The greatest discovery is the natural laws of human life. That everyone is equal Without choosing a social caste as the basis for determining humanity When the soul is the real person of man That accumulates knowledge from the mind with reasons And show his intention to act accordingly Would receive the result of Own action

Breaking

Post Top Ad

Your Ad Spot

วันศุกร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2566

องค์ประกอบที่ ๕ ของพระพุทธศาสนาคือศาสนสถาน

The fifth element of Buddhism is religious place.

บทนำ

             วัดในพุทธศาสนาทั่วโลก โดยทั่วไปทุกศาสนาจะมีศาสนพิธีเป็นของตนเอง เพื่อปฏิบัติเข้าถึงสัจธรรมที่เป็นจริงเหนือขอบเขตการรับรู้ของมนุษย์  จำเป็นต้องมีสถานที่สำหรับประกอบพิธีกรรมทางพุทธศาสนาเรียกว่า "ศาสนสถาน หรือสถานที่สำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนา" ยกตัวอย่างเช่น ศาลาที่ใช้เป็นสถานที่ทำบุญในวันสำคัญทางพุทธศาสนา       ถวายภัตตาหารเช้าและทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิตในตอนเที่ยง เป็นต้น แม้ว่าเราจะรู้ความหมายผ่านประสบการณ์ชีวิต  ผ่านอายตนะภายในร่างกาย และสั่งสมความรู้ไว้ในจิตใจมาช้านานแล้วก็ตาม  เป็นต้น  

    เมื่อผู้เขียนศึกษาหลักฐานในพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน  พ.ศ.๒๕๕๔   ได้นิยามของ "ศาสนสถาน" ว่า สถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาเช่น โบสถ์ พระวิหาร สถูป เจดีย์ ซึ่งเป็นศาสนสถานที่ทางพระพุทธศาสนา" กล่าวคือ  โบสถ์คือ สถานที่สำหรับพระภิกษุสงฆ์มาประชุมและทำพิธีกรรมทางศาสนา เช่น สวดพระปาฏิโมกข์ และการอุปสมบท  ส่วนสีมาคือเครื่องหมายบอกขอบเขตของโบสถ์  ซึ่งมักทำจากแผ่นหินหรือเสา  กุฎีคือที่อยู่ของนักบวช เช่น พระภิกษุสงฆ์  บ้านหรืออาคารสำหรับพระภิกกษุและสามเณรโบราณเรียกว่า"กะดี"  พระประธานคือ พระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถหรือ วิหาร   พระพุทธรูปนี้ถือเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้า  สถูปคือ สิ่งก่อสร้างที่มีรูปร่างคล้ายบาตรคว่ำซึ่งบรรจุเครื่องบูชาที่เหมาะสม ได้แก่พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า  และพระธาตุของพระอรหันต์    ส่วนเจดีย์ คือ สิ่งที่สร้างขึ้นเป็นรูปฟางปลายแหลม บรรจุวัตถุมงคล พระบรมสารีริกธาตุ หรือบุคคลสำคัญต่าง ๆ   ปัจจุบันวัดต่าง ๆ  มักใช้ศาลาวัด เป็นอาคารสำหรับทำบุญในวันสำคัญทางพุทธศาสนา และศึกษาภาษาบาลีและสำนักธรรมสนามหลวง      นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่สำหรับพระภิกษุสงฆ์   ที่ละทิ้งครอบครัวมาอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา และเป็นที่พึงของฆราวาสที่ยึดถือพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง  

         เมื่อผู้เขียนศึกษาเรื่อง "ศาสนสถานแห่งแรก" ในพระพุทธศาสนาจากหลักฐานในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในเบื้องต้นเราได้ฟังข้อเท็จจริงว่าป่าอิสิปตนมฤคทายวันเป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมเทศนาครั้งแรก จึงถือได้ว่าเป็นศาสนสถานแห่งแรกในพระพุทธศาสนา  กล่าวคือ เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้กฎธรรมชาติของชีวิตมนุษย์แล้ว พระองค์ได้ทรงทดสอบผลของปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘  เป็นเวลา ๗     สัปดาห์หรือ ๔๙  วัน  ก็ได้ผลเหมือนกันคือ "อภิญญา ๖ อันเป็นความรู้แท้จริงตามกฎธรรมชาติของมนุษย์แล้ว ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นได้ พระองค์จึงทรงตัดสินพระทัยที่จะทรงแสดงธรรมแก่พราหมณ์ปัญจวัคคีย์ โดยเสด็จจากเมืองอุรุเวลาเสนานิคมในแคว้นมคธไปยังเมืองพาราณสี  ซึ่งเป็นเมืองหลวงแห่งแคว้นกาสี ระยะทาง ๒๖๐ กิโลเมตร  ในเวลานั้น เมืองพาราณสีเป็นเพียงหมู่บ้านเล็ก ๆ  ริมฝั่งแม่น้ำคงคาที่เรียกว่า  "หมู่บ้านกาสี"    ซึ่งเป็นรัฐบริวารภายใต้การปกครองของแคว้นโกศล   ต่อมาพระเจ้าปเสน ทิโกศลทรงได้พระราชทานหมู่บ้านกาสีแห่งนี้ เป็นของขวัญในพิธีสยุมพรระหว่างพระเจ้าพิมพิสารและพระนางเวเทหิ ซึ่งเป็นพระขนิษฐาของพระองค์เอง   

ป่าอิสิปตนมฤคทายวันเป็นศาสนสถานแห่งแรกในพระพุทธศาสนา
        ป่าอิสิปตนมฤคทายวันเป็นอุทยานหลวงของพระเจ้าพรหมทัตแห่งแคว้นกาสี  ซึ่งพระองค์ทรงใช้เป็นเขตรักษาพันธ์ุกวาง  ต่อมากษัตริย์หลายพระองค์แห่งแคว้นกาสี พระองค์ ทรงครองราชย์มายาวนานกว่า ๔๐๐๐ ปีและทรงดำเนินนโยบายต่อเนื่องกันมาทุกรัชกาล เพื่อให้ป่าแห่งนี้เป็นเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าทุกชนิดหรือเขตอภัยทาน (Animal  Sanctuary ) เมื่อพระเจ้าพรหมทัตทรงมีพระราชโองการให้ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เป็นเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า ตามหลักคำสอนทางพุทธศาสนาและทรงเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า "เขตอภัยทาน"             พระเจ้าพรหมทัตจึงทรงมีพระราชโองการให้ห้ามการล่ากวาง จึงไม่มีใครกล้าละเมิดพระราชอำนาจของพระเจ้าพรหมทัต เมื่อป่าอิสิปตนมฤคทายวัน  ยังคงเป็นสถานที่ที่สงบสุข ห่างไกลจากการรบกวนของมนุษย์ หรือการล่าสัตว์ภายในเขตอุทยานหลวง    เป็นต้น

            ต่อมามหาราชาจากอาณาจักรต่าง ๆ ได้ตรากฎหมายจารีตประเพณีเกี่ยวกับระบบวรรณะ โดยประกาศให้ศาสนาพราหมณ์เป็นศาสนาประจำชาติ และบัญญัติคำสอนของศาสนาพราหมณ์เป็นกฎหมายจารีตประเพณีเกี่ยวกับระบบวรรณะ การกระทำเช่นนี้ ก็เพื่อรักษาเสถียรภาพของชาติ   ปกป้องผลประโยชน์จากการบูชาเทพเจ้าประจำชาติ และป้องกันละเมิดสิทธิและหน้าที่ในการประกอบพิธีบูชายัญตามความเชื่อทางศาสนา    เมื่อประกาศใช้กฎหมายวรรณะแล้ว ย่อมมีสภาพบังคับตามหลักกฎหมายวรรณะให้ประชาชนมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายนั้น  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  กฎหมายห้ามไม่ให้ประชาชนทุกวรรณะมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลในวรรณะอื่น และห้ามไม่ให้ประชาชนปฏิบัติหน้าที่ของวรรณะอื่น   ประชาชนทุกวรรณะต่างเบื่อหน่ายกับระบบวรรณที่คอยลงโทษผู้คนต่างวรณะที่คบหากันและมีเพศสัมพันธ์เป็นประจำ เนื่องจากชีวิตของพวกเขาเต็มไปด้วยตัณหาที่ซ่อนเร้นอยู่ในจิตใจ   บางคนละทิ้งครอบครัวและออกบวชเป็นฤาษี  เพื่อแสวงหาการตรัสรู้สัจด้วยวิธีการต่าง ๆ พวกเขาใช้ป่าอิสิปตนมฤคายทายวันเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม เมื่อจิตวิญญาณของพวกเขาบรรลุฌานขั้นที่ ๘ ของการทำสมาธิแล้ว   พวกเขาก็ได้เผยแพร่คำสอน และแสดงทัศนะทางปรัชญาพราหมณ์ของตนไปทั่วชมพูทวีป    

         เมื่อจิตใจของพราหมณ์เหล่านั้นถูกดึงดูดด้วยศรัทธาของผู้คน พวกเขาจึงใช้ความรู้ดังกล่าวในการประกอบพิธีกรรมบูชาไฟ เพื่อทำนายโชคชะตา  โดยอ้างว่าตนมีพลังในการสื่อสารกับเทพเจ้าต่าง ๆ เพื่อช่วยให้พวกเขาบรรลุความปรารถนา กล่าวอีกนัยหนึ่งคือคนธรรมดาไม่สามารถมองเห็นได้  พราหมณ์จึงประกอบพิธีกรรมบูชาไฟเพื่อถวายเครื่องบูชาแด่เทพเจ้า เพื่อเอาใจเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และช่วยให้พวกเขาเจริญรุ่งเรือง  ก้าวหน้าในความปรารถนาและประสบความสำเร็จในชีวิตหลังจากพระโพธิสัตว์ตรัสรู้     และกลายพระพุทธเจ้าทรงเห็นว่าผู้คนทั่วอนุทวีปอินเดีย  มีศรัทธาในเทพเจ้า และพร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสอนของพราหมณ์ผ่านพิธีกรรมบูชา เพื่อหลีกหนีความทุกข์จากกฎหมาย ขนบธรรมและจารีตประเพณีของระบบวรรณะ  พระพุทธเจ้าจึงทรงเกรงว่าจะไม่มีใครฟังคำสอนของพระองค์   อย่างไรก็ตาม เมื่อพระองค์ทรงนึกถึงผู้ที่เคยศรัทธาในพระองค์ก็ยังคงพอมี  และพร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์    โดยให้เกียรติพระองค์ในฐานะครูเทียบเท่าพราหมณ์เจ้าของสำนักนั้น  เมื่อพระองค์ทรงอนุมานความรู้เหล่านี้จากประสบการณ์ชีวิตของพระองค์   ทรงได้ยินข้อเท็จจริงเป็นเช่นนี้แล้ว ดังนั้น พระองค์ทรงตัดสินพระทัยในการออกเผยแผ่พระพุทธศาสนา 

            โดยพระพุทธเจ้าทรงเดินทางไปแสดงพระธรรมเทศนาครั้งแรกแก่ปัญจวัคคีย์ พระองค์ทรงถือว่าพวกเขาเป็นกลุ่มแรกที่มีศรัทธาในพระองค์ ในการแสวงหาสัจธรรมและพระองค์เชื่อว่าปัญจวัคคีย์จะปฏิบัติอริยมรรคมีองค์ ๘ บรรลุสัจธรรมในระดับอภิญญา ๖ได้   เมื่อพระองค์ทรงตัดสินพระทัยที่จะแสดงธรรมแก่โลก  เพื่อช่วยให้พวกเขาพ้นจากอวิชชาแล้ว พระพุทธเจ้าจึงทรงเดินทางจากตำบลอุรุเวลาเสนานิคม   (ในปัจจุบันเรียกว่าตำบลพุทธคยา)     เป็นเวลา ๑๑ วัน มาถึงป่าอิสิปตนมฤคทายวัน      เขตเมืองพาราณสี แคว้นกาสี ปัจจุบันคือตำบลสารนารถ    อำเภอพาราณสี     รัฐอุตตรประเทศ     สาธารณรัฐอินเดีย  สถานที่เกิดดวงเห็นธรรมของพระอัญญาโกณฑัณญะ เรียกว่า "ธัมเมฆสถูป"    ซึ่งเป็นสถานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมเทศนาเป็นครั้งแรกแก่ปัญจวัคคีย์ทั้งห้า ผลจากคำเทศนานั้น พระอัญญาโกณฑัญญะ สำรวมกาย วาจา และสำรวม จดจ่ออยู่กับการฟังเพียงอย่างเดียวจนมีสมาธิแน่วแน่และพิจารณาคำสอนของพระพุทธเจ้า  จนได้หยั่งรู้ธรรมของพระอัญญาโกณฑัญญะ และบรรลุโสดาบัน เป็นต้น  

            ดังนั้น ป่าอิสิปตนมฤคทายวันจึงถือว่าเป็นสถานกำเนิดพระพุทธศาสนา      ในรัชสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราช พระองค์เสด็จมาแสวงบุญที่ป่าแห่งนี้ พระองค์ทรงสร้างธัมเมฆสถูปเป็นอนุสรณ์สถานระลึกถึงการแสดงเทศนาครั้งแรกของพระพุทธเจ้า    ในสมัยปัจจุบันกรมโบราณคดีของอินเดียเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า Buddha temple (วัดพระพุทธเจ้า) ก่อนสมัยพุทธกาลนั้นเรียกว่าป่าอิสิปตนมฤคทายวันเท่านั้น     ต่อมาได้กลายเป็นสถานที่ทางพุทธศาสนาหลังพุทธกาลกว่าสองร้อยปี การเสด็จมาของพระองค์มีจุดประสงค์ เพื่อช่วยเหลือมนุษย์ให้พ้นทุกข์ด้วยการปฏิบัติอริยมรรคมีองค์ ๘    พระพุทธองค์ระลึกถึงความเมตตาของปัญจวัคคีย์ที่รับใช้พระพุทธองค์   ขณะที่พระองค์ศึกษาความรู้และสัจธรรมแห่งชีวิตผ่านการบำเพ็ญทุกรกิริยานั้น เมืองสารนารถในยุคก่อนพุทธกาล เรียกว่า "ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน" เป็นเขตอภัยทาน ที่ห้ามล่าสัตว์ตามพระราชกฤษฎีกาของพระเจ้าพรหมทัต 

          ด้วยเหตุนี้ ชาวแคว้นกาสี จึงเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า "ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน" เพราะคำว่า "อิสิ" หมายถึง ฤาษี ปตนะหมายถึงสถานที่ชุมนุมของฤาษี โยคี มุนี และนักบุญที่มารวมตัวกัน    เพื่อปฏิบัติธรรมในป่า   ตัวอย่างเช่น ที่นี่เป็นสถานที่ที่พระเจ้าพรหมทัตทรงเลี้ยงกวางเป็นต้น  เหตุผลที่พวกฤาษีมารกรากอยู่ที่นี้  ก็เพราะที่นี่เงียบสงบและผู้คนไม่กล้ารบกวน เนื่องจากเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ในสมัยพระเจ้าพรหมทัตต์ ผู้ปกครองแคว้นกาสี  จึงเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า เช่น กวาง นอกจากนี้ ยังอยู่ไม่ไกลจากพระราชวังของพระเจ้าพรหมทัต ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำวรุณและแม่น้ำอสี    

        เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้แจ้งในกฎธรรมชาติของความเป็นไปของมนุษย์ พระองค์จึงทรงตัดสินพระทัยแสดงธรรมแก่พราหมณ์ปัญจวัคคีย์ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘    หลังจากวันที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วเป็นเวลา ๒ เดือน  พระพุทธเจ้าเสด็จไปแสดงธรรมที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน     ซึ่งเป็นสถานที่ชุมนุมของนักบวชที่ต้องการหลีกหนีจากความทุกข์จากแรงกดดันของชนชั้นวรรณะในสังคมก่อนสมัยพุทธกาลนอุทยานแห่งนี้ตั้งออยู่ห่างจากเมืองพาราณสี เป็นเมืองหลวงของแคว้นกาสี ตั้งอยู่บนฝั่งทางทิศตะวันตกของแม่น้ำคงคา  ในยุคปัจจุบัน   ป่าแห่งนี้ตั้งอยู่ในตำบลสารนารถ  ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเมืองพาราณสี ซึ่งเป็นอำเภอหนึ่งใน ๗๕ อำเภอของรัฐอุตตรประเทศ สาธารณรัฐอินเดีย 

            ปัญหาที่เราพิจารณาต่อไปคือว่า        เมื่อปัญจวัคคีย์ได้ฟังพระธรรมเทศนาของพระพุทธเจ้า   จิตใจของพวกเขาเกิดศรัทธาในพระรัตนตรัย   มีความเพียรในการปฏิบัติอริยมรรคมีองค์ ๘ มีสติตระหนักรู้ว่าชีวิตเป็นของไม่เที่ยง มีสมาธิในการฟังธรรม เกิดปัญญาหยั่งรู้ว่าชีวิตเป็นของไม่เที่ยง ความตายไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิตในวัฏสงสาร  และตัดสินใจละทิ้งความเชื่อเก่า ๆ  ที่เคยยึดถือ  ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติแบบนักพรตในศาสนาเชน พวกเขายึดถือคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งและอุปสมบทเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนา  
  
              ปัญหาที่ต้องวิเคราะห์เพิ่มเติมคือการตัดสินใจของปัญจวัคคีย์ที่ยอมรับเอาหลักธรรมเป็นที่พึงอันประเสริฐของตนเอง และอุปสมบทในพระพุทธศาสนานั้น     ส่งให้เกิดองค์ประกอบทางพระพุทธศาสนาครบถ้วน ๓ ประการคือพระรัตนตรัย  พระเจ้าอโศกมหาราชได้เสด็จพระราชดำเนินมาสู่สถานแสดงปฐมเทศนาของพระพุทธเจ้าที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน      และทรงโปรดเกล้า ฯ        ให้สร้างวัดพระพุทธเจ้า (Buddha temple)  ในป่าอิสิปตนมฤคทายวัน         ทรงสร้างธัมเมฆสถูปขึ้นไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานเพื่อระลึกถึงการแสดงปฐมเทศนาของพระพุทธเจ้า  เป็นเหตุให้จิตวิญญาณของพระภิกษุอัญญาโกณทัญญะ  เกิดดวงตาเห็นธรรมในระดับโสดาบันมีจิตวิญญาณเกิดศรัทธาเข้าบวชในพระพุทธศาสนา     เอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง 

             ทรงสร้างธัมมราชิกสถูป  เป็นอนุสรณ์สถานระลึกถึงว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่จิตของปัญจวัคคีย์ทั้ง       ๕     บรรลุธรรมสำเร็จเป็นพระอรหันต์       เมื่อฟังพระธรรมเทศนาเรื่องอนัตตลักขสูตรพูดถึงชีวิตมนุษย์ทุกคนว่า   เป็นสิ่งไม่เที่ยงไม่ว่าจะอยู่ในวรรณะใดก็ตามทรงสร้างมูลคันธกุฏีของพระพุทธเจ้าไว้  เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานที่ส่งพระธรรมทูตรุ่นแรกไปยังทิศทั้ง ๔   เพื่อไปเผยแผ่หลักคำสอนของพระพุทธเจ้าและสอนวิธีปฏิบัติธรรม เพื่อใช้คำสอนของพระพุทธเจ้าพัฒนาศักยภาพของชีวิตให้รู้แจ้งแทง  ตลอดถึงความเป็นไปของการใช้ชีวิตของตัวเองส่วนพระองค์ก็เสด็จสู่ตำบลอุรุเวลาเสนิคม  เพื่อโปรดชฏิล ๓ พี่น้อง เป็นต้น
ทรงสร้างเสาหินอโศกไว้ ๑ ต้น  เพื่ออนุสรณ์สถานและจารึกด้วยอักษรพราหมีไว้เพื่อประกาศว่า    สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่แสดงปฐมเทศนาของพระพุทธเจ้าในยุคสมัยปัจจุบันนี้    ตั้งอยู่ในตำบลสารนารถ อำเภอพาราณสี  รัฐอุตตรประเทศ         สาธารณรัฐอินเดียของบุคคลเหล่านั้น และกล่าวโดยสรุปศาสนาคือลัทธิความเชื่อว่าด้วยความรู้และความเป็นจริงในชีวิตมนุษย์ที่ศาสดานั้น   ได้ศึกษาค้นคว้าจนพบความรู้และความจริงของชีวิต   ที่ทนทานต่อการพิสูจน์ตามเกณฑ์มาตรฐานของความรู้ และความเป็นจริงอย่างสมเหตุสมผล       ปราศจากข้อสงสัยในคำตอบของความรู้และความจริงอีกต่อไป           เมื่อศาสดาแล้วก็ต้องมีสาวกผู้ได้  ฟังธรรมเกิดความเชื่อและศรัทธาในคำสอนนั้น       มีพิธีกรรมเข้าบวชสู่ศาสนาและมีสถานที่แสดงธรรมนั้นด้วย เป็นต้น

บรรณนุกรม 
๑.ภาพถ่ายโดยช่างภาพอิสระ คุณมติ นิติพล  
๒.พระไตรปิฎกเล่ม ๔ ฉบับมหาจุฬา ฯ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๔  มหาสวรรคภาค ๑. ว่าด้วยพระภิกษุปัญจวัคคีย์เรื่องว่าด้วยอุททกดาบส รามบุตรข้อ.๑๐.    

ไม่มีความคิดเห็น:

Post Top Ad

Your Ad Spot

หน้าเว็บ