The greatest discovery is the natural laws of human life. That everyone is equal Without choosing a social caste as the basis for determining humanity When the soul is the real person of man That accumulates knowledge from the mind with reasons And show his intention to act accordingly Would receive the result of Own action

Breaking

Post Top Ad

Your Ad Spot

วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

บทนำเกี่ยวกับเกสริยาสถูป(Kesariya Stupa) ในพระไตรปิฎก

Introduction to Kesariya Stupa according to Buddhaphumi  Philosophy

ภาพโดยก้าวตามธรรมFollow the Dharma
๑. บทนำ 
๒. ปัญหาเกี่ยวกับความจริงของสถูปเกสเรีย  
๓. บ่อเกิดความรู้ของสถูปเกสเรีย
๔. สถูปเกสเรียเป็นสถานที่แสดงกาลามสูตรของพระพุทธหรือไม่   เพียงใด

๑. บทนำ 

                 เมื่อผู้เขียนได้เดินทางแสวงบุญไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธศาสนา  (The four holy places of Buddhism) ในสาธารณรัฐอินเดีย      และสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาลเป็นเวลาหลายปี   ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการการแสวงบุญของชาวพุทธไทย การเดินทางใช้เวลา  ๘   วัน ระยะทาง ๑,๒๐๐ กิโลเมตร       เมื่อเราเดินทางจากเมืองกุสินารา     รัฐอุตตรประเทศไปยังเมืองไวสาลี  รัฐพิหารหรืออีกทางเลือกหนึ่งคือจากเมืองปัฏนา  เมืองหลวงของรัฐพิหารผ่านเขตไวศาลีไปยังเขตกุสินารา ระหว่างการเดินทาง ผู้แสวงบุญจะได้พบกับเจดีย์โบราณฐานกลม   ซึ่งต่อมาได้พัฒนาเป็นเนินดินขนาดใหญ่เสริมด้วยอิฐและไม้            เจดีย์ประเภทนี้พบได้ทั่วสาธารณรัฐอินเดีย  เจดีย์แห่งนี้ตั้งอยู่กลางทุ่งนาในเขตชนบทของรัฐพิหาร      ในฤดูร้อนที่อากาศแห้งแล้ง      พายุฤดูร้อนจะพัดฝุ่นผงลงบนเจดีย์   ทำให้เกิดเนินดินขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กลางทุ่งนา       
ในสมัยที่อังกฤษปกครองอินเดีย         นักโบราณคดีชาวอังกฤษได้ค้นพบหลักฐานในบันทึกของพระฟาเหียนซึ่งเดินทางไปศึกษาพระพุทธศาสนา  และคัดลอกพระไตร ปิฎกกลับไปยังประเทศจีน       ท่านกล่าวถึงการค้นพบเจดีย์ขนาดใหญ่ใกล้แม่น้ำคันดัก      ซึ่งเป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างอาณาจักรวัชชีและอาณาจักรมัลละ    ต่อมากรมโบราณคดีแห่งสาธารณรัฐอินเดียได้ตั้งชื่อเจดีย์นี้ว่า "เกสริยาสถูป"  (Kesariya Stupa)  ตั้งอยู่ในอาณาจักรวัชชี 
   
            ขณะเดินทางไปแสวงบุญยังสังเวชนียสถานทั้ง  ๔   แห่ง  และผ่านเจดีย์นี้           ผู้เขียนได้ยินข้อเท็จจริงเบื้องต้นจากนักวิชาการทางพระพุทธศาสนาหลายท่าน    ซึ่งแสดงความคิดเห็นของตนเองว่าสถานที่นี้คือ  "สถูปเกสรียา"     ซึ่งเป็นสถานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงกาลามสูตร อย่างไรก็ตาม   เมื่อชาวพุทธส่วนใหญ่ได้ยินข้อเท็จจริงนี้ พวกเขามักจะยอมรับโดยปริยายว่าเป็นความจริง โดยไม่มีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับที่มาของข้อเท็จจริงนั้น   แต่ตามคำสอนพระพุทธเจ้า  พราหมณ์ในโลกเป็นนักตรรกศาสตร์และนักปรัชญา    ได้ยินความคิดเห็นในเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ก่อนสมัยพุทธกาลจนถึงปัจจุบัน     จากตำราเรียนหรือคัมภีร์ศาสนา  ฯลฯ        พวกเขามักจะแสดงความคิดเห็นของตนเองโดยใช้เหตุผล  หรือคาดคะเนความจริงจากสิ่งที่ได้ยินมา     โดยการใช้เหตุผลเพื่ออธิบายความจริงของเรื่องนั้น       

             อย่างไรก็ตาม เมื่อนักตรรกะ   นักปรัชญาเป็นมนุษย์มีอายตนะภายในที่จำกัดในการรับรู้    และมักมีอคติต่อผู้อื่น เพื่อใช้เหตุผลอธิบายความจริงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเนื่องจากความไม่รู้ของตนเอง     ชีวิตมนุษย์จึงเต็มไปด้วยความมืดมน      พวกเขาจึงขาดปัญญาที่จะเข้าใจความจริงที่สมมติขึ้นและความจริงขั้นปรมัตถ์    เมื่อพวกเขาแสดงความคิดในความจริงเรื่องใดเรื่องหนึ่ง      บางครั้งพวกเขาใช้เหตุผลได้อย่างถูกต้อง   บางครั้งอธิบายความจริงได้อย่างไม่ถูกต้องบางครั้งพวกเขาก็ใช้เหตุผลความจริงในลักษณะนี้หรือในลักษณะนั้น        เมื่อข้อเท็จจริงของคำตอบเกี่ยวกับสถูกปเกสรียา       ของนักตรรกะและนักปรัชญายังคลุมเครือและไม่ชัดเจนแล้ว    เหตุผลของคำตอบนั้นย่อมขาดความน่าเชื่อถือ วิญญูชนได้ยินความคิดเห็นเรื่องสถูปเกสรียาแล้ว    ย่อมไม่เชื่อถือว่าเป็นความจริงและไม่ยอมรับว่าเป็นความรู้ที่แท้จริงในเรื่องนั้น      

                เมื่อความคิดเห็นของนักตรรกศาสตร์และนักปรัชญาในสมัยพุทธกาลไม่น่าเชื่อถืออีกต่อไป       พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า เมื่อได้ยินข้อเท็จจริงกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง             ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ก่อนพุทธกาลจนถึงปัจจุบัน         เราไม่ควรเชื่อทันที เราควรตั้งข้อสงสัยไว้ก่อน   จนกว่าเราจะได้สอบสวนข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐาน     เมื่อมีหลักฐานเพียงพอแล้ว     เราสามารถใช้หลักฐานนั้นเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้จากหลักฐาน  เพื่อพิสูจน์ความจริงของเรื่องราวนั้น โดยใช้เหตุผล    ซึ่งเป็นเครื่องมือที่นักปรัชญาใช้ในการอธิบายความจริงของเรื่องราวเหล่านั้น   ดังนั้น  เมื่อเราได้ยินความจริงเกี่ยวกับสถูปเกสริยา (Kesariya Stupa)         ตามคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น ข้อเท็จริงของเรื่องนี้ ยังคงน่าสงสัยอยู่หรือไม่   ? 
  
              อย่างไรก็ตาม      ผู้เขียนชอบศึกษา  วิจัยและแสวงหาความรู้เรื่องเกสริยาสถูป (Kesariya Stupa)        โดยสอบสวนข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐานจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ  เช่นพระไตรปิฎกมหาจุฬามหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย   และพระไตรปิฎกฉบับหลวง  อรรถกถา ฎีกา บันทึกการขุดค้นทางโบราณคดีในสมัยที่อังกฤษปกครองอินเดีย    และบันทึกการแสวงบุญของพระภิกษุชาวจีน   แผนที่โลกกูเกิล และแผนที่  ๑๖ แคว้นโบราณของอินเดีย   เป็นต้น  เมื่อมีหลักฐานเพียงพอ  เราก็จะใช้หลักฐานเหล่านั้นเป็นข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์   โดยอนุมานความรู้จากหลักฐานต่าง ๆ         เพื่อพิสูจน์ความจริงโดยใช้เหตุผล มาอธิบายความจริงของคำตอบในเรืองนี้อย่างมีเหตุผล    คำตอบที่ได้จะถูกเขียนเป็นบทความวิเคราะห์เชิงปรัชญา  และคำตอบที่ได้จะเป็นประโยชน์ต่อพระธรรมทูตแห่งราชอาณาจักรไทย ที่แสดงพระธรรมเทศนาแก่ผู้แสวงบุญในดินแดนพุทธภูมิ   ช่วยให้พวกเขาเข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้า และมั่นใจได้ว่า    เนื้อหาความจริงในพระพุทธศาสนาเป็นไปในทิศทางเดียวกัน            ส่วนกระบวนการพิจารณาความจริงในพระพุทธศาสนาและปรัชญาซึ่งเกี่ยวข้องกับวิเคราะห์ข้อมูล       โดยอนุมานความรู้จากหลักฐานต่าง ๆ   เพื่อโดยใช้เหตุผล  เพื่ออธิบายความจริงนั้น     จะเป็นประโยชน์ต่อการวิจัยของนิสิตปริญญาเอกด้านพระพุทธศาสนา      และปรัชญา     เพื่อให้นิสิตได้รับผลการวิจัยที่สมเหตุสมผลและปราศจากข้อสงสัยในความจริงของเรื่อง  ๆ อีกต่อไป   

2 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ดีครับอยากไปบ้างจังเลย

Unknown กล่าวว่า...

สาธุครับผม

Post Top Ad

Your Ad Spot

หน้าเว็บ