช้เกิดประโยชน์เก็บสั่งสมอยู่ในจิต สามารถนำความรู้ไปใช้ให้เป็นประโยชน์พึ่งพาตนเองได้ความรู้ที่ได้รับเก็บห่อหุ้มไว้ในจิตของตน สามารถติดตามตนไปทุกหนทุกแห่งตลอดเส้นการทางของใช้ชีวิตได้ การทำงานโยกย้ายที่ทำงานของพ่อจากโรงเรียนธาตุพนมวิทยา อำเภอธาตุพนม มาเป็นครูใหญ่อยู่ที่โรงเรียนอุเทนพัฒนาเป็นโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวอำเภอเมืองนครพนมมากนักแค่ ๒๔ กิโลเมตรเท่านั้น ใช้เดินด้วยเท้าเวลาประมาณครึ่งวันก็ถึงแล้ว เมื่อติดตามพ่อกับแม่มาอยู่ในหมู่บ้านชนบทเล็ก ๆ บ้านโนนศรีวิไลที่ความเงียบสงบมาก เพราะเป็นชนบทจริงแม้ไม่ห่างไกลจากตัวเมือง ไม่มีท้องนาอันกว้างไกลที่จะทำนาปลูกข้าวมีคนอาศัยอยู่น้อยไม่มีใครอยากมาอยู่เพราะไม่มีไฟฟ้าใช้เป็นชนบทสะดวกสบายแค่มีถนนใช้เท่านั้นแต่ก็ไม่ไกลจากตลาดท่าอุเทนมากนัก
แสงตะเกียงส่องแสงสว่างแห่งปัญญา ในยามค่ำคืนในโรงเรียนอุเทนพัฒนาที่พ่อทำงานเป็นอาจารย์ใหญ่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ สนามฟุตบอลยังมืดอยู่ ในความมิดมนยังมีแสงสว่างจากดวงดาวห่างออกไปหลายแสนปีแสง ดวงดาวส่องระยิบระยับบนท้องฟ้า แม้บนโลกท้องฟ้าก็ยังมืดเพราะดวงอาทิตย์ไม่ส่องแแสงงบนโลกเลย สถานที่ที่ฉันอาศัยอยู่อาศัยแต่ยังไม่สามารถระงับความคิดของมนุษย์ตัวเล็ก ๆ เช่นฉันได้ซึ่งส่องสว่างความคิดให้เจิดจ้าไปทั่วท้องฟ้า ดวงดาวที่อยู่ห่างไกลเป็นเพื่อนของฉันในเวลาแห่งความเหงา และที่บ้านเราจุดตะเกียงน้ำมันก๊าซกาซ๊ใส ๆ ส่องสว่างบนหน้าหนังสือเรียนที่มีตัวอักษรตัวเล็กๆ ที่ฉันกำลังอ่านเพื่อสนองความอยากรู้อยากเห็นของเด็กน้อย ผู้มีความฝันและแก้เหงา ค่ำคืนสร้างจินตนาการในจิตใจของฉัน มันสร้างภาพให้เห็นกว้างไกลข้ามสุดขอบฟ้าของเด็กตัวเล็ก ๆ อย่างฉัน ไม่นานฉันก็หลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้าที่วิ่งเล่นหน้าสนามโรงเรียนมาตลอดทั้งวันตื่นแต่เช้าไปหาบน้ำที่ริมห้วยเพื่อใช้ดื่มแก้กระหาย ใช้นึ่งข้าวเหนียวและหาอาหาร อาบน้ำในลำธารเล็ก ๆเป็นลำห้วยทวย ริมห้วยที่น้ำใสเย็น เป็นช่วงหนึ่งของชีวิตที่น่าอบอุ่น
๕.แม่แห่งนักสู้ชีวิต
ผู้หญิงคนเดียวที่ยังคงอยู่ในความทรงจำในชีวิตของฉัน คือแม่ แม่ของฉันจะไม่เพียงเรียนจบชั้นประถมปีที่ ๗ เท่านั้น แต่เธอยังเป็นผู้หญิงที่เฉลียวฉลาดมาก ฉันไม่เคยละอายใจเลย ที่มีแม่ที่เป็นผู้หญิงหน้าตาธรรมดา ๆ ใช้ชีวิตแบบบ้าน ๆ ตัวของแม่ผอม ๆ ตัวเล็ก แต่ฉลาดปละทำงานเก่ง แม่ฉันเป็นนักสู้ชีวิตมาก เลี้ยงพวกฉันด้วยความรัก ตอนเช้าแม่จะขี่จักรยานคันเล็ก ๆ เก่าคร่ำคราไปตลาดทุก ๆ วัน เอาเงินเดือนครูของพ่อฉันไปซื้ออาหารที่ตลาด มาให้พวกเรารับประทานในยามเช้า ช่วงบ่ายมีเวลาแม่ก็พาพวกฉันก็ไปที่แม่น้ำทวยสายเล็ก ๆ ชุ่มช่ำไปด้วยสายน้ำหาอาหารพวกกบ เขียด และปลาซิว มาทำอาหารให้เรารับประทานอาหารกันอย่างมีความสุข ที่อบอุ่นไปด้วยพวกเรา. การมาอยู่ที่นี้แม้จะห่างไกลความเจริญแต่ผู้คนในยุค เมื่อ ๕๐ ปีที่ผ่านมานั้น ชาวบ้านยังศรัทธาต่อคำสอนของพระพุทธศาสนาไม่น้อย ในช่วงเทศกาลออกพรรษาเรามีโอกาสเที่ยวงงานวัด ดูการแข่งเรือระหว่างอำเภอ ตำบลต่าง ๆ ทำให้ฉันได้รู้จักว่าอำเภอท่าอุเทนแห่งนี้ มีวัดพระธาตุท่าอุเทนเป็นสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา ตั้งแต่ฉันอายุ ๘- ๙ ขวบแล้ว แต่คุณค่าของพระธาตุท่าอุเทน ตอนเรายังเป็นเด็กน้อยนั้นฉันมีความรู้เพียงอย่างเดียว คือ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ฉันควรเคารพกราบไหว้บูชาคำว่า"บุญกุศล" ของการมากราบไหว้พระธาตุด้วยอามิสบูชาคือดอกบัวธูปและเทียนนั้น ทำให้ชีวิตมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองและประสบความสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนา เป็นความเชื่อที่พ่อแม่ฉันปลูกฝังเรื่องของบุญมาเป็นยาวนานมาก ตั้งแต่ฉันเป็นเด็กและให้ความเคารพพระภิกษุสงฆ์สายกรรมฐานมาก
๖.พ่อคือแรงบันดาลใจ
พ่อเป็นข้าราชการครู ผู้เขียนจึงได้มาอยู่บ้านพักครูที่โรงเรียนอุเทนพัฒนา เมื่อปี ๒๕๐๓ - ๒๕๑๒ เป็นเวลา ๙ ปี ขณะนั้นพ่อของผู้เขียนยังรับราชการเป็นครูตรีสอน นักเรียนในชนบทแห่งนี้ห่างจากตัวอำเภอท่าอุเทน ๒ กิโลเมตรและห่างไกลจากตัวจังหวัดนครพนมอีกประมาณ ๒๔ กิโลเมตร เราอยู่มาอยู่ไม่กี่ปีพ่อก็ลาออกจากครูเพื่อทำความฝันของพ่อให้เป็นจริงตามที่พ่อปรารถนา คือการเป็นผู้พิพากษา อีกไม่กี่ปีต่อมา ความฝันของพ่อก็เป็นความจริง เพราะตลอดชีวิตของพ่อที่ฉันเห็นทุกวันคือความขยันมั่นเพียร ผู้เขียนเห็นพ่ออ่านหนังสือกฎหมายและเตรียมพร้อมภาษาอังกฤษทุก ๆ วัน ... พ่อของฉันไม่เคยท้อถอยที่จะสู้เพื่อชีวิตที่ดีกว่า เมื่อฉันมาเยือนอีกครั้งบ้านหลังดังกล่าวได้หายไปจากความทรงจำของฉันแล้ว เพราะเขารื้อออกไปตามความคิดที่ต้องพัฒนาไปเรื่อยของมนุษย์กลายเป็นสนามหญ้า ผู้คนที่เกิดมารุ่นหลังในปัจจุบันจึงไม่รู้จักบ้านหลังนั้นแล้ว
โรงเรียนอุเทน พัฒนาตั้งริมถนนลูกรังสีแดงตัดผ่านระหว่างอำเภอต่าง ๆ ในเขตจังหวัดนครพนม ระยะทางจากบ้านพักครูที่เราพักอาศัยในโรงเรียน อยู่ห่างจากวัดพระธาตุท่าอุเทนประมาณ ๓ กิโลเมตร เป็นถนนลูกรังเพราะรัฐบาลของประเทศไทยเรายังมีฐานะยากจน เมื่อ ๕๐ ปีที่ผ่านมา. ถนนตัดผ่านโรงเรียนบ้านท่าอุเทนเปิดสอนชั้นประถมศึกษาแต่ป. ๑ - ป.๔ เท่านั้น ส่วนประถมปีที่๕-๗ ต้องไปศึกษาต่ออีกโรงเรียนหนึ่ง ฉันศึกษาอยู่แค่ป.๓ ก็ย้ายไปศึกษาไปต่อที่อื่นเพราะพ่อลาออกจากการเป็ครู เพื่อประกอบอาชีพอื่นเวลานั้นยังเป็นถนนหินลูกรังสีแดง ยังไม่การลาดยางแอซฟั่นส์หรือยางมะตอยอย่างในปัจจุบัน เมื่อฉันยังเรียนชั้นประถมฉันเดินเท้าเปล่าไปโรงเรียนบ้านท่าอุเทนเป็นชั้นประถมปีที่ ๑ - ๓ เป็นโรงเรียนแห่งหนึ่งใกล้กับตัวเมืองแห่งนี้เป็นโรงเรียนเล็ก ๆ ที่สอนตั้งแต่ชั้นประถมปีที่ ๑ ถึงปีที่ ๔ ทุก ๆ วัน ในฤดูฝน ฉันจะเดินไปโรงเรียนท่าอุเทนเพียงลำพัง ด้วยเท้าเปล่า เพราะไม่ใช่พ่อไม่มีเงินซื้อรองเท้า แต่เป็นวัฒนธรรมของพวกเราเองไม่นิยมใส่รองเท้าไปโรงเรียน สายฝนที่ตกลงมากระทบกายของฉัน เปียกและหนาวเย็น ไม่ทำให้เท้าหยุดที่จะก้าวต่อไป การศึกษาเพื่ออนาคตของตัวเอง ที่จะพูดคุยกับคนอื่นในสังคม ในเรื่องเดียวกับเขาโดยไม่รู้สึกว่าตนเองแตกต่างจากชีวิตคนอื่น รถมีน้อยมากการเดินลำพังเพียงคนเดียวทำให้ฉันไม่รุ้สึกท้อแท้ในชีวิต เมื่อฉันขาดใช่ว่าทุกคนจะไม่ขาดเช่นกันแม้โอกาสคนเราจะไม่เท่ากันก้าวสู่สิ่งที่ดีกว่า แต่ความตายก็เป็นทุกข์มีเท่ากัน. แม้บรรยายกาศ ๒ ข้างถนนจะเงียบเหงานาน ๆ จะมีรถวิ่งผ่านสักคันหรือไม่มีเลยในบาง แต่ก็อารมณ์ของบรรยายกาศฟ้าคลึ้มสอนให้ฉันเรียนรู้และมุ่งมั่นที่จะก้าวต่อไป เพราะชีวิตอยู่ในโลกจินตนาการนั้นกว้างไกลกว่าความจริงอยู่แล้ว แต่การเพ้อฝันของฉันไม่เคยจางหายไปจากจิตและหวังที่จะประสบความสำเร็จในเช่นกัน
พ่อของเป็นคนรักการอ่านหนังสือเป็นแบบอย่างให้พวกเราชอบอ่านนวนิกายที่เป็นแรงบันดาลใจให้ประสบความสำเร็จเช่น ตัวละคร พวกอ่านกันทั้งบ้าน ทำให้ฉันรักการอ่านมาแต่เด็กมาก ในช่วงฤดูฝนมีเสียงกบและเขียดเป็นเพื่อน ในชนบทท่ามกลางป่าเขาออกหาเห็ดป่า พี่สาวฉันหาเห็ดเก่งมากได้หลายตะกร้า เพียงไม่กี่ชั่วโมงในช่วงฤดูทำนาโรงเรียนไม่ได้หยุด เมื่อฉันแต่งตัวไปโรงเรียนท่ามกลางสายฝน สมัยก่อนชาวบ้านมักห่มกายรัดผ้ายางสีฟ้าคลุมไหล่ ป้องกันฝนเปียก ฉันเดินฝ่าสายฝนไปไม่หวั่นไหวด้วยจิตเงียบสงบ จิตของมิรู้สึกกลัวสายฝนและฟ้าผ่า แม้จะมีพายุจะโหนกระหน่ำตามสายลมฉันไม่เคยรู้สึกกลัวเพราะชีวิตฉันฝันตลอดเวลาไม่เคยหยุดต้องการเป็นไปอย่างที่ตนฝัน ในตอนเย็นเดินทางจากโรงเรียนกลับบ้านพร้อมเพื่อนในหมู่บ้านในเดียวกัน ๖ - ๗ คน บนเส้นทางระหว่างทางกลับบ้านเราเราจะเดินข้ามสะพานไม้ข้ามแม่น้ำทวยซึ่งเป็นแม่น้ำสายเล็ก ๆ ไหลลงสู่แม่น้ำโขง รถสัญจรไปมาน้อยมาก เราก็จะใช้สะพานน้ำแห่งนี้เล่นน้ำกัน
สมัยก่อนแม่น้ำสะอาดมาก ลึกพอเพียงพอสำหรับร่างเล็ก ๆ ของพวกเรากระโดดขึ้นแล้วลอยละลิ่วสู่เบื้องล่างของแม่น้ำทวย ร่างของเรากระทบสายน้ำ เสียงดังตูมแม่น้ำแผ่กระจายไปเป็นคลื่นกระทบฝั่งน้ำทวย เมื่อร่างร่วงลงสู่พื้นดินของน้ำลึกแล้วฉันพุ่งตัวขึ้นมาแล้วพวกเราหัวเราะอย่างสนุกสนานพวกเราจะโดดน้ำเป็นประจำไม่เคยขาดแม้จะสูงกว่า ๓๐ เมตรก็ตาม ความสุขจากเสียงหัวเราะเหล่านั้นก็หายไปตามกาลเวลา แม่น้ำสะอาดมากเพราะสารเคมีจากสบู่และผงซักฟอกจาการชำระเหงือไคล้สิ่งสกปรกจากกายมนุษย์มีน้อยมาก เพราะคนเกิดน้อย แม่น้ำทวยจึงอุดมสมบรูณ์มากปูปลากุ้งหอยหาได้ง่ายมาก บ้านโนนศรีวิไล วิถีแห่งสัญญา ๑ในขันธ์ ๕ ของชีวิต บ้านโนนศรีวิไล เป็นหมู่บ้านขนาดเล็กมีไม่กี่หลัง ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียนอุเทน ปัจจุบันโลกออนไลน์ ทำให้ฉันรู้ว่าเป็นหมู่บ้านไม่อยู่ในแผนที่อีกต่อไป กลายเป็นบ้านกะเสิม หมู่ที่ ๖ ขึ้นกับตำบลโนนตาล
เมื่อโรงเรียนตั้งอยู่ห่างไกลจากตัวจังหวัด พัฒนาซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอท่าอุเทน จึงมีบ้านพักครูของโรงเรียนอุเทนพัฒนา ในหมู่บ้านของเราอยู่ไม่มีวัดในพระพุทธศาสนา ผู้คนในหมู่บ้านของพวกเราพยายามสร้างสำนักสงฆ์ขึ้นมา ๑ แห่ง ในบางปีเท่านั้นที่มีพระมาจำพรรษาโปรดธรรมแก่พวกเรา ไม่นานก็กลายเป็นสำนักสงฆ์ร้างตามกฎไตรลักษณ์ของพระพุทธเจ้าอันเป็นกฎธรรมชาติของสรรพสิ่ง มีต้นไม้ขึ้นเต็มไปหมด ในบางวันฉันเห็นพระจำวัดที่ห้องรับแขกของบ้านพักครู ท่านมีสติวิปลาส รักษาหายแล้วสิกขาออกเป็นคฤหัสถ์ส่งข่าวมาขอบคุณโยมพ่อที่ดูแลให้สถานที่จำวัด ปัจจุบันก็กลายเป็นสถานีอนามัยของอำเภอท่าอุเทนไปแล้ว ชีวิตในวัยเด็กของเรามีแต่ความสนุกสนานมาก ยามทุกข์เราต้องการผู้มีสติให้สติเรา พออายุมากขึ้นเรารู้ว่าชีวิตถึงความไม่นอนของชีวิตเพราะการไม่มีเงินขอใครไม่ได้ ไม่พอยังถูกดูถูกเหยียดหยามอีก
เราถูกสอนให้หนังสือสูง ๆ เพื่อเป็นข้าราชการตามรอยของพ่อเท่านั้น หลักธรรมเรารู้เพียงการใส่บาตรแล้ว จิตของเรารู้สึกมีความสุขในการเป็นผู้ให้เพราะได้ยกจิตตัวเองให้พ้นจากการตระหนี่ถี่เหนียวของแม่ของฉัน เป็นคนฉลาดรู้จักหาของป่าเช่นเห็ด, หน่อไม้ กบ เขียด ปูหอย กุ้งฝอย เป็นต้น มาเลี้ยงพวกฉันที่เกิดมาหลายชีวิต แม้อยู่ในชนบทเงินเดือนครูบ้านนอกของพ่อเพียง ๑,๙๐๐ บาท ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกอดมื้อกินมื้อพี่น้องของฉันก็ประสบความสำเร็จในวิถีชีวิตที่ตนชื่นชอบ ความเป็นเด็กต้องอยู่ในสายตาของพ่อแม่ ฉันจะมาที่วัดพระธาตุท่าอุเทนศาสนสถานแห่งนี้เฉพาะในช่วงเทศกาลประจำปีตรงกับวันขึ้น ๑๓-๑๕ ค่ำ เดือน ๔ ของทุก ๆ ปี และเทศกาลแข่งเรือในวันออกพรรษาก็จะมาเที่ยวกับพี่น้องและเพื่อนวิ่งเล่นในวัยเด็ก ลูกของชาวบ้านใกล้เรือนเคียง และลูกของภารโรงเรียนอุเทนพัฒนา ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอท่าอุเทนและชาวบ้านโนนศิวิไลเป็นประจำทุก ๆ ปีแม้กาลเวลาจะผ่านไปหลายปีความทรงจำของชีวิตยังห่อหุ้มจิตของฉันอยู่ไม่ได้หายไปไหนติดตามมาถึงปัจจุบันแม้วันเวลาห่างไปกว่า ๕๐ ปีแล้วก็ตามก็ไม่ทำให้ชีวิตลืมเรื่องราวของชีวิตที่ผ่านมาแต่อย่างใดเมื่อโลกปลื่ยนแปลงไปเพราะเทคโนโลยี่ทำให้มีความทันสมัยมากขึ้น การแต่งหนังสือเพื่อจำหน่ายเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและเมื่อผลิตก็ขายได้ยาก เพราะคนไม่นิยมซื้อหาไว้เป็นสมบัติส่วนตัวอีกต่อไปเรามีโอกาสแชร์ประสบการณ์เรื่องราวในโลกออนไลน์ได้ แต่ก็เป็นโอกาสดีของชีวิตที่อยากเก็บความทรงจำที่ดีงามเหล่านี้ไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาหากเราไม่รักษาไว้ ความทรงจำที่ดีงามก็ตายพร้อมกับชีวิตของเรา ไม่เป็นอุทาหรณ์ให้อนุชนรุ่นหลังมีเรื่องราวได้ศึกษาฉันจึงอยากเก็บเรื่องราวเหล่าไว้จึงบันทึกสิ่งเหล่านี้ไว้ด้วยศักยภาพของตนเอง.
๗. ความสำคัญของเมืองท่าอุเทน
เป็นเมืองโบราณที่มีชื่อเสียงมายาวนานและถูกบันทึกไว้ในจดหมายเหตุของประเทศสยามไว้หลายร้อยปีจนตั้งเจ้าเมืองท่าอุเทนในดินแดนแถบนี้ และพระพุทธศาสนาเถรวาทก็ได้เผยแผ่มายาวนานแล้วและมีการสร้างวัดพระธาตุท่าอุเทน ซึ่งศาสนสถานที่ฉันรู้จักที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทที่เผยแผ่มาถึงเขตอำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม ในเวลาปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ตั้งของวัดพระธาตุท่าอุเทนจังหวัดนครพนม ประวัติอำเภอท่าอุเทนพอหาได้ปีพ.ศ. ๒๔๑๐ ตามหนังสือจดหมายเหตุปีกล่าวไว้ในหนังสือเมืองมุกดาหาร กล่าวว่า เจ้าเมืองท่าอุเทนถึงแก่กรรมและเขตเมืองท่าอุเทนก็กว้างใหญ่ ครอบคลุมถึง ๒ ฝั่งแม่น้ำโขง จดแดนญวณ ถึงแขวงคำเกิดคำม่วง.....(๑) ในปีพศ. ๒๔๓๙ มีเรือกลไฟของฝรั่งเศสสามารถเดินทางจากเมืองสะหวันเขต ไปเที่ยวที่เมืองท่าอุเทนได้ เพราะเมืองท่าอุเทนเป็นเอเย่นต์ทางการค้าของฝรั่งเศส มาเปิดห้างขายสินค้าฝรั่งเศสที่อำเภอท่าอุเทน สินค้าที่ขายมีเสื้อผ้า ดินสอ หมึกปากกา และกระดาษฝรั่ง อำเภอท่าอุเทนตรงข้ามกับปากแม่น้ำหินบูรณ์เรียกว่าเมืองฟองวิน.(๒)
เป็นเมืองโบราณที่มีชื่อเสียงมายาวนานและถูกบันทึกไว้ในจดหมายเหตุของประเทศสยามไว้หลายร้อยปีจนตั้งเจ้าเมืองท่าอุเทนในดินแดนแถบนี้ และพระพุทธศาสนาเถรวาทก็ได้เผยแผ่มายาวนานแล้วและมีการสร้างวัดพระธาตุท่าอุเทน ซึ่งศาสนสถานที่ฉันรู้จักที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทที่เผยแผ่มาถึงเขตอำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม ในเวลาปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ตั้งของวัดพระธาตุท่าอุเทนจังหวัดนครพนม ประวัติอำเภอท่าอุเทนพอหาได้ปีพ.ศ. ๒๔๑๐ ตามหนังสือจดหมายเหตุปีกล่าวไว้ในหนังสือเมืองมุกดาหาร กล่าวว่า เจ้าเมืองท่าอุเทนถึงแก่กรรมและเขตเมืองท่าอุเทนก็กว้างใหญ่ ครอบคลุมถึง ๒ ฝั่งแม่น้ำโขง จดแดนญวณ ถึงแขวงคำเกิดคำม่วง.....(๑) ในปีพศ. ๒๔๓๙ มีเรือกลไฟของฝรั่งเศสสามารถเดินทางจากเมืองสะหวันเขต ไปเที่ยวที่เมืองท่าอุเทนได้ เพราะเมืองท่าอุเทนเป็นเอเย่นต์ทางการค้าของฝรั่งเศส มาเปิดห้างขายสินค้าฝรั่งเศสที่อำเภอท่าอุเทน สินค้าที่ขายมีเสื้อผ้า ดินสอ หมึกปากกา และกระดาษฝรั่ง อำเภอท่าอุเทนตรงข้ามกับปากแม่น้ำหินบูรณ์เรียกว่าเมืองฟองวิน.(๒)
๘. ความหมายของคำว่า "พระธาตุท่าอุเทน" คืออะไร มีลักษณะอย่างไร มีคำต้องค้นหาความหมาย ๓ คำด้วยกันคือ ๑.พระธาตุ ๒.ท่า ๓.อุเทน
๑. พระธาตุ หมายถึง พระบรมสาริกธาตุของพระพุทธเจ้า เจดีย์อันเป็นบรรจุพระบรมสาริกธาตุ
๒. คำว่าท่าหมายถึงฝั่งของแม่น้ำที่ใช้เป็นจอดเรือหาปลา
๓. อุเทน หมายถึง รุ่งอรุณปราศจากหมอกควัน.
ดังนั้นคำว่า พระธาตุท่าอุเทน หมายถึงเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสาริกธาตุที่ฝั่งแม่น้ำโขงใช้เป็นที่จอดเรือโดยสารและเรือประมงหาปลาในยามรุ่งอรุณมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นสวยงาม ไม่มีเมฆหมอกปกคลุมแต่อย่างใด เมื่อวิเคราะห์ดูสถานที่ก่อนสร้างเจดีย์เป็นเจดีย์ที่มีลักษณะศิลปะทวาราวดีตัวพระธาตุตั้งอยู่ในวัดพระธาตุท่าอุเทน ตำบลท่าอุเทน อำเภอเท่าอุเทน ห่างจากฝั่งแม่น้ำโขงไม่ถึง ๒๐ เมตรเพราะ มีถนนเส้นยาว ตัดผ่านหน้าวัดทำห้เรามองเห็นทัศนียภาพ ฝั่งแม่น้ำโขงฝั่งตะวันออกในบริเวณดินแดนประเทศลาวทั้งหมด ในยามเช้าเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นมาไกลสวยงามมากไม่มีเมฆหมอกหวันจรผ่านดวงพระอาทิตย์ไปให้ความงามเป็นสุนทรียศาสตร์ลดลงไปแต่อย่างใด เมื่อวันอังคารที่ ๓๐ มกราคม ๒๔๕๔ ตรงกับรัชสมัยของรัชกาลที่ ๖ แห่งพระราชอาณาจักรไทย มีการก่อสร้างพระธาตุท่าอุเทนประดิษฐาน ณ วัดพระธาตุท่าอุเทนปรากฎหลักฐานในสำเนาทะเบียนเลขที่ ๘๗ บ้านท่าอุเทน ตำบลท่าอุเทน อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนมมีลักษณะเป็นเจดีย์โบราณเป็นศิลปะแบบทวาราวดี ก่อด้วยอิฐถือปูน เป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสกว้างด้านละ ๑๓ เมตร ๕๐ เซ็นติเมตร สูง ๖๖ เมตรสร้างขึ้นโดยหลวงปู่สีทัตต์ ญาณสัมปันโน (สุวรรณมาโจ) เป็นผู้นำชักชวนพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกาในหลายจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น สกลนคร, หนองคาย และอุดรธานีรวมทั้งอำเภอมุกดาหารและอำเภอคำชะอีมาร่วมมือร่วมใจกันก่อสร้างพระธาตุท่าอุเทนไว้กับฝั่งแม่น้ำโขงด้านทิศตะวันตก เพื่อแสดงอาณาเขตประเทศไทยไว้ดังนั้นพระธาตุท่าอุเทนคืออะไร คือสถูปเจดีย์สร้างขึ้นมาเพื่อบรรจุพระบรมสาริกธาตุของพระพุทธเจ้า ซึ่งสิ่งที่ชาวพุทธควรเคารพบูชาสักการะในพระพุทธศาสนา ที่หลวงปู่สิทัตถ์ได้อัญเชิญมาจากเมืองย่างกุ้งประเทศพม่า เมื่อตั้งอยู่ในบ้านท่าอุเทน จังหวัดนครพนมจึงเรียกเจดีย์พระธาตุท่าอุเทน.
.(๑) สุรจิตต์ จันทรสาขา, เมืองมุกดาหาร หน้า. ๗๑
.(๒) สุรจิตต์ จันทรสาขา, เมืองมุกดาหาร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น