The greatest discovery is the natural laws of human life. That everyone is equal Without choosing a social caste as the basis for determining humanity When the soul is the real person of man That accumulates knowledge from the mind with reasons And show his intention to act accordingly Would receive the result of Own action

Breaking

Post Top Ad

Your Ad Spot

วันเสาร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

องค์ประกอบที่ ๑ คือศาสดาในพระพุทธศาสนา


The second element is the prophet in Buddhism 

บทนำ  

              ศาสดาในศาสนาต่าง ๆ    ย่อมมีองค์ความรู้และองค์ประกอบที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับศาสนานั้น ๆ        แต่โดยทั่วไปแล้ว ศาสดาในศาสนาต่าง ๆ นั้น         ล้วนเป็นมนุษย์และมีลักษณะร่วมกันบางประการศาสดาในพระพุทธศาสนา     โดยทั่วไปแล้ว ทุกศาสนาต้องมีศาสดาผู้ตรัสรู้ในคำสอนของศาสนานั้น   ๆ ต้องมีสาวกในศาสนานั้น  ๆ        ต้องมีพิธีกรรมเพื่อชี้ทางสู่สัจธรรมในคำสอนนั้น  ๆ  และต้องมีศาสนสถานทางพุทธศาสนา    ที่ผู้ศรัทธาสามารถปฏิบัติธรรมเพื่อเข้าถึงสัจธรรมในศาสนานั้น  ๆได้ 

               ปัญหาคือ ใครคือศาสดา ?      เมื่อผู้เขียนได้ศึกษาศาสนาต่าง ๆ พบว่ามีหลายคนอ้างว่าเป็นศาสดาหรือผู้นำนิกายเหล่านั้น    แต่ตัวตนของผู้นำนิกายเหล่านั้นยังไม่ชัดเจน   พวกเขามีความรู้ที่แท้จริงเกี่ยวกับชีวิตมนุษย์หรือไม่  ?    เมื่อข้อเท็จจริงที่ได้ยินยังคงเป็นที่สงสัย ผู้เขียนจะตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ         เมื่อมีหลักฐานเพียงพอ      ผู้เขียนจะใช้หลักฐานนั้นเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์โดยการอนุมานความรู้หรือคาดคะความจริงของเรื่องนั้น      เพื่อพิสูจน์ความจริงโดยใช้เหตุผลซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญา   ในการอธิบายความจริงเกี่ยวกับศาสดาของศาสนาเหล่านั้นอย่างสมเหตุสมผล        ซึ่งสามารถจำแนกได้ดังนี้    

๑. องค์ประกอบด้านบุคลิกภาพและคุณลักษณะ   :  

               ๑.๑  ภาวะผู้นำ : ศาสดามักเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ  สามารถดึงดูดผู้คนให้ไว้วางใจ และปฏิบัติตามและมีเสน่ห์ สามารถสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่น        กล่าวอีกนัยหนึ่งเมื่อชีวิตมนุษย์เต็มไปด้วยความมืดมน        พวกเขาจึงไม่สามารถคิดและใช้เหตุผลอธิบายความจริงที่เกิดขึ้นในชีวิตได้      พวกเขาจำเป็นต้องหาที่พึ่งของตนเองเรียกว่า  "ผู้นำจิตวิญญาณ" ในพระพุทธศาสนา       มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง   คือ พระพุทธเจ้า     พระธรรมและพระสงฆ์    เป็นต้น  ในศาสนาพราหมณ์มีเทพเจ้าหลายองค์เป็นที่พึ่งของมนุษย์          ผ่านการสื่อสารด้วยการทำพิธีบูชาของพราหมณ์อารยัน  เป็นต้น    ภาวะผู้นำในพุทธศาสนานั้น    พระพุทธเจ้าทรงเป็นผู้นำจิตวิญญาณ  พระวรกายของพระองค์ทรงมีมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ      ปรากฏหลักฐานในมหาปทานสูตร และลักขณสูตร  เป็นต้น        เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะทรงผนวชเป็นพระโพธิสัตว์สิทธัตถะ       และออกบิณฑบาตรที่เมืองราชคฤห์แห่งแคว้นมคธ      รูปลักษณ์อันสง่างามของพระองค์         จึงเป็นที่ดึงดูดใจชาวเมืองราชคฤห์ให้ไว้วางใจ        พวกเขาปฏิบัติตามพระองค์และชาวเมืองราชคฤห์บำเพ็ญความดีด้วยการถวายทานแก่พระองค์และพระองค์ทรงมีเสน่ห์        และน่าสนใจเป็นที่กล่าวถึงในบทสนทนาของชาวเมืองราชคฤห์  

               ๑.๒ ปัญญาและความรู้  :   ศาสดามักมีความรู้และความเข้าใจในธรรมชาติของชีวิต  จักรวาลและสัจธรรม          บางครั้งความรู้เหล่านี้ในศาสนเทวนิยมก็อ้างว่า   ได้รับการเปิดเผยโดยพระเจ้าหรือในศาสนาอเทวนิยม         ยกตัวอย่างเช่น      พระพุทธศาสนา  พระพุทธเจ้าได้รับความรู้จากการบำเพ็ญด้วยตนเอง กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เมื่อศึกษาประวัติของพระพุทธเจ้าศากยมุนี        เดิมทีพระองค์ทรงมีพระนามว่า "เจ้าชายสิทธัตถะ"      และทรงศึกษาหลักสูตรศิลปศาสตร์  ๑๘  สาขา  หลังจากพระองค์ทรงสำเร็จการศึกษาแล้วพระราชบิดาทรงสร้างปราสาท ๓ หลังเป็นที่ประทับส่วนพระองค์        และทรงอภิเษกสมรสกับพระนางพิมพา  เจ้าชายสิทธัตถะทรงอยู่อย่างมีความสุขร่วมกับพระสนม ๔๐,๐๐๐ คน เป็นเวลานานกว่า ๑๓ ปี     จนกระทั่งพระองค์ทรงมีความสุขอย่างเพียงพอแล้ว   พระองค์ทรงเบื่อหน่ายกับความสุขที่จำกัดอยู่แต่ในพระราชวังกบิลพัสดุ์         จึงทรงเสด็จไปทอดพระเนตรพระราชอุทยานในพระนครกบิลพัสดุ์   ในระหว่างเสด็จอยู่นั้น  เจ้าชายสิทธัตถะทรงเห็นจัณฑาล  ผู้เป็นนักโทษที่ถูกลงพรหมทัณฑ์โดยประชาชนในอาณาจักรสักกะ ถูกกล่าวหาว่า        ละเมิดหลักคำสอนทางศาสนาและกฎหมายวรรณะอย่างร้ายแรง   จึงถูกขับไล่ออกจากบ้านเรือนไปตลอดชีวิตโดยไม่มีโอกาสกลับคืนสถานะเดิมในสังคมได้      

                ๑.๓ คุณธรรม    ศาสดามักมีคุณธรรมสูงส่ง เช่นความเมตตา กรุณา ความยุติธรรม ความซื่อสัตย์   ความอดทนและความเสียสละ เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ผู้อื่น  

                 ๑.๔ ประสบการณ์พิเศษ :      ศาสดามักมีประสบการณ์พิเศษ เช่นการตรัสรู้   การรับการเปิดเผยจากสิ่งเหนือธรรมชาติ หรือการมีปาฏิหาริย์ซึ่งช่วยยืนยัน  ความถูกต้องของคำสอน  

๒.องค์ประกอบด้านคำสอนและหลักธรรม  

             ๒.๑ คำสอนทางศีลธรรม :   ศาสดามักนำเสนอคำสอนทางศีลธรรม           เพื่อชี้นำให้มนุษย์ดำเนินชีวิตอย่างถูกต้อง มีคุณธรรมและมีความสุข 

             ๒.๒หลักปฏิบัติ : ศาสดามักกำหนดหลักปฏิบัติ เช่นการสวดมนต์ การทำสมาธิ การถือศีล   การทำบุญ  เพื่อให้ผู้คนได้ปฏิบัติตามและบรรลุเป้าหมายทางจิตวิญญาณ

              ๒.๓เป้าหมายสูงสุด      ศาสดามักกำหนดเป้าหมายสูงสุดของชีวิต เช่น การหลุดพ้นจากความทุกข์  การบรรลุธรรม   การเข้าถึงพระเจ้า หรือการกลับสูสวรรค์

             ๒.๔ความเชื่อและพิธีกรรม :  ศาสดามักมีส่วนสร้างความเชื่อ  พิธีกรรมและประเพณี เพื่อให้ผู้คนได้ร่วมกันประกอบพิธีกรรมและแสดงออกถึงความศรัทธา  

๓.องค์ประกอบด้านการเผยแผ่คำสอน  

              ๓.๑ การสอนและการเทศนา ศาสดามักจะสอนและมักเทศนาคำสอนของตนเอง เพื่อผู้คนได้เข้าใจและปฏิบัติตามคำสอนนั้น ดังนั้น  ศาสดาในพระพุทธศาสนา  คือพระพุทธเจ้า  เมื่อพระองค์ทรงตรัสรู้แล้ว  ทรงทดสอบผลของการตรัสรู้แจ้งถึงสัจธรรมของชีวิตมนุษย์ที่มีวัฏจักรของชีวิตเป็นไปอย่างเดียวกัน   

              ๓.๒    การเขียนคัมภีร์ทางศาสนา :     ศาสดามักมีส่วนในการเขียนคัมภีร์  ศาสดามักเขียนคัมภีร์ขึ้นด้วยตนเอง     หรือให้ผู้อื่นบันทึกคำสอนของตนไว้เป็นลายลักษณ์อักษร  เพื่อให้คำสอนนั้นคงอยู่ตลอดไป       ดังนั้น   แม้ว่าพระพุทธเจ้าจะเสด็จไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในภูมิภาคต่าง  ๆ  ในอนุทวีปอินเดีย         แม้ว่าพระองค์จะไม่ได้ทรงเขียนพระไตรปิฎกขึ้นเองก็ตาม            แต่พระอานนท์ก็ทรงเป็นผู้ติดตามของพระพุทธเจ้า    และทรงสดับฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าในหลายเรื่องที่พระองค์ทรงเทศนาไว้ในสถานที่ต่าง ๆ   มากมาย  

              ๓.๓   การสร้างชุมชนทางศาสนา :  ศาสดามักก่อตั้งชุมชนทางศาสนา หรือองค์กรขึ้น  เพื่อให้ผู้คนมารวมตัวกันปฏิบัติธรรมและเผยแผ่คำสอน  เป็นต้น

                   อย่างไรก็ตามเนื่องจากองค์ความรู้เกี่ยวกับศาสดา   ผู้ก่อตั้งศาสนายังไม่ชัดเจน         ผู้เขียนจึงจำเป็นต้องสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับ ศาสดาขึ้นมา  เพื่อกำหนดขอบเขตของความรู้เกี่ยวกับศาสดาในศาสนานี้      โดยใช้นิยามของพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นเกณฑ์ในการวิเคราะห์  ความหมายของคำว่า "ศาสดา" ว่าหมายถึงผู้ก่อตั้งศาสนาต่าง ๆ       เช่น พระพุทธเจ้าศากยมุนี ผู้ก่อตั้งพระพุทธศาสนาเพื่อเผยแผ่คำสอนเรื่องความจริงแห่งชีวิตมนุษย์    และการปฏิบัติธรรมตามมรรคมีองค์  ๘         เพื่อให้ผู้คนทั่วโลกได้บรรลุสัจธรรมของชีวิตที่เรียกว่า "อภิญญา ๖ ได้ 

           ตามหลักฐานในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณเรียกว่า        "นิมิต ๔"         ซึ่งหมายถึงสิ่งที่พระโพธิสัตว์สิทธัตถะทรงเห็น  เช่น คนแก่ คนป่วย  คนตาย และนักบวช  เป็นต้น    เหตุการณ์นี้ทำให้เจ้าชายสิทธัตถะทรงมีเมตตาต่อคนจัณฑาลเป็นอย่างยิ่ง       พระองค์ทรงคิดหาวิธีที่จะช่วยให้จัณฑาลหลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานในชีวิต และกลับคืนสู่สถานะเดิมในสังคมได้         ดังนั้น เมื่อพระองค์จึงทรงวินิจฉัยหาสาเหตุแห่งความทุกข์ทรมานของจัณฑาล          โดยรวบรวมหลักฐานจากคำให้การของปุโรหิต ผู้เป็นที่ปรึกษาของพระเจ้าสุทโธทนะ       เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะทรงได้ยินข้อเท็จจริงจากคำให้การของปุโรหิตที่ว่า  พระพรหมและพระอิศวรได้สร้างมนุษย์และวรรณะสำหรับมนุษย์ขึ้นมาจริง      เหล่าปุโรหิตยังยืนยันเรื่องนี้ว่า   พราหมณ์ในรุ่นก่อนเคยเห็นพระพรหมในอาณาจักรสักกะ           แต่เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะตรัสถามประวัติของพระพรหมและพระอิศวรเป็นอย่างไร ?           ก็ไม่มีปุโรหิตคนใดตอบพระองค์ได้   เมื่อประจักษ์พยานคือ        ปุโรหิตยังให้การคลุมเครือเกี่ยวกับการมีอยู่ของพระพรหมและพระอิศวร            พระองค์จึงทรงไม่เชื่อว่าพระพรหมและพระอิศวรมีอยู่จริง    พระองค์จึงทรงตัดสินพระทัยปฏิรูปสังคมโดยเสนอต่อรัฐสภาแห่งราชวงศ์ศากยะ  ให้ยกเลิกกฎหมายวรรณะจารีตประเพณี อย่างไรก็ตาม          กฏหมายไม่ได้รับการอนุมัติจากสมาชิกรัฐสภาแห่งราชวงศ์ศากยะ    เพราะการยกเลิกกฎหมายวรรณะจารีตประเพณีนั้นขัดต่อหลักธรรมของกษัตริย์  ซึ่งเป็นหลักนิติธรรมในการปกครองประเทศที่เรียกว่า "หลักอปริหานิยธรรมมาตรา ๓"  เป็นต้น  

ธัมเมฆสถูปBy Manit Nitiphon
                  เมื่อคำสอนของศาสนาพราหมณ์และกฎหมายรัฐธรรมนูญของอาณาจักรสักกะ    เป็นอุปสรรคต่อการปฏิรูปสังคมของอาณาจักรสักกะ  เพราะพระองค์ทรงไม่อาจยกเลิกกฎหมายวรรณะจารีตประเพณีได้      จึงถือเป็นการละเมิดกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งอาณาจักรสักกะ    และเจ้าชายสิทธัตถะทรงไม่สามารถประกอบพิธีบูชายัญ     เพื่อถวายเครื่องบูชาพระพรหมด้วยพระองค์เอง   เพื่อขอพรจากพระพรหมยกเลิกระบบวรรณะในแคว้นสักกะได้    เพราะขัดต่อกฎหมายวรรณะจารีตประเพณี  ที่ห้ามมิให้ผู้ที่ไม่ใช่พราหมณ์ประกอบพิธีบูชายัญ

              เมื่อข้อเท็จจริงเป็นดั่งนี้            พระองค์จึงทรงพิจารณาว่าหากพระองค์ยังทรงมีสิทธิ  เสรีภาพ           และหน้าที่ของวรรณะกษัตริย์อยู่  พระองค์ก็ทรงไม่สามารถแก้ไขปัญหาจัณฑาลได้        เมื่อพระองค์ทรงสงสัยในความมีอยู่ของพระพรหม         เจ้าชายสิทธัตถะจึงทรงแสวงหาความรู้เกี่ยวกับความจริงของชีวิตว่าพระพรหมสร้างมนุษย์และวรรณะ  เพื่อให้มนุษย์ปฏิบัติหน้าที่ตามวรรณะที่เกิดมาตามคำสอนของพราหมณ์อารยันจริงหรือไม่  ?     

             แล้วเราจะรู้ความจริงนี้ได้อย่างไร ?  เมื่อการมีอยู่ของพระพรหมเป็นความรู้ที่เหนือขอบเขตการรับรู้ของมนุษย์ แม้พราหมณ์ในนิกายต่าง ๆ  จะอ้างว่าสามารถเข้าถึงเทพเจ้าได้ด้วยการบูชายัญ    แต่การบูชายัญไม่ใช่หลักปฏิบัติสากลที่ทุกคนสามารถปฏิบัติได้     เพราะการมีอยู่ของเทพเจ้านััน สามารถเข้าถึงได้โดยวรรณะพราหมณ์เท่านั้น    ส่วนวรรณะอื่นไม่สามารถบูชายัญได้    หากผู้ใดฝ่าฝืนคำสอนของศาสนาพราหมณ์และกฎหมายวรรณะจารีตประเพณีแล้ว       ผู้นั้นจะถูกลงโทษโดยคนในสังคม    เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะทรงไม่สามารถทำบูชายัญต่อเทพเจ้าด้วยพระองค์เอง  เพื่อขอให้พระพรหมยกเลิกกฎหมายวรรณะจารีตประเพณี  ได้             พระองค์ทรงตัดสินพระทัยละทิ้งวรรณกษัตริย์และผนวชเป็นพระโพธิสัตว์เพื่อแสวงหาสัจธรรมของชีวิตเป็นเวลาหลายปี   ที่พระองค์ทรงเสด็จไปยังสถานที่ต่าง ๆ  เพื่อแสวงหาหนทางพัฒนาศักยภาพชีวิตเพื่อเข้าถึงเทพเจ้า       พระองค์ทรงค้นพบการปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘  จนกระทั่งมีญาณทิพย์  และทรงเห็นดวงวิญญาณของสัตว์เล็กและใหญ่ไปเกิดในภพอื่น   เป็นต้น    พระศากยมุนีพุทธเจ้าทรงพัฒนาศักยภาพของชีวิต           จนกระทั่งพระองค์ตรัสรู้กฎแห่งธรรมชาติของมนุษย์ที่ว่าเมื่อบุคคลตายไป       ส่วนวิญญาณจะออกจากร่างไปเกิดในภพอื่น      ส่วนวิญญาณจะไปเกิดใหม่ที่ไหนนั้น    ขึ้นอยู่กับกรรมที่สั่งสมไว้เป็นสัญญาในใจของผู้กระทำ            ถ้ากรรมดีเรียกว่า "กุศลกรรม"  วิญญาณของผู้กระทำก็จะไปเกิดในภพภูมิที่ดี      หากกรรมชั่วเรียกว่า "อกุศลกรรม"  วิญญาณก็จะไปเกิดในภพภูมิที่ไม่ดี"  เป็นต้น    

           เมื่อพระพุทธเจ้าทรงระลึกถึงกฎธรรมชาติ   อันเป็นความรู้แจ้งที่แท้จริงเกี่ยวกับชีวิตมนุษย์    หลังจากตรัสรู้พระองค์ทรงเห็นว่า มนุษย์แต่ละคนมีจุดแข็งหรือจุดอ่อที่แตกต่างกัน      แต่มนุษย์สามารถพัฒนาศักยภาพชีวิตได้            ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงทรงมีพระประสงค์เผยแผ่หลักธรรมแห่งชีวิตมนุษย์เพื่อให้ประชาชนในดินแดนต่าง  ๆ  ได้ศึกษาธรรมะและปฏิบัติธรรมตามอริยมรรคมีองค์ ๘  เพื่อชำระจิตใจให้บริสุทธิ์  ปราศจากกิเลสตัณหา           จนปัจจุบันมีผู้ศรัทธานับหลายร้อยล้านคนดังนั้น    พระพุทธศาสนาจึงมีพระพุทธเจ้าศากยมุนีทรงเป็นพระพุทธเจ้าเพียงพระองค์เดียว     เมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้วทรงยกพระธรรมวินัยขึ้นเป็นศาสดาของพระพุทธศาสนา 

                 ด้วยเหตุผลที่กล่าวข้างต้น ผู้เขียนจึงสงสัยว่าพระพุทธเจ้าคือผู้ก่อตั้งศาสนาที่ปฏิรูปสังคมในพระไตรปิฎกหรือไม่ เหตุผลคืออะไร  ?     ผู้เขียนชอบแสวงหาความรู้เพิ่มเติมในเรื่องนี้      โดยการตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐาน              เมื่อมีหลักฐานเพียงพอหลักฐานเหล่านั้น             จะถูกนำมาใช้เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์ โดยอนุมานความรู้จากหลักฐานต่าง ๆ    เพื่อพิสูจน์ความจริง โดยใช้เหตุผลซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญา  ในการอธิบายความจริงคำตอบในเรื่องนี้             คำตอบที่ได้จากการคิดวิเคราะห์จะถูกเขียนขึ้นในรูปแบบของบทความวิเคราะห์    ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาของประเทศไทย ในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ     ที่เน้นให้นักเรียนนักศึกษาได้ศึกษาเชิงวิเคราะห์ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า   พระธรรมทูตแห่งราชอาณาจักรไทยในต่างประเทศ      ได้ใช้บทความดังกล่าว ในการเทศนาสั่งสอนแก่ชาวพุทธทั่วโลกและใช้ในการบรรยายแก่ผู้แสวงบุญชาวไทยพุทธในสั่งเวชนียสถานทั้ง  ๔      แห่งในสาธารณรัฐอินเดียและสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล        ส่วนแนวทางการพิจารณาความจริงของพระพุทธเจ้านั้น        จะเป็นประโยชน์ต่อนิสิตปริญญาเอกสาขาพระพุทธศาสนา   ปรัชญา   และวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ในการวิจัยระดับปริญญาเอก เพื่อให้ได้ผลลัพท์เป็นความรู้ที่สมเหตุสมผล เป็นต้น  
  

ไม่มีความคิดเห็น:

Post Top Ad

Your Ad Spot

หน้าเว็บ