The greatest discovery is the natural laws of human life. That everyone is equal Without choosing a social caste as the basis for determining humanity When the soul is the real person of man That accumulates knowledge from the mind with reasons And show his intention to act accordingly Would receive the result of Own action

Breaking

Post Top Ad

Your Ad Spot

วันจันทร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2567

การศึกษาหลักสูตรศิลปศาสตร์สาขากฎหมายของเจ้าชายสิทธัตถะ



บทนำ

       โดยทั่วไปแล้ว ชาวพุทธทั่วโลกคงเคยได้ยินเรื่องราวของเจ้าชายสิทธัตถะ  ผู้ทรงสำเร็จหลักสูตรศิลปศาสตร์ ๑๘ วิชาเพื่อเตรียมความพร้อมให้พระองค์เป็นรัชทายาทแห่งอาณาจักรสักกะ  และเป็นพระมหากษัตริย์ที่ปกครองอาณาจักรสักกะ (Sakka country) ต่อจากพระราชบิดาคือ พระะเจ้าสุทโธทนะ   เรื่องราวเหล่านี้ปรากฏชัดจากการบรรยายของครูบาอาจารย์ในโรงเรียนและอาจารย์มหาวิทยาลัยทั่วโลก   พระธรรมเทศนาของพระภิกษุทั้งนิกายเถรวาทและมหายานในวันสำคัญทางพุทธศาสนา และการศึกษาของพระภิกษุสามเณรจากสำนักธรรมสนามหลวง   เป็นต้น    

                เมื่อผู้เขียนศึกษาประวัติศาสตร์ของอาณาจักรสักกะจากหลักฐานในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในตอนแรกเราได้ยินว่า ในรัชสมัยพระเจ้าสุทโธทนะ ทรงเป็นพระประมุขแห่งอาณาจักรสักกะ พระองค์ทรงมีโอรส ๒ พระองค์ คือ เจ้าชายสิทธัตถะทรงเป็นรัชทายาทองค์แรกและเจ้าชายนันทะทรงเป็นรัชทายาทองค์ที่ ๒ ของราชวงศ์ศากยะ    ทั้งสองพระองค์ทรงมีสิทธิและหน้าที่ในการปกครองอาณาจักรสักกะตามชนชั้นวรรณะกษัตริย์ที่พระองค์ประสูติมา เจ้าชายสิทธัตถะทรงศึกษาหลักสูตรศิลปศาสตร์ (Liberal Arts  Program ) เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการขึ้นครองราชย์ หลังจากการสวรรคตของพระราชบิดาตามรัฐธรรมนูญจารีตประเพณีที่ใช้ในการปกครองประเทศ ในสมัยนั้นเรียกว่า "หลักธรรมของพระมหากษัตริย์" ซึ่งนักวิชาการด้านพุทธศาสนาเรียกว่า "หลักธรรมสำหรับนักบริหาร"      
ancient Apilavastu  
                 ดังปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่มที่  ๒๒  พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๔ อังคุตตรนิกาย ปัญจนิกบาต [๓.ตติปันนาสก์] ๔.ราชวรรค ๕.ปฐมปัตถนาสูตร ๑ ว่าด้วยความปรารถนาสูตรที่ ๑  [๑๓๕] "ดูก่อนพระภิกษุทั้งหลาย พระราชโอรสองค์โตของพระมหากษัตริย์ผู้ทรงได้รับมูรธาภิเษก ทรงมีคุณสมบัติ ๕ ประการ  พระองค์ที่ทรงปรารถนาคุณสมบัติ ๕ ประการใด เพื่อราชอาณาจักร ?           
      ๑. พระองค์ทรงมีชาติกำเนิดดีทั้งฝ่ายพระมารดาและพระบิดา ทรงครรภ์บริสุทธิ์ดีตลอดเจ็ดชั่วบรรพบุรุษไม่มีใครคัดค้านหรือตำหนิด้วยราชสมบัติอันสูงส่ง
        ๒. พระองค์ทรงมีรูปงาม น่าดู น่าเลื่อมใส มีผิวพรรณผ่องใส
        ๓. พระองค์ทรงเป็นที่รักใคร่ของพระมารดาและพระบิดา
        ๔. พระองค์ทรงเป็นที่รักใคร่ของชาวเมืองและชาวชนบท
    ๕.พระองค์ทรงศึกษาศิลปศาสตร์  เป็นอย่างดี เช่นศิลปศาสตร์เรื่องช้าง ม้า รถ หรือดาบ พระราชโอรสองค์ใหญ่นั้นทรงมีพระดำริอย่างนี้ว่า"เรามีชาติกำเนิดดีทั้งฝ่ายพระมารดาและฝ่ายบิดาถือปฏิสนธิบริสุทธิ์ตลอดเจ็ดชัวบรรพบุรุษไม่มีใคร"   

         เมื่อผู้เขียนได้ศึกษารายละเอียดหลักสูตรศิลปศาสตร์ (Liberal Arts  Program )      สาขานิติศาสตร์ ที่เจ้าชายสิทธัตถะทรงศึกษา โดยอาศัยหลักฐานในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย    พบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นว่า เจ้าชายสิทธัตถะทรงได้สำเร็จหลักสูตรศิลปศาสตร์  สาขาวิชานิติศาสตร์       เนื่องจากเจ้าชายสิทธัตถะทรงเป็นพระราชโอรสองค์โตของพระเจ้าสุทโธทนะ     พระองค์จึงทรงเป็นรัชทายาทพระองค์แรก ทรงมีสิทธิและหน้าที่ตามวรรณะกษัตริย์ที่พระองค์ทรงประสูติมา   ที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นพระมหากษัตริย์สืบราชสันตติวงศ์ต่อจากพระราชบิดา พระองค์ทรงเตรียมพร้อมสำหรับการครองราชย์ โดยพัฒนาศักยภาพแห่งชีวิต  พระองค์ทรงมีพละ ๕ ประการคือ ๑. สัทธาพละ ๒. วิริยพละ ๓.สติพละ ๔.สมาธิพละ๕. ปัญญาพละ  เป็นต้น    
 
          เมื่อเจ้าชายสิทธัตถทรงสำเร็จการศึกษาในหลักสูตรศิลปศาสตร์ กฎหมายได้ถูกบรรจุไว้ในหลักสูตรศิลปศาสตร์ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเสด็จขึ้นครองราชย์ในอนาคต  สิ่งนี้ทำให้พระองค์ทรงมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ในการปกครองประเทศ ทำให้พระองค์ทันต่อเหตุการณ์ปัจจุบัน และการรับรู้ของสาธารณชน เกี่ยวกับพฤติกรรมโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์มอินเตอร์เน็ต   นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางความคิดและประยุกต์แนวคิดเหล่านี้ในชีวิตประจำวัน  อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมบางอย่างที่เผยแพร่ทางออนไลน์นั้นถือเป็นการละเมิดต่อศีลธรรม และกฎหมายของชาติ   ยังเป็นการละเมิดต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่น       การค้นคว้าความจริงของกฎหมายจากหลักฐานในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยและฉบับอื่น ๆ แม้ว่าจะไม่มีคำว่า "นิติศาสตร์" อยู่ก็ตาม  แต่คำว่า  "ธรรมกษัตริย์" ซึ่งเป็นหลักกฎหมายและกฎข้อบังคับสำหรับการปกครองประเทศก็ถูกรวมไว้ด้วย      ในอรรถกถายังใช้คำว่า "ธรรมกษัตริย์  ซึ่งหมายถึงหลักนิติศาสตร์ ที่ว่าวรรณะกษัตริย์ทรงใช้หลักกฎหมายในการปกครองประเทศ   

ไม่มีความคิดเห็น:

Post Top Ad

Your Ad Spot

หน้าเว็บ