Aesthetics on Phu Chi Fa according to Buddhaphumi's philosophy
บทนำ สุนทรียศาสตร์บนภูชี้ฟ้า
ในโลกแห่งความเป็นจริง มนุษย์ทุกคนต้องการความสุข และไม่มีใครอยากทนทุกข์ทรมาน นอกจากความสุขและความทุกข์แล้วไม่มีใครต้องการรู้สิ่งอื่นใดอีกเพราะมนุษย์ได้ค้นพบสิ่งนี้แล้ว ความสุขและความทุกข์คือการแสดงออกถึงจิตใจของมนุษย์แต่ละคน เพราะจิตใจของมนุษย์แต่ละคนมีธรรมชาติที่คิดหรือปรุงแต่งอารมณ์ต่าง ๆ ในจิตใจของตนเอง และแสดงอาการสุขหรือทุกข์ให้ผู้อื่นรู้ เห็นถึงความทุกข์ที่ต้องให้เหตุผลในการตัดสินใจของมนุษย์ ชีวิตจิตวิญญาณของมนุษย์ มีเจตสิกคืออาการของจิตวิญญาณที่แสดงออกทางวาจา อาการของจิตแสดงออกมาทางร่างกายจิตของมนุษย์คนใด ได้รับผลกระทบจากอารมณ์แห่งการสรรเสริญและการนินทาจากผู้อื่นผู้นั้น ย่อมมีอาการขึ้นทางจิตโดยเฉพาะผู้มีศักยภาพที่อ่อนแอสั่นคลอนและไม่มั่นคงเสมอ ดังนั้น มนุษย์จำเป็นต้องพัฒนาศักยภาพของตนอยู่เสมอ มีหลายวิธีในการพัฒนาศักยภาพของร่างกาย และจิตใจของมนุษย์มีวิธีการที่เหมาะสมในการพัฒนาศักยภาพของพวกเขา ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน การเดินออกกำลังกายขึ้นภูชี้ฟ้าซึ่งไม่สูงมากนักเหมาะสำหรับคนทุกเพศทุกวัย รับลมภูเขาในยามเช้าถือว่า ทำให้จิตใจมีความผ่อนคลาย เพราะความเย็นแผ่ซ่านจากผิวหนังสู่จิตวิญญาณของตัวเอง ความเร่าร้อนของชีวิตจะลดลงดีกว่าไม่มีอะไรเปลื่ยนแปลงในชีวิต.
จิตอยู่ในร่างมนุษย์มีอวัยวะอินทรีย์ ๖ ที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างจิตใจกับอารมณ์ของโลกตลอดเวลา บางครั้งชีวิตเราไม่จำเป็นต้องอยู่กับใครตลอดเวลาการอยู่คนเดียวไม่มีสิ่งภายนอกมากระตุ้นความรู้สึก การคิดอย่างมีวิจารณญาณทำให้จิตของเรามีการเคลื่อนไหวทำให้เราไ่ม่จมปลักกับความคิดเดิมๆ ส่วนใหญ่มักจะเป็นความทุกข์มากกว่าความสุขที่เคยมีในชีวิต เมื่อจิตใจของเราหวนถึงเรื่องเก่า ๆ ที่เคยประสบมาทำให้เราทุกข์อีกครั้งหนึ่ง เราจะรู้สึกเหงา โดดเดี่ยว เพราะชีวิตเราไม่มีใครคอยปรับทุกข์และไม่ได้ระบายความรู้สึกอัดอั้นตันใจกับใคร โดยเฉพาะช่วงตกงานหรือถูกเลิกจ้าง จิตย่อมคิดไปต่าง ๆ นาๆ เมื่อคิดแล้วเรากลัวเพราะไม่มั่นคงและยังหวั่นไหว กลัวว่าชีวิตจะเป็นภาระคนอื่นทั้งเรื่องการกินและการใช้ชีวิตเป็นปัญหาที่เกิดกับใจเราเสมอ ๆ เมื่อจิตสัมผัสมันด้วยอารมณ์ที่ตัวเองไม่ชอบ ก็จะให้เกิดความทุกข์ในจิตของตนเพราะถูกเบียด เบียนด้วยการถูกกระทบทางกาย เช่น ทำร้ายร่างกายด้วยวิธีการต่าง ๆ.
เมื่อถูกกระทบแล้วจิตใจของมนุษย์ ย่อมเกิดความเศร้าหมอง การพลัดพรากจากสิ่งที่รักด้วยความตายจิตย่อมรู้สึกทุกข์การพักผ่อนน้อย ทำให้คิดอะไรไม่ออกก็มีหรือทำงานอย่างเคร่งเครียดจนเกินไป เมื่อสติอยู่ชีวิต ย่อมปล่อยวางจากงานในหน้าที่จิตของเราแบกไว้ไม่ยอมปล่อยความเพราะการรอคอยจากบุคคลที่รักย่อมเกิดความทุกข์เช่นกัน ความไม่ใส่ใจใยดีกับยึดมั่นถือมีอยู่ในจิตของมนุษย์มากมาย เมื่อจิตคิดบ่อย ๆ ซ้ำซากอยู่อย่างนั้น ไม่เคยพักวันหนึ่งย่อมหมดแรงที่เดินต่อไป สภาพของภูชี้ฟ้าเต็มไปด้วยสถานพักผ่อนหย่อนใจเพราะที่ไหนมีผู้คนมากมากที่นั้นย่อมมีความเจริญวัตถุเพราะมนุษย์สร้างวัตถุรองรับความเจริญเติบโตของธุรกิจการท่องเที่ยว เมื่อมนุษย์มามากต้องการพักผ่อนนอนหลับให้หายเหนื่อยล้า ภูชี้ฟ้าน่ารื่นรมย์ เมื่อมีวันหยุดจากการทำงานจิตต้องพักผ่อนเหมือนร่างกายขึ้นอยู่กับจิตที่ต้องสติว่าจะทำอย่างไรกับชีวิตของตน ชีวิตมนุษย์เป็นความจริงที่มีอยู่ตามธรรมชาติ มนุษย์อาศัยโลกเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตมนุษย์เป็นสัตว์ฉลาดเพราะมนุษย์มีจิตสร้างระบบการคิดอย่างมีเหตุผลจากสิ่งที่มีอยู่ตามธรรมชาติที่ล้อมรอบตัวมนุษย์ เหตุผลจากคิดวิเคราะห์จึงเป็นความรู้ของมนุษย์ และจิตมนุษย์สามารถนำความรู้จากเหตุผลนั้นสร้างสิ่งใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ ทำให้มนุษย์อยู่อย่างสบายและมีความสุข และเมื่อความมั่งคั่งทางวัตถุไม่สนองความสุขอย่างถาวร เพราะมนุษย์ต้องทำงานหนักเพื่อรายได้มาซื้อความสุขและสบาย การทำงานหนักทำให้สุขภาพของตนแย่ลง เงินที่ได้มาจากการทำงานต้องนำใช้ดูแลตนเองการพักผ่อนเพื่อปล่อยวางจากการยึดมั่นถือมั่นในหน้าที่การงานของตนทำให้จิตของเราหายจากความเครียดในการใช้ชีวิตภูชี้ฟ้าสถานที่อันงดงามแห่งนี้ เป็นภูเขามีอยู่เองตามธรรมชาติเป็นภูเขาที่สูงที่สุดบนเทือกเขาดอยผาหม่น ฉันรับรู้ความมีอยู่ของภูชี้ฟ้าที่แชร์ผ่านอินเตอร์เน็ต มาเป็นเวลาหลายปีแต่ฉันยังไม่มีโอกาสมาศึกษาที่ภูชีฟ้าแห่งนี้สักครั้งจิตของฉันเห็นภูชี้ฟ้าผ่านเวปไซด์ต่าง ๆ ในโลกออนไลน์แต่เป็นรับรู้ของจิตเพียงภาพผ่านตาเท่านั้น แต่ฉันไม่อาจรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงนั้นได้ไม่ว่าจะเป็นรส กลิ่น เสียงที่อยู่ตรงนั้นได้ ฉันได้แต่อนุมานความรู้ของความจริงที่เกิดขึ้นตรงนั้นเท่านั้น และยังให้เกิดข้อกังขาสถานที่แห่งก่อให้เกิดสุนทรียภาพแก่จิตของมนุษย์จริงหรือไม่. (ยังมีต่อ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น