Introduction : the Causes of the Construction of the 10,000 Pagodas of Bagan in the ฺBuddhaphumi's Philosophy
บทนำ
โดยทั่วไป มนุษย์ทุกคนต้องเผชิญกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตทุกวินาที เมื่อรับรู้แล้ว จิตใจจะสั่งสมหลักฐานทางอารมณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์เหล่านี้ไว้ในจิตใจ เพื่อนำมาวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้หรือคาดคะเนความจริง ตามหลักเหตุผลเพื่อพิสูจน์ความจริงโดยการใช้เหตุผลซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญาในการอธิบายข้อเท็จจริงของเรื่องนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ? เป็นต้น แต่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความจริงของชีวิตมนุษย์นั้นโดยธรรมชาติของมนุษย์นั้น เมื่อได้ยินข้อเท็จจริงในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง มักจะแสดงความคิดเห็นเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตามปฏิภาณของตนเองและคาดคะเนความจริงโดยการใช้เหตุผลในการอธิบายความจริงในเรื่องนั้น ๆ แต่บุคคลเหล่านั้นมักจะุใช้เหตุผลบางครั้งผิดบ้าง ถูกบ้าง ใช้เหตุผลในการอธิบายความจริงเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้บ้าง เป็นต้น
เมื่อมนุษย์เกิดความตัณหารู้คืออยากได้สิ่งนั้นเพื่อมาสนองอารมณ์ของตนเองและหาวิธีการต่าง ๆ ให้มีสิ่งนั้นเป็นของตนเอง เพื่อใช้สิ่งนั้นให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองแต่สิ่งนั้นมิได้มาโดยง่าย แต่ชีวิตมนุษย์มีความทะเยอทะยานที่จะได้มาซึ่งเป้าหมายแห่งความปรารถนา มาตอบสนองอารมณ์ของตนเองตลอดเวลา เมื่อพวกเขาต้องการอะไรแต่มันไม่ได้ตามที่ตนต้องการก็ย่อมมีความไม่พอใจเป็นธรรมดา เขาก็จะมีความรู้โกรธเกิดขึ้นในใจเสมอ กลายเป็นคนที่มีนิสัยไม่อ่อนโยน หยาบคายและโกรธง่ายไม่เหมาะสมที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม การทำงานและใช้ชีวิตอยู่ในที่สาธารณะ ขาดความมั่นคงในเป้าหมายชีวิต และมีจิตใจที่อ่อนไหวต่อการปฏิบัติหน้าที่ต่อผู้อื่นด้วยความบริสุทธิ์และยุติธรรมได้ จนขาดสติและปัญญาเพราะไม่สามารถระลึกถึงความรู้จากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาและสั่งสมอยู่ในจิตใจได้ สามารถนำมาใช้เป็นข้อพิจารณาหลักในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันได้ด้วยตนเองได้
ในโลกปัจจุบัน มนุษย์จะมีความเจริญด้วยเทคโนโลยี่คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต ผู้คนใช้อินเตอร์เน็ต เป็นแหล่งข้อมูลเพื่อค้นหาความรู้ที่ตนสนใจอยู่ตลอดเวลา แต่ผู้คนจึงสั่งสมความรู้เรื่องความดีและความชั่วไว้ในใจตลอดเวลา แนวคิดที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ชีวิตหายจากความอ่อนแอ ด้วยการทำสมาธิเพื่อชีวิตที่เข้มแข็ง มีสติตื่นรู้อยู่ปัจจุบันตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ยังเป็นสิ่งจำเป็นและสามารถช่วยให้มีชีวิตที่ดีขึ้นดังนั้นพระพุทธศาสนาจึงยังมีความเป็นจำเป็นสำหรับชาวโลกในการพัฒนาศักยภาพในชีวิตของตน เจดีย์เป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาเนื่องจากการสร้างเจดีย์เกิดจากความเชื่อของคนในสมัยนั้นว่าการสร้างเจดีย์เป็นสถานที่บรรจุสิ่งมงคลสูงสุดในพระพุทธศาสนา เพื่ออามิสบูชาและปฏิบัติบูชา (worship practice) ของชาวพุทธตามหลักอริยมรรคมีองค์ ๘ เพื่อหลุดพ้นจากความทุกข์ในชีวิต สัจธรรมสูงสุดที่ได้จากการปฏิบัติบูชา คือ ความรู้ที่นำไปสู่การหลุดพ้นจากปัญหาชีวิต ทำให้ชีวิตมีความเจริญก้าวหน้าทางจิตวิญญาณ และความสงบสุขตามหลักศีลธรรมและกฎหมาย เป็นต้น
เจดีย์ชเวซีโกนสร้างขึ้นตามแบบศิลปะพม่า เป็นเจดีย์ปิดทองหลายชั้น และเป็นเจดีย์แห่งแรกที่สร้างขึ้นในอาณาจักรพุกาม เป็นสัญลักษณ์แห่งความเจริญรุ่งเรืองด้านจิตวิญญาณ และวิถีชีวิตของผู้ที่สงบสุข มั่นคงในเป้าหมายชีวิต เพราะเข้าใจชีวิตและมีศรัทธาในคุณธรรม โดยยึดหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทเรียกว่า "อริยมรรคมีองค์๘" เพราะรู้จักปฏิบัติธรรมที่ถูกต้องตามหลักสอนของพระพุทธเจ้าว่า เมื่อจิตใจของมนุษย์คิดดี ก็จะมองโลกในทางที่ดี จิตจะแสดงออกในทางที่ดีคือ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น กรรมดีเหนี้ก็จะส่งผลให้จิตไปเกิดในภพภูมิที่ดีหรือกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ เกิดในสังคมที่มีความสงบสุขตามหลักศีลธรรมและกฎหมาย มีชีวิตที่พอเพียงและพึงตนเองได้ ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เป็นต้น เมื่อบ้านเมืองสงบสุข ประชาชนจะไปวัดในพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทเพื่อฟังธรรมจากพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ และนำความรู้จากครูบาอาจารย์มาปฏิบัติเพื่อให้จิตเข้าถึงโลกุตตรธรรม จิตใจของผู้คนมีความเชื่อมโยงกับศาสนามากขึ้นไป เมื่อเจดียชเวซีโกนถูกสร้างขึ้นสมัยของพระเจ้าอโนรธามังชอเพื่อบรรจุพระบรมสาริกธาตุและพระทันตธาตุ แสดงให้เห็นว่าพระพุทธศาสนาเป็นที่ศรัทธาของพระมหากษัตริย์ในสมัยนั้น
วัดแห่งนี้สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงาม แสดงถึงร่องรอยอารยธรรมที่สร้างขึ้นจากความคิดของมนุษย์ในแต่ละยุคสมัย เป็นอนุสรณ์สถานทางพระพุทธศาสนาที่ฝังรากลึกอยู่ในจิตใจของมนุษย์ เจดีย์ชเวซีโกนเป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระบรมสาริกธาตุและพระทันตธาตุของพระพุทธเจ้าศากยมุนี ตั้งอยู่บนหาดทรายริมฝั่งแม่น้ำอจิรวดีในเมืองพุกามโบราณ เป็นวัดสร้างขึ้นในนิกายเถรวาท ปัจจุบันตั้งอยูที่เมืองญองอู้ เขตมัณฑะเลย์ ตอนกลางของสหภาพเมียนมาร์ สร้างโดยพระเจ้าอโนรธามังช่อ คำว่า เจดีย์ชเวซีโกน แปลว่า เป็นเจดีย์สร้างบนหาดทรายริมฝั่งแม่น้ำอจิรวดี
๑. ความสำคัญของ "เจดีย์" เมื่อผู้เขียนได้ศึกษาหลักฐานในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ๒๕๕๔ นั้นคำว่า เจดีย์ หมายถึงสิ่งก่อสร้างคล้ายลอมฟาง มียอดแหลม บรรจุสิ่งที่เคารพบูชา เช่น พระบรมสาริกธาตุ เป็นต้น สิ่งของหรือบุคคลอันเป็นที่เคารพบูชา เป็นต้น และในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณ เล่มที่ ๑๐ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒ ทีฆนิกาย มหาวรรค........... ข้อ๖.อานนท์เธอได้ยินไหมว่าพวกเจ้าวัชชี สักการะ เคารพ นับถือ เจดีย์ในแคว้นวัชชีของชาววัชชีทั้งในเมืองและนอกเมือง และไม่ละเลยการบูชาอันชอบธรรมที่เคยให้ เคยกระทำต่อเจดีย์เหล่านั้นให้เสื่อมสูญไป
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้ยินดีพวกเจ้าวัชชี สักการะ เคารพ นับถือ เจดีย์ในแคว้นวัชชีของชาววัชชีทั้งในเมืองและนอกเมืองและไม่ละเลยการบูชาอันชอบธรรมที่เคยให้ เคยกระทำต่อเจดีย์เหล่านั้นให้เสื่อมสูญไป
"อานนท์ พวกเจ้าวัชชีพึงหวังได้ แต่ความเจริญอย่างเดียว ไม่มีความเสื่อมเลย ตราบเท่าที่พวกเจ้าวัชชี ยังสักการะเคารพ นับถือ เจดีย์ในแคว้นวัชชีของชาววัชชีทั้งในเมืองและนอกเมืองและไม่ละเลยการบูชาอันชอบธรรมที่เคยให้ เคยกระทำต่อเจดีย์เหล่านั้นให้เสื่อมสูญไป"
ตามหลักฐานในพระไตรปิฎกมหาจุฬา ฯ ข้างต้น ผู้เขียนตีความว่า เมื่อชาววัชชียังมีความเชื่อว่าเมื่อยังบูชาและนับถือเจดีย์ในแคว้นวัชชีเพราะเจดีย์บรรจุสิ่งที่ตนเคารพสูงสุด และยึดมั่นในหลักการใช้ชีวิต ไม่ละเลยที่จะแสดงความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณในชีวิตด้วยความเต็มใจ พวกเขาย่อมจะเจริญอยู่ฝ่ายเดียว พระพุทธเจ้าตรัสว่าสรรพสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปในสังสารวัฏหมุนเวียนอย่างนี้ไม่สิ้นสุด เพราะเหตุปัจจัยทำให้เกิดก็ได้เกิด มีเหตุปัจจัยให้ดับ สิ่งนั้นก็ดับไป
แม้ว่าอาณาจักรพุกามจะเป็นความจริงที่สมมติขึ้น เพราะการสร้างอาณาจักรพุกามเป็นอารยธรรมที่สร้างขึ้นด้วยภูมิปัญญาของชาวพุกามให้เป็นอาณาจักรพุกามอันยิ่งใหญ่ ที่สร้างขึ้นจากศรัทธาในคำสอนของพระพุทธเจ้า จนมีพระเจดีย์นับพันองค์ เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงการมีอยู่ของอาณาจักรแห่งนี้และอิทธิพลของคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ชาวพุกามใช้เป็นหลักปฏิบัติในการดำรงชีวิตอย่างมั่นคงและแน่วแน่ ปลูกฝังคำสัญญาในจิตใจ แม้ว่าดวงวิญญาณของพวกเขาจะผ่านวัฏจักรแห่งความตาย และการกลับชาติมาเกิดในโลกมนุษย์อย่างไม่สิ้นสุด แต่ความรู้ทางพระพุธศาสนาไม่ได้สูญหายไปกับการตายหรือการเกิดใหม่ แม้อาณาจักรพุกามจะตกอยู่ในอำนาจของกฎไตรลักษณ์ ชาวพุกามสร้างอาณาจักรพุกามเกิดขึ้นมา ตั้งอยู่เป็นอาณจักรที่ยิ่งใหญ่ด้วยอารยธรรม ที่ชาวพุกามสร้างขึ้นด้วยความศรัทธาของคำสอนของพระพุทธศาสนา คือการสร้างเจดีย์เป็นศาสนาวัตถุในพระพุทธศาสนา และเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของโลกที่ควรอนุรักษ์ไว้ด้วยค่านิยมที่ต้องรักษาไว้เป็นมรดกของชาติ สืบสานวัฒนธรรมอันดีงามให้ชาวพุกามยึดมั่นในจารีตประเพณี และต่อยอดทางการศึกษาให้รู้คุณค่าของมรดกของภูมิปัญญาของชาติเพื่อส่งเสริมการรเรียนรู้ที่เหมาะสม
ดังนั้น เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราชทรงส่งพระโสนะและพระอุตตรเป็นพระธรรมทูตสายต่างประเทศของอาณาจักรโมริยะ ไปเผยแพร่พระธรรมวินัย ของพระพุทธเจ้าในดินแดนสุวรรณภูมิ เมื่อชาวสุวรรณภูมิศึกษาหลักอปริหานิยธรรมในข้อที่ ๖ ของพระพุทธเจ้าแล้ว ก็มีความเชื่อว่าจะสร้างเจดีย์ไว้ประดิษฐานสิ่งที่ตนเคารพบูชาไว้ เป็นศาสนวัตถุเพื่อชีวิตอยู่ดีมีความสุข เมื่อตายไปแล้ว ก็จะไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ ดังนั้น เมื่อชาวพุทธในดินแดนสุวรรณภูมิในสมัยนั้นเรียกว่า อาณาจักรพุกาม เป็นชุมชนทางการเมืองที่มีอาณาเขตชัดเจน มีชาวพุกามอาศัยอยู่ มีอำนาจอธิปไตยเป็นของตนเอง ใช้ภาษาพุกามในการสื่อสาร และมีวัฒนธรรมของตนเอง ซึ่งเกิดจากความเชื่อในพระพุทธศาสนาว่า สร้างพระเจดีย์ไว้ประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อสักการบูชา หรือปฏิบัติบูชาเพื่อพัฒนาศัยภาพชีวิตให้รุ่งเรืองแต่ฝ่ายเดียว แม้ดวงวิญญาณจะเวียนว่ายตายเกิดในวัฏจักรแห่งความตายและการเกิดใหม่ไม่สิ้นสุด แต่ก็จะได้ผลบุญในสวรรค์ชั้นฟ้า หากได้เกิดใหม่ในภพมนุษย์ ก็จะได้ไปเกิดในสังคมที่สงบสุขบนพื้นฐานของศีลธรรมและกฎหมาย
เมื่อพุทธศาสนิกชนชาวพุกามได้สร้างสรรค์ อารยธรรมแห่งการบูชาจากหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า จนกลายเป็นทะเลเจดีย์นับพันองค์เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของโลก ที่ควรอนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา สืบสานการปฏิบัติบูชาตามอริยมรรคมีองค์ ๘ ในพุทธสถานต่าง ๆ และสามารถต่อยอดความรู้ทางพระพุทธศาสนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ เมื่อชาวพุกามเกิดความรู้ความเข้าในกฎธรรมชาติของชีวิตว่าจิตวิญญาณเป็นตัวตนที่แท้จริงของมนุษย์ที่ผ่านวัฏจักรแห่งความตาย และการกลับชาติมาเกิดใหม่ไม่เคยสิ้นสุด เพราะความโง่เขลามัวเมาในรูป รส กลิ่น เสียง โผฏฐัพพะ และธัมมารมย์ ทำให้เกิดความประมาทในการใช้ชีวิต โดยไม่ยอมพัฒนาศักยภาพของชีวิตให้มีความเข้มแข็ง ชำระล้างกิลสที่หมักมมในจิตใจมายาวนาน ชีวิตของพวกจึงมีความขุ่นมัวเพราะอคติของตนเอง ทำให้บุคคลิกภาพไม่อ่อนโยนไม่รู้สึกไว้วางใจถึงความเป็นมิตรต่อผู้อื่น ไม่มั่นคงในอุดมการณ์ของตนและไม่หวั่นไหวต่อการปฏิบัติหน้าที่ต่อผู้อื่น สังคมและประเทศด้วยความหนักแน่นด้วยหลักเมตตากรุณา บริสุทธิ์และยุติธรรมต่อทุกฝ่ายด้วยหลักเหตุผลที่ถูกต้อง
ในที่สุด อำนาจอธิปไตยของอาณาจักรพุกามถูกทำลายโดยปัจจัยภายนอกจากการรุกรานของเจงกิสข่านผู้นำชาวมงโกลเลีย และยึดอำนาจอธิปไตย ซึ่งเป็นอำนาจสูงสุดในการปกครองอาณาจักรพุกาม อาณาจักรพุกาม จึงเสื่อมโทรมไปตามกฎแห่งธรรมชาติที่เกิดขึ้น มีอยู่ และดับไปเช่นเดียวกับชีวิตมนุษย์ แต่เรื่องราวของอาณาจักรพุกามที่สั่งสมในจิตของมนุษย์ กลายเป็นสัญญาในกระแสจิตไปสู่ภพอื่นด้วย แม้จะมีโอกาสได้เกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง แต่คำสัญญาเกี่ยวกับเรื่องราวของอาณาจักรพุกามก็ยังสืบย้อนไปถึงชีวิตปัจจุบัน เจดีย์หลายพันแห่งตั้งตระหง่านเหนือยอดไม้ ซึ่งนักท่องเที่ยวยังมองเห็นได้จากอาคารสูงและโรงแรมขนาดใหญ่ในเมืองพุกาม ก็มีความงามอย่างพิศวงเหนือยอดต้นไม้กระจายทั่วไปในเมืองพุกามโบราณ โดยเฉพาะตอนเช้าที่อากาศเย็น ๆ กระทบร่างกายทำให้เราลืมความทุกข์ที่ค้างคาอยู่ในจิตใจให้เกิดทุกข์ และจิตใจของมนุษย์ได้ปะทะกับปัจจัยของพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า ก็เป็นสถานที่ตราตรึงจิตให้จ้องมองพระอาทิตย์ จนลืมความเครียดไปชั่วขณะหนึ่ง แม้จะเป็นสิ่งที่จิตมนุษย์สร้างขึ้นมาก็ตาม แต่ความคิดที่เกิดจากความเชื่อทางพระพุทธศาสนา แต่เป็นร่องรอยของวัฒนาธรรมทางพุทธศาสนาที่สร้างจากความคิดที่ดี ในการสร้างเจดีย์ที่เราสามารถมองเห็นได้มากมายเพื่อถวายเป็นเครื่องบูชาแด่พระพุทธเจ้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น