โดยทั่วไป ชาวพุทธทั่วโลกให้ความสนใจศึกษาเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของพระเจ้าอโศกมหาราช ผู้ทรงสถาปนาอาณาจักรโมริยะ ซึ่งเป็นอาณาจักรเล็ก ๆ ที่ไม่มีใครรู้จักในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา อย่างไรก็ตาม อาณาจักรนี้กลับเป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วโลกมีหลักฐานเอกสารที่บันทึกไว้ในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยน้อยมาก ดังนั้น นักวิชาการสมัยใหม่ จึงไม่สามารถใช้หลักฐานที่พบในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยที่มีอยู่ในปัจจุบันนั้น เพื่อสร้างแผนที่อินเดียโบราณในสมัยพุทธกาลที่ครอบคลุมรัฐและอาณาจักรทั้งหมดได้ อย่างไรก็ตามเพื่อส่งเสริมการศึกษาเชิงวิเคราะห์เกี่ยวกับความจริงของปรัชญา และพุทธศาสนา จึงได้พัฒนากระบวนพิจารณาความจริงนี้ ซึ่งสอดคล้องกับวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ และมุ่งพัฒนาศักยภาพคนไทย ให้มีปัญญาเข้าใจความจริงที่สมมติขึ้นและความจริงขั้นปรมัติ พวกเขาสามารถใช้เหตุผล ซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญาในการอธิบายความจริงได้อย่างสมเหตุสมผล
เมื่อประชาชนในประเทศทั่วโลก ควรได้รับการส่งเสริมสร้างพลังให้ดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระพุทธเจ้า หรือที่เรียกว่า "พละห้าประการ " ซึ่งประกอบด้วยความมั่นใจในความสามารถของตนเองที่จะพัฒนาตนเองในการเรียนรู้และก้าวทันผู้อื่นได้ มีความพากเพียรพยายามในการแสวงหาความรู้ และลงมือปฏิบัติอย่างสม่ำ เสมอ เพื่อเห็นความจริงที่สมมติขึ้นและความจริงขั้นปรมัตถ์ การมีสติในการรับความรู้ และเก็บความรู้เป็นข้อมูลทางอารมณ์ไว้ในจิตใจของตนเอง และนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการทำงาน มีสมาธิมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ในการทำงานของตนเองให้สำเร็จลุล่วง ไม่ท้อถอยต่ออุปสรรคที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงาน หรือละเลยหน้าที่เมื่อเผชิญปัญหา ให้ใช้สติปัญญาหาทางแก้ไขและปฏิบัติหน้าที่ให้บรรลุผลตามเป้าหมายขององค์กรทั้งในส่วนตนและส่วนรวม เป็นต้น
พระเจ้าอโศกทรงทำสงครามเพื่อเปลี่ยนอาณาจักรเล็ก ๆ ให้กลายเป็นมหาอำนาจระดับโลก พระองค์ทรงใช้อิทธิพลทางการเมือง โดยส่งกองทัพไปรบในดินแดนต่าง ๆ ทั่วโลก จนในที่สุดพระองค์ทรงขยายอาณาจักรโมริยะไปทั่วอนุทวีปอินเดีย ชาวโมริยะส่วนใหญ่ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ และหลักฐานทางประวัติศาสตร์พุทธศาสนาในพระไตรปิฎกหลายฉบับ กลับกล่าวถึงเรื่องนี้เพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม แปดวันหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพาน ราชทูตแห่งอาณาจักรโมริะได้รับพระอังคาร หรือเถ้ากระดูกของพระพุทธเจ้าจากพระเจ้ามัลละแห่งเมืองกุสินารา ไปสักการะบูชาในอาณาจักรโมริยะของตนเอง เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราชทรงทำสงคราม เพื่อยึดครองและผนวกดินแดนต่าง ๆเข้ากับอาณาจักรโมริยะ พระองค์ทรงมีอำนาจทางเศรษฐกิจ อิทธิพลทางการทูต ทรงมีอิทธิพลต่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนา นอกจากนี้ พระองค์ทรงสร้างวัฒนธรรมการบูชาของโลก โดยส่งเสริมให้ประชาชนยึดมั่นในคำสอนพระพุทธเจ้า และปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์ ๘ ของพระพุทธเจ้า เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต เป็นต้น
เมื่อสงครามสิ้นสุดลง นักประวัติศาสตร์โลกยกย่องพระเจ้าอโศกมหาราชว่า พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก พระองค์ทรงใช้อำนาจทางการเมืองในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาผ่านเสาอโศก ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานที่สร้างขึ้นในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วอนุทวีปอินเดีย เสาเหล่านี้บอกเล่าประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา คำสอนของพระพุทธเจ้าและเหตุุการณ์ทางสังคมที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนานับตั้งแต่สมัยพุทธกาล เสาเหล่านี้เก็บรักษาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ทางสังคมเหล่านี้ และการดำรงอยู่ของพระพุทธเจ้าไว้ในพระไตรปิฎกฉบับต่าง ๆ ทั้งเถรวาทและมหายานจนถึงปัจจุบัน วัดวาอารามในราชอาณาจักรไทยและประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ยังคงสืบสานการปฏิบัติตามหลักอริยมรรคมีองค์ ๘ มาจนถึงปัจจุบัน
เมื่อพระพุทธศาสนาเผยแพร่ไปสู่โลกตะวันตก นักปรัชญาและนักตรรกะศาสตร์ชาวตะวันตก ได้ศึกษาคำสอนและแนวปฏิบัติของมรรคมีองค์ ๘ ของพระพุทธเจ้าจากหลักฐานในพระไตรปิฎกฉบับพระเจ้าอโศกมหาราช ซึ่งน่าจะบันทึกไว้เป็นอักษรพราหมี โดยผู้เขียนอนุมานความรู้ที่จารึกไว้บนเสาอโศก เป็นอักษรพราหมีที่วัดมายาเทวี สวนลุมพีนี จังหวัดลุมพินี ประเทศเนปาล และอีกหลายแห่งในสาธารณรัฐอินเดีย พระไตรปิฎกฉบับนี้ถูกส่งไปพร้อมกับพระธรรมทูตต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรโมริยะไปยังโลกตะวันตก แล้วนักปรัชญาชาวตะวันตก จึงนำความรู้นี้มาประยุกต์ใช้กับศาสนาของตน โดยใช้เหตุผลในพระพุทธศาสนา เพื่ออธิบายความจริงของศาสนาของตน ศาสนาคริสต์จึงเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง แต่การเกิดขึ้นของเหตุผล ซึ่งเป็นเครื่องมือที่นักปรัชญา ใช้เพื่ออธิบายความรู้ที่อยู่เหนือขอบเขตการรับรู้ผ่านอายตนะภายในของมนุษย์นั้น ได้ช่วยให้มนุษย์เกิดความรู้ความเข้าใจในความจริงที่สมมติขึ้นและความจริงขั้นปรมัตถ์ แต่การใช้เหตุผลแบบเทวนิยม ไม่สามารถเข้าถึงความจริงได้ เพื่อขจัดความสงสัยเกี่ยวกับความจริงของสิ่งต่าง ๆ นักปรัชญาตะวันตกจึงสร้างเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ขึ้นมา เพื่อช่วยยืนยันข้อเท็จจริงและเรียกตัวเองว่านักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน เป็นต้น
ประวัติศาสตร์ของจักรพรรดิโมริยะนั้น ปรากฏแก่ประชาคมโลกเมื่อผู้เขียนได้ศึกษาหลักฐานเอกสาร ในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยแล้ว ก็ได้ยินข้อเท็จจริงว่ากษัตริย์แห่งเมืองปิปผลิวันทรงทราบข่าวว่า พระพุทธเจ้าปรินิพพานที่เมืองกุสินารา จึงทรงส่งราชทูตไปทูลเจ้าชายมัลละแห่งเมืองกุสินาราว่า พระพุทธเจ้าประสูติในวรรณะกษัตริย์และพวกเราก็ประสูติในวรรณะกษัตริย์เช่นกัน เราควรได้รับส่วนแบ่งในพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า เราจะสร้างเจดีย์และเฉลิมฉลองพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า เจ้าชายมัลละแห่งเมืองกุสินาราตรัสว่า พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าไม่มีอีกแล้ว เราได้แบ่งพระบรมสารีริกธาตุให้แก่กษัตริย์ทั้ง ๘ เมืองไปหมดแล้ว พวกท่านควรนำพระอังคารไปจากที่นี่ ราชทูตแห่งเมืองปิปผลิวันนั้นจึงนำพระอังคารของพระพุทธเจ้าไปจากเมืองกุสินารา
เมื่อได้ฟังข้อเท็จจริงข้างต้นผู้เขียนยังไม่เชื่อในทันทีว่าเป็นความจริง เราควรตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนว่าจักรพรรดิโมริยะไม่มีอยู่จริงจนกว่าเราจะได้สอบสวนข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ รวมถึงพยานบุคคลได้แก่ นักโบราณคดี พยานเอกสาร เช่น พระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณ ราชวิทยาลัย พยานวัตถุเช่น สถูปที่ราชวงศ์โมริยะสร้างเจดีย์ขึ้น เพื่อบรรจุพระอังคารของพระพุทธเจ้าและเอกสารดิจิทัล เช่นแผนที่อนุทวีปอินเดียในสมัยพุทธกาล และแผนที่โลกกูเกิล เป็นต้น เอกสารเหล่านี้ใช้เพื่อพิสูจน์การมีอยู่ของจักรพรรดิโมริยะอันยิ่งใหญ่และตำแหน่งตั้งอยู่ของจักพรรดิโมริยะในอนุทวีปอินเดีย เมื่อพิจารณาแผนที่โบราณในสมัยพุทธกาลที่เผยแพร่กันทางอินเตอร์เน็ตก็ไม่พบหลักฐานใด ๆ เกี่ยวกับจักรพรรดิโมริยะ ซึ่งทำให้ผู้เขียนสงสัยว่าจักรพรรดิโมริยะตั้งอยู่ส่วนใดของอนุทวีปอินเดีย มีเพียงเจดีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อบรรจุเถ้ากระดูก (พระอังคาร) ของพระพุทธเจ้าเท่านั้น ที่สามารถระบุตำแหน่งที่ตั้งเมืองปิปผลิวันของราชวงศ์โมริยะได้ แต่อย่างไรก็ตาม นักประวัติศาสตร์ได้บันทึกเรื่องราวของราชวงศ์โมริยะที่สร้างประเทศโมริยะ ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงชาติโมริยะให้กลายเป็นมหาอำนาจระดับโลก ทั้งด้านการทหาร พระพุทธศาสนา เศรษฐศาสตร์ วัฒนธรรม เป็นต้น สิ่งนี้ทำให้มหาวิทยาลัยทั่วโลกได้เปิดสอนวิชาประวัติศาสตร์ของอาณาจักรโมริยะมอบบทเรียนให้แก่นักศึกษา เพื่อเรียนรู้และเข้าใจโลกมนุษย์อย่างต่อเนื่อง แทนที่จะใช้ชีวิตตามโชคชะตาชีวิต ส่งผลให้วิญญาณของตนจะต้องเวียนว่ายตายเกิดใหม่่อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เป็นต้น


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น