The greatest discovery is the natural laws of human life. That everyone is equal Without choosing a social caste as the basis for determining humanity When the soul is the real person of man That accumulates knowledge from the mind with reasons And show his intention to act accordingly Would receive the result of Own action

Breaking

Post Top Ad

Your Ad Spot

วันอาทิตย์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2566

ปัญหาที่มาของความรู้ในการอุปถัมภ์พุทธศาสนาของพระเจ้าพิมพิสาร

   The problems of the Source  of knowledge in King Bimbisara's Patronage of Buddhism

บทนำ ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหาเรื่องพระเจ้าพิมพิสารทรงอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา 


       โดยทั่วไป    มนุษย์บางคนในโลกเป็นนักปรัชญา และเจ้าของความรู้ทางปรัชญาในสาขาอภิปรัชญา ญาณวิทยา จริยศาสตร์ สุนทรียศาสตร์ และตรรกศาสตร์ เป็นต้น     เมื่อนักปรัชญาเป็นมนุษย์ที่มีอายตนะภายในร่างกายที่มีข้อจำกัดในการรับรู้ความจริงที่สมมติขึ้น และความจริงขั้นปรมัติและมักมีอคติต่อผู้อื่น ชีวิตของพวกเขามืดมนพวกเขาจึงขาดปัญญาหยั่งรู้ หรือกำหนดความรู้ที่เกิดขึ้นจากอำนาจสมาธิ หรือความสามารถจากการหยั่งรู้เป็นพิเศษที่เรียกว่า "ญาณ"เป็นต้น ตัวอย่างเช่น พราหมณ์บางพวกในสมัยก่อนพุทธกาล เป็นนักตรรกะและนักอภิปรัชญา  เมื่อได้ยินข้อเท็จจริงในเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่พวกเขาฟังตาม  ๆ กันมา    นักปรัชญา นักตรรกะ มักแสดงความเห็นตามปฏิภาณของตนเองโดยใช้เหตุผล และคาดคะเนความจริงตามหลักเหตุผล    นักตรรกะ หรือนักอภิปรัชญามีการใช้เหตุผลอย่างถูกบ้าง มีการใช้เหตุผลอย่างถูกบ้าง  มีการใช้เหตุผลเป็นอย่างนั้นบ้าง   มีการใช้เหตุผลเป็นอย่างอื่นบ้าง  วิญญูชนคือผู้รู้ที่แยกแยะผิดรู้ชอบชั่วดีได้ตามปกติ   เมื่อพวกเขาได้ยินความจริงในเรื่องดังกล่าว   พวกเขาก็รู้ว่าความริงในเรื่องนี้ไม่น่าเชื่อถือ  มีพิรุธน่าสงสัย  และไม่สามารถยืนยันความจริงได้  เป็นต้น 

       เมื่อผู้เขียนได้ยินข้อเท็จจริงเรื่องการอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาของพระเจ้าพิมพิสาร  พระองค์ก็ทรงถือเป็นกษัตริย์องค์แรกที่ทรงอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง จนประชาชนและพระมหากษัตริย์องค์สำคัญในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วทั้งอนุทวีปอินเดียยอมรับ  เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อกว่า ๒,๕๐๐ ปีก่อน พระเจ้าพิมพิสารทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่ปกครองแคว้นมคธ        พระองค์ทรงศรัทธาในพระโพธิสัตว์สิทธัตถะตั้งแต่แรกเห็น เพราะรูปร่างของพระองค์ไม่ใช่นักบวชจากวรรณะต่ำ เมื่อพระเจ้าพิมพิสารทรงสนทนากับพระโพธิสัตว์สิทธัตถะ  พระองค์ก็ทรงทราบความจริงว่า พระโพธิสัตว์สิทธัตถะประสูติในราชวงศ์ศากยะแห่งอาณาจักรสักกะ และพระเจ้าพิมพิสารทรงเข้าใจผิดว่า พระโพธิสัตว์สิทธัตถะทรงละทิ้งราชวงศ์ศากยะแห่งแคว้นสักกะเพื่อผนวชเป็นพระโพธิสัตว์เพราะมีปัญหาภายในราชวงศ์ศากยะ พระเจ้าพิมพิสารทรง มีพระดำริที่จะถวายดินแดนกลิงคะให้พระโพธิสัตว์สิทธัตถะทรงเป็นพระประมุข แต่พระองค์ทรงไม่ยอมเพราะทรงต้องการแสวงหาความจริงของชีวิต   
  
         เมื่อพระโพธิสัตว์ตรัสรู้กฎธรรมชาติแห่งสัจธรรมของชีวิตมนุษย์ด้วยพระองค์เอง โดยปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘   พุทธศาสนิกชนทั่วโลกจึงเรียกพระนามใหม่ของพระโพธิสัตว์องค์ใหม่่ว่า"พระพุทธเจ้า" พระองค์เสด็จมาเผยแผ่พระพุทธศาสนาพร้อมด้วย พระอรหันต์ซึ่งแต่ก่อนเคยเป็นฤาษี  ๓  คน หรือ "ชฏิล"   และบริวารอีก ๑,๐๐๐ คน โดยมี พระเจ้าพิมพิสารและพสกนิกรอีก ๑๒๐,๐๐๐ คน ทรงต้อนรับพระพุทธเจ้าที่ลัฐิวันสวนตาล เมืองราชคฤห์  แคว้นมคธ เมื่อพระองค์ทรงสดับพระธรรมเทศนาของพระพุทธเจ้าแล้ว พระเจ้าพิมพิสารทรงญาณทิพย์ (spiritual eye)พร้อมกับชาวราชคฤห์ พระองค์ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์องค์แรกในพระพุทธศาสนา ในเวลานั้นประชาชนจำนวนมากละทิ้งความเชื่อเรื่องเทพเจ้าและหันมาปฏิบัติธรรมตามมรรคมีองค ๘ จนบรรลุปัญญาอันแท้จริงที่เรียกว่า "อภิญญา ๖ ประการ" 
 
      ผู้เขียนศึกษาประวัติพุทธศาสนาเกี่ยวกับการอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาที่สำนักเรียนนักธรรมสนามหลวง ซึ่งตั้งอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งและมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเขตขอนแก่น ความรู้เหล่านี้มาจากการอ่าน การเขียน การฟังและการพูด  เมื่อผู้เขียนได้ยินข้อเท็จจริงจากอาจารย์ในห้องเรียน แล้วสั่งสมไว้เป็นหลักฐานทางอารมณ์ในจิตใจ    ผู้เขียนใช้หลักฐานทางอารมณ์เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้หรือคาดคะเนความจริง เพื่อพิสูจน์ความจริงในเรื่องเหล่านี้โดยการใช้เหตุผล ซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญาในการอธิบายความจริงนั้น แต่เมื่อวิเคราะห์ข้อเท็จจริงแล้ว องค์ประกอบความรู้เรื่องการอุปถัมภ์พระพุทธศาสนานี้ ยังไม่ชัดเจน  เพราะมีหลักฐานเอกสาร มีเพียงพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณเพียงเล่มเดียวนั้น ส่วนพยานวัตถุที่เป็นที่ตั้งของแคว้นมคธในปัจจุบัน  และพยานบุคคลที่มีความน่าเชื่อถือที่จะยืนข้อเท็จจริงในเรื่องต่าง ๆ  ยังมีหลักฐานไม่เพียงพอ ที่จะใช้เหตุผลโดยการอนุมานความรู้หรือคาดคะเนความจริง เพื่อพิสูจน์ความจริงของคำตอบ  ดังนั้น ความรู้ที่ได้รับนั้น  จึงไม่สมเหตุสมผลในเรื่องนี้   เราต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์ความจริงกันต่อไป  เป็นต้น 

ปัญหาคือเราจะรู้ความจริงได้อย่างไรว่าพระเจ้าพิมพิสารทรงอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา? 

      เมื่อผู้เขียนศึกษาประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาเกี่ยวกับการอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้าพิมพิสาร   ณ สำนักเรียนนักธรรมสนามหลวงแห่งหนึ่งและ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น   ผู้เขียนได้ยินข้อเท็จจริงจากคำสอนของครูในห้องเรียน และสั่งสมเป็นหลักฐานทางอารมณ์ในจิตใจของผู้เขียน  และผู้เขียนใช้หลักฐานเหล่านั้นเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์  โดยอนุมานความรู้หรือคาดคะเนตามหลักเหตุผล เพื่อพิสูจน์ความจริงในเรื่องนี้โดยการใช้เหตุผล   ซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญาในการอธิบายความจริงในเรื่องที่พระเจ้าพิมพิสารทรงอุปถัมภ์พระพุทธศาสนานั้น  แต่เมื่่อวิเคราะห์หลักฐานทางอารมณ์ในจิตใจแล้ว ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ยังไม่ชัดเจน  เพราะไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะคาดคะเนความจริงตามหลักเหตุผลได้อย่างชัดเจน บ่อเกิดความรู้ของมนุษย์ยังไม่ชัดเจนว่ามีความเป็นอย่างไร  องค์ประกอบของความรู้เรื่องการอุปถัมภ์พระพุทธศาสนายังไม่ครบถ้วนว่ามีขอบเขตมากน้อยเพียงใด  กระบวนการพิจารณาความจริงในเรื่องนี้ครบถ้วนหรือไม่  และผลการวิเคราะห์มีความสมเหตุสมผลหรือไม่  เป็นต้น   

               ข้อเท็จจริงเบื้องต้น เมื่อชาวพุทธทั่วโลกได้ยินข้อเท็จจริงเรื่องราวการอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาที่สืบทอดกันมา      เป็นเวลากว่า ๒,๕๐๐ ปี     เราก็ยอมรับความจริงโดยปริยายว่าพระเจ้าพิมพิสารทรงอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาซึ่งเป็นความจริงที่เกิดขึ้น      ดำรงอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่งและสิ้นสุดลงเมื่อพระเจ้าพิมพิสารเสด็จสวรรคต  ส่วนพยานที่เห็นเหตุการณ์นั้นล้วนเสียชีวิตหมดแล้ว  ส่วนชาวพุทธที่เกิดในรุ่นหลังนั้น   ก็ไม่มีความรู้โดยตรงผ่านอายตนะภายในร่างกาย และสั่งสมความรู้นั้นไว้ในจิตใจ    แต่ได้ยินข้อเท็จจริงเรื่องนี้โดยฟังตามกันมาจากรุ่นสู่รุ่นจึงเกิดความสงสัยในข้อเท็จจริงในเรื่องนี้            ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า เมื่อเราได้ยินข้อเท็จจริงของเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เราควรมีความสงสัยเสียก่อนจนกว่าจะได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง    และรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ เมื่อมีหลักฐานเพียงพอแล้ว  เราก็จะใช้หลักฐานเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์โดยการอนุมานความรู้จากพยานหลักฐานต่าง ๆ เพื่อหาเหตุผลอธิบายความจริงเรื่องนี้   

                ดังนั้น  เมื่อผู้เขียนได้ยินข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาของพระเจ้าพิมพิสารแล้ว ผู้เขียนควรจะสงสัยเสียก่อนและผู้เขียนก็ชอบที่จะแสวงหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไป  จึงได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ  ในพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬา ฯ     และพระไตรปิฎกฉบับหลวง   พบว่าข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้กระจัดกระจายอยู่ในพระไตรปิฎกหลายเล่ม        เมื่อโครงสร้างความรู้เกี่ยวกับการอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาของพระเจ้าพิมพิสารยังไม่มีข้อเท็จจริงที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องที่พระองค์ทรงอุปถัมภ์แล้ว      เราจะแสวงหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อย่างไร?  เมื่อพยานบุคคลคือพระเจ้าพิมพิสารทรงได้สิ้นพระชนม์ไปก่อนพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปเพียง ๒ ปี   ส่วนชาวราชคฤห์ที่เกิดในสมัยเดียวพระเจ้าพิมพิสารนั้นได้ตายไปจนหมดสิ้นแล้วทิ้งไว้เพียง พระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาและพระไตรปิฎกฉบับหลวง     พยานวัตถุของอนุสรณสถานที่สร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช         และเสาหินพระเจ้าอโศกมหาราชที่ปักหมุดไว้ทั่วสาธารณรัฐอินเดียและสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล  บันทึกการแสวงบุญของพระภิกษุชาวจีนสองรูป    ซึ่งเดินทางมาสืบหาสังเวชนียสถานทั้ง ๔   เมืองและคัดลอกพระไตรปิฎกกลับไปสู่ประเทศจีน  เป็นต้น 

       ญาณวิทยา ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของปรัชญา  กล่าวไว้โดยทั่วไป  มนุษย์มีข้อจำกัดในการรับรู้สิ่งต่าง ๆ  ที่เกิดขึ้นในชีวิตและมนุษย์มักมีอคติต่อผู้อื่น   ชีวิตของมนุษย์จึงเต็มไปด้วยความมืดมน ขาดศรัทธาในตนเอง ขาดความวิริยะในการแสวงหาความรู้   ขาดสติที่จะจดจำความรู้จากประสบการณ์ชีวิต  ขาดสมาธิในการทำงาน และขาดปัญญาหยั่งรู้ที่จะเข้าใจความจริงของชีวิต   ทำให้ความมืดมนในชีวิตไม่สามารถคลี่คลายได้   ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมากทุกปี      เพื่อแก้ปัญหานี้  นักปรัชญาจึงสนใจศึกษาประเด็นที่มาความรู้ของมนุษย์ โครงสร้างของความรู้ของมนุษย์     วิธีพิจารณาความจริงของมนุษย์ในการแสวงหาความรู้      และความสมเหตุสมผลความรู้ที่มนุษย์สร้างขึ้น    ญาณวิทยาจึงมีหน้าที่ศึกษาและหาคำตอบให้มนุษย์รู้ว่า  "เรารู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่เราได้ยินนั้นจริงหรือเท็จ  มาตรฐานในวัดความรู้ของเรานั้นจริงหรือเท็จ ?   ความรู้ของมนุษย์สร้างขึ้นคืออะไร? ความรู้ของมนุษย์เป็นรูปธรรมหรือนามธรรม เป็นต้น  ซึ่งเราสามารถอธิบายความจริงได้ดังต่อไปนี้

       วิธีการแสวงหาความรู้ เมื่ออวัยวะอินทรีย์ทั้ง ๖   อวัยวะที่เชื่อมโยงกับความรู้ (ยังมีต่อ)ตอนที่ ๒    


ไม่มีความคิดเห็น:

Post Top Ad

Your Ad Spot

หน้าเว็บ