Metaphysical Problems, Devdaha is the birthplace of Queen Maya Devi in Tripitaka.
บทนำ
ในการศึกษาแนวคิดอภิปรัชญาถือเป็นสาขาหนึ่งของปรัชญา นักปรัชญาสนใจที่จะศึกษาปัญหาความจริงเกี่ยวกันมนุษย์ โลกปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ และการมีอยู่ของเทพเจ้า เป็นต้น ตามหลักปรัชญาพุทธภูมินั้น พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่า เมื่อเราได้ยินข้อเท็จจริงในเรื่องราวตาง ๆ ที่ผ่านเข้าในชีวิตและสืบทอดกันจากรุ่นสู่รุ่นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เราอย่าเพิ่งเชื่อทันทีเราควรจะสงสัยก่อน จนกว่าจะตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานได้เพียงพอ มาวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้ เพื่อหาเหตุผลมาอธิบายความจริงของคำตอบเรื่องนั้น หากไม่มีหลักฐานมาพิสูจน์ความจริงของเรื่องนี้ ถือว่าข้อเท็จจริงที่ได้ยินมานั้นไม่น่าเชื่อถือ และไม่สามารถยอมรับข้อเท็จจริงได้ว่า เป็นความจริง เพราะธรรมชาติของมนษย์มีแนวโน้มที่จะมีอคติต่อกัน และมนุษย์มีอวัยวะอินทรีย์ทั้ง ๖ นั้นในร่างกายของตนเอง มีข้อจำกัดในการรับรู้สภาพแวดล้อมรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เช่น ฝนตก น้ำท่วม เป็นต้นและเหตุการณ์ทางสังคมเกี่ยวข้องกับมนุษย์ อันเป็นผลจากการฆ่ากัน โจรกรรม ความมั่งคั่ง ดูหมิ่นผู้อื่น เป็นต้น นอกจากนี้ อภิปรัชญายังสนใจที่จะศึกษาความจริงเกี่ยวกับการมีอยู่ของเทพเจ้า เช่น พระพรหมและพระอิศวร ซึ่งเป็นความรู้ที่อยู่นอกเหนือขอบเขตประสาทสัมผัสของมนุษย์ เป็นต้น เมื่อหลักฐานทางญาณวิทยาส่วนใหญ่เป็นพยานบุคคลและมนุษย์มีแนวโน้มที่จะมีอคติต่อกัน และมีการรับรู้ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติและเหตุการณ์ทางสังคมอย่างจำกัด เพื่อแก้ไขความไม่น่าเชื่อถือของหลักฐาน นักปรัชญาจึงกำหนดทฤษฎีความรู้ประจักษ์นิยมได้วางแนวคิดว่า"บ่อเกิดความรู้ของมนุษย์ จะต้องเป็นความรู้เกี่ยวกับประสบการณ์ชีวิตผ่านประสาทสัมผัส และสั่งสมอยู่ในจิตใจ"จึงจะสามารถยืนยันข้อเท็จจริงในเรื่องนั้นได้ ถ้าบุคคลนั้น ไม่มีความรู้จากประสบการณ์ผ่านประสาทสัมผัสของตนเอง มันจะขาดความน่าเชื่อถือและไม่สามารถยืนยันข้อเท็จจริงในเรื่องนั้นได้ หากอ้างเป็นหลักฐานก็ถือเป็นพยานเท็จ เป็นต้น
ในการเขียนบทความนี้ผู้เขียนใช้ทฤษฎีความรู้แบบประจักษ์นิยมได้กำหนดหลักการว่า"บ่อเกิดความรู้ของมนุษย์จะต้องรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสของตนเองและสั่งสมอยู่ในจิตของเขาเองเท่านั้น"จากหลักการของทฤษฎีที่กล่าวมาข้างต้น ผู้เขียนตีความว่าพยานบุคคลที่น่าเชื่อและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เขาต้องมีความรู้จากประสบการณ์ชีวิตผ่านประสาทสัมผัส และสั่งสมความรู้ไว้ในจิตของเขาเองเพื่อให้สามารถยืนยันข้อเท็จจริง เพื่อพิสูจน์ความจริงในเรื่องนั้นได้ ถ้าผู้ใดไม่มีความรู้จากประสบการณ์ชีวิตผ่านประสาทสัมผัสของตนเอง ไม่สามารถยืนยันความจริงของคำตอบได้ เป็นต้น เมื่อผู้เขียนศึกษาหลักฐานในพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬา ฯ และได้ยินข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่า เมื่ออภิปรัชญาสนใจศึกษาความรู้จริงเกี่ยวกับมนุษย์นั้น เราสามารถแบ่งความจริงตามหลักอภิปรัชญาออกเป็น ๒ ประการคือ๑.ความจริงที่สมมติขึ้น ๒.ความจริงขั้นปรมัตถ์ซึ่งเราสามารถแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ได้ดังต่อไปนี้
๑.ความจริงที่สมมติขึ้น เป็นความจริงที่มนุษย์รับรู้จากประสบการณ์ของชีวิตของตน ผ่านประสาทสัมผัสและสั่งสมอยู่ในจิตใจของมนุษย์ เป็นต้น ความจริงที่สมมติขึ้นจึงมีลักษณะเกิดขึ้น มันตั้งอยู่ชั่วระยะหนึ่งแล้วก็หายไปในอากาศ แต่ก่อนที่สิ่งนี้จะดับลงจิตใจมนุษย์จะรับรู้ ถึงสิ่งเหล่านี้ที่เข้ามาในชีวิตผ่านประสาทสัมผัสและสั่งสมเป็นหลักฐานทางอารมณ์ในจิตใจมนุษย์ แต่ธรรมชาติของจิตใจมนุษย์ไม่ได้รับรู้เรื่องราวต่างๆที่เข้ามาในชีวิตและสั่งสมเรื่องราวต่าง ๆ เป็นหลักฐานทางอารมณ์อยู่ในจิตใจเท่านั้น แต่จิตใจมนุษย์ยังมีหน้าที่คิดวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้จากหลักฐานต่าง ๆ เพื่อหาเหตุผลมาอธิบายความจริงของคำตอบในเรื่องนั้น แต่ข้อความเห็นเพียงคนเดียวยังขาดความน่าเชื่อถือเพราะมนุษย์มีอวัยวะอินทรีย์ทั้ง๖ มีข้อจำกัดในการรับรู้เรื่องราวต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิตและมนุษย์ชอบมีอคติต่อผู้อื่นโดยความไม่รู้ ความกลัว ความเกลียดชังและความรักใคร่ชอบพอเป็นการส่วนตัว เป็นต้น ดังนั้นเมื่อข้อความคิดเห็นในเรื่องหนึ่งเรื่องใด ยังขาดความน่าเชื่อถือหากผู้ใดต้องการศึกษาในเรื่องนั้นต่อไป จำเป็นต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐานต่างๆ ให้เพียงพอ มาวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้จากหลักฐานต่างๆ เพื่อหาเหตุผลมาอธิบายความจริงในเรื่องนั้นตอบที่ได้จากการวิเคราะห์หาเหตุผลอธิบายความจริงจะเป็นความรู้ที่แท้จริงในเรื่องนั้น เป็นต้น
ตัวอย่างเช่น เมืองเทวทหะ (Devdaha city) เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรโกลิยะ เป็นบ้านเกิดของพระราชินีมายาเทวี พระมารดาและพระราชินีประชาบดีโคตรมี พระมารดาเลี้ยงของพระพุทธเจ้า ทั้งสองพระองค์ทรงเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา ในปัจจุบันพระนางมายาเทวีเสด็จสวรรคตแล้วและพระวิญญาณทรงสถิตอยู่ในสวรรค์ชั้นฟ้าทั้งหลาย ส่วนพระภิกษุณีประชาบดีโคตรมีเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว เมื่อเมืองเทวทหะเป็นชุมชนทางการเมือง ที่สร้างขึ้นจากภูมิปัญญาของมหาราชหลายองค์ ในปัจุบัน อาณาจักรโลลิยะแห่งนี้ได้เสียเอกราชเพราะไม่มีอำนาจอธิปไตยของตนเองในการปกครองแล้ว เทวทหะเป็นเพียงเทศบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งอยู่กับอำเภอรูปันเทหี จังหวัดหมายเลข๕ สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล
๒.ความจริงขั้นปรมัตถ์ เป็นความจริงขั้นสูงสุดตามคำสอนของพระพุทธเจ้า เช่นการปรินิพพาน โดยทั่วไปแล้ว เมื่อธรรมชาติของมนุษย์มีข้อจำกัดในการรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของตนเองและมักจะมีอคติต่อผู้อื่นอยู่เสมอทำให้ชีวิตมีความมืดมิดอยู่เสมอ เมื่อรับรู้เรื่องต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตจึงไม่สามารถแยกแยะความจริงว่าเรื่องราวใดจริงเรื่องราวใดเท็จ หรือปัจจัยอะไรทำให้เกิดเรื่องราวต่าง ๆ นั้น ตามหลักปรัชญาเพราะแก่นแท้ของเมืองเทวทหะเป็นชุมชนทางการเมือง ที่ตั้งขึ้นโดยพระเจ้าโอกกากราชตั้งอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง และก็ดับไปตามกฎไตรลักษณ์แต่เมืองเทวทหะโบราณได้ทิ้งร่องรอยไว้ เป็นเมืองหลวงเก่าและเป็นอารยธรรมที่สร้างขึ้นจากความคิดของมนุษย์ แม้หลักฐานในพระไตรปิฎกมหาจุฬาฯ จะกล่าวถึงเรื่องเมืองเทวทหะโบราณไว้อย่างชัดเจนแต่ยังไม่ชัดเจนว่าเมืองเทวทหะโบราณนี้ ตั้งอยู่ที่ใดในโลกมนุษย์ ก็เป็นเรื่องที่เราจะตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานพิสูจน์ความจริงกันต่อไป ปัญหาคือเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเทศบาลเมืองเทวทหะ(Devdaha municipality)ซึ่งตั้งอยู่ในเขตรูปานเดฮี (Rupandehi distruct)จังหวัดลุมพินี (Lumbini Province) เป็นเมืองเทวทหะโบราณที่ประสูติของพระนางมายาเทวีพระมารดาของพระพุทธเจ้า ผู้เขียนอ้างตนเป็นพยานหลักฐานให้ข้อมูลของข้อเท็จจริงว่าเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ผู้เขียนได้จาริกแสวงบุญจากเมืองตันเซ็นไปถึงเทศบาลตำบลเทวทหะ(Devdaha municipality)ตั้งอยู่ที่เขตรูปานเดฮี (Rupandehi district ) จังหวัดลุมพินี (Lumbini Province)โดยใช้แผนที่โลกของกูเกิล ซึ่งเป็นหลักฐานเอกสารดิจิทัลเป็นแผนที่นำทาง คณะของผู้เขียนจาริกไป ตามถนนในสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาลจากเมืองตันเซ็นไปเมืองเทวทหะ มีการระบุไว้อย่างชัดเจนผ่านทางอินเตอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถือของผู้เขียน เมื่อผู้เขียนเดินเข้าไปในเมืองเทวทหะสภาพเมืองได้เปลี่ยนไปสิ้นเชิง เป็นอาคารสถานที่แตกต่างจากข้อความที่บันทึกไว้ในพระไตรปิฎกมหาจุฬาฯแสดงให้เห็นว่าเมืองเทวทหะ คือสิ่งเป็นจริงอย่างหนึ่งที่ปรากฏขึ้นบนโลกย่อมเกิดขึ้นตั้งอยู่และเสื่อมสลายตามกฎไตรลักษณ์เหลือไว้ แต่ซากปรักหักพังของเมืองเทวทหะโบราณแต่เป็นซากปรักหักพังของโบราณสถาน เป็นเพียงร่องรอยอารยธรรมที่มนุษย์สร้างขึ้นจากปัญญาของตน ในปัจจุบันเมืองเทวทหะ มีถนนตัดเป็นเส้นตรงปูด้วยแอสฟัลต์คอนกรีตด้วยเทคโนโลยี่ที่ทันสมัยและที่อยู่อาศัยของชาวเมืองเทวทหะเป็นแบบทันสมัยไม่มีซากปรักหักพังของเมืองเทวทหะโบราณเหลือให้ผู้เขียนเห็นหลักฐานที่ชัดเจน เมื่อวิเคราะห์หลักฐานที่ผู้เขียนรับรู้จากประสาทสัมผัสของตนเองยังไม่ชัดเจน เพราะไม่สามารถยืนยันข้อเท็จจริงได้ว่าเป็นเมืองเทวทหะโบราณเป็นสาเหตุให้ผู้เขียนสงสัยว่า Devdaha municipality คือพระนครเทวทหะเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรโกลิยะ เป็นที่ประสูติของพระราชินีมายาเทวีและพระราชินีประชาบดีโคตรมีปรากฏหลักฐานในพระไตรปิฎกมหาจุฬา ฯ แม้ว่าจะมีหลักฐานเหลือให้เราศึกษาน้อยมากในเมืองนี้ืมีชาวพุทธน้อยมากที่สามารถนับได้ แต่มิได้ทำให้ความยิ่งใหญ่ของพระนครเทวทหะอันเก่าแก่สิ้นมนต์ขลัง ซึ่งเป็นความเป็นจริงตามกฎธรรมชาติของสิ่งทั้งปวงอย่างไรก็ตาม ตราบใดที่มนุษย์ต้องการทราบประวัติของพระพุทธเจ้าและพระอริยบุคคล ประวัติศาสตร์ความเป็นของพระพุทธศาสนายังเป็นเรื่องน่าศึกษาต่อไป (ยังมีต่อ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น