The greatest discovery is the natural laws of human life. That everyone is equal Without choosing a social caste as the basis for determining humanity When the soul is the real person of man That accumulates knowledge from the mind with reasons And show his intention to act accordingly Would receive the result of Own action

Breaking

Post Top Ad

Your Ad Spot

วันพุธที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

ปัญหาญาณทางวิทยาเกี่ยวกับนักปรัชญาในพระไตรปิฎก

Epistemological problems concerning philosophers in the Tripitaka

บทนำ  องค์ประกอบความรู้ของนักปรัชญา

                  โดยทั่วไป   ผู้คนทั่วโลกเคยได้ยินเรื่อง "นักปรัชญา"หรือ "นักปราชญ์"           มาตั้งแต่สมัยเรียนในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย    หรือจากการอ่านหนังสือปรัชญาตะวันออก    และปรัชญาตะวันตก   นักปรัชญา ที่พวกเขารู้จัก     เช่น  เพลโต อริสโตเติล และเรอเน เดส์การ์ตส์  ล้วนเป็นนักปรัชญาตะวันตก      ส่วนนักปรัชญาตะวันออกตามหลักฐานในพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬา ฯ  ก็มีอยู่มาก เช่น  ครูปูรณะกัสสปะ      ครูมักขลิโคศาล ครูอชิตะ เกสกัมพล  ครูปกุธ กัจจายนะ เป็นต้น           เมื่อได้ยินเรื่องนักปรัชญา เราก็ยอมรับความจริงโดยปริยายว่า นักปรัชญาเหล่านี้มีอยู่จริง  อย่างไรตามคำสอนของพระพุทธเจ้า เมื่อเราได้ยินข้อเท็จจริงจากเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่สืบทอดกันมา   ตั้งแต่สมัยก่อนพุทธกาลจนถึงปัจจุบัน  เช่น  เรื่องพระพรหมสร้างมนุษย์   และวรรณะให้มนุษย์ เราไม่ควรเชื่อทันทีว่าเป็นความจริง      เราควรสงสัยไว้ก่อนจนกว่าเราจะได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ      เมื่อมีหลักฐานเพียงพอ นักปรัชญาจะใช้หลักฐานนั้นเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้ เพื่อหาเหตุผลในการอธิบายความจริงของคำตอบในเรื่องนี้ คำตอบที่ได้จากการวิเคราะห์จะต้องเป็นความรู้ที่ชัดเจนและมีเหตุผล ถือเป็นความรู้แท้จริงในเรื่องนั้น  หากวิเคราะห์ข้อมูลนั้นแล้วคำตอบนั้นไม่สมเหตุสมผล  เพราะหลักฐานไม่เพียงพอ  ถือว่าข้อเท็จจริงของเรื่องนี้ ยังคงน่าสงสัยและจำเป็นต้องศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม       เมื่อธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนคือนักคิด  อย่างไรก็ตามมนุษย์ทุกคนจึงไม่สามารถเป็นนักปรัชญาได้ทุกคน  แม้ว่ามนุษย์ทุกคนจะมีจิตใจที่รับรู้เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตและเก็บเหตุการณ์ต่าง ๆ ไว้เป็นอารมณ์ในจิตใจ  และมีธรรมชาติการเป็นนักคิดเหมือนกัน แต่มนุษย์มีความสามารถในการคิดได้ต่างกัน  เนื่องจากมีข้อจำกัดในการรับรู้เหตุการณ์ต่าง ๆ  ที่เกิดขึ้นในชีวิต    ตัวอย่างเช่นคนเอามีดไล่แทงตัวเราเองโดยไม่รู้จักกันมาก่อนดังนั้น  เราจึงไม่รู้แรงจูงใจในการกระทำความผิดของบุคคลนั้น  เพราะมันเป็นอารมณ์ที่ซ่อนอยู่ในจิตใจของมนุษย์ทุกคน และเรามีการรับรู้ที่จำกัด   เป็นต้น    เราเห็นโจรลักทรัพย์สินต่อหน้าเราโดยตรง  แต่ไม่รู้เหตุจูงใจในการขโมย    เพราะเอาไปขายเพื่อซื้อยามาเสพหรือตกงานและไม่มีรายได้ที่จะเลี้ยงดูครอบครัวทั้งนี้เป็นเพราะเรามีการรับรู้ที่จำกัดเป็นต้น ในสมัยอินเดียโบราณศาสนาพราหมณ์เจริญรุ่งเรือง  คำสอนของพราหมณ์เป็นทั้งคำสอนของศาสนาพราหมณ์ และกฎหมายวรรณะจารีตประเพณี  และมนุษย์สามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของเทพเจ้าได้โดยการบูชายัญเท่านั้น แม้ว่าเราจะเห็นการบูชายัญต่อหน้าเราโดยตรง  แต่เราก็ไม่สามารถรู้แรงจูงในในการบูชายัญ หรือเจ้าชายสิทธัตถะทรงผนวชเพราะนิมิต ๔  ประการแต่เราไม่รู้แรงจูงใจในการแสวงหาสัจธรรมซึ่งเป็นความจริงเกี่ยวกับอะไร    เนื่องจากเรามีการรับรู้ที่จำกัด  เป็นต้น  นอกจากนี้  มนุษย์มักมีอคติต่อผู้อื่นเกิดจากความไม่รู้ของตนเองว่า  ชีวิตของมนุษย์ประกอบด้วยร่างกายและจิตใจ เว้นแต่บุคคลนั้นจะปฏิบัติตามมรรคมีองค์ ๘  เท่านั้น แล้วจึงจะรู้ว่าจิตอาศัยอยู่ในบุคคลใด  เมื่อคิดจะทำกรรม ลงมือกระทำกรรม จิตก็น้อมรับพฤติกรรมเหล่านั้นเป็นอารมณ์อยู่ในจิตของตน
      
 

ไม่มีความคิดเห็น:

Post Top Ad

Your Ad Spot

หน้าเว็บ