The greatest discovery is the natural laws of human life. That everyone is equal Without choosing a social caste as the basis for determining humanity When the soul is the real person of man That accumulates knowledge from the mind with reasons And show his intention to act accordingly Would receive the result of Own action

Breaking

Post Top Ad

Your Ad Spot

วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

๑๒.บทสรุปเหตุผลในการเขียนปรัชญาพุทธภูมินั้น

 11. Summarize the reasons for writing that philosophy

               เมื่อปรัชญา    พระพุทธศาสนา          และวิทยาศาสตร์     เป็นความรู้ของมนุษย์     แล้วมนุษย์ก็สร้างองค์ความรู้ของปรัชญา   พระพุทธศาสนา   และวิทยาศาสตร์ได้อย่างไร ?     เพราะชีวิตมนุษย์เกิดมาจากปัจจัยทางร่างกายและจิตใจ      จิตใจของมนุษย์ใช้ร่างกายรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิต     และเก็บเรื่องราวต่าง ๆ     เป็นหลักฐานทางอารมณ์ไว้ในจิตใจ จนกลายเป็นความทรงจำในจิตใจของตน
   
              แต่เมื่อชีวิตมนุษย์มีอายตนะภายใน (sense) ร่างกาย   ที่มีข้อจำกัดในการรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ     ซึ่งเป็นความรู้ในระดับประสาทสัมผัสและความรู้ในระดับเกินขอบเขตประสาทสัมผัสของมนุษย์  และมีอคติต่อผู้อื่น ชีวิตของมนุษย์จึงเต็มไปด้วยมืดมน       ไม่รู้จักแยกแยะว่าความคิดเห็นไหนจริงหรือเท็จ              พระพุทธเจ้าทรงสร้างองค์ความรู้ที่เรียกว่าวิธีพิจารณาความจริงของพระพุทธศาสนา   เพื่อเป็นมาตรฐานความรู้ในการตัดสินความจริงเรื่องราวต่าง ๆ   

                  กล่าวคือ  ในสมัยก่อนพุทธกาล ชาวอนุทวีปอินเดียมีความเชื่อว่ามีอยู่เทพเจ้าสร้างมนุษย์และวรรณะ      เพื่อให้มนุษย์ปฏิบัติหน้าที่ตามวรรณะที่ตนเกิดมา     เมื่อคนในอนุทวีปอินเดียได้ฟังคำสอนในเรื่องนี้จากพราหมณ์         พวกเขาก็ยอมรับความจริงในเรื่องนี้โดยปริยายว่าเป็นความจริง       โดยไม่สงสัยในข้อเท็จจริงอีกต่อไป เมื่อจิตใจมนุษย์ มีหน้าที่คิดจากสิ่งที่รู้          และมีหน้าที่วิเคราะห์โดยอนุมานความรู้จากหลักฐาน       เพื่อพิสูจน์ความจริงของเรื่องที่น่าสงสัยนั้น  โดยใช้เหตุผล ซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญาในการอธิบายความจริงในเรื่องการมีอยู่ของเทพเจ้านั้น       

              ดังนั้น ที่มาของความรู้ทั้ง ๓ ด้าน  คือความรู้จากประสบการณ์ชีวิตผ่านประสาทสัมผัส       และสั่งสมอยู่ในจิตใจของมนุษย์ทั้งสามวิชา  ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อนักปรัชญา เจ้าชายสิทธัตถะ      และนักวิทยาศาสตร์ได้ยินข้อเท็จจริงในเรื่องใด?        เมื่อวิเคราะห์หลักฐาน แต่พิสูจน์ความจริงได้ไม่ชัดเจนว่าที่มาของความรู้มาจากไหน       พวกเขาสงสัยเกี่ยวกับความจริงของเรื่องนั้นตั้งประเด็นที่น่าสงสัย          เพื่อกำหนดขอบเขตของการศึกษาหลังจากนั้น   นักปรัชญา       เจ้าชายสิทธัตถะและนักวิทยาศาสตร์  ก็จะสืบเสาะข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐานเป็นข้อมูล        เพื่อวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้หาเหตุผลพิสูจน์ข้อเท็จจริงของคำตอบ       แต่ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเรื่องราวปรากฏในจิตใจของพระพุทธเจ้า      นักปรัชญาและนักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่ชัดเจนว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร   

       นักปรัชญา พระพุทธเจ้า  และนักวิทยาศาสตร์ต้องการหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อวิเคราะห์หลักฐาน      เพื่อหาเหตุผลยืนยันข้อเท็จจริงของคำตอบเพื่อให้ความจริงเป็นที่สิ้นสุดและไม่เปลี่ยนแปลงโดยทั่วไป           พยานหลักฐานทางปรัชญาส่วนใหญ่เป็นพยานบุคคล          แต่ธรรมชาติของพยานบุคคล       มักเป็นคนมีอคติและไม่มีความรู้จากประสบการณ์ของชีวิตผ่านประสาทสัมผัสของตน   และสั่งสมอยู่ในจิตใจของตนเองจึงไม่สามารถให้ยืนยันข้อเท็จจริงของคำตอบได้    หากเป็นพยานหลักฐานก็ไม่มีความเชื่อถือแม้จะให้การยืนยันก็มีน้ำหนักน้อย     ไม่อาจรับฟังเป็นพยานหลักฐานยืนข้อเท็จจริงในเรื่องที่น่างสงสัยได้             ตัวอย่างเช่น  ในยุครุ่งเรืองของศาสนาพราหมณ์      เพราะผู้คนเชื่อว่าเทพเจ้ามีอยู่จริง  ยอมบูชาเทพเจ้าด้วยของที่มีค่าต่าง  ๆ            และสร้างความร่ำรวยให้นิกายต่าง ๆ               ของพราหมณ์ ทำให้เกิดอารยธรรมของการบูชาที่เกี่ยวเนื่องกับเศรษฐกิจ      

                   เมื่อนิกายต่าง ๆ คิดหาเหตุผลรักษาศรัทธาและประโยชน์จากการบูชาเทพเจ้าของตนว่ามีอำนาจเหนือเทพเจ้าอื่นๆ   สามารถช่วยให้วรรณะกษัตริย์ทรงประสบความสำเร็จในการปกครองอาณาจักรของพระองค์ได้และแต่งตั้งพราหมณ์เป็นปุโรหิตที่ปรึกษาของมหาราชาแห่งอาณาจักรต่างๆ      จึงเสนอให้ตรากฎหมายจารีตประเพณีว่าด้วยวรรณะ               เพื่อจำกัดสิทธิหน้าที่ในการบูชาเทวดาของพราหมณ์ดราวิเดียน โดยอ้างความมั่นคงแห่งอาณาจักร           และความเจริญรุ่งเรืองของชาวอารยันเพียงฝ่ายเดียว โดยเฉพาะพราหมณ์อารยันอ้างว่าพระพรหมสร้างมนุษย์ขึ้น     มาจากกายของพระองค์และสร้างวรรณะให้กับมนุษย์ทำงานตามวรรณะที่ตนเกิด  

                 เมื่อประกาศใช้บังคับกฎหมายจารีตประเพณีว่าด้วยวรรณะแล้ว ทำให้พราหมณ์อารยันผูกขาดการบูชาเทพเจ้าเพียงฝ่ายเดียว  ส่วนพราหมณ์ดราวิเดียนหมดหน้าทีในการบูชายัญต่อไป    มีหน้าที่เป็นเพียงคนใช้วรรณะสูงเท่านั้น     และมีข้อห้ามแต่งงานข้ามวรรณะ แต่ชาวสักกะมีชีวิตที่อ่อนแอจึงไม่สามารถควบคุมราคะของตนเองได้  ทำให้เกิดความสมัครรักใคร่กันฉันท์ชู้สาว   ทำให้เกิดปัญหาจัณฑาลที่ถูกลงพรหมทัณฑ์จากสังคมตลอดชีวิต    ต้องใช้ชีวิตเร่ร่อนไปตามท้องถนนในวัยชรา เจ็บป่วยเป็นไข้ และนอนตายข้างถนน

      เจ้าชายสิทธัตถะทรงเห็นปัญหาของจัณฑาล จึงทรงตั้งพระทัยที่จะปฏิรูปสังคม โดยยกเลิกระบบวรรณะในสังคม แต่พระองค์ทรงไม่สามารถทำได้ เพราะขัดต่อหลักอปริหานิยธรรม ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสักกะ มาตรา๓  ซึ่งห้ามยกเลิกกฎหมาย  กล่าวคือ เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะทรงได้ยินข้อเท็จจริงเรื่องพระพรหมและอิศวรแล้ว พระองค์ตรัสถามพราหมณ์ปุโรหิตว่าพระพรหมและพระอิศวรมีความเป็นมาอย่างไร ไม่มีพราหมณ์ปุโรหิตคนใดตอบพระองค์ได้ จึงทำให้พระองค์ทรงเกิดความสงสัยในความจริงของพระพรหมและพระอิศวร เป็นต้น 

            เมื่อพระโพธิสัตว์โคตมะทรงได้พัฒนาศักยภาพชีวิต ด้วยอริยมรรคมีองค์ ๘ จนตรัสรู้ (รู้แจ้ง) กฎธรรมชาติของชีวิตมนุษย์ คือ ความรู้ในระดับอภิญญา๖ และผลแห่งการปฏิบัติธรรมตามอริยมรรคมีองค์ ๘ ของพระพุทธเจ้านั้น พระองค์ทรงนำไปทดสอบกับนักปรัชญา นักปราชญ์ศาสนา นักบวช  นักพรต   พราหมณ์   ผู้นำนิกายต่าง   ๆ    วรรณะกษัตริย์ และองคุลีมาลโจรผู้ยิ่งใหญ่     เมื่อพวกเขาลงมือปฏิบัติตามมรรคมีองค์ ๘ แล้ว  ก็สามารถบรรลุถึงความจริงในระดับอภิญญา ๖ ได้เช่นเดียวกับพระพุทธเจ้า เป็นต้น 

        ความรู้ทางวิทยาศาสตร์นั้น เป็นความรู้ที่เกิดจากประสบการณ์ชีวิตผ่านอายตนะภายในร่างกาย และสั่งสมหลักฐานทางอารมณ์ไว้ในจิตใจของตนเอง    แต่เมื่อนำมาใช้เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้  หรือคาดคะเนความจริงเพื่อพิสูจน์ความจริงในเรื่องนั้น โดยการใช้เหตุผลซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญา ในการอธิบายความจริงในเรื่องนั้้น ๆ   แต่ผลการวิเคราะห์ข้อมูลยังไม่ชัดเจนเพียงพอ  ทำให้เกิดความสงสัยในความสมเหตุสมผลในคำตอบนั้น ทั้งนี้เป็นเพราะมนุษย์มีอายตนะภายในร่างกายมีข้อจำกัดในการรับรู้สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตและมนุษย์มักจะมีอคติแฝงอยู่ในจิตใจ ชีวิตของมนุษย์จึงเต็มไปด้วยความมืดมน  จึงไม่มีปัญญาหยั่งรู้หรือไม่สามารถกำหนดรู้จากอำนาจสมาธิ   หรือ   ไม่มีความสามารถหยั่งรู้เป็นพิเศษ  เป็นต้น   

    มนุษย์จำเป็นต้องพัฒนาศักยภาพของชีวิต จนมีทักษะในสร้างเทคโนโลยี่คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตขึ้นมาช่วยวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อหาเหตุผลคำตอบที่มีความเที่ยงตรงแม่นยำไม่เบี่ยงเบียนไปทางใดทางหนึ่ง แม้ผลของการวิเคราะห์ข้อมูลจากเครื่องมือวิทยาศาสตร์จะตรงไปตรงมาก็ตามแต่ผู้อ่านก็คือจิตมนุษย์ว่าความจริงที่ได้นั้น มีเหตุผลเพียงพอสำหรับลงโทษผู้กระทำผิดสำหรับผู้พิพากษาหรือ เมื่อได้ผลการวิเคราะห์ข้อมูลควรรักษาทางยาต่อไปในปริมาณยาขนาดเท่าไหร่สำหรับหมอหรือผลการอ่านข้อมูลด้วยการสอบอารมณ์ของผู้ปฏิบัติว่าเป็นเพราะอุปทานหรือแกล้งบ้า เป็นต้น  

         เมื่อความรู้เรื่องกฎธรรมชาติของพระพุทธเจ้านั้น ก็นำประยุกต์ใช้กับวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ที่แยกจากปรัชญา  โดยใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์มาตรวจสอบของการพัฒนาศักยภาพชีวิตมนุษย์ด้วยวิธีการปฏิบัติสมาธิมีการตรวจสอบคลื่นสองก่อนฝึกสมาธินั้นว่า สภาพของคลื่นสมองมีลักษณะเป็นอย่างไร หลังจากปฏิบัติสมาธิแล้วคลื่นสมองมีลักษณะเป็นอย่างไร ที่จะแสดงให้เห็นว่าจิตผู้นั้นได้รับการพัฒนาศักยภาพจน มีความมั่นคงและหนักแน่นไม่หวั่นไหวต่อปัญหาของชีวิต ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตได้มากน้อยเพียงใด กระบวนการเรียนรู้ของมนุษย์ในยุคปัจจุบันนั้นไม่ว่าจะเป็นสาขาวิชาใด มนุษย์ควรถูกพัฒนาศักยภาพของตนให้สอดคล้องกับหลักวิชาการทางพุทธปรัชญา หรือพุทธศาสนามากยิ่งขึ้น 

            ดังนั้นผู้เขียนจึงต้องวางแนวคิดของการเขียนปรัชญาแดนพุทธภูมิมีจุดเริ่มจากความสงสัยของเจ้าชายสิทธัตถะก่อนออกผนวช ขั้นตอนต่อไปก็หาข้อมูลจากพยานเอกสาร พยานวัตถ     พยานบุคคลและพยานเอกสารดิจิทัล มาวิเคราะห์เพื่อหาเหตุผลของคำตอบกันในประเด็นที่สงสัย    เมื่อใช้วิธีวิเคราะห์หลายครั้งหาเหตุผลของคำตอบอย่างเดียวกันถือว่า เป็นความรู้ที่ผ่านเกณฑ์การตัดสินอย่างสมเหตุสมผล ปราศจากข้อพิรุธสงสัยในข้อเท็จจริงอีกต่อไปจึงจะถือว่าเป็นความรู้และความจริงในประเด็นนั้น เป็นต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

Post Top Ad

Your Ad Spot

หน้าเว็บ