๒.พยานวัตถุยืนยันการมีอยู่ของพระพุทธเจ้า (2. Physical evidence confirms the existence of Buddha)
บทนำ
โดยทั่วไปแล้ว ชาวพุทธทั่วโลกได้ยินความจริงเกี่ยวกับความมีอยู่ของพระพุทธเจ้า จากพระธรรมเทศนาของพระภิกษุสงฆ์ ทั้งฝ่ายเถรวาทและฝ่ายมหายานซึ่งแสดงให้ภิกษุ สามเณร อุบาสถ และอุบาสิกาฟังในวันสำคัญทางพุทธศาสนาเช่น วันธรรมสวนะ วันมาฆบูชาและวิสาขบูชา หรือจากตำราที่สอนในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยทั่วโลก ส่งผลให้นักปรัชญาหลายคนมีอคติต่อพระพุทธศาสนา ไม่เชื่อในความมีอยู่ของพระพุทธเจ้าและโต้แย้งว่าข้อมูลจากพระไตรปิฎกเป็นเรื่องแต่งขึ้นมา อย่างไรก็ตาม แต่ความคิดเห็นของนักปราชญ์เหล่านี้ ไม่สามารถทำลายศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั่วโลกที่มีต่อพระพุทธเจ้าไ้ด้เพราะคำสอนพระพุทธเจ้าประกอบด้วยทฤษฎี และการปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ ซึ่งพุทธศาสนิกปฏิบัติแล้วได้ผลตามคำสอนนั้น คือ ความจริงขั้นปรมัตถ์ ที่เรียกว่า "อภิญญา ๖ "
อย่างไรก็ตาม เมือสังคมโลกเปลี่ยนไปการศึกษาของมนุษย์เจริญก้าวหน้ามากตามหลักวิทยาศาสตร์ นักวิศวกรคอมพิวเตอร์สามารถสร้างแพลตฟอร์มอินเตอร์เน็ตขึ้นเพื่อให้นักวิชาการ เกษตรกร กรรมกร และผู้คนทุกอาชีพ สามารถแบ่งปันความรู้จากประสบการณ์ชีวิตของตนเองลงบนแพลตฟอร์มอินเตอร์เน็ตได้ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับชีวิตและสร้างโอกาสให้ผู้คนทั่วโลก สามารถใช้โทรศัพท์มือ ค้นหาความรู้ที่ตนอยากรู้ได้ เช่น แผนที่โลกของกูเกิล (google) ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มอินเตอร์เน็ต โดยระบุชัดเจนว่าสวนลุมพินีสถานซึ่งเป็นสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า ตั้งอยู่ในอำเภอรูปันเดฮี จังหวัดลุมพินี แห่งสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล และมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ (The Holy Place) ๓ แห่งในสาธารณรัฐอินเดีย สถานที่โบราณเหล่านี้เป็นหลักฐานสำคัญที่ยืนยันการมีอยู่ของพระพุทธเจ้าในประวัติศาสตร์มนุษย์
เมื่อนักวิชาการทั่วโลกได้ยินความจริงเรื่องการมีอยู่ของ มนุษย์ โลก และการพิสูจน์การมีอยู่ของเทพเจ้านั้น ตามกระบวนการพิจารณาความจริงของนักปรัชญา เช่น เจ้าชายสิทธัตถะนั้น พระองค์ทรงมิเชื่อข้อเท็จจริงในเรื่องนั้นทันที แต่พระองค์ทรงสอนให้สงสัยในข้อเท็จจริงที่ได้ยินมานั้นเสียก่อน จนะกว่าจะได้สอบสวนข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ เป็นข้อมูล เมื่อมีหลักฐานเพียงพอ พระองค์ทรงใช้หลักฐานเหล่านั้นเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้เพื่อพิสูจน์ความสูจน์ความจริงของเรื่องนี้ โดยการใช้เหตุผลซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญาในการอธิบายความจริงของการมีอยู่จริงของมนุษย์ โลก และการพิสูจน์การมีอยู่ของเทพเจ้า เป็นต้น
ความรู้จากประสบการณ์ชีวิตจากการแสวงบุญในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้ง ๔ แห่ง ได้เปิดมุมมองใหม่ให้กับผู้เขียนเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ตั้งแต่ความเชื่อในความมีอยู่ของพระพุทธเจ้า จากการศึกษาคัมภีร์พระพุทธศาสนาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นำไปสู่การศึกษาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า ณ สถานที่ที่เกิดเหตุการณ์จริง เช่น ลุมพินีสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า วัดมหาโพธิ สถานที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ธัมเมกขสถูป สถานที่พระพุทธเจ้าแสดงปฐมเทศนา วัดนิรวาราณาที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน โดยมีพระธรรมทูต (Buddhist Missionaries) แห่งราชอาณาจักรไทยมาอธิบายข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์พุทธศาสนาให้ผู้แสวงบุญฟัง เป็นต้น
การพิจารณาความจริงของพระพุทธเจ้า เมื่อได้ข้อเท็จจริงในเรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้วไม่ควรเชื่อทันที ควรสงสัยเสียก่อน จนกว่าจะได้พิสูจน์ข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐาน เมื่อมีหลักฐานเพียงพอ ผู้เขียนจะนำหลักฐานไปใช้เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้จากแหล่งความรู้ในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณ และเอกสารทางวิชาการอื่น ๆ เพื่อศึกษาแหล่งโบราณคดีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับประวัติของพระพุทธเจ้า เมื่อนักโบราณคดีชาวอังกฤษค้นพบหลักฐานทางพระพุทธศาสนา และได้รับการรับรองจากผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ ผู้เขียนจึงเชื่อความจริงของพระพุทธศาสนาว่า เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้
เมื่อ ปี ค.ศ. ๒๐๐๒ ผู้เขียนได้ทำตามความฝันด้วยการศึกษาระดับปริญญาโทในต่างประเทศ ศึกษาที่มหาวิทยาลัยบานารัสฮินดู ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยระดับโลกในภาควิชาปรัชญาและศาสนา ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองพาราณสี รัฐอุตตรประเทศ สาธารณรัฐอินเดีย ซึ่งทำให้ผู้เขียนสามารถค้นพบหลักฐานสำคัญที่ยืนยันการมีอยู่ของพระพุทธเจ้า ซึ่งก็คือสังเวชนียสถาน (Sangvajnyasthan) แห่งที่ ๓ เป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าแสดงพระธรรมเทศนาครั้งแรก ต่อมาพระเจ้าอโศกมหาราชทรงสร้างธัมเมกขสถูปขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ ระลึกถึงการแสดงพระธรรมเทศนาครั้งแรกของพระพุทธเจ้า การมีอยู่ของสังเวชนียสถานแห่งที่ ๓ นี้ ถือเป็นหลักฐานสำคัญในพระพุทธศาสนาและความจริงในเรื่องนี้ ได้ถูกบันทึกไว้ในพระไตรปิฎกหลายฉบับโดยเฉพาะฉบับมหาจุฬา ฯ
ในเดือนกันยายน ๒๐๐๒ ผู้เขียนมีโอกาสได้ไปแสวงบุญที่สังเวชนียสถาน (Miserable place) ทั้ง ๔ แห่งในสาธารณรัฐอินเดียและสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาลเป็นครั้งแรก ผู้เขียนรู้สึกประหลาดใจ เมื่อได้เห็นโบราณสถานทางพระพุทธศาสนาหลายแห่ง เช่น สถูปที่บ้านนางสุชาดา เสาอโศกที่เมืองลุมพินี และพระราชวังกบิลพัสดุ์โบราณ รวมทั้งโบราณสถานในสังเวชนียสถานทั้ง ๔ แห่ง พยานหลักฐานทั้งหมด ล้วนเป็นหลักฐานที่สำคัญที่ยืนยันการมีอยู่จริงของพระพุทธเจ้า เมืองพาราณสีเป็นเมืองที่ผู้เขียนอาศัยอยู่เป็นเวลา ๙ ปี เมื่อได้รับอนุมัติให้ศึกษาต่อปริญญาโทในมหาวิทยาลัยบานารัสฮินดู และได้เดินทางแสวงบุญไปในสังเวชนียสถานทั้ง ๔ แห่งเป็นครั้งแรกพร้อมกับนักศึกษาชาวไทยพุทธ ๓๐ คนที่ศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัย ๓ แห่งในเมืองพาราณสี
ระหว่างการเดินทางแสวงบุญครั้งนั้นผู้เขียนได้รับความรู้จากประสบการณ์ชีวิตเกี่ยวกับสถานที่ประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนาและปรินิพพานของพระพุทธเจ้า ดังที่ปรากฏในพระไตรปิฎก อรรถกถา และบันทึกของพระภิกษุชาวจีน หลักฐานสำคัญคือโบราณสถานที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช เพื่อรำถึงเหตุการณ์ในช่วงที่พระพุทธเจ้าทรงมีพระชนม์ชีพอยู่และได้รับการยืนยันจากนักโบราณคดีชาวอังกฤษ อินเดีย และเนปาลว่าเป็นสถานที่จริง ตามหลักฐานในพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬา ฯ เอกสารดิจิทัลได้แก่ แผนที่โลกของกูเกิล และแผนที่โบราณของอนุทวีปอินเดียระบุไว้ชัดเจนว่า เมืองประวัติศาสตร์สารนารถตั้งอยู่ในเขตพาราณสี รัฐอุตตรประเทศ สาธารรัฐอินเดียในปัจจุบันคือป่าอิสิปตนมฤคทายวันในสมัยพุทธกาล เป็นต้น
การฟังพระธรรมเทศนาเรื่องประวัติพระพุทธเจ้าและการปฏิบัติบูชาในสังเวชนียสถานทั้ง ๔ แห่งที่พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และปรินิพพาน เป็นต้น ทำให้ผู้เขียนมีความรู้กว้างขวางมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม จากเดิมที่ผู้เขียนเคยมีความรู้ในตำราพุทธศาสนาเท่านั้น เมื่อศึกษาจากตำราแล้ว เราก็จะจินตนาการถึงความจริงของเหตุผลในเรื่องนั้น ๆ ต่อไป การทำความเข้าใจประเด็นสำคัญ ๆ จากตำรานั้นก็เป็นมุมมองที่แคบ แม้ว่าจะเป็นเรื่องราวผ่านการพิสูจน์ว่าได้รวบรวมพยานหลักฐานเพียงพอแล้ว และวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้จากหลักฐาน เพื่อหาเหตุผล มาอธิบายความจริงของคำตอบ แม้เราจะยอมรับโดยปริยายว่าเป็นความจริง แต่ก็ยังมีความสงสัยว่า สถานที่ประสูติ สถานที่ตรัสรู้ สถานที่ปฐมเทศนาและสถานที่ปรินิพพานนั้น ตั้งอยู่ที่ไหน และแผนที่โลกของกูเกิลมีการระบุสถานที่เหล่านี้หรือไม่ เพื่อให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพระพุทธศาสนานั้นชัดเจนยิ่งขึ้น โดยไม่มีอคติเพราะความโง่เขลา ความเกลียดชัง ความกลัว และความชอบพอส่วนตัว เป็นต้น
การค้นพบสังเวชนียสถานทั้ง ๔ แห่งในสาธารณรัฐอินเดียและสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล โดยนักโบราณคดีชาวอังกฤษ ถือเป็นหลักฐานสำคัญเพิ่มเติม ที่แสดงให้เห็นพุทธประวัติได้ชัดเจนยิ่งขึ้นในการสืบข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ ที่จะใช้เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์โดยอนุมานความความรู้จากหลักฐานต่างๆ ไม่ว่าพยานบุคคล พยานเอกสาร และพยานวัตถุ จะสามารถหาเหตุผลมาอธิบายความจริงของคำตอบในเรื่องนี้ให้สอดคล้องและเป็นความรู้ที่สมเหตุสมผลได้หรือไม่ เป็นต้น
การได้ศึกษาเล่าเรียนในมหาวิทยาลัยบานารัสฮินดูแห่งเมืองพาณาณสี ทำให้ผู้เขียน ได้ใช้เวลาว่างจากการเรียนที่มหาวิทยาลัย ไปปฏิบัติบูชาที่ธัมเมกสถูป ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมเทศนาครั้งแรก เพื่อพัฒนาศักยภาพชีวิตของตนเอง ให้มีชีวิตที่เข้มแข็งด้วยการฝึกสมาธิ บำเพ็ญจิตให้บริสุทธิ์ปราศจากอคติและความทุกข์ทางจิตใจ ให้เป็นคนสุภาพอ่อนโยน เหมาะสมกับการอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข ให้มั่นคงในเป้าหมายชีวิต ไม่หวั่นไหวในการปฏิบัติหน้าที่ต่อผู้อื่นด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมให้มีสติและสามารถนึกถึงความรู้จากประสบการณ์ชีวิตผ่านประสาทสัมผัสที่สั่งสมไว้ในจิตใจ เป็นหลักเกณฑ์ในการพิจารณาหาเหตุผลในการแก้ไขปัญหาชีวิตของตนเองได้ และเป็นหลักฐานสำคัญที่พิสูจน์ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา ในสังเวชนียสถานทั้ง ๔ เมือง เมื่อผู้เขียนได้ไปเยี่ยมชมป่าโบราณอิสิปตนมฤคทายวัน ซึ่งเป็นสถานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองโบราณพาราณสี และพระองค์ทรงยกย่องเมืองพาราณสี เป็นสังเวชนียสถานแห่งที่ ๓ (The Holy city at the 3rd place) มีบันทึกไว้ชัดเจนในพระไตรปิฎกทั้งนิกายเถรวาทและมหายาน ในปัจจุบันกรมโบราณคดีอินเดียได้กำหนดป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์สารนารถ (Sarnath historical city)
ดังนั้น สวนกวางแห่งป่าอิสิปตนมฤคทายวัน จึงเป็นพยานที่กล่าวถึงในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา ธัมเมฆสถูปถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ซึ่งเป็นหลักฐานให้พุทธศาสนิกชนทั่วโลกได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงเป็นมนุษย์ที่ประเสริฐ มีหลักฐานชัดเจนในพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬา ฯ เป็นต้น พระเจ้าอโศกมหาราชทรงสร้างธัมเมฆสถูปไว้ เพื่อเป็นพยาน ให้อนุรุ่นหลังเดินตามรอยพระพุทธบาทโดยปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ ของพระพุทธเจ้าเพื่อพัฒนาศักยภาพของชีวิตให้เข้มแข็ง เดินทางไปยังสังเวชนียสถานแห่งที่ ๓ ด้วยความศรัทธา เชื่อว่าเมื่อผู้ใดมาปฏิบัติบูชา หากตายไปแล้ว ดวงวิญญาณจะไปเกิดในสวรรค์ชั้นฟ้า เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น