Epistemology Problems About Shirakawa-go Village.
บทนำ

ในการศึกษากระบวนการคิดทางปรัชญาโดยเฉพาะปัญหาทางอภิปรัชญาเกี่ยวกับความเป็นจริงของมนุษย์หรือสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ตามหลักวิชาการทางปรัชญา เมื่อผู้ใดกล่าวถึงข้อเท็จจริงในเรื่องใด ๆ จะต้องมีหลักฐานพิสูจน์ความจริงของคำตอบในเรื่องนั้น ๆ อย่างชัดเจน ละทิ้งความสงสัยและยอมรับข้อเท็จจริงที่เป็นความรู้ที่แท้จริงได้ ถ้าไม่มีหลักฐานมาพิสูจน์ความจริงในเรื่องนั้น ถือว่าข้อเท็จจริงที่ได้ยินมาจากพยานหลักฐานซึ่งเป็นประจักษ์พยานเพียงปากเดียวนั้นขาดความน่าเชื่อและไม่สามารถรับฟังข้อเท็จจริงนั้นเป็นความจริงได้ เพราะโดยทั่วไป มนุษย์มีอวัยวะอินทรีย์ทั้ง ๖ ในร่างกายมนุษย์มีข้อจำกัดในการรับรู้ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติและเหตุการณ์ในสังคมที่เกิดขึ้นในต่างประเทศที่ไกลออกจากไปหรือในถ้ำป่าลึก ตายในบ้าน เป็นต้น และมนุษย์มักอคติต่อกันในความเกลียดชัง, รักใคร่ชอบพอ, ความกลัว และความโง่เขลา เป็นต้น ทำให้ข้อเท็จจริงได้ยินมานั้นไม่น่าเชื่อถือและพระพุทธเจ้าและนักปรัชญาไม่สามารถยอมรับว่าเป็นความจริงได้
หลักฐานน่าเชื่อทางปรัชญาเป็นอย่างไร เมื่อผู้เขียนศึกษาหลักฐานจากตำราญาณวิทยาหลายเล่มและเว็บไซต์บนอินเตอร์เน็ตได้ฟังข้อเท็จจริงว่า นักปรัชญาได้กำหนดทฤษฎีความรู้ไว้หลายทฤษฎีด้วยกันโดยทฤษฎีความรู้เชิงประจักษ์ได้กำหนดทฤษฎีไว้ว่า "บ่อเกิดความรู้ที่ แท้จริง จะต้องได้รับจากประสาทสัมผัสของมนุษย์ จึงจะถือว่าบุคคลนั้นมีความรู้ที่แท้จริงในเรื่องนั้น" ตามทฤษฎีความรู้เชิงประจักษ์นั้นผู้เขียนตีความว่าพยานหลักฐานในญาณวิทยาจะเป็นพยานบุคคลเท่านั้นที่จะสามารถให้การยืนยันข้อเท็จจริงในเรื่องที่น่าสงสัยได้ และบุคคลนั้นต้องมีความรู้ผ่านประสาทสัมผัสของพวกเขาและสั่งสมอยู่ในจิตใจของเขา จึงจะถือว่าเป็นพยานหลักฐานที่น่าเชื่อและสามารถให้การยืนยันข้อเท็จจริงในเรื่องที่น่าสงสัยได้ หากพยานหลักฐานใดไม่มีความรู้จากประสบการณ์ชีวิตผ่านประสาทสัมผัสของตนเองได้ เป็นบุคคลไม่น่าเชื่อถือก็ไม่สามารถให้การยืนยันความจริงได้ หากให้การยืนยันข้อเท็จจริงไปแล้วถือว่าเป็นพยานเท็จ เพราะเป็นความรู้ที่เกิดจากความคิดของพวกเขาเองไม่มีความน่าเชื่อถือ ไม่สามารถเป็นประจักษ์พยานยืนยันข้อเท็จจริงในเรื่องนั้นได้
ปัญหาเกี่ยวกับที่มาของความรู้ของหมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) ในเรื่องนี้ผู้เขียนอ้างตนเป็นพยานบุคคล เพราะผู้เขียนมีความรู้จากประสบการณ์ชีวิตรับผ่านประสาทสัมผัสของตนเองและสั่งสมประสบการณ์ชีวิตไว้ในจิตใจของตนเอง เมื่อผู้เขียนเดินทางท่องเที่ยวไปที่หมู่บ้านชิราคาวาโกะ จึงจะถือว่าเป็นความรู้ที่แท้จริงของผู้เขียน ตั้งอยู่ใจกลางของเกาะฮอนชูซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ บนกลางหุบเขามีลักษณะเป็นพื้นที่ราบที่ล้อมรอบด้วยภูเขาหลายลูกในฤดูหนาวมีหิมะปกคลุมเป็นเวลาหลายเดือน ชาวบ้านไม่สามารถติดต่อโลกภายนอกได้ พวกเขาต้องใช้ชีวิตตัดขาดการติดต่อโลกภายนอกเป็นเวลานาน พวกเขาจำเป็นต้องคิดหาวิธีดำรงชีวิตแบบพึ่งพาตนเองได้ โดยการทำนาบนพื้นที่หายาก ปลูกข้าวในนาเล็ก ๆ ข้างบ้านมีคันนาเป็นถนนที่ลาดด้วยซิเมนต์ ที่เห็นได้ทั่วไปในญี่ปุ่น จากท้องทุ่งกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาได้เป็นนาข้าวที่สวยงาม ตามร่องน้ำของหมู่บ้าน มีน้ำซับละลายจากหิมะที่เกิดขึ้นในฤดูหนาวยังคงไหลลงมายังหมู่บ้านตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงเดือนมิถุนายน ผู้เขียนและคณะนักท่องเที่ยวทั่วโลก ได้เห็นน้ำใสไหลลงมาจากท่อระบายน้ำบนภูเขา จนพวกเรามองเห็นปลาที่เลี้ยงในท่อระบายน้ำซ่องเล็ก ๆ ทุกอย่างมีประโยชน์เพียงแต่มองหาคุณประโยชน์ของสิ่งที่อยู่ล้อมรอบตัวเรา อากาศในหมู่บ้านดีมากมีลมพัดจากภูเขาตลอดเวลา หุบเขาแห่งนี้ไม่ร้อนและมีอากาศถ่ายเทตลอดเวลา แม้จะเดินเป็นระยะทางไกลก็ไม่มีเหงื่อไหลซึมจำนวนมากออกมาจากกายของผู้เขียนแต่อย่างใดผู้เขียนได้ชมธรรมชาติในหมู่บ้านชิราวาโกะที่ดำรงอยู่ด้วยปัจจัยต่างๆ ที่มีอยู่และเดินเที่ยวชมไปอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยด้วยฝีเท้าเล็กๆของผู้เขียน เมื่อตั้งสติสลัดอารมณ์และความสนใจออกไป เพราะสิ่งเหล่านี้แค่กิเลสที่ผ่านเข้ามาและก็ผ่านไป หากชีวิตที่ยึดติดสิ่งที่ผ่านไป การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ทอผ้าใช้เอง จึงเป็นชีวิตที่พอเพียงของชาวหมู่บ้านชิรากาวาโกะ จนกระทั่งรัฐบาลของญี่ปุ่นได้ตัดถนนผ่านหมู่บ้านชิรากาวาโกะแห่งนี้เพื่อเปิดเผยให้โลกเห็นถึงภูมิปัญญาอันชาญฉลาด ของชาวชิราวาโกะ ที่ดำเนินชีวิตด้วยสติปัญญาของตนเองเพื่อให้ผู้คนมาเรียนรู้ภูมิปัญญา จนหมู่บ้านของชาวชิราวาโกะนี้กลายเป็นสถานศึกษาที่มีมูลค่าเพิ่ม ที่ผู้เรียนต้องเสียค่าเข้าชมผ่านตา หู จมูก ลิ้น ผ่านการผัสสะกับการเสียดสีทางร่างกาย อากาศในหมู่บ้านนี้ อากาศเย็นสบายมาก แม้ในฤดูฝน แต่น้ำในลำธารในหมู่บ้านชิรากาวาโกะยังใสและเย็นมาก แม้น้ำจะน้อยแต่ก็ไหลตลอดเวลาเพราะหิมะละลายจากภูเขาสูง
ความรู้ของผู้เขียนในหมู่บ้านชิรากาวาโกะ

เมื่อผู้เขียนมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ จิตใจของผู้เขียนได้ผัสสะกับความงามตามธรรมชาติของขุนเขาสูง ในหมู่บ้านแห่งนี้มีลำธารขนาดเล็ก ๆ ที่เกิดจากการละลายของหิมะในหน้าฝนที่มีน้ำใสไหลรินตามท่อระบายอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่จอดรถการเข้าเที่ยวเขาจัดดูแลตั้งแต่สถานที่จอดรถ ตาของผู้เขียนกระทบกับสะพานข้ามแม่น้ำที่ธารน้ำไหลจากการละลายของหิมะจากภูเขาสูง เสียงน้ำไหลแรงมากกระทบกับโขดหินน้ำสีใสไหลงลงสู่ที่ต่ำบ่งบอกการอนุรักษ์ไว้ว่าให้มนุษย์อยู่อย่างผสมกลมกลืนกับธรรมชาติ ทางเดินเข้าสู่หมู่บ้านมีศาลเจ้าแห่งหนึ่งที่รักษาความเชื่อในเทพเจ้าไว้ ผู้เขียนเดินผ่านศาลเจ้าเข้าไปสู่บ้านชิรากาวาโกะ วันนี้เป็นวันอาทิตย์มีร้านค้าหลายแห่งเปิดทำการให้นักท่องเที่ยว ซื้อของที่ระลึกในหมู่บ้าน หากไม่มีนักท่องเที่ยวแล้ว จะเป็นหมู่บ้านที่มีความเงียบสงบมากท่ามกลางลมเย็นแห่งหุบเขา เมื่อได้รับการยกย่องว่าเป็นมรดกโลกแล้วจึงมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมายมหาศาลมาเที่ยวชมไม่ขาดสายตลอดทั้งปี. บ้านแบบกลาสโช ซูกูริ (Gassho zukuri) ที่ปลูกสร้างขึ้นมาเพียงแห่งเดียวเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยจริง และมีผู้คนอาศัยอยู่ในบ้านจริงเพื่อสอดคล้องกับฤดูต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นใน ๑ ปีบ้านหลังคาลาดชันประมาณ ๖๐ องศา หน้าจั่วคล้ายกับรูปพนมมือบูชาธรรมชาติของพวกเขา เนื่องจากพวกเขาใช้ชีวิตอยู่ตามธรรมชาติ หลังคาบ้านปกคลุมด้วยหญ้าที่มีความหน้าประมาณ ๑ เมตรเขาบอกว่ามีความทนทานได้ถึง ๓๐ ปี ลดความชื่นและความเย็นจากหิมะได้มากในฤดูหนาว ผู้เขียนเดินทางเข้าสู่กลางหมู่บ้านเพื่อขึ้นไปสู่จุดชมวิวที่ตั้งอยู่บนยอดเขาเป็นทางลาดชันขึ้นไปข้างบนจุดชมวิวสูงไม่มากเป็นทางลาดชันที่เอารสบัสขึ้นไปสู่ข้างบนได้ ผู้เขียนยื่นอยู่บนหน้าผาชันมองมาสู่เบื้องล่างมองเห็นพื้นดินมีทุ่งนามีบ้านแบบ กลาสโซปลูกเป็นย่อม ๆ ได้อรรถรสอีกแบบหนึ่ง เป็นความงามที่แตกต่างหาชมได้ยากเพราะมีอยู่ที่แห่งนี้ที่เดียวที่มีทัศนยภาพเช่นนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น