The greatest discovery is the natural laws of human life. That everyone is equal Without choosing a social caste as the basis for determining humanity When the soul is the real person of man That accumulates knowledge from the mind with reasons And show his intention to act accordingly Would receive the result of Own action

Breaking

Post Top Ad

Your Ad Spot

วันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

๙. การใช้เหตุผลเพื่ออธิบายคำสอนของพระพุทธเจ้า

 ๙. Using Reason to explain the Teachings of the Buddha

                โดยทั่วไป     ชีวิตมนุษย์เกิดขึ้นจากปัจจัยทางร่างกาย    และจิตใจที่รวมกันในครรภ์มารดา เป็นเวลา ๙  เดือนก่อนคลอด   หลังจากรอดชีวิต    จิตใจมนุษย์จะใช้อายตนะภายในรับรู้เหตุการณ์ต่าง ๆ    ในชีวิตและเก็บเรื่องราวเหล่านั้นไว้     เป็นหลักฐานทางอารมณ์ในจิตใจ       อย่างไรก็ตาม   ชีวิตมนุษย์ไม่ได้รับรู้และเก็บเหตุการณ์ต่าง ๆไว้       เป็นหลักฐานทางอารมณ์ในจิตใจโดยธรรมชาติ    ยิ่งไปกว่านั้น  มนุษย์เป็นนักคิดโดยธรรมชาติ  เมื่อรับรู้สิ่งใด  พวกเขาจะพิจารณาจากสิ่งนั้น โดยการวิเคราะห์หลักฐานทางอารมณ์ในจิตใจ     โดยอนุมานความรู้เพื่อพิสูจน์ความจริง โดยพวกเขาใช้เหตุผล     ซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญาในการอธิบายความจริงของคำตอบในเรื่องนั้น  
               
                อย่างไรก็ตาม ตามคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น  ชีวิตมนุษย์มีอายตนะภายในร่างกาย    มีความสามารถในการรับรู้เหตุการณ์ต่าง ๆ ได้จำกัด และมีความคิดที่ลำเอียงเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด     เนื่องจากความไม่รู้ของตนเอง  ดังนั้นชีวิตมนุษย์จึงเต็มไปด้วยความมืดมน จึงไม่สามารถใช้เหตุผล   ซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญาในการอธิบายความจริงของเรื่องใดๆได้มีเหตุผล   เมื่อนักตรรกศาสตร์และนักปรัชญาแสดงความเห็นความเห็นของตนเอง       โดยใช้เหตุผลอธิบายหรือคาดคะเนความจริงของเรื่องหนึ่งเรื่องใด    การใช้เหตุผลของพวกเขาเพื่ออธิบายความจริง  บางครั้งพวกเขาใช้เหตุผลได้อย่างถูกต้อง   บางครั้งพวกเขาใช้เหตุผลไม่ถูกต้อง       บางครั้งพวกเขาใช้เหตุผลในลักษณะนี้หรือในลักษณะนั้น                                               

              แต่มันเป็นหลักธรรมะ(ความจริง)      ที่สามารถพิสูจน์ได้โดยการใช้เหตุผลอธิบายความจริง     เป็นความรู้จากประสบการณ์ของชีวิตผ่านอายตนะภายในของตนเอง        และเป็นความรู้ที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าและการปฏิบัติ        ดังนั้น การจะเข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างลึกซึ้ง  จึงจำเป็นต้องอาศัยการวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล  ไม่ใช่การยอมรับโดยปราศจากการไตร่ตรอง    หลักการสำคัญของการใช้เหตุผลอธิบายคำสอนมีดังนี้ 

            ๑. การวิเคราะห์ข้อความ       เริ่มต้นด้วยการศึกษาต้นฉบับของพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย  อรรถกถา    ฏีกา   อนุฎีกา หรือคัมภีร์พระพุทธศาสนาอย่างละเอียดถี่ถ้วน           เข้าใจบริบทและความหมายที่แท้จริงของคำสอน       หลีกเลี่ยงการตีความแบบผิวเผินหรือตามความเข้าใจของตนเอง     

             ๒. การเปรียบเทียบและสังเคราะห์ เปรียบเทียบคำสอนในส่วนต่าง ๆ  สังเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างหลักธรรมต่าง ๆ       เพื่อให้ได้ภาพรวมที่สมบูรณ์และเข้าใจความสอดคล้องกันของคำสอน    

              ๓. การใช้ตรรกะและเหตุผล        ใช้หลักตรรกะเพื่อวิเคราะห์  ตรวจสอบความสมเหตุสมผลของข้อความ  และสรุปผลที่สอดคล้องกับหลักฐานและเหตุผล หลีกเลี่ยงการใช้ความเชื่อ    หรืออคติส่วนตัวเป็นพื้นฐาน

            ๔.การอ้างอิงหลักฐาน :   เมื่ออธิบายคำสอน  ควรมีการอ้างอิงหลักฐานจากพระไตรปิฎกหรือคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา  เพื่อให้มั่นใจมีความน่าเชื่อถือและความถูกต้อง และเพื่อแสดงให้เห็นว่าคำอธิบายนั้นสอดคล้องกับคำสอนดั้งเดิม

            ๕. การพิจารณาประสบการณ์ : คำสอนของพระพุทธเจ้าเน้นการปฏิบัติเพื่อเข้าถึงความจริงที่สมมติขึ้น และความจริงขั้นปรมัตถ์  การใช้เหตุผลในการอธิบายควรพิจารณาประสบการณ์ส่วนตัว และประสบการณ์ผู้อื่น     เพื่อแสดงให้เห็นถึงความจริงและประโยชน์ของคำสอน  ตัวอย่างการใช้เหตุผลในการอธิบายคำสอน

               สมมติว่าเราต้องการอธิบายคำสอนเรื่อง "ชีวิต"   เราอาจเริ่มต้นด้วย        การวิเคราะห์ข้อความในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยที่กล่าวถึง "ชีวิตของมนุษย์"  ในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย            ได้บันทึกแนวคิดของพราหมณ์บางคนในโลกเป็นนักตรรกศาสตร์       และนักปรัชญาพราหมณ์ซึ่งเชื่อว่า พระพรหมสร้างมนุษย์จากพระกายของพระองค์        พวกพราหมณ์ยืนยันข้อเท็จจริงนี้โดยระบุว่าพวกเขาสามารถสื่อสารกับพระพรหมและพระอิศวรได้   โดยการบูชายัญของพราหมณ์เท่านั้น          วรรณะอื่น  ๆ  ถูกห้ามไม่ให้ทำบูชายัญ         เนื่องจากกฎหมายวรรณะตามธรรมเนียมปฏิบัติ ห้ามมิให้บุคคลปฏิบัติหน้าที่ที่เป็นของวรรณะอื่น    

               เมื่อผู้เขียนศึกษาคำสอนของพระพุทธศาสนาแล้ว ตอนแรกได้ยินข้อเท็จจริงว่า      ต้นกำเนิดของความรู้ของพระพุทธเจ้า  มาจากประสบการณ์ชีวิตผ่านอายตนะภายใน        และสั่งสมเป็นอารมณ์อยู่ในพระทัยของพระองค์เอง      จิตของพระพุทธเจ้าโดยธรรมชาติทรงเป็นนักคิด เมื่อพระองค์ทรงทราบสิ่งใด    พระองค์จะทรงคิดจากสิ่งนั้นแล้ว โดยการวิเคราะห์ข้อมูลทางอารมณ์ในจิตใจโดยอนุมานความรู้นั้น   เพื่อพิสูจน์ความจริงของคำตอบในเรื่องนั้น โดยพระองค์ทรงใช้เหตุผล   ซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญา   เพื่ออธิบายความจริงของคำตอบในเรื่องนั้น   

                 กระบวนการพิจารณาของพระพุทธเจ้า      คือพระองค์ทรงวิเคราะห์จากหลักฐาน  พิจารณาหลักฐาน    หรือพิจารณาสิ่งที่เรียกว่า "สังขาร"หรือ "จิตปรุงแต่ง (มโนกรรม) "    ซึ่งเป็น  ๑  ในขันธ์ห้าที่เป็นส่วนประกอบของชีวิตมนุษย์       แต่มโนกรรมที่เกิดขึ้นภายในจิตใจนั้น  เราไม่อาจรู้ได้ว่าจิตใจของแต่ละคนคิดอะไรอยู่ ?    เว้นเสียแต่ว่าบุคคลนั้นจะอธิบายข้อเท็จจริงให้ผู้อื่นทราบว่าตนกำลังคิดอะไรอยู่ ?     หรือมีหลักฐานมาพิสูจน์ข้อเท็จจริงในเรื่องนั้น     โดยแสดงออกมาในรูปแบบของการอธิบายข้อเท็จจริงในเรื่องนั้น            กรรมนั้นที่จะแสดงอาการเหล่านั้นให้ผู้อื่นเห็น       

             ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า  จำเป็นต้องหาเหตุผลมาอธิบายหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า        วิเคราะห์ว่าการกระทำของมนุษย์ถูกหรือผิดตามหลักจริยศาสตร์ของพระพุทธศาสนา    และประเมินผลของการกระทำของมนุษย์ว่า     เป็นอันตรายต่อชีวิตหรือจิตวิญญาณหรือไม่เมื่อพระพุทธศาสนาสอนความจริงของชีวิต  มนุษย์ทุกคนสามารถบรรลุความรู้ที่แท้จริงเกี่ยวกับชีวิตของตนเองได้      โดยการพัฒนาศักยภาพชีวิตผ่านการปฏิบัติธรรมตามอริยมรรคมีองค์ ๘ อันประเสริฐ   และบรรลุความรู้ในระดับ  "อภิญญา๖" ได้ 

            หลักฐานที่ชัดเจนในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยหลายฉบับ  จากการศึกษาหลักฐานต่างๆพบว่าคำสอนของพระพุทธเจ้า ได้ผ่านการสังคายนาพระไตรปิฎก (Buddhist councils) หลายครั้งก่อนที่จะถ่ายทอดเป็นลายลักษณ์อักษรลงบนใบลาน หรือพิมพ์เป็นพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยและเรียบเรียงเป็นหนังสืออธิบายคำสอนของพระพุทธเจ้า  คัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาถูกตีพิมพ์และแจกจ่ายให้กับผู้ที่สนใจศึกษาค้นคว้า           ทำให้คำสอนทางพระพุทธเจ้าทนทานต่อการพิสูจน์ความจริงที่สมมติขึ้นและความจริงขั้นปรมัตถ์ โดยใช้เหตุผล เป็นเครื่องมือของมนุษย์ทุกยุคทุกสมัยใช้อธิบายความจริงของคำตอบได้     

              เมื่อคำสอนทางพระพุทธศาสนาเป็นความรู้ระดับบัณฑิต  ชาวพุทธส่วนใหญ่มักจะไม่ชอบศึกษาโครงสร้างของพระพุทธศาสนา  เพราะทุกคนต่างให้ความสนใจพิธีกรรมมากกว่าสติปัญญา     เพื่อแสวงหาในสิ่งที่ขาดด้วยความโลภและความพอใจ  โดยไม่รู้จักใช้ความพยายามของตนเอง  ดังนั้น   จึงเป็นเรื่องยากที่จะเขียนปรัชญาพุทธภูมิให้ผู้คนทั่วโลกได้อ่าน และปฏิบัติตามตลอดเวลา     เพราะผู้คนทั่วโลกผ่านการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ที่เน้นการวิเคราะห์ข้อมูล         โดยการอนุมานความรู้ โดยใช้เหตุผลยืนยันความจริงของคำตอบในเรื่องต่าง ๆ 

        การเขียนบทความวิเคราะห์เกี่ยวกับพระไตรปิฎก จำเป็นต้องอธิบายคำสอนทางพระพุทธศาสนาอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ เพื่อดึงดูดผู้อ่านและส่งเสริมความเข้าใจง่าย เริ่มต้นด้วยการระบุหัวข้อต่าง ๆ ที่เรารับรู้ผ่านอายตนะภายในและรวบรวมเรื่องนั้นเป็นหลักฐานทางอารมณ์ในจิตใจ  แต่เมื่อเราวิเคราะห์หลักฐานทางอารมณ์เหล่านั้น โดยอนุมานความรู้ เพื่อพิสูจน์ความจริงของเรื่องนั้น โดยใช้เหตุผล เป็นเครื่องมือที่นักปรัชญาใช้อธิบายความจริง ปรากฏข้อเท็จจริงขึ้นในจิตใจของเราในบริบทประวัติศาสตร์ที่คลุมเครือ วิญญูชนได้ยินความคิดเห็นดังกล่าวย่อมสงสัยในเรื่องนั้น และปรัชญาสอนมนุษย์ไม่ควรเชื่อว่าเป็นความจริงจนกว่าจะพิสูจน์ด้วยหลักฐาน เพื่อสนับสนุนความจริงของคำตอบเหล่านั้น 

        ดังนั้นกระบวนการคิดเชิงปรัชญา       จึงสามารถนำใช้อธิบายหลักธรรมของพระพุทธศาสนาได้  ในโลกปัจจุบัน โลกกำลังพัฒนาไปพร้อมกับแนวคิดทางวิทยาศาสตร์  เพราะมนุษย์ได้สร้างมือทางวิทยาศาสตร์ขึ้นมา เพื่อช่วยในการรวบรวมข้อมูลได้แม่นยำยิ่งขึ้น  เทคโนโลยี่คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตถูกสร้างขึ้น เพื่อช่วยในการแบ่งปันข้อมูลและจัดเก็บข้อมูลที่สำคัญยิ่งขึ้น        นวัตกรรมใหม่ ๆ เกิดขึ้นเพื่อช่วยให้มนุษย์วิเคราะห์ข้อมูลได้แม่นยำยิ่งขึ้นและตอบสนองความต้องการของมนุษย์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น  อย่างไรก็ตาม ความสะดวกสบายของชีวิตไม่ได้มีเพียงความสุขของมนุษย์เพียงเท่านั้น  ความทุกข์ยังคงมีอยู่   เพราะตราบใดที่มนุษย์ยังมัวเมาในกิเลสตัณหาและขาดการพักผ่อน  พวกเขาก็จะยอมแลกความสุขกับสุขภาพของตนเอง     

           วิธีการทางศาสนา ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นในการแก้ไขปัญหาความทุกข์ของมนุษย์ แม้ว่าคำสอนของพุทธศาสนาจะมีการเผยทั่วไปบนเว็บไซต์และออนไลน์ต่าง ๆ    แต่ก็เป็นเพียงมุมมองทางวิชาการเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาเท่านั้น   แนวทางเชิงปรัชญาในการอธิบายศาสนาได้รับการสืบทอดกันมา และนักวิชาการส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าแนวทางปรัชญา    สามารถนำมาใช้อธิบายคำสอนของพระพุทธศาสนาได้ เมื่อผู้เขียนเห็นโอกาสที่จะอธิบายคำสอนพระพุทธเจ้าในเชิงปรัชญาได้ ผู้เขียนจึงตัดสินใจเขียน "ปรัชญาพุทธภูมิ "  โดยไม่กังวลว่าจะไม่มีใครอ่านปรัชญาพุทธภูมิ เนื่องจากเนื้อหาที่เขียนแตกต่างไปจากแนวทางกวิชาการทางพระพุทธศาสนา 

          แม้ว่าผู้อ่านส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะเชื่อว่าแก่นแท้ของพุทธศาสนาประกอบด้วยเพียงการทำบุญด้วยการบริจาค และสร้างวัดเท่านี้แต่ความจริงแล้วแก่นแท้ของพระพุทธศาสนานั้นครอบคลุมที่ลึกซึ้งกว่าและลึกซึ้งกว่าที่เราคิดไว้มาก ในการเขียนปรัชญาพุทธศาสนาหรือรู้จักกันในชื่อ "ปรัชญาพุทธภูมิ" นั้น ผู้เขียนได้วิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งความรู้ต่าง ๆ  รวมถึงพยานเอกสาร พยานบุคคล      พยานวัตถุและหลักฐานดิจิทัล โดยการอนุมานความรู้หรือคาดคะเนความจริง เพื่อพิสูจน์ความจริง โดยใช้เหตุผล   ซึ่งเป็นเครื่องมือที่รักปรัชญาใช้เพื่ออธิบายความจริงของคำตอบนั้น โดยหลีกเลี่ยงการคัดลอกเนื้อหาที่นักวิชาการพระพุทธศาสนาที่เขียนและตีพิมพ์ การเขียนเชิงวิชาการเกินไป จะทำให้ผู้อ่านที่สนใจเข้าใจได้ยากและเนื้อหาไม่สอดคล้องกับความคาดหวังของพวกเขา

           ดังนั้น       เราอาจไม่ได้รับเสียงตอบรับจากผู้อ่านมากนัก เพราะจิตใต้สำนึกของผู้อ่านส่วนใหญ่ปรารถนาที่จะมี อยากเป็น และอยากบรรลุความฝันแห่งความสำเร็จในชีวิต ล้วนซ่อนเร้นอยู่ในจิตใจเมื่อผู้เขียนตระหนักรู้ถึงเหตุผลของคำตอบดังกล่าวอย่างมีสติ เหตุใดจึงคิดเช่นนี้ ผู้เขียนจึงตัดสินใจเขียนบทความปรัชญาพุทธภูมิ โดยอิงแก่นแท้ของงานเผยแผ่ของพระพุทธศาสนาใน ๔  สังเวชนียสถาน บทความนี้ จะเริ่มต้นจากความสงสัยในประเด็นหนึ่งประเด็นใดก่อน จากนั้น ผู้เขียนจะได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐาน เมื่อมีพยานหลักฐานเพียงพอแล้ว  ผู้เขียนก็ใช้หลักฐานในการวิเคราะห์ข้อมูลโดยอนุมานความรู้จากพยานเอกสาร  พยานวัตถุ พยานบุคคล  เพื่อพิสูจน์ความจริง โดยใช้เหตุผลซึ่งเป็นเครื่องมือที่นักปรัชญาใช้เพื่ออธิบายความจริงของเรื่องนั้น คำตอบที่ได้จากการวิเคราะห์นี้  จะเป็นความรู้ที่สมเหตุสมผลและปราศจากข้อสงสัยในเหตุผลในความจริง  เป็นต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

Post Top Ad

Your Ad Spot

หน้าเว็บ