The greatest discovery is the natural laws of human life. That everyone is equal Without choosing a social caste as the basis for determining humanity When the soul is the real person of man That accumulates knowledge from the mind with reasons And show his intention to act accordingly Would receive the result of Own action

Breaking

Post Top Ad

Your Ad Spot

วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2568

ครูของพระโพธิสัตว์สิทธัตถะในพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬา ฯ

The teacher of Bodhisattva Siddhartha in the Mahachula edition of the Tripitaka.

คำสำคัญ ครู  พระโพธิสัตว์ พระไตรปิฎก


๑.บทนำ ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา

               โดยทั่วไป  พระพุทธศาสนาและปรัชญาพุทธภูมิเป็นความรู้ของมนุษย์ทั้ง ๒ วิชาเน้นการศึกษา  และการปฏิบัติตามมรรคมีองค์ ๘   เพื่อให้มนุษย์ที่จะเข้าใจถึงความจริงที่สมมติขึ้นและความจริงขั้นปรมัตถ์        ทั้งนี้เนื่องจากพระโพธิสัตว์สิทธัตถะทรงมีครูบาอาจารย์หลายท่านที่สอนศิลปศาสตร์แก่พระองค์ เช่น ครูวิศวามิตร อาฬารดาบสและอุทกดาบส     เป็นต้น   ก่อนที่พระโพธิสัตว์จะตรัสรู้กฎธรรมชาติของชีวิตมนุษย์ พระองค์ทรงศึกษาทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติล้วนมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ต่อการสะท้อนพัฒนาการทางปัญญาและจิตวิญญาณของพระองค์    การศึกษาเรื่องราวของครูบาอาจารย์ของพระโพธิสัตว์สิทธัตถะ จึงไม่เพียงแต่การเป็นการรวบรวมรายพระนามพระอาจารย์ในพระไตรปิฎกของพระโพธิสัตว์สิทธัตถะเท่านั้น แต่ยังเป็นการสำรวจความหมายเบื้องหลังของพระอาจารย์เหล่านั้น ซึ่งชี้หนทางของการปฏิบัติธรรมไปสู่การตรัสรู้และแนวคิดสำคัญในพระพุทธศาสาอีกด้วย 

๒.ความเป็นมาของครูของพระโพธิสัตว์    

          โดยทั่วไปแล้ว เมื่อพระโพธิสัตว์เป็นมนุษย์ที่เกิดมาพร้อมกับอายตนะภายใน ซึ่งมีความสามารถจำกัดในการรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตได้  และมีคติต่อผู้อื่นเนื่องมาจากความไม่รู้ มีความกลัว  ความเกลียดชังและความรักของตนเอง  ทำให้ชีวิตมนุษย์เต็มไปด้วยมืดมน   ดังนั้น พวกเขาจึงขาดปัญญาในการเข้าใจความจริงที่สมมติขึ้น และความจริงขั้นปรมัติ  จึงไม่สามารถใช้เหตุผลเพื่ออธิบายความจริงเหล่านี้ได้อย่างสมเหตุสมผล  เป็นต้น   ตามคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น  เมื่อพราหมณ์บางคนในโลกซึ่งเป็นนักปรัชญาและนักตรรกวิทยา ได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตเกี่ยวกับมนุษย์  โลก จักรวาล ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ และการพิสูจน์การมีอยู่ของเทพเจ้า   พวกเขามักจะแสดงความคิดเห็นของตนเองโดยอาศัยเหตุผลและคาดคะเนความจริงเป็นอย่างนี้  แต่ในการอธิบายความจริงในเรื่องเหล่านี้  นักตรรกวิทยาและนักปรัชญาบางครั้งก็ใช้เหตุผลเพื่ออธิบายความจริงได้อย่างถูกต้อง      บางครั้งก็ใช้เหตุผลเพื่ออธิบายความจริงอย่างผิด  ๆ  บางครั้งใช้เหตุผลเพื่ออธิบายความจริงในลักษณะนี้  หรืออธิบายความจริงในลักษณะนั้น  เมื่อความคิดเห็นของนักตรรกวิทยา และนักปรัชญาคลุมเครือและไม่ชัดเจนเกี่ยวกับความจริงของมนุษย์  โลก จักรวาล    และหลักฐานการมีอยู่ของเทพเจ้านั้น       เมื่อวิญญูชนได้ยินความคิดเห็นของนักตรรกะและนักปรัชญาเกี่ยวกับคำตอบของเรื่องนั้น   เขาจะไม่ยอมรับความคิดเห็นเรื่องนั้นว่าเป็นความจริง   

              เมื่อมนุษย์เป็นสัตว์ที่มีเหตุผล  และมนุษย์มีการรับรู้อย่างจำกัดและมีอคต่อผู้อื่นเนื่องจากความไม่รู้ของตนเอง เราจึงไม่ทราบว่าเหตุผลของใครถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่น่าเชื่อของความคิดเห็นของนักปรัชญา นักตรรกวิทยาเหล่านั้น  พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า เมื่อเราได้ยินความคิดเห็นที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ก่อนสมัยพุทธกาลจนถึงปัจจุบัน    เราไม่ควรเชื่อทันทีว่าเป็นความจริง เราควรตั้งข้อสงสัยไว้จนกว่าจะได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และรวบรวมหลักฐาน  เมื่อเรามีหลักฐานเพียงพอแล้ว    เราสามารถใช้หลักฐานเหล่านั้น มาใช้เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์ โดยอนุมานความรู้เพื่อพิสูจน์ความจริงโดยใช้เหตุผล ซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญา ใช้ในการอธิบายความจริงในเรื่องนั้น  เป็นต้น

          ชีวิตเรามีมากพอแล้วกับสิ่งเหล่านี้    อย่างไรก็ตาม มนุษย์เป็นสัตว์สังคม จึงชอบแสวงหาความรู้ผ่านการแลกเปลี่ยนความรู้ เพื่อประโยชน์ในการกำหนดนโยบายทางการเมือง    แต่เนื่องจากขาดการศึกษา  เราจึงมักกระทำการอย่างไม่รอบคอบ เราไม่ได้แสวงหาแสวงหาความรู้  เพื่อวัตถุประสงค์ในทางปฏิบัติ มักพึ่งพาอารมณ์และความพึงพอใจเป็นหลัก โดยไม่สนใจความรู้สึกของผู้อื่น         ดังนั้นเราจึงไม่สามารถแยกแยะความจริงกับความเท็จได้ ส่งผลให้ผู้คนทั่วโลกถูกสังคมหลอกลวงเป็นประจำ เกิดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินมูลค่าหลายแสนล้านบาทต่อปี มนุษย์จะต้องแสวงหาที่พึ่งอันประเสริฐด้วยความหวัง  จนกระทั่งพัฒนาสติและปัญญาในการแสวงความรู้จากประสบการณ์ชีวิตผ่านอายตนะภายในมาใช้เป็นแนวทางในการแยกแยะความจริงและแก้ไขปัญหาชีวิต 

           เมื่อครูคือ มนุษย์ที่มีอายตนะภายในจำกัดความสามารถในการรับรู้โดยธรรมชาติและมีความคิดที่ลำเอียงไปทางด้านใดด้านหนึ่ง ชีวิตของพวกเขาก็จะเต็มไปด้วยความมืดมน พวกเขาขาดปัญญาที่จะเข้าใจความจริงที่สมมติขึ้นและความจริงขั้นปรมัตถ์ของชีวิตได้      เมื่อชีวิตมนุษย์มืดมนและมีเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นในชีวิต  เพราะขาดความมั่นใจในความสามารถที่จะศึกษาหาความรู้เหมือนผู้อื่น     พวกเขาจึงขาดความเพียรพยายาม ที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนเองให้สำเร็จลุล่วง ประเทศต่าง ๆ  ทั่วโลกจึงได้จัดตั้งสถาบันการศึกษา โรงเรียน   และมหาวิทยาลัยขึ้นมา เพื่อพัฒนาศักยภาพชีวิตของผู้คน    เพื่อปลูกฝังความเชื่อมั่นในตนเองและมีความขยันหมั่นเพียรในการศึกษาและการดำเนินชีวิต การมีสติในการจดจำสิ่งต่าง ๆ เพื่อแสวงหาความรู้ในสาขาวิชาต่าง ๆ  การมีสมาธิจดจ่อในการเรียนและความสามารถปฏิบัติหน้าที่ให้สำเร็จลุล่วง   เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ขาดแคลน   จำเป็นต้องมีแบบอย่างที่ดีในการเรียนรู้  และปฏิบัติตาม  ปลูกฝังศรัทธาในชีวิต     และเพียรพยายามในการแสวงหาความรู้เพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน   

๓.ความสำคัญของครูของพระโพธิสัตว์สิทธัตถะ 

              ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้นิยามคำว่า "ครู" คือผู้ที่สอนนักเรียน,  ผู้ที่ถ่ายทอดความรู้ให้แก่นักเรียน กล่าวอีกนัยหนึ่ง  ชีวิตมนุษย์เกิดจากปัจจัยทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งรวมตัวอยู่ในครรภ์มารดาเป็นเวลา ๙ เดือน ก่อนที่จะเกิดเป็นมนุษย์ใหม่ พวกเขามีสิทธิ และหน้าที่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทย          พวกเขามีความสงบสุขในชีวิต โดยอาศัยศีลธรรมและกฎหมาย เนื่องจากร่างกายและจิตใจพึ่งพาอาศัยกัน จิตใจของมนุษย์ใช้อายตนะภายในในการรับรู้เหตุการณ์ต่าง ๆ ทั้งด้านดีและด้านร้ายในชีวิตอยู่ตลอดเวลา   เราต้องเรียนรู้สิ่งเหล่านี้   เพื่อป้องกันการตัดสินใจผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้ว่าบาดแผลทางอารมณ์จะเกิดจากความเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากความประมาท แต่บ่อยครั้งที่คนเราไม่อยากเรียนรู้เพราะความไม่รู้  ความท้อแท้หรือความอ่อนแอ  พวกเขาจึงไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริงของชีวิต ดังนั้น พวกเขาจึงมีชีวิตมืดมน ตกเป็นทาสของกิเลสหรืออคติของตนเอง พวกเขามักหวาดกลัวสิ่งที่มองไม่เห็น เพราะคาดหวังว่าอนาคตจะนำพาพวกเขามา      ความเกลียดชังที่หยั่งรากลึกในจิตใจ  อันเนื่องมาจากความผิดพลาดในอดีต และฝังรากลึกอยู่ในจิตใจของตนเอง และความรักที่มองไม่เห็นความผิดพลาด มักปล่อยให้สิ่งต่าง ๆ ผ่านไป   

             ในยุครุ่งเรืองของศาสนาพราหมณ์   เจ้าชายสิทธัตถะทรงได้สำเร็จการศึกษาหลักสูตรศิลปศาสตร์ ๑๘ สาขา จากสถาบันการศึกษาครูวิศวามิตร เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับบทบาท ผู้ปกครองประเทศสักกะตามวรรณะกษัตริย์ที่พระองค์ประสูติ     อย่างไรก็ตาม เมื่อทรงเห็นปัญหาจัณฑาลถูกสังคมลงโทษอย่างรุนแรงจากการฝ่าฝืนคำสอนในศาสนาพราหมณ์และกฎหมายวรรณะและจารีตประเพณี พวกเขาจึงถูกตัดสินว่ามีความผิด และถููกพระพรหมลงโทษผ่านผู้คนในสังคมตลอดชีวิต เจ้าชายสิทธัตถะทรงมีเมตตาต่อมนุษย์    หลังจากพระองค์ทรงตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐาน เมื่อทรงมีหลักฐานเพียงพอแล้ว พระองค์จึงทรงใช้พยานหลักฐานเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์พยานหลักฐานโดยอนุมานความรู้ เพื่อพิสูจน์ความจริงพระองค์ทรงใช้เหตุผล  เพื่ออธิบายความจริงและทรงวินิจฉัยว่าไม่มีเทพเจ้าดังนั้น  พระพรหมจึงไม่ใช่ทรงสร้างมนุษย์ และสร้างวรรณะมนุษย์ตามที่พราหมณ์สั่งสอน ข้อเท็จจริงจากการคำให้การของพราหมณ์ปุโรหิตเกี่ยวกับการมีอยู่เทพเจ้าก็เป็นที่น่าสงสัยเช่นกัน เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถตอบคำถามเกี่ยวกับประวัติของพระพรหมและพระอิศวรได้ เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะทรงพิจารณาข้อเท็จจริงจากคำให้การของนักบวชพราหมณ์ปุโรหิต ผู้รับผิดชอบในพิธีบูชายัญประจำ  เมื่อนักบวชพราหมณ์ไม่สามารถตอบคำถามในเรื่องนี้ได้ เจ้าชายสิทธ้ตถะทรงเห็นว่าเทพเจ้าไม่อยู่จริงตามคำสอนของพราหมณ์ 

              ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงทรงตัดสินพระทัยที่จะปฏิรูปสังคม แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะการยกเลิกกฎหมายวรรณะจารีตประเพณีนั้น ละเมิดรัฐธรรมนูญ   ขนบธรรมเนียม และประเพณีของประเทศ ยิ่งไปกว่านั้น   หากพระองค์ทรงประกอบพิธีบูชายัญด้วยพระองค์เองเพื่อพิสูจน์การมีอยู่ของเทพเจ้า ย่อมเป็นการละเมิดข้อห้ามของคำสอนของศาสนาพราหมณ์และกฎหมายวรรณะ    ซึ่งห้ามมิให้ผู้มิใช่พราหมณ์ประกอบพิธีบูชายัญ  จะถูกพระพรหมลงโทษ และพระองค์จะต้องสูญเสียสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายวรรณะจารีตประเพณี กลายเป็นจัณฑาล ดังนั้น พระองค์จึงทรงตัดสินพระทัยเสด็จออกผนวชเป็นพระโพธิสัตว์เพื่อแสวงหาสัจธรรมแห่งชีวิต นั่นคือพระพรหมได้สร้างมนุษย์ตามคำสอนของพราหมณ์อารยัน   หากเป็นจริง พระองค์ก็จะทรงประกอบพิธีบูชายัญเพื่อขอพรจากพระพรหม เพื่อยกเลิกกฎหมายวรรณะจารีตประเพณี อย่างไรก็ตาม  ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า   เมื่อได้ยินเรื่องราวใดเรื่องราวหนึ่งแล้ว  เราไม่ควรเชื่อทันที เราควรตั้งข้อสงสัยไว้ก่อน  จนกว่าจะได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานมาพิสูจน์ความจริงในเรื่องนี้  เป็นต้น 

           ดังนั้น เมื่อผู้เขียนได้ทราบความจริงเกี่ยวกับ "ครูของพระโพธิสัตว์สิทธัตถะ"       เราก็ยอมรับความจริงโดยปริยายเป็นความจริง แต่เมื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความจริงของครูของพระโพธิสัตว์สิทธัตถะของตนเองและคาดคะเนความจริงจากสิ่งที่ได้ยินมานั้น โดยใช้เหตุผลซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญา     เพื่ออธิบายความจริงของเรื่องนั้น  หากผู้เขียนแสดงทัศนะเกี่ยวกับเรื่องนี้ของตนเองโดยใช้เหตุผลและคาดคะเนความจริงจากสิ่งที่ได้ยินมานั้น การใช้เหตุผลของผู้เขียนบางครั้งอาจใช้เหตุผลอย่างถูกต้อง หรือไม่ถูกต้องก็ได้  บางครั้งอาจใช้เหตุผลในลักษณะนี้หรือในลักษณะนั้นก็ได้ เมื่อวิญญูชนได้ยินความคิดเห็นในการอธิบายความจริงอย่างคลุมเครือ และไม่ชัดเจนแล้ว วิญญูชนย่อมขาดความน่าเชื่อถือความเห็นดังกล่าวว่าเป็นความจริง   

            ตามคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น  เมื่อเราได้ยินเห็น เกี่ยวกับความจริงของครูของพระโพธิสัตว์สิทธัตถะ ในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย" เราไม่ควรเชื่อทันที เราควรสงสัยข้อเท็จจริงในเรื่องนี้เสียก่อน       อย่างไรก็ตามผู้เขียนก็ชอบแสวงหาความรู้ในเรืองนี้ต่อไปจึงตัดสินใจสืบหาข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐาน  ได้แก่ พระไตรปิฎกมหาจุฬา ฯ  อรรถกถา  ฎีกา  อนุฎกา  บทความทางวิชาการอื่น ๆ  หลักฐานวัตถุที่สร้างเป็นอนุสรณ์สถานในรัชสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราช   พยานเอกสารดิจิทัลได้แก่ แผนที่โลกกูเกิล  เป็นต้น  เมื่อพยานหลักฐานเพียงแล้ว    ผู้เขียนจะนำไปใช้เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์ โดยอนุมานความรู้จากหลักฐานต่างๆ เพื่อหาเหตุผลมาอธิบายความจริงในเรื่องนี้             วิธีพิจารณาความจริงของพระพุทธศาสนานี้ จะเป็นประโยชน์ต่อนักศึกษาปริญญาเอกด้านพระพุทธศาสนาและปรัชญา เพื่อใช้เป็นแนวทางในการสืบค้นข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ  เพื่อพิสูจน์ที่มาของความรู้  องค์ประกอบความรู้ และความสมเหตุสมผลของความรู้ของมนุษย์  เพื่อไปทำวิทยานิพนธ์ ต่อไป         

ไม่มีความคิดเห็น:

Post Top Ad

Your Ad Spot

หน้าเว็บ