The greatest discovery is the natural laws of human life. That everyone is equal Without choosing a social caste as the basis for determining humanity When the soul is the real person of man That accumulates knowledge from the mind with reasons And show his intention to act accordingly Would receive the result of Own action

Breaking

Post Top Ad

Your Ad Spot

วันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2568

บทนำ พระพุทธศาสนาเป็นศาสนา ปรัชญา และวิทยาศาสตร์หรือไม่

Introduction Is Buddhism a religion, philosophy, and  science?

บทนำ ความเป็นมาและความสำคัญของปรัชญา 

                โดยทั่วไป ปรัชญา พุทธศาสนาและวิทยาศาสตร์ ถือเป็นความรู้ของมนุษย์โดยทั่วไป  วิชาปรัชญาเรา
เรียกเจ้าของความรู้ว่า "นักปรัชญา" วิชาพระพุทธเจ้าเราเรียกเจ้าของความรู้ว่า "พระพุทธเจ้า"  และวิชาวิทยาศาสตร์เราเรียกเจ้าของความว่า "นักวิทยาศาสตร์" เมื่อเราได้ยินข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวิชาเหล่านี้ เราในฐานะนักศึกษาต่างสงสัยว่า ต้นกำเนิดความรู้ของมนุษย์ในวิชาเหล่านี้มาจากไหน  ?  ในยุคก่อนพุทธศาสนา ชีวิตของมนุษย์เต็มไปด้วยความมืดมน     พวกเขาจึงขาดปัญญาที่จะเข้าใจความจริงที่สมมติขึ้นและความจริงขั้นปรมัตถ์ จึงไม่สามารถคิดโดยใช้เหตุผล เป็นเครื่องมือใช้ในการอธิบายความจริงได้อย่างสมเหตุสมผล

           ทำไมมนุษย์จึงแสวงหาความรู้ ? โดยทั่วไปแล้ว ชีวิตของมนุษย์มีอายตนะภายในที่มีข้อจำกัดในการรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต และเก็บเรื่องราวไว้เป็นข้อมูลทางอารมณ์ในจิตใจ    อย่างไรก็ตาม มนุษย์ไม่ได้มีลักษณะเพียงแค่รับรู้ และสั่งสมเรื่องราวไว้เป็นหลักฐานทางอารมณ์เท่านั้น  แต่มนุษย์ยังมีลักษณะการเป็นนักคิดอีกด้วย  เมื่อรับรู้สิ่งใด    จิตใจจะคิดจากสิ่งนั้น   เมื่อคิดแล้ว  พวกเขาจะใช้เหตุผล ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับนักปรัชญาในการอธิบายความจริงของเรื่องนั้น  ๆ เป็นต้น  แต่การใช้เหตุผลของมนุษย์บางครั้งสามารถใช้เหตุผลอธิบายความจริงได้อย่างถูกต้อง    บางครั้งอาจอธิบายความจริงไม่ถูกต้อง  บางครั้งอาจใช้เหตุผลแบบนี้และบางครั้งก็ใช้เหตุผลแบบนั้น         เมื่อวิญญูชนเช่นเจ้าชายสิทธัตถะหรือพระพุทธเจ้าทรงได้ยินความเห็นของมนุษย์ที่ใช้เหตุผลอธิบายความจริงในลักษณะคลุมเครือและไม่ชัดเจนว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร พระองค์ทรงไม่เชื่อว่าความเห็นในเรื่องนั้นเป็นความจริง                    
 
          ตัวอย่างเช่น  เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะทอดพระเนตรเห็นจัณฑาลใช้ชีวิตอยู่ข้างถนนแม้อยู่ในวัยชรา   เจ็บป่วยและนอนตายอยู่ข้างถนน และนักบวชออกเดินทางไปหาแสวงหาสัจธรรมของชีวิตตามสถานที่ต่าง ๆ   พระองคก็ทรงสงสัยใคร่รู้ถึงภูมิหลังของบุคคลเหล่านั้น  เมื่อพระองค์ทรงสืบเสาะข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ และรวบรวมพยานหลักฐานจากคำให้การของพราหมณ์ในสำนักต่าง ๆ  เมื่อได้หลักฐานเพียงพอแล้ว  พระองค์ก็จะทรงวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้จากหลักฐานต่าง ๆ  เพื่อหาเหตุผลในการอธิบายความจริงของคำตอบในเรื่องนี้  แม้ว่ามหาราชาบางพระองค์จากอาณาจักรต่าง  ๆ  ในอนุทวีปอินเดีย    จะได้รับการศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแห่งเมืองตักศิลา เมืองหลวงของอาณาจักรปัญจาบ สถาบันแห่งนี้เปิดสอนศิลปศาสตร์ ๑๘ สาขา ให้แก่เจ้าชายจากอาณาจักรต่าง ๆ  ทั่วอนุทวีปอินเดีย  ยกตัวอย่าง เช่นพระเจ้าปเสนทิโกศลทรงสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเมืองตักศิลา อาณาจักรปัญจาบ  เป็นต้น

             ปัญหาก็คือ ประวัติความเป็นมาของนิมิตทั้ง ๔ นี้เป็นอย่างไร ? เมื่อผู้เขียนศึกษานิมิตทั้ง ๔ นี้จากหลักฐานในพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ซึ่งบันทึกรายละเอียดไว้เพียงอย่างคลุมเครือและไม่มีรายละเอียดชัดเจนว่านิมิตทั้ง ๔ นี้คืออะไรและมีประวัติความเป็นมาอย่างไร    หากผู้เขียนแสดงความคิดเห็นในเรื่องนิมิต ๔ ของตนเองตามหลักเหตุผลและคาดคะเนความจริงแล้ว การใช้เหตุผลอธิบายความจริงในเรื่องนิมิต ๔  ของผู้เขียนคงเหมือนกับพราหมณ์ในโลกที่เป็นนักตรรกศาสตร์และนักปรัชญาในสมัยพุทธกาล บางครั้งใช้เหตุผลอย่างถูกต้อง บ้างครั้งใช้เหตุผลไม่ถูกต้อง  บางครั้งใช้เหตุผลในลักษณะนี้ หรือในลักษณะนั้น   เมื่อวิญญูชนเช่นเจ้าชายสิทธัตถะ ได้ยินความคิดเห็นของนักตรรกศาสตร์และนักปรัชญา ที่ใช้ในการใช้เหตุผลอย่างคลุมเครือ และไม่ชัดเจน เพื่ออธิบายความจริงเกี่ยวกับนิมิตทั้ง ๔ ประการแล้ว  วิญญูชนจะไม่เชื่อความเคิดเห็นดังกล่าวเป็นความจริง 

          เมื่อความคิดเห็นนักตรรกศาสตร์และนักปรัชญาในสมัยพุทธกาลนั้น      ถูกมองว่าไม่น่าเชื่อถือเนื่องจากการใช้เหตุผลที่คลุมเครือและไม่ชัดเจน  พระพุทธเจ้าจึงทรงสอนว่า เมื่อได้ยินข้อเท็จจริงในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง อย่าเพิ่งเชื่อว่าเป็นความจริงทันที  ควรสงสัยไว้ก่อนจนกว่าจะได้สอบสวนข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐาน   เมื่อมีหลักฐานเพียงพอแล้ว วิเคราะห์หลักฐานเหล่านั้นโดยการอนุมานความรู้ เพื่อพิสูจน์ความจริงในเรื่องนั้น โดยใช้เหตุผลซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญา ใช้ในการอธิบายความจริงของคำตอบ การฟังความคิดเห็นของพยานเพียงคนเดียวมีน้ำหนักน้อยและไม่น่าเชื่อถือว่าเรื่องนั้นเป็นความจริง เพราะมนุษย์มีความสามารถในการรับรู้ข้อเท็จจริงจำกัด และมนุษย์มักมีอคติต่อผู้อื่น  เนื่องจากความไม่รู้ ความเกลียดชัง ความรักและความกลัวของตนเอง เป็นต้น พวกเขามักจะยืนยันข้อเท็จจริงที่่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนำไปสู่เกิดความไม่บริสุทธิ์และอยุติธรรม ในการอภิปรายประเด็นต่าง ๆ ในสังคม 

            สิ่งนี้ทำให้ผู้เขียนสงสัยว่าพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นได้อย่างไร? เพราะในยุคก่อนพุทธกาล   เป็นยุคที่ศาสนาพราหมณ์เจริญรุ่งเรืองอย่างไรก็ตาม ชีวิตของมนุษย์ในอนุทวีปอินเดียกลับตกอยู่ในความมืดมนทางปัญญา เพราะถูกครอบงำด้วยความเชื่อในคำสอนของพราหมณ์ ซึ่งมีเหตุผลยืนยันความจริงที่ว่า พระพรหมได้สร้างมนุษยชาติ และวรรณะให้มนุษย์ที่พระองค์สร้างขึ้นมาเพื่อทำงานตามวรรณะที่พวกเขาเกิดมา    อย่างไรก็ตาม คำสอนของพราหมณ์นั้นมีทั้งผู้ศรัทธาและผู้ไม่ศรัทธาปฏิบัติตาม เพราะเมื่อปฏิบัติตามคำสอนของพราหมณ์โดยประกอบพิธีบูชาเทพเจ้าด้วยเครื่องบูชาอันมีมูลค่า แต่เมื่อบูชาแล้วใช่ว่าทุกคนที่ประสบความสำเร็จตามที่ปรารถนา สิ่งนี้ทำให้มนุษย์เกิดความสงสัยการมีอยู่ของเทพเจ้า 

            พวกพราหมณ์แก้ปัญหานี้ โดยการสร้างเทพเจ้าองค์ใหม่ขึ้นเพื่อให้ยังคงศรัทธาในเทพเจ้าองค์ใหม่ต่อไป     อย่างไรก็ตาม ผลบุญอันยิ่งใหญ่จากการบูชา ยังสร้างความมั่งคั่งให้กับพราหมณ์อารยัน  และพราหมณ์ดราวิเดียน   เมื่อพวกพราหมณ์อารยันได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาของกษัตริย์ในเรื่องกฎหมาย ขนบธรรม และจารีตประเพณี พวกเขาจึงมีอำนาจทางการเมือง เพื่อรักษาผลประโยชน์จากการบูชา พราหมณ์อารยันในฐานะปุโรหิจ   จึงเสนอแนะความเห็นต่อรัฐสภาศากยวงศ์ ให้บัญญัติคำสอนของพราหมณ์เป็นทั้งคำสอนทางศาสนาพราหมณ์และกฎหมายวรรณะและจารีตประเพณี  เมื่อบัญญัติเป็นกฎหมายจารีตประเพณีแล้ว  ย่อมมีสภาพบังคับตามกฎหมายให้ประชาชนต้องปฏิบัติตามคือห้ามประชาชนในแคว้นสักกะมีเพศสัมพันธ์กับคนต่างวรรณะ และห้ามประชาชนปฏิบัติหน้าที่ของวรรณะอื่น ผู้ใดฝ่าฝืน พระพรหมจะลงโทษผู้กระทำผิดต่อศาสนาพราหมณ์ และกฎหมายจารีตประเพณีอย่างร้ายแรง เป็นต้น  

           เมื่อมีการตรากฎหมายวรรณะและจารีตประเพณีแล้ว  ก็มีการลงโทษที่ห้ามการแต่งงานข้ามวรรณะ และห้ามประชาชนมิให้ปฏิบัติหน้าที่ของวรรณะอื่น  อย่างไรก็ตาม เมื่อประชาชนเป็นบุคคลมีกิเลสตัณหาและเกิดมาพร้อมกับความไม่รู้  พวกเขากระทำผิดต่อคำสอนในศาสนาและกฎหมายวรรณะ   พระพรหมจึงลงโทษพวกเขาโดยให้คนในสังคมลงโทษอย่างรุนแรง ให้ขับไล่ออกจากสังคมไปตลอดชีวิต  พวกเขาต้องหนีไปอยู่เมืองใหญ่ ๆ เช่นพระนครกบิลพัสดุ์ เทวทหะ พาราณสี สาวัตถี เป็นต้น  พวกเขาต้องใช้ชีวิตอย่างคนไร้บ้านแม้จะอยู่ในวัยชรา เจ็บป่วยและนอนตายอยู่ข้างถนน เป็นต้น 

           เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะทอดพระเนตรสภาพอันเลวร้ายของพวกจัณฑาลซึ่งเป็นปัญหาสำคัญในอาณาจักรสักกะ เพราะถูกจำกัดด้วยกฎหมายวรรณะและจารีตประเพณีในสิทธิ เสรีภาพและหน้าที่ในการประกอบอาชีพ การศึกษาและการมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศ การนับถือศาสนาตามความเชื่อของตนเอง และการไม่เคารพนับถือในสังคม เนื่องจากประชาชนละมิดคำสอนทางศาสนาและกฎหมายจารีตประเพณีการแบ่งชนชั้นวรรณะ        พวกเขาจึงถูกพระพรหมลงโทษและพระพรหมทรงสั่งให้คนในสังคมขับไล่พวกเขาออกจากบ้านเรือนไปตลอดชีวิต พวกเขาต้องใช้ชีวิตเร่ร่อนอยู่บนท้องถนนในพระนครกบิลพัสดุ์ไปตลอดชีวิต  แม้จะแก่ชรา เจ็บป่วยและเสียชีวิตบนถนนในเมืองใหญ่ เป็นต้น     เมื่อพระองค์ทรงตัดสินพระทัยที่จะปฏิรูปสังคมตามสิทธิและหน้าที่ตามวรรณะที่พระองค์ประสูติ โดยเสนอร่างกฎหมายจารีตประเพณี เกี่ยวกับการยกเลิกวรรณะต่อรัฐสภาแห่งราชวงศ์ศากยะ  เมื่อสมาชิกราชวงศ์ศายะทรงประชุมพิจารณาแล้ว สมาชิกรัฐสภาเห็นพ้องกันว่า  กฎหมายจารีตประเพณีเกี่ยวกับการยกเลิกวรรณะของเจ้าชายสิทธัตถะนั้นขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายจารีตประเพณีสูงสุดในการปกครองประเทศมาตรา ๓  ซึ่งห้ามมิให้ยกเลิกกฎหมายที่บัญญัติไว้แล้ว  เป็นต้น  
 
            การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า  พระองค์ทรงสอนให้มนุษย์มีความรู้ความเข้าใจในชีวิต ชี้นำให้พวกเขาสามารถพัฒนาศักยภาพชีวิตเพื่อให้บรรลุถึงความจริงขั้นปรมัตถ์   ด้วยการปฏิบัติธรรมตามมรรคมีองค์ ๘ สิ่งนี้นำไปสู่ชีวิตที่เข้มแข็งโดยการฝึกฝนจิตใจให้มีสมาธิ บริสุทธิ  ปราศจากความโกรธ          อ่อนโยนเหมาะกับการทำงานร่วมกับผู้อื่น  มีความมั่นคงและไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคในชีวิต การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า แสดงให้เห็นว่าวิญญาณเป็นองค์ประกอบหลักของชีวิตมนุษย์ในครรภ์ของมารดา ไม่ใช่สิ่งที่พระพรหมสร้างขึ้นตามคำสอนของพราหมณ์อารยัน      เมื่อจิตใจอยู่ในร่างกายและใช้อายตนะภายในเป็นสะพานเชื่อมกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต 

             เมื่อจิตใจแสวงหาความรู้เกี่ยวกับความจริงของเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จำเป็นต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐาน เพื่อใช้หลักฐานเหล่านี้เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์ โดยอนุมานความรู้ เพื่อพิสูจน์ความจริง โดยใช้เหตุผลในการอธิบายความจริงของคำตอบที่ต้องการ เมื่อได้รับคำตอบแล้ว  ย่อมเชื่อว่าคำตอบนั้นเป็นความจริง และความรู้กลายเป็นความรู้และสั่งสมอยู่ในจิตใจ  เมื่อความรู้ถูกสั่งสมอยู่ในจิตวิญญาณ ความรู้นั้นก็จะกลายเป็นสัญญาทางจิตใจและไม่มีประโยชน์ใด ๆ ต่อผู้นั้น  เว้นแต่จะนำความรู้ไปสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ในธุรกิจ เช่นเดียวกับบัณฑิตทุกระดับการศึกษา  หากไม่นำความรู้ที่สั่งสมอยู่ในจิตใจไปประกอบอาชีพได้ การทำธุรกิจหรือการช่วยเหลือผู้อื่นให้ได้รับความรู้  ซึ่งเป็นความรู้อยู่ในจิตใจนั้นก็ไม่มีประโยชน์เช่นกัน เพราะเป็นการลงทุนทางศึกษาที่ไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายนั้น 

             พระพุทธศาสนาเป็นศาสนา  ปรัชญา และวิทยาศาสตร์หรือไม่ ?   เมื่อผู้เขียนศึกษาแนวคิดเรื่อง "มนุษย์" จากหลักฐานทั้งในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และพระไตรปิฎกฉบับหลวงแล้ว เราพบว่าความรู้เกี่ยวกับมนุษย์ในพระพุทธศาสนานั้น มีต้นกำเนิดมาจากความสงสัยของเจ้าชายสิทธัตถะเกี่ยวกับความจริงของการมีอยู่ของพระพรหมและพระอิศวรตามคำสอนของพราหมณ์อารยัน พระพรหมเป็นผู้ทรงสร้างมนุษย์และวรรณะต่าง  ๆ  และทรงกำหนดหน้าที่ตามวรรณะที่พวกเขาเกิดมา   เมื่อพระองค์ทรงเห็นว่าชีวิตของชาวกรุงกบิลพัสดุ์ตกอยู่ในความมืดมนแห่งปัญญา เพราะมีการจำกัดสิทธิและหน้าที่ในการศึกษา อาชีพ  ศาสนาพราหมณ์ การมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศและการแต่งงานข้ามวรรณะ เป็นต้น 

          การเลือกปฏิบัติในสังคม จึงนำไปสู่ชีวิตที่ไม่แน่นอน พวกเขาไม่สามารถอธิบายความจริงของคำตอบได้ด้วยตนเอง  พวกเขาต้องอาศัยความเชื่อในศาสนาพราหมณ์ในการประกอบพิธีบูชายัญ เพื่อขอพรเทพเจ้าให้พวกเขาประสบความสำเร็จในความปรารถนา รักษาผลประโยชน์ทางการเมืองและเศรษฐกิจ และเพียงเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของชาวอารยัน สมาชิกรัฐสภาแห่งชาติสักกะจึงได้นำคำสอนของพราหมณ์มาบัญญํติเป็นคำสอนของศาสนาพราหมณ์และกฎหมายจารีตประเพณีเกี่ยวกับวรรณะและเมื่อประกาศใช้แล้ว สมาชิกรัฐสภาไม่สามารถบัญญัติกฎหมายจารีตประเพณี เพื่อยกเลิกกฎหมายจารีตประเพณีเกี่ยวกับวรรณะได้ เนื่องจากเป็นการละเมิดบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมายจารีตประเพณีเกี่ยวกับวรรณะอย่างชัดเจน  

           ดังนั้นเมื่อเจ้าชายสิทธัตถะทอดพระเนตรเห็นจัณฑาลที่ถูกพระพรหมลงโทษ โดยให้ผู้คนในสังคมขับไล่ออกจากบ้านอยู่อาศัยไปตลอดชีวิต และต้องอาศัยอยู่ตามถนนในเมืองกบิลพัสดุ์ แม้ว่าพวกเขาจะชราภาพแล้วก็ยังล้มป่วยไข้ และตายอยู่ริมถนนที่เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จสัญจร พระองค์จึงทรงมีพระทัยที่จะเสนอการปฏิรูปสังคมต่อรัฐสภาศากยะโดยการเสนอร่างกฎหมายยกเลิกวรรณะ อย่างไรก็ตามสมาชิกแห่งรัฐสภาศากยะคัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าว โดยอ้างว่าเป็นการละเมิดต่อหลักธรรมะของกษัตริย์ ซึ่งเป็นรัฐธรรมจารีตประเพณีสูงสุดแห่งราชอาณาจักรสักกะในการปกครองประเทศ เป็นต้น 

             ยิ่งไปกว่านั้น การเปลี่ยนแปลงความเชื่อ และยกเลิกกฎหมายวรรณะเพื่อปฏิรูปสังคมเป็นเรื่องยากลำบาก เนื่องจากประชาชนยังขาดการศึกษาและพัฒนาศักยภาพในการดำรงชีวิตตามมรรคมีองค์ ๘ อันประเสริฐ         พวกเขาจึงขาดปัญญาที่จะเข้าความจริงที่สมมติขึ้นและความจริงขั้นปรมัตถ์  เมื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความจริงของชีวิตในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ศาสนาและวัฒนธรรมแล้ว โดยใช้เหตุผลซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญาในการอธิบายความจริงของเรื่องนั้น       การใช้เหตุผลของประชาชนในอาณาจักรสักกะ เพื่ออธิบายความจริงของเรื่องเหล่านั้น     บางครั้งพวกเขาใช้เหตุผลอย่างถูกต้อง  บางครั้งใช้เหตุผลได้ไม่ถูกต้อง   บางครั้งพวกเขาใช้เหตุผลในลักษณะนี้บ้างหรือในลักษณะนั้นบ้าง   เป็นต้น
   

          เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะทรงไม่สามารถปฏิรูปการเมืองผ่านระบบรัฐสภา โดยการยกเลิกกฎหมายวรรณะจารีตประเพณี และเปลี่ยนความคิดของสมาชิกรัฐสภาศากยวงศ์ได้ในเรื่องความเชื่อในศาสนาพราหมณ์ได้ พระองค์ทรงตัดสินพระทัยเพื่อออกผนวชเป็นพระโพธิสัตว์ ทรงฝึกฝนศักยภาพของพระองค์ในหลากหลายด้าน แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จในการบรรลุความรู้ที่แท้จริงในชีวิต เส้นทางสุดท้ายพระโพธิสัตว์สิทธัตถะทรงเลือกปฏิบัติคือการปฏิบัติธรรมมรรคมีองค์๘ อันประเสริฐเพื่อบรรลุถึงความรู้แท้จริงของชีวิตในระดับอภิญญา ๖ ทรงตรัสรู้กฏธรรมชาติของชีวิตมนุษย์อันเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดชีวิตมนุษย์ใหม่ คือกายและจิตเป็นปัจจัยสำคัญของชีวิต ทั้งสองไม่สามารถขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ 

         ชีวิตมนุษย์ถูกควบคุมด้วยกฎไตรลักษณ์  เมื่อวิญญาณอุบัติในครรภ์มารดาแล้วเกิดขึ้น  ดำรงอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่งแล้วก็ดับไป การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าคือ การตระหนักรู้ในความจริงของชีวิตมนุษย์มนุษย์ทุกคนมีวิญญาณเป็นตัวตนที่แท้จริง จิตวิญญาณยังออกจากร่างของผู้ตายไปเกิดในภพภูมิอื่น   ภพภูมิเหล่านั้นอาจเป็นนรก สวรรค์ หรือโลกมนุษย์    ขึ้นอยู่กับการกระทำของตนเองบางครั้งเรียกว่าอกุศลกรรมบ้าง บางครั้งเรียกว่ากุศลกรรมบ้าง ที่สั่งสมไว้ในจิตของตนเอง นี่คือกฎธรรมชาติของชีวิตมนุษย์    เราไม่สามารถหนีพ้นกฎแห่งกรรมนี้ได้ กรรมที่กระทำไป   ทำให้จิตวิญญาณของผู้กระทำกรรมชั่วไปเกิดในทุคติภูมิ 

       สำหรับบรรดาผู้ทำความดี  แม้มนุษย์จะพยายามป้องกันไม่ให้กรรมเหล่านั้นย้อนกลับมาหาตนด้วยการทำพิธีบูชายัญเทพเจ้าองค์ใด องค์หนึ่ง  เพื่อช่วยให้พ้นจากกรรมของตนเอง  แต่ท้ายที่สุดแล้ว  พวกเขาก็ไม่อาจหลุดพ้นจากรรมนี้ได้      เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้ พระองค์ไม่เพียงแต่ทรงเข้าใจความจริงที่สมมติขึ้น และความจริงขั้นปรมัตถ์ของชีวิตเท่านั้น  แต่ยังทรงประยุกต์ใช้ความรู้นี้มาใช้ด้วย พระองค์ทรงใช้อริยมรรคมีองค์ ๘   สอนให้ชาวอนุทวีปอินเดีย  เพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่นรู้ให้หายมืดมนของชีวิต    โดยสั่งสอนพวกเขาที่จะเข้าใจความจริงของชีวิต  เช่น พระองค์ทรงสอนปัญจวัคคีย์ทั้งห้าให้เป็นพระอริยบุคคล ทรงสอนยสกุลบุตรและเพื่อนอีก ๕๔ คนจนเป็นพระอริยบุคคล    ทรงสอนชลิฏ ๓ พี่น้องและพระสาวกอีก ๑,๐๐๐ รูปให้บรรลุพระอรหันต์  ทรงสั่งสอนพระเจ้าพิมพิสารและชาวราชคฤห์จนบรรลุธรรม ๑๑๐,๐๐๐ คน และสอนชาวกบิลพัสดุ์ให้บรรลุธรรม เป็นต้น

              ดังนั้นผู้เขียนได้ยินข้อเท็จจริงที่ว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนา  ปรัชญา หรือวิทยาศาสตร์  ผู้เขียนมิได้เชื่อข้อเท็จจริงทันทีว่าเป็นว่าเป็นความจริง แต่ผู้เขียนสงสัยไว้ก่อนว่าไม่เป็นความจริง เนื่องจากผู้เขียนมีข้อจำกัดในการรับรู้ผ่านอายตนะภายในร่างกายของตนเอง และมีอคติต่อผู้อื่นเนื่องจากความไม่รู้ของตนเอง ส่งผลให้ผู้เขียนและมนุษย์ทุกคนเต็มไปด้วยความมืดมนของชีวิต และขาดปัญญาที่จะเข้าใจความจริงที่สมมติขึ้น เช่นประวัติความเป็นมาของมนุษย์ชาติ  หรือเรื่องราวของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นเหตุการณ์นี้จึงเกิดขึ้นเมื่อกว่า ๒,๕๐๐ ปีก่อน  และความจริงขั้นปรมัต์ เช่น สภาวะของอภิญญาหก ซึ่งเป็นความรู้อยู่เหนือประสาทสัมผัสขึ้นไป  อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนยังชอบแสวงหาความรู้ในเรื่องนี้ต่อไป เราจะพิจารณาข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐาน  เมื่อมีหลักฐานเพียงพอแล้ว  เราจะใช้หลักฐานทางอารมณ์เป็นข้อมูลสำหรับวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้ จากหลักฐานต่าง ๆ เช่น  พระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬา ฯ  อรรถกถาและเอกสารวิชาการที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา  ซึ่งจะใช้เหตุผลในการอธิบายความจริงของคำตอบที่ว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนา  ปรัชญา และวิทยาศาสตร์หรือไม่

         โดยผู้อ่านสามารถศึกษาต้นกำเนิดความรู้ทางพระพุทธศาสนา องค์ประกอบความรู้ทางพระพุทธศาสนา  วิธีแสวงหาความรู้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและความสมเหตุสมผลของความรู้ทางพระพุทธศาสนาได้ คำตอบของปัญหานี้เขียนขึ้นในรูปบทความวิเคราะห์และจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ศึกษาในโรงเรียน และมหาวิทยาลัยทั่วราชอาณาจักรไทยที่เน้นการศึกษาเชิงวิเคราะห์ พระธรรมทูตแห่งราชอาณาจักรไทย ใช้บทความนี้เป็นข้อมูลในการบรรยายประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาแก่ผู้แสวงบุญในสาธารณรัฐอินเดีย และสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาลเกี่ยวกับความจริงที่สมมติขึ้นและความจริงขั้นปรมัตถ์ในพระพุทธศาสนาเป็นไปในทิศทางเดียวกัน วิธีพิจารณาพิจารณาความจริงของพระพุทธศาสนาและปรัชญา จะเป็นประโยชน์ต่อนักศึกษาระดับปริญญาเอกในสาขาปรัชญา พระพุทธศาสนา และนิติศาสตร์ เพื่อใช้เป็นแนวทางการสอบสวนข้อเท็จจริง และรวบรวมหลักฐานอย่างเพียงพอในการทำวิทยานิพนธ์และดุษฎีนิพนธ์  เป็นต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

Post Top Ad

Your Ad Spot

หน้าเว็บ