The greatest discovery is the natural laws of human life. That everyone is equal Without choosing a social caste as the basis for determining humanity When the soul is the real person of man That accumulates knowledge from the mind with reasons And show his intention to act accordingly Would receive the result of Own action

Breaking

Post Top Ad

Your Ad Spot

วันศุกร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2564

บทนำ: การศึกษายุคศิวิไลซ์สมัยพุทธกาลตามหลักปรัชญาพุทธภูมิ


Introduction : 
A Study of Civilized  Era during the time of Buddha  according to Buddhaphumi's philosophy

๑.บทนำ ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา   

              แนวคิด "ยุคศิวิไลซ์"  นั้น เป็นคำที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่ความหมายและขอบเขตความรู้เกี่ยวกับ "ยุคศิวิไลซ์"          กลับมีความซับซ้อนและแตกต่างกันไปตามบริบท   ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดเหตุการณ์  คำพูด  หรือความคิดและสามารถเข้าใจเหตุการณ์ต่าง ๆ   ที่เกิดขึ้นในชีวิตมนุษย์ได้ โดยใช้เหตุผล                ซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญาในการอธิบายข้อเท็จจริงและประเมินความจริงของเรื่องนั้นได้อย่างชัดเจน   และครบถ้วน  เป็นต้น ดังนั้นการศึกษาและวิเคราะห์ยุคศิวิไลซ์ตามหลักปรัชญา  จึงต้องพิจารณาความจริงในเรื่องนี้ในทุกแง่มุม          ตั้งแต่ความหมายของคำว่า "ยุคศิวิไลซ์"  ที่มาของแนวคิด  ไปจนถึงความสำคัญของการศึกษาวิจัยในปัจจุบัน 

๒. ความหมายและที่มาของคำว่า "ยุคศิวิไลซ์" 
   
              มักใช้เรียกสังคมมนุษย์ที่เจริญก้าวหน้าในหลากหลายด้านได้  ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมืองเศรษฐกิจ  สังคม        หรือวัฒนธรรมเทคโนโลยี่คอมพิวเตอร์ และอินเตอร์เน็ต       อย่างไรก็ตามความหมายที่แท้จริงของ "ยุคศิวิไลซ์นั้น"   ยังไม่ชัดเจนและจึงใช้เปรียบเทียบและสร้างลำดับชั้นระหว่างสังคมต่าง ๆ      สังคมที่เจริญแล้วถือเป็นสังคมที่ "ศิวิไลซ์" หรือมีอารยธรรมมากขึ้น   

                   แนวคิดเรื่อง      "ยุคศิวิไลซ์"   มีรากฐานจากแนวคิดทางปรัชญาของนักปรัชญาตะวันตก         โดยเฉพาะในยุคอาณานิคม เมื่อชาวยุโรปใช้แนวคิดนี้   เพื่อหาเหตุผลในการปกครองและควบคุมสังคมอื่น ๆ โดยมองว่าสังคมเหล่านั้น เป็นสังคม "ป่าเถื่อน" หรือไร้อารยธรรม ส่งผลให้เกิดการกดขี่ และทำลายล้างวัฒนธรรมอื่น ๆ  อย่างกว้างขวาง  ในปัจจุบัน แนวคิดเรื่อง "ยุคศิวิไลซ์"    ถูกตั้งคำถามและวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากมาย   เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับอำนาจทางการเมือง  การเหยียดเชื้อชาติ และการสร้างความไม่เท่าเทียมกัน      ดังนั้นการศึกษาและวิเคราะห์ยุคศิวิไลซ์     จึงต้องหลีกเลี่ยงการใช้แนวคิดนี้ในลักษณะลำดับชั้น           ต้องพิจารณาบริบททางประวัติศาสตร์และสังคมอย่างรอบคอบ เป็นต้น

๓.ความสำคัญของการศึกษาวิเคราะห์ในยุคศิวิไลซ์ตามหลักปรัชญามีประเด็นสำคัญหลายประการ  ดังนี้  

         ๓.๑ การทำความเข้าใจประวัติศาสตร์สังคมมนุษย์       การศึกษาช่วยให้เราเข้าใจความคิดของมนุษยชาติ   ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม   วัฒนธรรม และเทคโนโลยี่ ตลอดจนปัจจัยต่าง ๆ   ที่ส่งผลต่อการพัฒนาสังคมมนุษย์ด้วยตัวผู้คนในสังคมเอง และเกิดจากการกำหนดนโยบายทางการเมืองของผู้นำประเทศในยุคสมัยนั้น ๆ 
 
        ๓.๒ การวิเคราะห์แนวคิดเรื่องความเจริญเติบโต      และความก้าวหน้าในสังคมมนุษย์ในด้านเศรษฐกิจ   การเมือง      และสังคม ที่ประชาชนได้รับประโยชน์จากสิ่งคำนวณได้        และสิ่งคำนวณไม่ได้    การศึกษาในเรื่องเหล่านี้  จะช่วยให้เราตั้งคำถาม และวิพากษ์วิจารณ์แนวคิดเรื่องการเติบโตและความก้าวหน้าของแต่ละประเทศนั้น    โดยพิจารณาถึงผลกระทบอย่างครอบคลุมของแนวความคิดเหล่านี้ต่อสิ่งแวดล้อม  สังคม   และวัฒนธรรมในทุกแง่มุม

       ๓.๓ การสร้างสังคมที่เท่าเทียมและยั่งยืน   การศึกษาช่วยให้เราเข้าใจความหลากหลายทางวัฒนธรรมได้อย่างถูกต้อง  และส่งเสริมสังคมที่เท่าเที่ยม   ยุติธรรม  และยั่งยืน

       ๓.๔   การแก้ไขปัญหาในปัจจุบัน    การศึกษาจะช่วยให้เราเข้าใจกิลสตัณหาของมนุษย์ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นรากเหง้าของปัญหาต่าง ๆ   ในสังคมปัจจุบันและนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ 

         โดยสรุปการศึกษาเชิงวิเคราะห์ในยุคศิวิไลซ์ตามหลักปรัชญา    เป็นการศึกษาวิจัยที่สำคัญและจำเป็นเพื่อเข้าใจถึงต้นกำเนิดของความรู้หรือที่มาของความรู้   ความหมายและผลกระทบต่อแนวคิดในยุคศิวิไลซ์และนำไปสู่สังคมที่ดีกว่าในอนาคต โดยหลีกเลี่ยงความเลื่อมล้ำ การกดขี่ และเน้นการเคารพความหลากหลายทางวัฒนธรรม  เป็นต้น  

                     ผู้เขียนได้ฟังความเห็นมากมายเกี่ยวกับยุคศิวิไลซ์จากนักวิชาการ  นักบวช    ฆราวาส  และนักโหราศาสตร์  ซึ่งทำนายอนาคตของมนุษยชาติว่าคนชั่วจะพินาศ    โดยใช้เหตุผล ซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญาในการอธิบายความจริงของเรื่องนี้     และนำมาแชร์ต่อในโซเชียลมีเดีย   ส่วนความเห็นของบุคคลเหล่านี้   ที่บอกว่าคนชั่วจะพินาศทั้งหมดนั้น          เป็นเพียงการแสดงความเห็นตามปฏิภาณของตนเอง ตามหลักเหตุผล       และคาดคะเนความจริงจากสิ่งที่ได้ยินมา  เท่านั้น  แต่เมื่อบุคคลเหล่านี้เป็นมนุษย์  ที่มีอายตนะภายในร่างกายมีข้อจำกัดในการรับรู้สิ่งต่าง    ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตและมนุษย์ชอบมีอคติต่อกันด้วยไม่รู้แจ้งของชีวิตว่ามนุษย์มีชีวิตมนุษย์เมื่อตายไปแล้ว      ดวงวิญญาณต้องไปเกิดในภพชาติอื่นต่อไปไม่รู้จบสิ้น    ทำให้ชีวิตมนุษย์ต้องตกอยู่ในความมืดมิด     ไม่มีความสามารถคิด   โดยใช้เหตุผล ซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญา ในการอธิบายความจริงในเรื่องยุคศฺวิไลซ์ ได้       

             ดังนั้น  เมื่อบุคคลเหล่านี้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความจริงของเรื่อง "ยุคศิวิไลซ์"             พวกเขาจะไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐาน  เมื่อมีหลักฐานเพียงพอ       พวกเขาจะใช้เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้จากหลักฐานนั้น    โดยใช้เหตุผลในการอธิบายความจริงในเรื่องนั้น  ๆ      อย่างไรก็ตาม       ความเห็นของนักตรรกะและนักปรัชญา  พวกเขาอาจใช้เหตุผลบ้างครั้งถูกบ้าง   บ้างครั้งผิดบ้าง  บ้างครั้งเป็นอย่างนั้นบ้าง  บางครั้งเป็นอย่างนี้บ้าง     เมื่อข้อเท็จจริงของคำตอบยังไม่ชัดเจน    วิญญูชนรู้ข้อเท็จจริงของคำตอบมีข้อพิรุธน่าสงสัยและไม่ยอมรับข้อเท็จจริงของเรื่องนี้  เป็นต้น  

             เราจะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นคนเลว         ใครจะจับกุมคนเลวเหล่านั้น คนเลวเหล่านั้นจะพินาศได้อย่างไร   ไม่มีใครสามารถอธิบายความจริงข้อนี้ได้อย่างละเอียด          อย่างไรก็ตาม   ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี่คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต            ได้พัฒนาแพลตฟอร์มอินเตอร์เน็ต      เป็นพื้นที่ให้ผู้คนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจ  การเมือง  สังคมและศาสนาผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์    เพื่อสะท้อนปัญหาของประเทศ            เพื่อให้รัฐบาลสามารถศึกษาข้อเท็จจริงจากหลักฐานต่าง ๆ         และเห็นความทุกข์ยากของประชาชนในประเทศ  เมื่อสังคมในประเทศเปลี่ยนแปลง  เป็นเรื่องของผู้นำประเทศที่มีปัญญาหยั่งรู้ความจริง จากความเห็นของประชาชนเกี่ยวกับปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นต้องการให้ผู้นำประเทศแก้ไขปัญหาของประชาชน  เพราะเสียงของประชาชนคือเสียงจากสวรรค์ที่มีอำนาจในการคัดเลือกผู้นำเพื่อกำหนดชะตากรรมของประเทศ     หากอยู่ในสถานการณ์ลำบากเพราะไม่มีงานทำ  ธุรกิจเอกชนล้มเหลว   เมื่อประชาชนต้องการเพียงสิ่งจำเป็นสี่ ประการ  แต่ไม่มีกำลังซื้อ จะสร้างงานที่มั่นคง และเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นได้อย่างไร   

             การเรียนรู้ความทุกข์ของประชาชนจะช่วยแก้ไขปัญหาได้ทันทวงทีดีกว่าแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของประชาชนในชีวิตประจำวัน  แนวคิดเรื่องยุคศิวิไลซ์นั้น           แม้ว่านักเขียนบางคนเป็นนักตรรกะ เป็นนักปรัชญา   เขียนหนังสือเผยแพร่ความรู้ในเรื่องนี้    แต่เป็นการแสดงทัศนะความจริงในเรื่องนี้ตามปฏิภาณของตนเองและคาดคะเนความจริงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต  เมื่อนักเขียนบางคนเป็นนักตรรกะ เป็นนักปรัชญา มักจะมีการใช้เหตุผล    ซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญาในการอธิบายความจริงในเรื่องยุคศิวิไลซ์นั้น   ทำให้ผู้อ่านสนใจในการอ่านกันและกลายเป็นหนังสือขายดี     แต่การใช้เหตุผลของนักตรรรกะ นักปรัชญาเหล่านั้น  บางครั้งก็มีการใช้เหตุผลถูกบ้าง      การใช้เหตุผลผิดบ้าง มีการใช้เหตุผลเป็นอย่างนั้นบ้าง      มีการใช้เหตุผลเป็นอย่างนี้บ้าง          แต่เมื่อวิญญูชนซึ่งเป็นผู้อ่านหนังสือเกี่ยวกับยุคศิวิไลย์แล้วแต่ประวัติศาสตร์ของยุคศิวิไลย์ก็ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นอย่างไร  จึงพากันละทิ้งหนังสือเรื่องนี้ไม่สนใจที่จะติดตามอ่านอีกต่อไปหรือเมื่ออ่านแล้ว ก็ไม่นำความรู้ในเรื่องนี้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัด เป็นต้น

              เมื่อเราเห็นตัวตนของมนุษย์ในแต่ละยุคสมัย   ต่างก็มีอวิชชาสั่งสมอยู่ในจิตใจ   ที่ต้องพัฒนาความรู้และทักษะความสามารถในการคิดจากความรู้ผ่านอายตนะภายในร่างกาย        และที่สั่งสมไว้ในจิตใจ  โดยใช้สติปัญญาพิจารณา และใช้เหตุผลอธิบายข้อเท็จจริงในเรื่องนั้น  ๆ เช่น  คาดคะเนอนาคตชีวิตมนุษย์  ตัดสินใจเชื่อข้อเท็จจริงในเรื่องนั้น ว่าจริงหรือเท็จ    เป็นต้น    

           บางคนคิดว่าคนชั่วยากจะจำกัดให้หมดสิ้นได้  เพราะมนุษย์เป็นพวกเห็นแก่ตัว     ไม่เคยแสดงตัวตนที่แท้จริงให้คนอื่นเห็น    มักแสดงสมบัติผู้ดีให้สาธารณะชนเห็นหรือแสร้างทำเป็นไม่รู้เรื่อง  การแยกแยะคนดีและคนชั่วจึงเป็นเรื่องยากและต้องใช้เวลาวิจารณญาณและปัญญากว่าจะเห็นตัวตนที่แท้จริง เพราะมนุษย์มักจะหวาดกลัวต่อโลกธรรม ๘ ประการ     จึงไม่เคยแสดงตัวตนหรือธรรมชาติที่แท้จริงของตนให้ผู้อื่นในสังคมเห็น  เมื่อผู้เขียนศึกษาหลักฐานในโซเชียลเน็ตเวิร์ก   เว็บไซต์และ YouTube และได้ยินข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่าในยุคศิวิไลซ์  คนชั่วจะพินาศ  แต่เมื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐาน           เมื่อมีหลักฐานเพียงพอ  วิเคราะห์หลักฐานโดยอนุมานความรู้เพื่อหาเหตุผลมาอธิบายความจริงของยุคศิวิไลซ์      แต่เรื่องราวของคำตอบที่ผุดขึ้นในใจของผู้เขียนนั้น    ยังเป็นเรื่องที่น่าสงสัยและไม่ชัดเจนว่าคนชั่วจะถูกทำลายได้อย่างไร ?แต่ผู้เขียนชอบค้นคว้าเรื่องยุคศิวิไลย์อีกต่อไป  จำเป็นต้องมีการสอบสวนและรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม         เพื่อนำมาวิเคราะห์    เพื่อพิสูจน์ความจริงของคำตอบให้ชัดเจนและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย         

             ด้วยเหตุผลดังกล่าว       ผู้เขียนสนใจแสวงหาความรู้เกี่ยวกับยุคศิวิไลย์มากขึ้น จึงได้ค้นคว้าข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐานจากแหล่งความรู้ต่าง ๆ ในพระไตรปิฎกมหาจุฬา ฯ อรรถกถา เอกสารวิชาการอื่น ๆ และหลักฐานเอกสารดิจิทัลจากอินเตอร์เน็ต เมื่อมีหลักฐานเพียงพอแล้ว ผู้เขียนจะเขียนบทวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้จากหลักฐาน เพื่อหาเหตุผล  มาพิสูจน์ความจริงของคำตอบเกี่ยวกับยุคศิวิไลซ์ บทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้อ่านที่สนใจศึกษาปรัชญาเชิงวิเคราะห์ และพระธรรมทูตแห่งราชอาณาจักรใช้บรรยายธรรมในสังเวชนียสถานทั้ง ๔ แห่ง (The Four Holy Buddhist Places)และพุทธสถานทั่วโลก กระบวนการวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้จากหลักฐาน เพื่อหาเหตุผลมาอธิบายความจริงของคำตอบนั้น จะเป็นประโยชน์ต่อนิสิตระดับปริญญาเอก ใช้เป็นแนวทางการเขียนวิทยานิพนธ์และบทความของนิสิตระดับปริญญาเอกสาขาปรัชญาและพระพุทธศาสนา เพื่อให้ได้ความรู้ที่สมเหตุสมผล ไม่สงสัยในข้อเท็จจริงอีกต่อไปและสามารถตรวจสอบกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลได้ เป็นต้น 

     

ไม่มีความคิดเห็น:

Post Top Ad

Your Ad Spot

หน้าเว็บ