Introduction: Vajji, The world's first democratic state in Buddhaphumi's Philosophy
คำสำคัญ รัฐประชาธิปไตย, พระไตรปิฎก, แคว้นวัชชี
เมื่อได้ศึกษาประวัติศาสตร์ในสมัยพุทธกาลจากหลักฐานในพระไตรปิฎกมหาจุฬา ฯ ได้ยินข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่า แคว้นวัชชี (Vajji country) เป็นรัฐเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มแม่น้ำคงคาอันอุดมสมบูรณ์ ซึ่งมีพรมแดนด้านทิศเหนือของรัฐวัชชี ติดต่อกับเทือกเขาหิมาลัยสูงตระหง่านอยู่บนท้องฟ้า เป็นเทือกเขาที่ครอบคลุม ๕ ประเทศได้แก่ ปากีสถาน เนปาล อินเดีย ภูฐาน และจีน เป็นต้น พรมแดนด้านใต้ของแคว้นวัชชี ติดต่อกับแคว้นมคธ แคว้นกาสี และแคว้นอังคะ พรมแดนด้านทิศตะวันตกติดต่อกับแคว้นมัลละ ส่วนพรมแดนทางตะวันออกติดต่อกับเมืองฮารัปปา ชาววัชชีได้ก่อตั้งดินแดนของตนเองขึ้น เป็นรัฐเอกราชที่มีอำนาจอธิปไตยของตนเองโดยไม่ขึ้นตรงกับรัฐใด ก่อนที่เจ้าชายสิทธัตถะทรงตัดสินพระทัยละวรรณะกษัตริย์ เพื่อออกผนวชเป็นปริพาชกเพื่อหาสัจธรรมของชีวิตว่า พระพรหมและอิศวรทรงสร้างมนุษย์จากกายของพระองค์และวรรณะให้มนุษย์ทำงานตามวรรณะของตน เป็นต้น รัฐวัชชีถือเป็นรัฐประชาธิปไตยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกและมีชื่อเสียงด้านในด้านปรัชญาการเมืองในฐานะรัฐศาสนาของพราหมณ์มีระบบการปกครอง "แบบสามัคคีธรรม" ด้วยการแบ่งประชาชนออกเป็น ๔ วรรณะ โดยที่วรรณะกษัตริย์ทุกราชวงศ์มีส่วนร่วมในการใช้อำนาจอธิปไตยเพื่อบริหารปกครองประเทศ ผ่านรัฐสภาแห่งรัฐวัชชีทั้ง ๓ อำนาจ คือเป็นผู้ใช้อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ เป็นต้น สมาชิกของรัฐสภาแห่งแคว้นวัชชีมาจากวรรณะกษัตริย์ ๘ ราชวงศ์จำนวน ๗,๗๐๗ พระองค์ เจ้าลิจฉวีดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภาแห่งแคว้นวัชชีในการบัญญัติกฎหมาย เจ้าลัจฉวีและสมาชิกรัฐสภาทำหน้าที่เป็นคณะรัฐมนตรีในการบริหารปกครองประเทศ และสมาชิกรัฐสภาเป็นผู้ใช้อำนาจตุลาการในการตัดสินอรรถคดีทั้งปวง มีกฎหมายรัฐธรรมนูญจารีตประเพณีสูงสุดของรัฐวัชชีที่เรียกว่า "ราชอปริหานิยธรรม" เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "ธรรมของกษัตริยฺ" ประกาศใช้เป็นหลักนิติศาสตร์ในการบริหารปกครองประเทศ ชาววัชชีส่วนใหญ่นับถือศาสนาพราหมณ์และแบ่งผู้คนเป็น ๔ วรรณะ ตามคำสอนของศาสนาพราหมณ์เชื่อว่าพระพรหมสร้างมนุษย์และวรรณะแก่ผู้คนให้ทำงานตามวรรณะที่ตนเกิด ได้แก่วรรณะพราหมณ์ , วรรณะกษัตริย์, วรรณะแพศย์ และวรรณะศูทร เป็นต้น
แต่เมื่อผู้เขียนศึกษาหลักฐานในพระไตรปิฎกมหาจุฬา ฯ และอรรถกถาแล้ว ได้ฟังข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่า ปรากฏการณ์ทางสังคมของรัฐวัชชีมีหลักฐานบ่งชี้อัตลักษณ์ของรัฐวัชชีเนื้อหาความรู้ก็กระจัดกระจายอยู่ในพระไตรปิฎกมหาจุฬา ฯ และอรรถกถาหลายเล่ม เมื่อวิเคราะห์หลักฐานให้ชัดเจนยิ่งขึ้นถึงข้อเท็จจริงของคำตอบในเรื่องโครงสร้างของรัฐวัชชี แต่เรื่องราวปรากฏอยู่ในจิตใจของผู้เขียนไม่ชัดเจนเพียงพอให้เข้าใจความจริงของรัฐวัชชี ผู้เขียนจึงต้องใช้ทฤษฎีการเมืองเกี่ยวกับรัฐ เพื่อเป็นพื้นฐานในการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับรัฐวัชชี เพื่อหาเหตุผลเพื่อยืนยันข้อเท็จจริงของคำตอบตามหลักฐานในเรื่องรัฐวัชชีในฐานะชุมชนทางการเมือง มีอาณาเขต และอำนาจอธิปไตยเป็นของตนเองในการปกครองประเทศทั้งสามอำนาจได้แก่ อำนาจนิตบัญญัติ อำนาจบริหารและอำนาจตุลาการ เป็นต้น เมื่อวัชชีเป็นรัฐประชาธิปไตยแห่งแรกของโลกที่มีมาตั้งแต่สมัยก่อนพุทธกาล สมาชิกรัฐสภาแห่งรัฐวัชชีมาจากการเลือกตั้งของวรรณะกษัตริย์หลายราชวงศ์ ปกครองรัฐด้วยระบอบสามัคคีธรรม โดยวรรณะกษัตริย์ทุกพระองค์มีส่วนรวมในการบริหารปกครองรัฐ และการผลัดเปลี่ยนกันดำรงตำแหน่งผู้ปกครองของรัฐวัชชีที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "สหพันธรัฐ" ประธานรัฐสภาได้รับเลือกตั้งโดยสมาชิกรัฐสภา สมาชิกรัฐสภาทำหน้าที่ในการบัญญัติกฎหมายจารีตประเพณี ทำหน้าที่เป็นผู้บริหารประเทศและทำหน้าที่เป็นตุลาการในการพิจารณาตัดสินคดี ด้วยสมาชิก ๗,๗๐๗ พระองค์ รัฐสภาแห่งรัฐวัชชี จึงเป็นรัฐสภาที่ใหญ่ที่สุดในโลกและสถานที่ประชุมของรัฐสภานั้นเรียกว่า"สันฐาคาร" สมาชิกรัฐสภาคือเจ้าลิจฉวีที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกรัฐสภานี้ เรื่องการประชุมของเจ้าลิจฉวีมีเป็นหลักฐานข้อความที่กล่าวถึงในพระไตรปิฎกออนไลน์หลายฉบับด้วยกัน
อาณาจักรวัชชีแห่งนี้มีความแข็งแกร่งมากในการปกครองประเทศเพราะมีกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศเรียกว่า "หลักอปริหานิยธรรม" เป็นธรรมะของกษัตริย์ที่ใช้ในการปกครองรัฐ มีศักดิ์เทียบเท่ากับกฎหมายรัฐธรรมนูญในการปกครองประเทศในยุคปัจจุบัน ประชาชนมีศักยภาพในการใช้ชีวิตและทักษะในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมีวินัยและความสามัคคีในการประชุมรัฐสภาพร้อม ๆ กันและเลิกพร้อมกันในการบัญญัติกฎหมาย ในการบริหารงานร่วมกันของสมาชิกรัฐสภา พิจารณาและตัดสินปัญหาสำคัญของประเทศ การใช้อำนาจตุลาการสมาชิกรัฐสภาเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ที่ทำให้รัฐวัชชีมีความเจริญรุ่งเรืองเพียงฝ่ายเดียว แต่สุดท้ายแล้ว รัฐเอกราชนี้สูญเสียอำนาจอธิปไตยไป เพราะสมาชิกรัฐสภาแห่งอาณาจักรวัชชีแตกความสามัคคีกันเอง ในสมัยปัจจุบันแคว้นวัชชีเป็นเพียงอำเภอเวสาลีเป็น ๑ ใน ๑๔ อำเภอขึ้นตรงกับเขตปกครองของรัฐพิหาร สาธารณรัฐอินเดีย ผู้เขียนเดินทางมาเยี่ยมชมภูมิภาคแห่งอาณาจักรวัชชีโบราณแห่งนี้หลายครั้ง เพราะอยู่ตรงข้ามกับเมืองปัฏตาลีบุตรโบราณแห่งแคว้นมคธในยุคปัจจุบันเรียกว่า "เมืองปัตนะเมืองหลวงของรัฐพิหารในยุคปัจจุบัน"
เมื่อผู้เขียนฟังข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอาณาจักรวัชชี รัฐประชาธิปไตยแห่งแรกในพระไตรปิฎกข้างต้น พระพุทธองค์ทรงสอนว่าไม่ให้เชื่อข้อเท็จจริงที่ได้ยินจากการเล่าสู่กันฟังสืบต่อกันมา ควรตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนและผู้เขียนชอบที่จะศึกษาค้นหาความรู้ในเรื่องนี้ต่อไปและรวบรวมหลักฐานทั้งพยานเอกสาร พยานวัตถุ และพยานบุคคล ให้เพียงพอเพื่อพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับอาณาจักรวัชชี, รัฐประชาธิปไตยแห่งแรกในพระไตรปิฎก ต่อไป เมื่อผู้เขียนตัดสินใจศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ Vajji, The world's first democratic state in the Tripitaka (แคว้นวัชชี, รัฐประชาธิปไตยแห่งแรกของโลกในพระไตรปิฎก) โดยวิเคราะห์ข้อมูลจากหลักฐานในพระไตรปิฎก อรรถกถา บันทึกจดหมายเหตุต่าง ๆ พยานวัตถุได้แก่โบราณสถานๆ ที่ตั้งอยู่ในเขตเวสาลี รัฐพิหาร และแผนที่โลกของGoogle Maps เป็นต้นบทความที่ได้จากการวิเคราะห์หลักฐาน จะเป็นข้อมูลต่อพระธรรมวิทยากรใช้บรรยายกับผู้แสวงบุญชาวไทยในแดนพุทธภูมิ ให้มีเนื้อหาสาระของพระพุทธศาสนาเป็นไปในทางเดียวกันได้รับความรู้ความเข้าใจในพุทธประวัติ วิธีคิดวิเคราะห์จะเป็นประโยชน์ต่อนิสิตระดับปริญญาเอกเป็นการอนุมานความรู้ที่ผ่านเกณฑ์การตัดสินที่สมเหตุสมผลปราศจากข้อสงสัยในความจริงอีกต่อไป
1 ความคิดเห็น:
บรรยายได้ดี เห็นภาพเลยครับ
แสดงความคิดเห็น