๑. บทนำ
๒. ปัญหาเกี่ยวกับความจริงของสถูปเกสเรีย
๓. บ่อเกิดความรู้ของสถูปเกสเรีย
๔. สถูปเกสเรียเป็นสถานที่แสดงกาลามสูตรของพระพุทธหรือไม่ เพียงใด
๔. สถูปเกสเรียเป็นสถานที่แสดงกาลามสูตรของพระพุทธหรือไม่ เพียงใด
๑. บทนำ
เมื่อผู้เขียนได้ไปแสวงบุญที่สังเวชนียสถานทางพระพุทธศาสนาทั้ง ๔ เมือง (The four holy places of Buddhism) ในสาธารณรัฐอินเดีย และสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาลเป็นเวลาหลายปี ภายใต้โครงการการแสวงบุญของชาวพุทธไทย การเดินทาง ๘ วัน ระยะทาง ๑,๒๐๐ กิโลเมตรใช้เส้นทางแสวงบุญจากเมือง กุสินารา รัฐอุตตรประเทศ ไปยังเมืองไวสาลี รัฐพิหาร หรือผู้แสวงบุญเดินทางจากเมืองปัฏนา เมืองหลวงของรัฐพิหารผ่าน อำเภอไวศาลีไปยังอำเภอกุสินารา ในกรณีนี้ผู้แสวงบุญจะได้พบกับเจดีย์ฐานกลม ซึ่งต่อมากลายเป็นเนินดินขนาดใหญ่ เสริมด้วยอิฐและไม้ เจดีย์ประเภทนี้พบได้ในทุกรัฐของอินเดีย เจดีย์แห่งนี้ตั้งอยู่กลางทุ่งนาในเขตชนบทของรัฐพิหาร ในฤดูร้อนที่แห้งแล้ง พายุฤดูร้อนจะพัดฝุ่นผงสะสมบนเจดีย์ จนกลายเป็นเนินดินขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กลางทุ่งนา
ในสมัยอังกฤษปกครองอินเดีย นักโบราณคดีชาวอังกฤษ ได้ค้นพบหลักฐานคือว่าบันทึกของพระภิกษุฟาเหียนซึ่งเดินทางไปค้นคว้าพระพุทธศาสนา และคัดลอกพระไตรปิฎกกลับไปยังประเทศจีน ท่านกล่าวว่า พบเจดีย์ขนาดใหญ่ใกล้แม่น้ำคันดักซึ่งเป็นพรมแดนระหว่างอาณาจักรวัชชีและอาณาจักรมัลละต่อมากรมโบราณคดีแห่งสาธารณรัฐอินเดียเรียกเจดีย์นี้ว่า "สถูปเกสรียา" (Kesaria Stupa) ตั้งอยู่ในแคว้นวัชชี
เมื่อผู้เขียนได้เดินทางแสวงบุญในสังเวชนียสถานทั้ง ๔ แห่งและได้ผ่านเจดีย์แห่งนี้ ผู้เขียนได้ยินข้อเท็จจริงเบื้องต้นจากปราชญ์ชาวพุทธหลายท่าน ซึ่งแสดงความคิดเห็นว่าสถานที่แห่งนี้คือ "สถูปเกสรียา" ซึ่งเป็นสถานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมเทศนากาลามสูตร อย่างไรก็ตาม เมื่อชาวพุทธส่วนใหญ่ที่ได้ยินข้อเท็จจริงนี้ พวกเขามักจะยอมรับโดยปริยายว่าเป็นความจริง โดยไม่มีข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับที่มาของเรื่องนี้ แต่ตามคำสอนพระพุทธเจ้า เมื่อพราหมณ์ในโลกซึ่งเป็นนักตรรกศาสตร์และ นักปรัชญาได้ยินความคิดเห็นในเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ก่อนสมัยพุทธกาลจนถึงปัจจุบัน จากตำราเรียนหรือคัมภีร์ศาสนา ฯลฯ พวกเขามักจะแสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าว ตามปฏิภาณของตนเองโดยใช้เหตุผล หรือโดยคาดคะเนความจริงจากสิ่งที่ได้ยินมา โดยการใช้เหตุผลเพื่ออธิบายความจริงของเรื่องนั้น ๆ
อย่างไรก็ตาม เมื่อนักตรรกะ นักปรัชญาเป็นมนุษย์มีอายตนะภายในที่จำกัดในการรับรู้และมักจะมีความลำเอียงต่อผู้อื่นโดยความไม่รู้ของตนเอง ชีวิตมนุษย์จึงเต็มไปด้วยความมืดมน พวกเขาจึงขาดปัญญาเข้าใจความจริงที่สมมติขึ้นและความจริงขั้นปรมัตถ์ เมื่อพวกเขาแสดงความคิดในความจริงเรื่องใดเรื่องหนึ่ง บางครั้งพวกเขาใช้เหตุผล เพื่ออธิบายความจริงของเรืองนั้นได้อย่างถูกต้อง หรืออธิบายความจริงได้อย่างไม่ถูกต้องบ้าง บางครั้งพวกเขาก็ใช้เหตุผลความจริงในลักษณะเป็นอย่างนี้บ้าง หรือในลักษณะเป็นอย่างนั้นบ้างเมื่อข้อเท็จจริงของคำตอบเกี่ยวกับสถูกปเกสรียา ของนักตรรกะและนักปรัชญายังคลุมเครือและไม่ชัดเจนแล้ว เหตุผลของคำตอบนั้นย่อมขาดความน่าเชื่อถือ วิญญูชนได้ยินความคิดเห็นเรื่องสถูปเกสรียาแล้วย่อมไม่เชื่อถือว่าเป็นความจริงและไม่ยอมรับว่าเป็นความรู้ที่แท้จริงในเรื่องนั้น
เมื่อความคิดเห็นของนักตรรกะ นักปรัชญาในสมัยพุทธกาลไม่น่าเชื่อถืออีกต่อไป พระพุทธเจ้าจึงทรงสอนว่า เมื่อได้ยินข้อเท็จจริงในเรื่อใดเรื่องหนึ่ง ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยก่อนพุทธกาลจนถึงปัจจุบัน เราไม่ควรเชื่อทันที เราควรตั้งข้อสงสัยไว้ก่อน จนกว่าเราจะได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐาน เมื่อมีหลักฐานเพียงพอเราก็สามารถนำหลักฐานเหล่านั้น เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์ โดยอนุมานความรู้จากหลักฐานต่าง ๆ เพื่อพิสูจน์ความจริงของเรื่องราวนั้น โดยใช้เหตุผล ซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญาในการอธิบายความจริงของเรื่องนี้ดังนั้น เมื่อเราได้ยินความจริงเกี่ยวกับสถูปเกสเรีย ตามคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น ยังถือว่าข้อเท็จริงในเรื่องนี้ก็ยังน่าสงสัย ?
อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนชอบที่จะศึกษาค้นคว้าความรู้ในเรื่องนี้ด้วยการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ และรวบรวมหลักฐานจากที่มาของความรู้ในพระไตรปิฎกมหาจุฬาฯและพระไตรปิฎกฉบับหลวง อรรถกถา ฎีกา บันทึกการขุดค้นทางโบราณคดีในสมัยที่อังกฤษปกครองอินเดียและบันทึกการแสวงบุญของพระภิกษุจีน แผนที่โลกกูเกิล และแผนที่ ๑๖ แคว้นโบราณของอินเดีย เป็นต้น เมื่อมีหลักฐานเพียงพอแล้ว ก็จะใช้หลักฐานเป็นข้อมูลในวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้จากหลักฐานต่าง ๆ เพื่อหาเหตุผล มาอธิบายความจริงของคำตอบในเรืองนี้อย่างสมเหตุสมผล คำตอบจะเขียนเป็นบทความวิเคราะห์เชิงปรัชญา คำตอบที่ได้รับจะเป็นประโยชน์ต่อพระธรรมทูตสายต่างประเทศในการแสดงพระธรรมเทศนาให้ผู้แสวงบุญในแดนพุทธภูมิเกิดความรู้ความใจในคำสอนของพระพุทธเจ้า เพื่อให้เนื้อหาความจริงของพระพุทธศาสนาเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนกระบวนการพิจารณาความจริงในพระพุทธศาสนาและปรัชญา ซึ่งนำมาวิเคราะห์ข้อมูลโดยอนุมานความรู้จากหลักฐานต่าง ๆ เพื่อหาเหตุผลอธิบายความจริงนั้น จะเป็นประโยชน์ต่อการวิจัยของนิสิตปริญญาเอกด้านพระพุทธศาสนาและปรัชญา เพื่อให้นิสิตได้รับผลการวิจัยที่สมเหตุสมผลและไม่มีข้อสงสัยในความจริงของเรื่องอีกต่อไป
2 ความคิดเห็น:
ดีครับอยากไปบ้างจังเลย
สาธุครับผม
แสดงความคิดเห็น