The greatest discovery is the natural laws of human life. That everyone is equal Without choosing a social caste as the basis for determining humanity When the soul is the real person of man That accumulates knowledge from the mind with reasons And show his intention to act accordingly Would receive the result of Own action

Breaking

Post Top Ad

Your Ad Spot

วันเสาร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2564

ปัญหาเกี่ยวกับความจริงของพระปัญญาของเจ้าชายสิทธํตถะในพระไตรปิฎกมหาจุฬา ฯ

 

Problems with the truth of consciousness and wisdom of Buddha in the Tipitaka Mahachulalongkornrajavidyalaya

บทนำ     ปัญหาความจริงของปัญญาของเจ้าชายสิทธัตถะในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณ 

              ในการศึกษาปัญหาความจริงของพระปัญญาของเจ้าชายสิทธัตถะ    ในพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณนั้น     ถือเป็นปัญหาทางอภิปรัชญาซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของปรัชญาพุทธภูมิ เพราะมีความเกี่ยวพันโดยตรงกับมนุษย์ นับเป็นปัญหาทางอภิปรัชญาที่น่าสนใจในการศึกษาค้นคว้าความจริงของปัญญาของพระพุทธเจ้านี้  

            ตามหลักวิชาการของพระพุทธศาสนาและปรัชญา โดยทั่วไปแล้ว   เมื่อมนุษย์มีการรับรู้ผ่านอายตนะภายในร่างกายของตนเองอย่างจำกัด และมีความเห็นแก่ตัวจึงชอบมีอคติต่อผู้อื่น    ด้วยความโง่เขลา ความกลัว  ความเกลียดชังและความรักใคร่ เป็นต้น    ทำให้ชีวิตมนุษย์มืดมน  ไม่มีความสามารถคิดในการใช้เหตุผล   เพื่ออธิบายความจริงในเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้     วิธีพิจารณาความจริงของพระพุทธเจ้ากำหนดไว้ว่าเมื่อเราได้ยินข้อเท็จจริงในเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่าเพิ่งเชื่อทันทีว่าเป็นความจริง  เราควรสงสัยไว้ก่อน   จนกว่าจะตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ       เมื่อมีหลักฐานเพียงพอ    ก็จะใช้เป็นข้อมูล มาวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้จากหลักฐานต่าง ๆ     เพื่อหาเหตุผลมาอธิบายความจริงของคำตอบหรือพิสูจน์ความจริงของคำตอบในเรื่องนั้น ๆ หากไม่มีหลักฐานพิสูจน์ความจริงในเรื่องนั้น  ข้อเท็จจริงจากพยานเพียงคนเดียวนั้น  ถือเป็นสิ่งนักปรัชญาไม่เชื่อถือ       และไม่สามารถรับฟังข้อเท็จจริงได้  เพราะมนุษย์มักมีอคติต่อกัน อันเกิดจากความเกลียดชัง   ความชอบรักใคร่    ความกลัว  และความโง่เขลา  เป็นต้น     เพราะมนุษย์มีอายตนะภายในร่างกายของพวกเขา       มีข้อจำกัดในการรับรูัปรากฏการณ์ทางธรรมชาติหรือเหตุการณ์ทางสังคมเกิดขึ้น       หากบุคคลเหล่านี้ยืนยันความจริงในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง     ทำให้เกณฑ์ตัดสินความรู้ที่แท้จริงนั้นขาดความสมเหตุสมผลขาดความน่าเชื่อไม่เป็นสากล และไม่ยอมรับข้อเท็จจริงนี้ว่าเป็นจริง     

               ดังนั้นความรู้ของมนุษย์ตามคำสอนของเจ้าชายสิทธัตถะจึงได้แก่  ความรู้จากประสบการณ์ชีวิตผ่านประสาทสัมผัสและสั่งสมอยู่ในจิตใจของพระองค์       เช่น มนุษย์ โลกและปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เป็นต้น ขณะเดียวกันเจ้าชายสิทธัตถะทรงเสด็จออกผนวช    เพื่อศึกษาสัจธรรมของชีวิตมนุษย์ซึ่งเป็นความรู้เหนือขอบเขตประสาทสัมผัสของมนุษย์ เช่น การมีเทวดาอยู่ในสวรรค์  เป็นต้น       ตามหลักอภิปรัชญา  ความจริงออกเป็น ๒ ประเภท    คือ ๑.ความจริงที่สมมติขึ้น ๒. สัจธรรมที่เราสามารถอธิบายด้วยเหตุผลจากความนึดคิดของมนุษย์ได้ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจได้ในเหุการณ์ต่าง ๆ    หรือเรื่องราวต่าง ๆ  ที่เกิดขึ้นได้  ดังนี้ 

                 ๑. ความจริงที่สมมติขึ้นโดยทั่วไปแล้ว   มันเป็นความจริงประเภทหนึ่ง      อาจเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติหรือเหตุการณ์ทางสังคมมนุษย์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นสภาวะที่เกิดขึ้น สภาวะตั้งอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่งและดับลงหายไปจากสายของมนุษย์     แต่ก่อนที่สภาวะเหล่านี้จะดับลง   มนุษย์สามารถรับรู้สภาวะะเหล่านี้  เป็นความรู้จากประสบการณ์ผ่านประสาทสัมผัส และสั่งสมเป็นความรู้อยู่ในจิตใจ        ตัวอย่างเช่น  ธรรมชาติของชีวิตมนุษย์    เมื่อเกิดขึ้น ตั้งอยู่ชั่วระยะเวลาและก็ตายลงไป   ถือว่ามนุษย์เป็นความรู้ระดับประสาทสัมผัสเท่านั้น  การฆ่าคนตายเป็นพฤติกรรมของมนุษย์ที่เกิดขึ้น  ตั้งอยู่และเสื่อมสลายไป      การลักทรัพย์หรือการหลอกลวงเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินของผู้อื่น           การประพฤติผิดในกาม   การดูหมิ่นผู้อื่น, การแสวงหาความสุขด้วยสุราและยาเสพติด  เป็นความรู้ระดับประสาทสัมผัสของมนุษย์   เป็นความจริงที่สมมติขึ้นเท่านั้น

                ๒.ความจริงขั้นปรมัติถ์หรือสัจธรรม     คือความจริงที่อยู่เหนือขอบเขตประสาทสัมผัสของมนุษย์       ที่ไม่มนุษย์ไม่สามารถรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสของตนเองได้    เพราะการรับรู้ของมนุษย์นั้นมีจำกัด ถ้ามนุษย์พัฒนาศักยภาพในชีวิตด้วยการปฏิบัติธรรมตามมรรคมีองค์ ๘  ก็จะสามารถถึงความรู้ในระดับอภิญญา ๖ ได้          อันเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าในเรื่องนี้ได้   เป็นสัจธรรมซึ่งเป็นความรู้อยู่เหนือขอบเขตของการรับรู้ประสาทสัมผัสของมนุษย์ เช่น  สภาวะนิพพานซึ่งบุคคลที่จะรับรู้ถึงความรู้ที่แท้จริง ก็ต้องเป็นพระอรหันต์เท่านั้น  และการพัฒนาศักยภาพชีวิตใช้เวลาหลายเวลาปีกว่าจะบรรลุถึงความรู้ในระดับอภิญญา ๖ ได้     ตัวอย่างเช่น  การรลึกถึงอดีตชาติของตน   การเห็นวิญญาณออกจากร่างกายไปจุติจิตอีกโลกหนึ่ง       การบรรลุถึงสภาวะนิพพาน เป็นต้น     ส่วนความรู้ในระดับวิทยาศาสตร์แม้นักวิทยาศาสตร์จะสร้างเครื่องมือวิทยาศาสตร์     เพื่อค้นหาความจริงในเรื่องสัจธรรมนี้ก็ตาม         แต่ไม่มีหลักฐานการวิจัยของการค้นพบความรู้ที่แท้จริงในระดับอภิญญา ๖ ด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์แต่อย่างใด  แต่ความรู้ในระดับประสาทสัมผัสที่ละเอียดยิ่งขึ้นนักวิทยาศาสตร์ก็สร้างเครื่องมือวิทยาศาสตร์ขึ้นมา       เพื่อช่วยเหลือมนุษย์ในการค้นหาความจริงของสิ่งต่าง ๆ   โดยตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐานและวิเคราะห์ข้อมูลจากหลักฐานต่าง ๆ นั้น    แต่สุดท้ายผู้อ่านค่าของข้อมูล   ก็ต้องใช้จิตมนุษย์ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องเท่านั้น เพื่อหาเหตุผลพิสูจน์ความจริงของคำตอบในเรื่องที่น่าสงสัยนั้น เป็นต้น 

                ในการศึกษาปัญหาเกี่ยวกับความจริงของชีวิต    เมื่อผู้เขียนได้ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าตามหลักฐานพระไตรปิฎกมหาจุฬา ฯ เล่มที่ ๑        พระวินัยปิฎกเล่มที่ ๑ มหาวิภังค์ วิชชา ๓  จุตูปปาตญาณ ข้อ ๑๓.เมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่มีกิเลสเพียงเนิน ปราศจากความเศร้าหมอง  อ่อนเหมาะแก่การใช้งาน   ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว  เรานั้นได้น้อมจิตไปเพื่อจุตูปปาตญาณ ดังนี้   คำถามว่า"สติ" คืออะไร     เมื่อศึกษาจากหลักฐานในพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน      พ. ศ. ๒๕๕๔ หมายถึง"ความระลึกได้"      ส่วนตำว่า"ความระลึกได้" หมายถึง" คิดถึงหรือนึกถึงเรื่องราวหรือเหตุการณ์ในอดีต     กล่าวคือ เมื่อธรรมชาติของมนุษย์ประกอบด้วยร่างกายและจิตใจ    คุณสมบัติของจิตใจอาศัยอยู่ในกายและใช้อวัยวะอินทรีย์ ๖ เชื่อมต่อกับวัตถุแห่งกิเลส (มนุษย์, เครื่องประดับ, โทรศัพท์มือรุ่นใหม่) หรืออารมณ์แห่งกิเลส (เสียงไพเราะ กลิ่นหอม หรือกลิ่นมนุษย์) แล้ว      เกิดสภาวะที่เรียกว่า "ตัณหา" คือ ความปรารถนาของจิตที่จะแสวงหาสิ่งต่าง ๆ  เพื่อสนองตัณหาของตัวมันเอง หากหาเงินมาซื้อของที่สนองตัณหาของจิตด้วยการทำงานสุจริต เรียกว่า "กุศล"  ถ้าหาเงินซื้อของจากงานไม่สุจริตที่เรียกว่า "อกุศล" กรรมที่กระทำแล้วไม่สูญเปล่า        แต่เป็นอารมณ์ (หรือพลังงาน) สั่งสมอยู่ในจิตใจของตน   ตัวอย่างเช่น วางแผนที่จะให้ลูกดื่มยาพิษจนเกิดผลเสียต่อร่างกาย  ต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลด้วยท่าทีน่าสงสารว่าไม่มีค่ารักษาพยาบาลเพราะรายได้ไม่เพียงพอจ่าย     และแชร์ข้อความทางอินเตอร์เน็ต เพื่อหาเงินบริจาคค่ารักษาพยาบาลได้หลายล้านบาท เป็นต้น            หากผู้กระทำมีสติระลึกว่าหากทำเช่นนั้น เมื่อพาเด็กไปโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษา จะต้องได้รับการตรวจหาสารอันตรายในร่างกายโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หากตนใช้ปัญญาพิจารณาว่า ความเห็นของแพทย์นำไปสู่การสอบสวนของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อวิเคราะห์ข้อมูล   และหาสาเหตุของการละเมิดกฎหมายและความสงบเรียบร้อยด้วยศีลธรรมของประชาชน เมื่อแชร์ข่าวออนไลน์บนอินเตอร์เน็ต ผู้คนจะวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมของตนบนเอกสารดิจิทัลตามเว็บไซต์ต่างๆ ที่นำเสนอข่าวนั้น เมื่อเป็นผู้ต้องหา        ต้องนำตัวขึ้นพิจารณาคดี ศาลพิพากษาว่าตนกระทำผิดกฎหมายอาญาต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่น ต้องรับโทษตามกฎหมายอาญาต่อไป     และการฝ่าฝืนหลักศีล ๕ ของพระพุทธเจ้า  แม้สภาพที่เกิดขึ้นชั่วขณะหนึ่งได้หายไปจากสายตาแล้ว แต่กรรมนั้นไม่ดับ    เพราะจิตนี้ได้รับสภาวะแห่งกรรมด้วยตัวเองและถูกเก็บไว้ในจิตวิญญาณของตน จนกลายเป็นสัญญาอยู่ในดวงวิญญาณนั้น และติดตามจิตวิญญาณไปเกิดอีกภพอื่นด้วย  เป็นต้น



    เมื่อผู้เขียนได้ยินข้อเท็จจริงเบื้องต้น เมื่อมนุษย์มีจิตใจที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานที่จะบรรลุความร่ำรวย อำนาจ และการเปลี่ยนแปลงทางสังคมตามที่ต้องการ  ดังนั้นพวกเขาจึงพบวิธีต่าง ๆ ที่จะสนองความอยากของตน ที่จะดับจิตฟุ้งซ่านของตนเอง และลดค่าของความเป็นมนุษย์ โดยใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ผิด เพื่อแลกกับผลประโยชน์ส่วนตนเองและผู้อื่น  และประเมินค่าความไว้วางใจว่าคนอื่นโง่เขลา  แต่บางครั้งมนุษย์ก็ปรารถนาสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะไม่มีขายตามท้องตลาด เช่น ความรักด้วยตัณหา อยากได้คน ๆ นั้น มาเป็นเจ้าของที่ครอบครองด้วยความรักสมัครใคร่ผูกพันธ์ฉันสามีภริยา แต่คำเสนอไม่ได้รับการคำสนอง เพราะมีจริตอุปนิสัยที่แตกต่างกันเกินไปที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันย่อมเกิดความทุกข์ขึ้นมาได้  เป็นต้น  บางคนก็รวยอยู่แล้ว ก็อยากมีอำนาจทางการเมืองเพราะตนคิดว่าการมีอำนาจนั้นจะมีชื่อเสียง ได้การยกย่องจากผู้คนในสังคม  และใช้อำนาจนั้นมิชอบเพื่อให้ได้มาซึ่งความั่งคั่งระดับเป็นมหาเศรษฐีแสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงานและความประสบความสำเร็จในชีวิตตน ตามที่เจริญก้าวหน้ากว่าเดิมในแต่ละปี พอไม่ได้รับการแต่งตั้งให้มีตำแหน่งหน้าที่การงานอย่างนั้น เพราะมีคนอื่นที่มีวัยวุฒิคุณวุฒิและมีศักยภาพในการทำงานมากกว่าตนจึงไม่ได้รับโอกาสดีเช่นนั้น ตนย่อมต้องเกิดความทุกข์ในใจตน เป็นต้น    
         
       การแพร่กระจายของเชื้อ covid -19  ชีวิตมนุษย์ไม่เพียงทนทุกข์จากตัณหาเท่านั้น ยังคงเผชิญความทุกข์ทรมานจากโรคCovid -19 ที่คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลก โดยไม่เลือกปฏิบัติตามวรรณะ  สถานะทางสังคม คือรวย  ยากจน  มีการศึกษาดี หรือหยิ่งพยองจนเหนือกว่าผู้อื่น  และใช้ถ้อยคำดูหมิ่นผู้อื่นหรือคนทุกศาสนา  ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับภัยพิบัติโรคระบาดในดินแดนแห่งทาส หรือเสรีภาพซึ่งใช้ชีวิตหมกมุ่นอยู่กับรูป รส กลิ่น เสียง และโผฏรัพพะ (การเสียดสีของร่างกายซึ่งกันและกัน) และด้วยความเย่อยิ่งทะนงตนเอง   ด้วยเหตุผลที่คิดว่าตนสูงส่งกว่าใคร ๆ ในโลกทั้งในด้านคุณวุฒิและวุฒิภาวะ   ความรู้และความสามารถในการสร้างความมั่งคั่ง      แต่โรคระบาดแบ่งความตายให้ทุกคนเท่าเทียมกัน   ไม่มีการเลือกปฏิบัติ   ยิ่งบุคคลนั้นดำเนินชีวิตอย่างประมาท มีพฤติกรรมมัวเมาใน  รูป   รส กลิ่น เสียง โผฏฐัพพะ และธัมมารมย์  เป็นต้น  จนขาดความยับยั้งชั่งใจในตน ไม่ปฏิบัติตามข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐ    ที่ส่งสัญญาณเตือนผ่านโทรศัพท์มือถือออนไลน์ตลอดเวลา เพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่กระจายของเชื้อโรคมาสู่มนุษย์ 

      ดังนั้น ปัญหาจึงท้าทายสติปัญญาของมนุษย์ในการแก้ปัญหาโดยใช้ศักยภาพของตนโดยเฉพาะผู้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย  ต้องรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาให้ผู้อื่น และเชื่อพวกเขาจะเต็มใจทำงานอย่างมืออาชีพ   และสามารถตัดสินใจแก้ไขปัญหาโรคระบาดให้กับประชาชนได้อย่างรวดเร็ว  ปลอดภัย มีปัญญาบริหารจัดการอย่างกล้าหาญ และมีข้อมูลเหตุการณ์ปัจจุบันในโลกที่ก้าวหน้าด้วยเทคโนโลยี่คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตที่ทันสมัย    ผู้เชี่ยวชาญจะต้องรู้วิธีการใช้ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ  ที่ถูกแบ่งปันทางออนไลน์และข้อมูลที่มีอยู่ของผู้มีส่วนได้เสีย    สามารถนำไปใช้ในการตัดสินใจแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงไปตรงมา  และแม่นยำด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ส่วนการกระทำของใครจะเป็นกรรมหนัก หรือเบากว่าขนาดไหน ให้ทำงานตามภาระสิทธิหน้าที่ และความรับผิดชอบที่มี เมื่อแสดงเจตนา ผลของกรรมก็จะเกิดแก่ตนแล้ว มันเป็นกฎธรรมชาติที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ โดยปกติแล้ว มนุษย์ต้องรับผิดชอบต่อผลลัพท์ต่อการกระทำของตน บางครั้งการมีปัญหาในชีวิต ก็เป็นบทเรียนที่ดีในชีวิต  เป็นการสอนให้คนไม่ประมาทในการใช้ชีวิต              

              ในสมัยพุทธกาล ที่เมืองเวรัญชา มีปรากฏการณ์ในสังคมที่ข้าวหายาก และหมากมีราคาแพง เกิดจากขาดฝนในฤดู ทำให้ต้นข้าว และพืชผลเสียหายอย่างหนัก สินค้าข้าวหาได้ยากในท้องตลาด และประชาชนต้องอยู่อย่างยากจน เมื่อมีคนเดินทางไปซื้อข้าวและปลาอาหารที่ร้านแม่ค้า ผู้มีอำนาจทางการเงินที่ดีหันไปกดขี่คนจนและมีกำลังซื้อน้อย   โดยการซื้อข้าวและปลามาตุนที่บ้านจนกว่าของจะหมดร้าน      แต่คนจนไม่มีเงิน   ซื้ออาหารมาตุนไว้ใช้ในยามขาดแคลน เมื่อขาดแคลน  พวกเขาก็จะประท้วงและก่อการจราจลเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาล  จัดหาข้าวและปลาเพื่อช่วยเหลือประชาชน ในช่วงเวลาที่สินค้าขาดแคลน พ่อค้าจำเป็นต้องใช้สลากปันส่วนเพื่อแจกจ่ายให้ประชาชน เพื่อซื้อข้าว  ปลาและอาหารจากพ่อค้า เมื่อผู้คนอดยากเหลือแต่กระดูกสีขาว เมื่อคนยากจน พระสงฆ์ไม่สามารถบิณฑบาตรเพื่อดำรงชีพได้    เมื่อแคว้นต่าง ๆ ประสบปัญหาข้าวปลาอาหารหายาก หมากมีราคาแพง และส่งผลกระทบต่อคนทุกชนชั้นวรรณะ เมื่อสถานการณ์เป็นอย่างนี้ ผู้เขียนสงสัยว่าพระพุทธเจ้าทรงตัดสินพระทัยแก้ปัญหาอย่างไร ให้พระสงฆ์ดำรงตนอยู่ในพระธรรมวินัย และมีความเจริญรุ่งเรืองเพียงในจิตใจเพียงอย่างเดียว ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ผู้เขียนสนใจศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสติปัญญากับการแก้ไขปัญหาในพระไตรปิฎกโดยผู้เขียนวิเคราะห์ขอมูลจากแหล่งความรู้ในพยานเอกสารดิจิทัลพระไตรปิฎกออนไลน์ อรรถกถา และข้อเท็จจริงในเรื่องที่ถูกนำมาแบ่งปันไว้ในอินเตอร์เน็ตที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อเป็นบทเรียนในชีวิตจริงให้ผู้อื่นได้ศึกษา เพื่อให้สามารถแยกแยะความรู้ว่าอะไรดี อะไรควรใช้ประโยชน์เพื่อตนเองหรือสิ่งไหนชั่วจะไม่นำไปสู่พฤติกรรมและการปฏิบัติ คำตอบที่ได้จากการวิเคราะห์สามารถนำประยุกต์ใช้กับศาสตร์สมัยใหม่โดยประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาศักยภาพให้อินทรีย์แก่กล้าและเหมาะกับการประยุกต์ใช้กับงานในยุคปัจจุบันได้ 

ไม่มีความคิดเห็น:

Post Top Ad

Your Ad Spot

หน้าเว็บ