ความงามของลุมพินีสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้ารับรู้ได้ด้วยการปฏิบัติบูชา(ตอน๒)
๒.ความหมายของความงาม
โดยทั่วไปแล้ว ปรัชญาคือความรู้ของมนุษย์ แบ่งออกเป็นสาขาวิชาต่าง ๆ เช่นอภิปรัชญา จริยศาสตร์ สุนทรียศาสตร์ และญาณวิทยา ตรรกศาสตร์ เป็นต้น สุนทรียศาสตร์สนใจที่จะศึกษาปัญหาต้นกำเนิดเกี่ยวกับความงาม และความไพเราะของเสียงต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิตของมนุษย์ ส่วนโครงสร้างของความรู้ในด้านสุนทรียศาสตร์ของมนุษย์นั้น เกิดขึ้นเมื่อจิตใจของมนุษย์อาศัยอวัยวะอินทรีย์ ๖ ของตัวเองในการรับรู้อารมณ์ของสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และสิ่งต่าง ๆที่มนุษย์สร้างขึ้นจากจินตนาการของตนเอง เป็นเรื่องเกี่ยวกับประสบการณ์ชีวิตผ่านประสาทสัมผัสและรวบรวมอารมณ์เหล่านั้น ให้สั่งสมอยู่ในจิตใจของตัวเอง จากนั้นมนุษย์ก็ปรุงแต่ง (คิดวิเคราะห์) อารมณ์เหล่านั้นว่าเป็นความจริงในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ถ้าผลของการคิดเป็นอารมณ์ที่เป็นสุขก็พอใจ มีความปิติที่ทำให้ขนลุกไปทั้งตัว เมื่อมีความสุขที่เกิดขึ้นในใจจนไปเกาะติดกับอารมณ์เหล่านั้น และอยากดื่มด่ำกับอารมณ์นั้นตลอดไป และเขาไม่อยากให้อารมณ์เหล่านั้นหายไปจากใจ เขาก็หาทางที่จะยึดติดมันต่อ ๆ ไป เป็นต้น
วิธีแสวงหาความรู้ทางสุนทรียศาสตร์ เมื่ออารมณ์ของเรื่องราวต่าง ๆ ผ่านเข้ามาในชีวิตทุกวัน เมื่อมนุษย์เกิดมาพร้อมกับความไม่รู้ว่าชีวิตของตนเองมีดวงวิญญาณที่ต้องเวียนว่ายตายเกิดมาแล้วไม่รู้จบ ขาดสติและปัญญาในการแยกแยะข้อเท็จจริงในเรื่องราวต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิตว่าเรื่องไหนจริงหรือเรื่องไหนเท็จ ทำให้เกิดความสงสัยในเรื่องนั้น
เมื่อสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเรารับรู้ผ่านประสาทสัมผัสเข้ามาสู่ชีวิตของเราเองอาจจะเป็นเหตุการณ์ตามธรรมชาติ อาจจะเป็นเหตุการณ์ ตามธรรมชาติของแรงดึงดูดระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุมของมนุษย์ หรือวิธีที่มนุษย์เขียนจะวิเคราะห์ข้อมูลจากประสาทสัมผัสของตัวเอง ที่ได้มาแสวงบุญที่ สวนลุมพินีสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้าที่เนปาล เพื่อหาเหตุผลของคำตอบเกี่ยวกับความงามอันรื่นรมย์ของสวนป่าลุมพินีนั้น
ผู้เขียนจำเป็นต้องศึกษาความหมายคำว่า "รื่นรมย์" จากที่มาของความรู้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้นิยามคำว่า "รื่นรมย์"มีความหมายว่า "สบายใจ, บันเทิง" คำว่า "บันเทิง" แปลว่า เบิกบาน คำว่า "รื่นรมย์" ความรู้สึกเป็นสุข เป็นอาการของจิตของเรา กล่าวคือเมื่อชีวิตเราได้ผัสสะสวนป่าลุมพินีโดยเรารับรู้ผ่านอินทรีย์ ๖ ของเรา จิตผู้นั้นย่อมรู้สึกเป็นไปในทางเบิกบานเกิดขึ้นในจิตใจของตนเอง เป็นต้น ในอดีต สวนลุมพินีตั้งอยู่ในดินแดนของรัฐสักกะเต็มไปด้วยป่าสาละขนาดใหญ่มีธารน้ำใต้ดิน ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติไหลลงจากป่าฝนชื่นอันน่ารื่นรมย์ในเทือกเขาหิมาลัย และธารน้ำใต้ดินพุ่งขึ้นมา เป็นสองสายทั้งน้ำพุร้อนและน้ำพุเย็นไหลลงสู่สระโบกขรณีให้ผู้คนได้ดื่มกินและอาบน้ำให้หายเหนื่อยล้าจากการเดินทาง จนกลายเป็นจุดพักของนักเดินทางไกล เพื่อให้หายจากความเหนื่อยล้าและเดินทางต่อไป เป็นสถานที่ประสูติของพระศากยมุนีพระโพธิสัตว์จากพระครรภ์ของพระนางมายาเทวี เมื่อเสด็จแวะพักที่สวนลุมพินีระหว่างทางเสด็จกลับสู่พระนครเทวทหะ ราว ๘๐ ปีก่อนพุทธศักราช และสาเหตุที่เจ้าชายสิทธัตถะประสูติที่สวนลุมพินีแห่งนี้ เพราะตามจารีตประเพณี และวัฒนธรรมโบราณที่ถือปฏิบัติกันมายาวนานว่า สตรีในชมพูทวีปในยามที่ตั้งครรภ์นั้น สตรีไม่ควรห่างครอบครัวฝ่ายตนพระนางมายาเทวีก็เช่นกัน เมื่อทรงครรภ์ติดต่อกันมาหลายเดือนแล้วทรงระลึกข้อนี้ว่า ตามธรรมเนียมของวรรณะกษัตริย์แห่งราชวงศ์ศากยะและราชวงศ์โกฬิย ที่ปฏิบัติสืบทอดติดต่อกันมายาวนานนั้นในการประสูติกาลพระโอรสและพระธิดานั้น พระมารดาไม่ควรห่างไกลจากการดูแลเอาใจใส่ของตระกูลฝ่ายพระมารดาตนเองเมื่อทรงระลึกหาเหตุผลของคำตอบได้เช่นนั้น พระนางมายาเทวีทรงพิจารณาเห็นสมควรกลับไปสู่พระนครเทวทหะ ซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของพระองค์เพื่อประสูติกาลพระโอรส พระองค์ทรงตัดสินพระทัยเสด็จกลับไปสู่พระนครเทวทหะเมืองหลวงของแคว้นโกลิย เมื่อเสด็จพระดำเนินไปได้ประมาณ ๔๕ กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ ๙ ชั่วโมงแล้วคณะของพระนางมายาเทวีได้เสด็จมาถึงสวนป่าลุมพินี เพื่อพักผ่อนพระอิริยาบทให้พระกายหายเหนื่อยล้าจากการตรากตำในการเดินทางนั้นพระนางมายาเทวีทรงประสูติกาลเจ้าชายสิทธัตถะใต้ต้นสาละ ณ สวนป่าสาละลุมพินีอันเป็นสวนป่าตั้งอยู่ในหมู่บ้านลุมพินีของแคว้นสักกะ โดยเจ้าชายแห่งวรรณะกษัตริย์ศากยทั้งหลายเป็นเจ้าของ
เมื่อผู้เขียนวิเคราะห์ข้อมูลจากแผนที่โลกกูเกิล(Google Map) แล้ว ผู้เขียนเห็นว่ามีการระบุสถานที่ตั้งของ Maya Divi temple ตั้งอยู่ในสวนลุมพินีห่างจากชายแดนที่มีแม่น้ำโรหินี ซึ่งเป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างแคว้นสักกะกับแคว้นโกลิยะ เมื่อศึกษาแล้วประมาณ ๓๗. ๙ กิโลเมตรและจากแม่น้ำโรหินีไปสู่เมืองรามคาม Ramkham อันเป็นสถานที่ตั้งของเมืองเทวทหะนั้นประมาณ ๑๘.๙ กิโลเมตร สวนลุมพินี ในสมัยก่อนพุทธกาลเป็นสถานที่หยุดแวะพักผ่อนของผู้เดินทางไกลใช้เป็นเส้นทางสัญจรไปมา ระหว่างพระนครกบิลพัสดุ์แคว้นสักกะกับพระนครเทวทหะแห่งแคว้นโกลิยะ
ลักษณะของสวนลุมพินีเป็นพื้นที่ราบลุ่มเป็นสวนป่าต้นสาละขนาดใหญเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติต้นสาละตั้งตระหง่านเป็นร่มเงาให้ผู้คนไม่ว่าจะเป็นกองคาราวานเกวียนส่งสินค้าไปต่างประเทศ ระหว่างรัฐแคว้นด้วยที่เหนื่อยล้าจาการเดินทางไกลได้หลบร้อนพักผ่อนหย่อนใจให้หายเหนื่อยล้าจากการเดินทางอันเร่งรีบนั้น เมื่อได้หยุดพักผ่อนนอนหลับจนดวง ตะวันยามบ่ายคล้อยลง แสงเจิดจร้าแห่งอาทิตย์ลดแสงแดดกล้าแล้ว เมื่อร่างกายนั้นหายเหนื่อยล้าแล้วชีวิตผู้เดินทางไกลก็เริ่มต้นเดินทางกันต่อไปให้บรรลุถึงที่หมายที่ตั้งไว้แล้ว นอกจากนี้สวนลุมพินียังมีน้ำพุเป็นกระแสน้ำใต้ดินสองสาย คือกระแสน้ำพุร้อนและกระแสน้ำพุเย็นไหลพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าตลอดเวลา ให้นักเดินทาง ผู้ค้าเร่ขายสินค้า ผู้เดินทางไกลไปแสวงโชคได้หยุดแวะพักใช้เป็นสถานอาบน้ำพุร้อน ชำระล้างสิ่งสกปรกติดตามร่างกายระหว่างเดินทางไกลให้กายสะอาดสอ้าน จิตหายทุกข์จากความเหนื่อยล้าและดื่มน้ำเย็นจากสายธารกระแสเย็นให้แก้กระหายความเหนื่อยล้าเพราะร่างกายขาดน้ำได้เป็นอย่างดี ถนนระหว่างเมืองกบิลพัสดุ์กับเมืองเทวทหะจึงเป็นเส้นคมนาคมระหว่างเมือง ที่สะดวกสบายได้เป็นอย่างดีในยุคปัจจุบันสวนลุมพินีตั้งอยู่ในจังหวัดหมายเลข ๕ ซึ่งเป็น ๑ ใน ๗จังหวัดของประเทศเนปาล ตั้งขึ้นมาตามกฎหมายรัฐธรรมนูญใหม่ของประเทศเนปาลเป็นเมืองหลวงชั่วคราวของจังหวัดหมายเลข ๕ สวนลุมพินีเป็นสถานอันศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งในพระพุทธศาสนาทุกนิกายเพราะเป็นหนึ่งในสังเวชนียสถานที่ศากยมุนีพระพุทธเจ้า ทรงโปรด ฯ ให้ชาวพุทธทั่วโลก ได้เดินทางมาปฏิบัติบูชาพระพุทธเจ้าสักครั้งหนึ่งในชีวิตของพวกเขา เพื่อพัฒนาศักยภาพของจิตวิญญาณของพวกเขาให้บรรลุถึงความรู้ และความจริงของกฎธรรมชาติในชีวิตมนุษย์ทุกคนจะได้ไปจุติจิตบนโลกสวรรค์สวนลุมพินี มีความสำคัญต่อชีวิตของผู้เขียนอย่างมาก เพราะสถานที่ปฏิบัติบูชาแห่งนี้ได้หล่อหลอมให้ผู้เขียนเกิดศรัทธาอย่างแรงกล้า ที่จะเรียนรู้พระพุทธศาสนาเข้าถึงจิตวิญญาณแห่งความภาคภูมิใจที่ได้เกิดมาได้เป็นพุทธศาสนิกชน ได้ปฏิบัติบูชาตามหลักธรรมที่มีความเป็นสากลที่ผู้คนทั่วโลก ได้ศึกษาในพระไตรปิฎกอย่างแตกฉานแล้ว สามารถปฏิบัติบูชาตามมรรคมีองค์ ๘ ได้ผลของปฏิบัติอย่างเดียวกันทั่วโลก กล่าวคือได้เป็นผู้รู้ เป็นผู้ตื่น และเบิกบานมีความสุขและความสงบของชีวิตได้
เมื่อศึกษาข้อมูลที่มาของความรู้ในสวนลุมพินีเป็น ๑ ใน ๔ ของสังเวชนียสถานที่ศากยมุนีพระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ในพระไตร ปิฎกเล่มที่ ๑๐ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒ ทีฆนิกายมหาวรรค ๓. มหาปรินิพพานสูตรเรื่องคำถามพระอานนท์ ข้อ [๒๐๒]พระอานนท์กราบทูลว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญเมื่อก่อนภิกษุทั้งหลายผู้จำพรรษาในทิศทั้งหลายมาเฝ้าตถาคต ข้าพระองค์ทั้งหลายย่อมได้พบย่อมได้ใกล้ชิดภิกษุทั้งหลายผู้เป็นที่เจริญใจ ก็เมื่อพระผู้มีพระภาคเสด็จล่วงลับไป ข้าแต่พระองค์ทั้งหลายจะไม่ได้พบ ไม่ได้ใกล้ชิดภิกษุทั้งหลายผู้เป็นที่เจริญใจอีก" พระผู้มีพระภาคตรัสว่า "อานนท์ สังเวชนียสถาน ๔ แห่งนี้ เป็นสถานที่ (เป็นศูนย์รวม) ที่กุลบุตรผู้มีศรัทธาควรไปดู สังเวชนียสถาน ๔ แห่งอะไรบ้างคือ๑. สังเวชนียสถานที่กุลบุตรผู้มีศรัทธาควรไปดูด้วยระลึกว่า"ตถาคตประสูติในที่นี้" ...อานนท์ชนเหล่าใดเหล่าหนึ่งจาริกไปยังเจดีย์จักมีจิตเลื่อมใส ตายไปชนเหล่านั้นทั้งหมดหลังจากตายแล้ว จะไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์เมื่อผู้เขียนได้ศึกษาข้อความในพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬา ฯ ดังกล่าวข้างต้นนั้น
ผู้เขียนวิเคราะห์ได้ว่า เมื่อศากยมุนีสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ในมหาปรินิพพานสูตรนั้นว่า เมื่อพระองค์เสด็จล่วงลับดับขันธ์ไปแล้วนั้น ภิกษุทั้งหลายผู้มาจากทิศทั้งทั้ง๔ นั้น คงจะไม่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า เพื่อการสนทนาธรรมอย่างใกล้ชิดจนจิตเกิดความรู้และความเข้าใจในการปฏิบัติ จนเข้าถึงหลักธรรมจนเป็นที่เบิกบานใจเช่นเดียวกับ เมื่อครั้งพระองค์ทรงมีพระชนม์ชีพ เมื่อระลึกได้เช่นนี้พวกข้าพเจ้าควรจะพิจารณาปฏิบัติอย่างไรกันต่อไป พระศากยมุนีพระพุทธเจ้าตรัสไว้อย่างชัดเจนแก่ พระอานนท์ว่าพระภิกษุผู้เกิดมาในยุคหลัง ควรเดินทางไปสู่สังเวชนียสถานทั้ง ๔ แห่งและหนึ่งในสี่แห่งนั้นที่ควรจะไปดู นั้นคือสถานประสูติ ณ สวนลุมพีนี การเดินทางไปสู่สถานที่ประสูตินั้น ควรเดินทางไปด้วยความเลื่อมใสด้วยศรัทธาในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าด้วยระลึกถึงคำสอนที่ทรงค้นพบว่า ชีวิตมนุษย์ทุกคนมีจิตวิญญาณเป็นตัวตนที่แท้จริง เมื่อชีวิตของตนเองสิ้นสุดลงด้วยความตาย แต่ชีวิตเกิดมาแล้วตายแล้วมิได้สูญยังมีจิตวิญญาณออกจากร่างกายดุจท่อนไม้นั้น ไปจุติในภพภูมิอื่น ๆ ต่อไป ส่วนจะไปสู่ภพภูมิไหนขึ้นอยู่กับการกระทำของผู้นั้นเองว่า คุณค่าของการกระทำนั้นเป็นอกุศลกรรม จิตวิญญาณของผู้นั้น จะไปจุติจิตในทุคติภูมิ การกระทำนั้นเป็นกุศลกรรม จิตวิญญาณของผู้นั้น จะไปจุติจิตในสุคติภูมิ เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น