The greatest discovery is the natural laws of human life. That everyone is equal Without choosing a social caste as the basis for determining humanity When the soul is the real person of man That accumulates knowledge from the mind with reasons And show his intention to act accordingly Would receive the result of Own action

Breaking

Post Top Ad

Your Ad Spot

วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

ปัญหาที่มาของความรู้ในการอุปถัมภ์พุทธศาสนาของพระเจ้าพิมพิสาร (๒)

   The problems of the Source  of knowledge in King Bimbisara' s Patronage of Buddhism

บทนำ ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา

        โดยทั่วไป    บุคคลบางคนในโลกเป็นนักตรรกศาสตร์และนักปรัชญาและเจ้าของความรู้ทางปรัชญาในสาขาอภิปรัชญา ญาณวิทยา จริยศาสตร์ สุนทรียศาสตร์และตรรกศาสตร์ เป็นต้น เนื่องจากนักตรรกศาสตร์และนักปรัชญาเป็นมนุษย์ที่มีอายตนะภายในที่มีข้อจำกัดในการรับรู้ความจริงที่สมมติขึ้น และความจริงขั้นปรมัติและมักมีอคติต่อผู้อื่น ชีวิตของพวกเขาเต็มไปด้วยความมืดมน  พวกเขาขาดปัญญาหยั่งรู้หรือกำหนดความรู้ที่เกิดขึ้นจากอำนาจสมาธิ หรือความสามารถจากการหยั่งรู้เป็นพิเศษที่เรียกว่า "ญาณ"เป็นต้น 

            ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงสอนว่าพราหมณ์บางคนในสมัยก่อนพุทธกาล เป็นนักตรรกศาสตร์และนักอภิปรัชญา  เมื่อได้ยินความจริงในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยก่อนพุทธกาลจนถึงปัจจุบัน     นักปรัชญา นักตรรกะมักแสดงความคิดเห็นของตนเองตามหลักเหตุผลและคาดคะเนความจริงตามที่ได้ยินมา โดยใช้เหตุผลในการอธิบายความจริงในเรื่องนั้น อย่างไรก็ตาม นักตรรกะและนักอภิปรัชญา บางครั้งมักจะใช้เหตุผลอธิบายความจริงอย่างถูกบ้าง  บางครั้งก็จะใช้เหตุผลอย่างไม่ถูกต้อง  บางครั้งก็ใช้เหตุผลอธิบายความจริงในลักษณะนี้   บางครั้งก็ใช้เหตุผลในลักษณะนั้น  เมื่อเหตุผลที่ใช้อธิบายความจริงเรื่องนั้นคลุมเครือและไม่แน่นอนจะเป็นอย่างไร  เมื่อวิญญูชนได้ยินความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าว พวกเขาย่อมไม่เชื่อถือความคิดเห็นของเรื่องนั้นเพราะยังมีข้อพิรุธน่าสงสัยและไม่ยอมรับเป็นความรู้ที่แท้จริงของเรื่องนั้น  เป็นต้น 

        เมื่อผู้เขียนได้ยินเรื่องราวที่พระเจ้าพิมพิสารทรงอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา  พระองค์ก็ทรงได้รับการยกย่องว่าเป็นพระมหากษัตริย์องค์แรก ที่ทรงอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลจนถึงปัจจุบัน   พระเจ้าพิมพิสารทรงเป็นกษัตริย์ ผู้ยิ่งใหญ่ที่ครองแคว้นมคธ      พระองค์ทรงศรัทธาในพระโพธิสัตว์สิทธัตถะตั้งแต่แรกเห็น เพราะรูปลักษณ์ภายนอกของพระองค์ไม่แสดงถึงลักษณะนิสัยของคนวรรณะต่ำ เมื่อพระเจ้าพิมพิสารทรงได้สนทนากับพระโพธิสัตว์สิทธัตถะ  พระองค์ก็ทรงทราบความจริงว่า พระโพธิสัตว์สิทธัตถะประสูติในราชวงศ์ศากยะแห่งอาณาจักรสักกะ และพระเจ้าพิมพิสารทรงเข้าใจผิดว่า พระโพธิสัตว์สิทธัตถะทรงได้ละทิ้งราชวงศ์ศากยะแห่งแคว้นสักกะ เพื่อผนวชเป็นพระโพธิสัตว์เพราะมีปัญหาภายในราชวงศ์ศากยะ พระเจ้าพิมพิสารทรงมีประสงค์จะถวายดินแดนกลิงคะให้แก่พระโพธิสัตว์สิทธัตถะทรงเป็นพระประมุข แต่พระองค์ทรงปฏิเสขเพราะทรงต้องการแสวงหาความจริงของชีวิต เมื่อพระโพธิสัตว์ตรัสรู้กฎธรรมชาติแห่งสัจธรรมของชีวิตมนุษย์ โดยชอบด้วยพระองค์เองโดยการปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ ชาวพุทธทั่วโลกจึงเรียกพระองค์ว่า "พระพุทธเจ้า" พระองค์เสด็จมาเผยแผ่พระพุทธศาสนาพร้อมกับพระอรหันต์ซึ่งเดิมเป็นฤาษี  ๓  คน หรือ "ชฏิล"  และบริวารอีก ๑,๐๐๐ คน พระเจ้าพิมพิสารและพสกนิกร ๑๒๐,๐๐๐ คน  ได้ต้อนรับพระพุทธเจ้าที่ลัฐิวันสวนตาล เมืองราชคฤห์  แคว้นมคธ หลังจากพระองค์ทรงฟังพระธรรมเทศนาของพระพุทธเจ้า พระเจ้าพิมพิสาร ทรงได้รับญาณทิพย์ (spiritual eye)พร้อมกับชาวราชคฤห์ พระองค์ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์พระพุทธศาสนาองค์แรก ในเวลานั้นประชาชนจำนวนมากละทิ้งความเชื่อในเทพเจ้า และหันมาปฏิบัติธรรมตามอริยมรรคมีองค๘จนบรรลุปัญญาอันแท้จริงที่เรียกว่า"อภิญญา๖ " 
      
              ผู้เขียนศึกษาประวัติศาสตร์พุทธศาสนาเกี่ยวกับการอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาท  ณ  สำนักเรียนนักธรรมสนามหลวง ซึ่งตั้งอยู่ที่วัดในแห่งหนึ่งและมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น  ความรู้เหล่านี้เกิดจากการอ่าน การเขียน การฟังและการพูด    เมื่อผู้เขียนได้ยินข้อเท็จจริงจากครูในโรงเรียนและสั่งสมเรื่องราวไว้เป็นหลักฐานทางอารมณ์ในจิตใจ  ผู้เขียนใช้หลักฐานทางอารมณ์เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้ และคาดคะเนความจริงเพื่อพิสูจน์ความจริงของเรื่องเหล่านั้น  โดยใช้เหตุผลซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญาใช้ในการอธิบายความจริง    อย่างไรก็ตาม เมื่อวิเคราะห์ข้อเท็จจริงแล้ว องค์ความรู้เกี่ยวกับการอุปถัมภ์พระพุทธศาสนายังไม่ชัดเจน    เพราะมีหลักฐานเอกสารคือ พระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณเพียงเล่มเดียวนั้น ส่วนพยานวัตถุเกี่ยวกับสถานที่ตั้งปัจจุบันของแคว้นมคธและพยานบุคคลที่น่าเชื่อถือที่สามารถยืนข้อเท็จจริงในเรื่องต่าง ๆก็ตายไปจดหมดสิ้นแล้ว  เมื่อมีหลักฐานไม่เพียงพอเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์โดยการอนุมานความรู้หรือคาดคะเนความจริง เพื่อพิสูจน์ความจริงของคำตอบ  ดังนั้นความรู้ที่ได้รับนั้นจึงไม่สมเหตุสมผลในเรื่องนี้   เราต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อพิสูจน์ความจริงกันต่อไป  เป็นต้น 

ปัญหาคือเราจะรู้ความจริงได้อย่างไร?  

     เมื่อผู้เขียนศึกษาประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาเกี่ยวกับการอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้าพิมพิสาร   ณ สำนักเรียนนักธรรมสนามหลวงแห่งหนึ่งและ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น  ผู้เขียนได้ยินข้อเท็จจริงจากคำสอนของครูในห้องเรียนและสั่งสมเป็นหลักฐานทางอารมณ์ในจิตใจของผู้เขียน  ผู้เขียนใช้หลักฐานเหล่านั้นเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้หรือคาดคะเนตามหลักเหตุผล เพื่อพิสูจน์ความจริงในเรื่องนี้โดยการใช้เหตุผล ซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญาในการอธิบายความจริงในเรื่องที่พระเจ้าพิมพิสารทรงอุปถัมภ์พระพุทธศาสนานั้น แต่เมื่่อวิเคราะห์หลักฐานทางอารมณ์ในจิตใจแล้ว ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ยังไม่ชัดเจน เพราะไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะคาดคะเนความจริงตามหลักเหตุผลได้อย่างชัดเจน   บ่อเกิดความรู้ของมนุษย์ยังไม่ชัดเจนว่ามีความเป็นอย่างไร  องค์ประกอบของความรู้เรื่องการอุปถัมภ์พระพุทธศาสนายังไม่ครบถ้วนว่ามีขอบเขตมากน้อยเพียงใด  กระบวนการพิจารณาความจริงในเรื่องนี้ครบถ้วนหรือไม่  และผลการวิเคราะห์มีความสมเหตุสมผลหรือไม่  เป็นต้น   

           ข้อเท็จจริงเบื้องต้น เมื่อชาวพุทธทั่วโลกได้ยินข้อเท็จจริงเรื่องราวการอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาที่สืบทอดกันมาเป็นเวลากว่า ๒,๕๐๐ ปี  เราก็ยอมรับความจริงโดยปริยายว่า พระเจ้าพิมพิสารทรงอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาซึ่งเป็นความจริงที่เกิดขึ้น    ดำรงอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง และสิ้นสุดลงเมื่อพระเจ้าพิมพิสารเสด็จสวรรคต  ส่วนพยานที่เห็นเหตุการณ์นั้นล้วนเสียชีวิตหมดแล้ว  ส่วนชาวพุทธที่เกิดในรุ่นหลังนั้นก็ไม่มีความรู้โดยตรงผ่านอายตนะภายในร่างกาย และสั่งสมความรู้นั้นไว้ในจิตใจ    แต่ได้ยินข้อเท็จจริงเรื่องนี้โดยฟังตามกันมาจากรุ่นสู่รุ่นจึงเกิดความสงสัยในข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า เมื่อเราได้ยินข้อเท็จจริงของเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เราควรมีความสงสัยเสียก่อนจนกว่าจะได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เมื่อมีหลักฐานเพียงพอแล้ว เราก็จะใช้หลักฐานเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์โดยการอนุมานความรู้จากพยานหลักฐานต่าง ๆ เพื่อหาเหตุผลอธิบายความจริงเรื่องนี้   

                ดังนั้น  เมื่อผู้เขียนได้ยินข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาของพระเจ้าพิมพิสารแล้ว ผู้เขียนควรจะสงสัยเสียก่อนและผู้เขียนก็ชอบที่จะแสวงหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไป  จึงได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ  ในพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬา ฯ     และพระไตรปิฎกฉบับหลวง   พบว่าข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้กระจัดกระจายอยู่ในพระไตรปิฎกหลายเล่ม        เมื่อโครงสร้างความรู้เกี่ยวกับการอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาของพระเจ้าพิมพิสารยังไม่มีข้อเท็จจริงที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องที่พระองค์ทรงอุปถัมภ์แล้ว      เราจะแสวงหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อย่างไร?  เมื่อพยานบุคคลคือพระเจ้าพิมพิสารทรงได้สิ้นพระชนม์ไปก่อนพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปเพียง ๒ ปี   ส่วนชาวราชคฤห์ที่เกิดในสมัยเดียวพระเจ้าพิมพิสารนั้นได้ตายไปจนหมดสิ้นแล้วทิ้งไว้เพียง พระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาและพระไตรปิฎกฉบับหลวง     พยานวัตถุของอนุสรณสถานที่สร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช         และเสาหินพระเจ้าอโศกมหาราชที่ปักหมุดไว้ทั่วสาธารณรัฐอินเดียและสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล  บันทึกการแสวงบุญของพระภิกษุชาวจีนสองรูป    ซึ่งเดินทางมาสืบหาสังเวชนียสถานทั้ง ๔   เมืองและคัดลอกพระไตรปิฎกกลับไปสู่ประเทศจีน  เป็นต้น 

             ญาณวิทยา ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของปรัชญา  มักกล่าวว่ามนุษย์มีข้อจำกัดในการรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตและมักมีอคติต่อผู้อื่น        ดังนั้นชีวิตของมนุษย์จึงเต็มไปด้วยความมืดมน    ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง ขาดความเพียรพยายามแสวงหาความรู้       ขาดสติในการจดจำความรู้จากประสบการณ์ชีวิต   ขาดสมาธิในการทำงาน และขาดปัญญาในการเข้าใจความจริงของชีวิต               สิ่งเหล่านี้ทำให้ชีวิตของพวกเขาตกอยู่ในความมืดมน  เมื่อมีปัญหาชีวิตทำให้ตัดสินผิดพลาด เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมากทุกปี เพื่อแก้ปัญหานี้   นักปรัชญาจึงสนใจศึกษาต้นกำเนิดความรู้ของมนุษย์    โครงสร้างของความรู้ของมนุษย์         วิธีพิจารณาความจริงของความรู้ของมนุษย์ในการแสวงหาความรู้ และความสมเหตุสมผลของความรู้ของมนุษย์ ดังนั้นญาณวิทยาจึงมีหน้าที่ศึกษาและค้นหาคำตอบสำหรับมนุษย์รู้ว่า  "เรารู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่เราได้ยินนั้นจริงหรือเท็จ  มาตรฐานที่ใช้วัดความรู้ของมนุษย์คืออะไร ?  โรงสร้างความรู้ของมนุษย์คืออะไร?  ความรู้ของมนุษย์เป็นรูปธรรมหรือนามธรรม    เป็นต้น  เราสามารถอธิบายความจริงได้ดังนี้

       วิธีการแสวงหาความรู้ เมื่ออวัยวะอินทรีย์ทั้ง ๖   อวัยวะที่เชื่อมโยงกับความรู้ (ยังมีต่อ)ตอนที่ ๒    


ไม่มีความคิดเห็น:

Post Top Ad

Your Ad Spot

หน้าเว็บ