บทนำ
โดยทั่วไปแล้ว ชาวพุทธทั่วโลกคงเคยได้ยินเรื่องราวของเจ้าชายสิทธัตถะ ผู้ทรงสำเร็จหลักสูตรศิลปศาสตร์ ๑๘ วิชาเพื่อเตรียมความพร้อมให้พระองค์เป็นรัชทายาทแห่งอาณาจักรสักกะ และเป็นพระมหากษัตริย์ที่ปกครองอาณาจักรสักกะ (Sakka country) ต่อจากพระราชบิดาคือ พระะเจ้าสุทโธทนะ เรื่องราวเหล่านี้ปรากฏชัดจากการบรรยายของครูบาอาจารย์ในโรงเรียนและอาจารย์มหาวิทยาลัยทั่วโลก พระธรรมเทศนาของพระภิกษุทั้งนิกายเถรวาทและมหายานในวันสำคัญทางพุทธศาสนา และการศึกษาของพระภิกษุสามเณรจากสำนักธรรมสนามหลวง เป็นต้น
เมื่อผู้เขียนศึกษาประวัติศาสตร์ของอาณาจักรสักกะจากหลักฐานในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในตอนแรกเราได้ยินว่า ในรัชสมัยพระเจ้าสุทโธทนะ ทรงเป็นพระประมุขแห่งอาณาจักรสักกะ พระองค์ทรงมีโอรส ๒ พระองค์ คือ เจ้าชายสิทธัตถะทรงเป็นรัชทายาทองค์แรกและเจ้าชายนันทะทรงเป็นรัชทายาทองค์ที่ ๒ ของราชวงศ์ศากยะ ทั้งสองพระองค์ทรงมีสิทธิและหน้าที่ในการปกครองอาณาจักรสักกะตามชนชั้นวรรณะกษัตริย์ที่พระองค์ประสูติมา เจ้าชายสิทธัตถะทรงศึกษาหลักสูตรศิลปศาสตร์ (Liberal Arts Program ) เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการขึ้นครองราชย์ หลังจากการสวรรคตของพระราชบิดาตามรัฐธรรมนูญจารีตประเพณีที่ใช้ในการปกครองประเทศ ในสมัยนั้นเรียกว่า "หลักธรรมของพระมหากษัตริย์" ซึ่งนักวิชาการด้านพุทธศาสนาเรียกว่า "หลักธรรมสำหรับนักบริหาร"
| ancient Apilavastu |
ดังปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่มที่ ๒๒ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๔ อังคุตตรนิกาย ปัญจนิกบาต [๓.ตติปันนาสก์] ๔.ราชวรรค ๕.ปฐมปัตถนาสูตร ๑ ว่าด้วยความปรารถนาสูตรที่ ๑ [๑๓๕] "ดูก่อนพระภิกษุทั้งหลาย พระราชโอรสองค์โตของพระมหากษัตริย์ผู้ทรงได้รับมูรธาภิเษก ทรงมีคุณสมบัติ ๕ ประการ พระองค์ที่ทรงปรารถนาคุณสมบัติ ๕ ประการใด เพื่อราชอาณาจักร ?
๑. พระองค์ทรงมีชาติกำเนิดดีทั้งฝ่ายพระมารดาและพระบิดา ทรงครรภ์บริสุทธิ์ดีตลอดเจ็ดชั่วบรรพบุรุษไม่มีใครคัดค้านหรือตำหนิด้วยราชสมบัติอันสูงส่ง
๒. พระองค์ทรงมีรูปงาม น่าดู น่าเลื่อมใส มีผิวพรรณผ่องใส
๓. พระองค์ทรงเป็นที่รักใคร่ของพระมารดาและพระบิดา
๔. พระองค์ทรงเป็นที่รักใคร่ของชาวเมืองและชาวชนบท
๕.พระองค์ทรงศึกษาศิลปศาสตร์ เป็นอย่างดี เช่นศิลปศาสตร์เรื่องช้าง ม้า รถ หรือดาบ พระราชโอรสองค์ใหญ่นั้นทรงมีพระดำริอย่างนี้ว่า"เรามีชาติกำเนิดดีทั้งฝ่ายพระมารดาและฝ่ายบิดาถือปฏิสนธิบริสุทธิ์ตลอดเจ็ดชัวบรรพบุรุษไม่มีใคร"
เมื่อผู้เขียนได้ศึกษารายละเอียดหลักสูตรศิลปศาสตร์ (Liberal Arts Program ) สาขานิติศาสตร์ ที่เจ้าชายสิทธัตถะทรงศึกษา โดยอาศัยหลักฐานในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นว่า เจ้าชายสิทธัตถะทรงได้สำเร็จหลักสูตรศิลปศาสตร์ สาขาวิชานิติศาสตร์ เนื่องจากเจ้าชายสิทธัตถะทรงเป็นพระราชโอรสองค์โตของพระเจ้าสุทโธทนะ พระองค์จึงทรงเป็นรัชทายาทพระองค์แรก ทรงมีสิทธิและหน้าที่ตามวรรณะกษัตริย์ที่พระองค์ทรงประสูติมา ที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นพระมหากษัตริย์สืบราชสันตติวงศ์ต่อจากพระราชบิดา พระองค์ทรงเตรียมพร้อมสำหรับการครองราชย์ โดยพัฒนาศักยภาพแห่งชีวิต พระองค์ทรงมีพละ ๕ ประการคือ ๑. สัทธาพละ ๒. วิริยพละ ๓.สติพละ ๔.สมาธิพละ๕. ปัญญาพละ เป็นต้น
เมื่อเจ้าชายสิทธัตถทรงสำเร็จการศึกษาในหลักสูตรศิลปศาสตร์ กฎหมายได้ถูกบรรจุไว้ในหลักสูตรศิลปศาสตร์ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเสด็จขึ้นครองราชย์ในอนาคต สิ่งนี้ทำให้พระองค์ทรงมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ในการปกครองประเทศ ทำให้พระองค์ทันต่อเหตุการณ์ปัจจุบัน และการรับรู้ของสาธารณชน เกี่ยวกับพฤติกรรมโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์มอินเตอร์เน็ต นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางความคิดและประยุกต์แนวคิดเหล่านี้ในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมบางอย่างที่เผยแพร่ทางออนไลน์นั้นถือเป็นการละเมิดต่อศีลธรรม และกฎหมายของชาติ ยังเป็นการละเมิดต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่น การค้นคว้าความจริงของกฎหมายจากหลักฐานในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยและฉบับอื่น ๆ แม้ว่าจะไม่มีคำว่า "นิติศาสตร์" อยู่ก็ตาม แต่คำว่า "ธรรมกษัตริย์" ซึ่งเป็นหลักกฎหมายและกฎข้อบังคับสำหรับการปกครองประเทศก็ถูกรวมไว้ด้วย ในอรรถกถายังใช้คำว่า "ธรรมกษัตริย์ ซึ่งหมายถึงหลักนิติศาสตร์ ที่ว่าวรรณะกษัตริย์ทรงใช้หลักกฎหมายในการปกครองประเทศ

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น