The author's philosophical Ideas
โดยทั่วไปแล้ว ชีวิตมนุษย์ทุกคนตามคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น มีองค์ประกอบของชีวิต ที่สืบเนืองมาจากปัจจัยทางร่างกาย และจิตใจ จิตใจของผู้เขียนใช้อายตนะภายในร่างกายรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิต และรวบรวมไว้เป็นหลักฐานทางอารมณ์ในจิตใจ อย่างไรก็ตาม ธรรมชาติชีวิตของผู้เขียนไม่ได้ขึ้นอยู่กับการรับรู้ และเก็บหลักฐานทางอารมณ์เพียงอย่างเดียว แต่ชีวิตของผู้เขียนยังมีธรรมชาติของนักคิด เมื่อผู้เขียนทราบเรื่องใด เขาจะคิดโดยอาศัยหลักฐานทางอารมณ์นั้น
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อผู้เขียนได้ยินว่า เจ้าชายสิทธ้ตถะเสด็จหนีออกจากปราสาทในพระราชวังกบิลพัสดุ์ เพื่อแสวงหาสัจธรรมแห่งชีวิต ผู้เขียนก็ไม่เชื่อเรื่องนี้ทันที ผู้เขียนสงสัยว่าเหตุใดเจ้าชายสิทธัตถะจึงทรงเลือกผนวชเป็นพระโพธิสัตว์ เพื่อแสวงหาความจริงของชีวิต ในเมื่อพระองค์ทรงดำรงชีวิตอย่างสุขสบาย ประทับอยู่ในปราสาท ๓ หลัง มีข้าราชบริพาร ๔๐,๐๐๐ คนรับใช้พระองค์ตลอดเวลา ทรงสวมเสื้อผ้าต่างประเทศที่ตัดเย็บอย่างประณีต ซึ่งทำจากผ้าไหมกาสีชั้นดีอันเลืองชื่อทั่วอนุทวีปอินเดีย และทรงเพลิดเพลินกับดนตรีอันไพเราะ ชึ่งนำความสงบสุขมาสู่พระองค์อยู่เสมอ
เมื่อผู้เขียนศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ผู้เขียนได้ยินมาว่าสมัยพุทธกาล พราหมณ์บางรูปในอนุทวีปอินเดียเป็นนักตรรกะและนักปรัชญา เมื่อได้ยินข้อเท็จจริงในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง พวกเขาจะแสดงความคิดเห็นโดยใช้เหตุผลอธิบายความจริง หรือคาดคะเนความจริงเป็นอย่างนี้ว่า "อัตตา" โลกเที่ยง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ธรรมชาติของมนุษย์มีอายตนะภายในที่จำกัดในการรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในป่าที่ห่างไกลอันไกลโพ้น ถ้ำ หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอาคาร สถานที่ซ่อนเร้น เป็นต้น นอกจากนี้ มนุษย์ยังมีความคิดที่เห็นแก่ตัวและมักอคติต่อผู้อื่น ชีวิตของพราหมณ์เหล่านั้นจึงเต็มไปด้วยความมืดมน พวกเขาจึงขาดปัญญาที่จะเข้าใจความจริงที่สมมติขึ้นและความจริงขั้นปรมัตถ์ และขาดความสามารถในการคิดอย่างมีเหตุผล เป็นเครื่องมือสำหรับนักปรัชญาในการอธิบายความจริงในเรื่อง ๆ หนึ่งด้วยตนเอง บางครั้งพวกเขาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความจริงอย่างถูกต้อง บางครั้งพวกเขาอาจใช้เหตุผลเพื่ออธิบายความจริงอย่างไม่ถูกต้อง บางครั้งพวกเขาอาจใช้เหตุผลเพื่ออธิบายความจริงในลักษณะนี้ บางครั้งพวกเขาอาจใช้เหตุผลเพื่ออธิบายความจริงในลักษณะนั้น เป็นต้น
เมื่อพวกเขามีหลักฐานทางอารมณ์ที่เพียงพอ พวกเขาสามารถใช้หลักฐานนั้น เป็นข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์ โดยอนุมานความรู้เพื่อพิสูจน์ความจริงของเรื่องนั้น และใช้เหตุผลเพื่ออธิบายความจริงในเรื่องนั้น อย่างไรก็ตาม ธรรมชาติของมนุษย์คือ พวกเขาเกิดมาโดยปราศจากความรู้เกี่ยวกับความจริงที่สมมติขึ้น และความจริงขั้นปรมัตถ์ จึงไม่สามารถแยกแยะสิ่งที่เข้ามาในชีวิตของพวกเขา เช่น ความจริงหรือความเท็จ บาปหรือบุญ กรรมดีหรือกรรมชั่ว ความจริงที่สมมติขึ้นหรือความจริงขั้นปรมัตถ์ สิ่งเหล่านี้นำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาด ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของตนเองเป็นต้น
เพื่อแก้ปัญหาความคิดเห็นที่คลุมเครือของนักตรรกศาสตร์และนักปรัชญา พระพุทธเจ้าทรงสอนว่าเมื่อนักตรรกะ นักปรัชญาได้ ยินความจริงในเรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้ว พวกเขาควรไม่เชื่อทันทีว่าเป็นความจริงอย่างที่ได้ยินมา พวกเขาควรสงสัยไว้ก่อน จนกว่าพวกเขาจะได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐาน เมื่อมีหลักฐานเพียงพอ ก็สามารถนำไปใช้เป็นข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้เพื่อพิสูจน์ความจริง โดยใช้เหตุผล มาอธิบายความจริงของคำตอบในเรื่องนั้น จากนั้นพวกเขาสามารถนำความรู้จากคำตอบนั้นเป็นแนวทางในการตัดสินใจ บนเส้นทางแห่งความก้าวหน้าในชีวิตของตนเอง เนื่องจากมนุษย์มีตัณหาที่แตกต่างกัน และซ่อนอยู่ในจิตใจของแต่ละคน ไม่มีใครจะรู้ได้จนกว่าจะแสดงเจตนาในการกระทำของตน เพื่อแสวงหาสิ่งที่จะสนองความต้องการของตนเอง
ส่วนเหตุผลในการเขียนปรัชญาพุทธภูมินั้น เป็นเพราะผู้เขียนต้องการเสนออัตลักษณ์ทางปรัชญาของตนเองซึ่งรวมถึงมุมมองต่อโลก มนุษย์ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ และมุมมองต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์โดยอ้างอิงจากหลักฐานเบื้องต้นในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย การนำเสนอนี้เป็นเพียงความจริงของปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งสอดคล้องกับระบบการศึกษาทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก ที่เน้นศึกษาเชิงวิเคราะห์ โดยยึดหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าที่พระองค์ทรงปฏิบัติมาก่อน หลังจากพระเจ้าอโศกมหาราชทรงส่งพระธรรมทูตไปเผยแผ่ความรู้ด้านพุทธศาสนาไปยังชาวตะวันตก นักปรัชญาตะวันตกได้ใช้ความรู้ขั้นปรมัตถ์ของพระองค์มาเพื่ออธิบายความจริงซึ่งเป็นความรู้ที่เหนือความเข้าใจของมนุษย์ขึ้น
ตามแนวคิดของปรัชญาตะวันตก นักปรัชญาตะวันตกได้บูรณาการพระพุทธศาสนา ปรัชญาตะวันตกอย่างสอดคล้องต้องกัน อย่างไรก็ตาม การใช้เหตุผลอธิบายความจริงแบบปรัชญาตะวันตกไม่สามารถช่วยให้ชาวตะวันตกเข้าถึงความจริง เพื่อการหลุดพ้นจากความทุกข์ได้ นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกศึกษาประเด็นใหม่ ๆ โดยสร้างเครื่องมือวิทยาศาสตร์มาช่วยแสวงหาหลักฐานใหม่ ๆเพื่อประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น เป็นเรื่องที่มนุษย์ต้องตัดสินใจด้วยตนเอง เพราะมนุษย์มักมีเหตุผลในการกระทำของตนเอง โดยธรรมชาติแล้ว ผู้เขียนก็เช่นเดียวกับมนุษย์ทุกคน ที่มีจิตใจที่อาศัยร่างกายและใช้ร่างกายรับรู้ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ และเหตุการณ์ทางสังคมที่เกิดขึ้นแล้ว เมื่อรับรู้อารมณ์เหล่านี้ ผู้เขียนจะสั่งสมอารมณ์เหล่านี้ไว้ในจิตใจและใช้เป็นข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์โดยการอนุมานความรู้เพื่อพิสูจน์ความจริงของเรื่องเหล่านั้น
เมื่อปรัชญาเป็นความรู้ของนักปรัชญา ต้นกำเนิดความรู้นั้นเกิดจากอายตนะภายในของนักปรัชญา ซึ่งเชื่อมโยงกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติและเหตุการณ์ทางสังคมที่เกิดขึ้น จิตใจของนักปรัชญาเก็บเรื่องราวเหล่านั้นไว้เป็นหลักฐานทางอารมณ์ในจิตใจ เมื่อนักปรัชญาวิเคราะห์หลักฐานทางอารมณ์โดยอนุมานความรู้ แต่ข้อเท็จจริงยังไม่แน่ชัดเจนว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ? ดังนั้น นักปรัชญาจึงสงสัยในข้อเท็จจริงดังกล่าว และแสวงหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนั้นโดยการตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม จากนั้นจึงวิเคราะห์หลักฐานเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในประเด็นนั้น เมื่อผลการวิเคราะห์ข้อมูลพร้อม นักปรัชญาสามารถใช้เหตุผลเพื่ออธิบายความจริงของคำตอบ และนำเสนอปัญหาของความจริงต่อสังคม เมื่อความจริงถูกเปิดเผยต่อสังคมคำตอบ จะมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและผู้ที่โต้แย้งข้อเท็จจริงที่ไม่เห็นด้วยกับเหตุผลของนักปรัชญา ซึ่งเป็นหน้าที่ของบุคคลที่จะต้องหาหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อหักล้างความจริงของคำตอบของนักปรัชญาคนนั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น