The greatest discovery is the natural laws of human life. That everyone is equal Without choosing a social caste as the basis for determining humanity When the soul is the real person of man That accumulates knowledge from the mind with reasons And show his intention to act accordingly Would receive the result of Own action

Breaking

Post Top Ad

Your Ad Spot

วันจันทร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2567

ปัญหาความจริงของหลักสูตรศิลปศาสตร์


Problems with the truth of liberal arts courses

บทนำ

      โดยทั่วไปแล้ว       ชาวพุทธทั่วโลกได้ยินความจริงเกี่ยวกับการศึกษาของเจ้าชายสิทธัตถะซึ่งทรงสำเร็จการศึกษาด้านศิลปศาสตร์ ๑๘ สาขาวิชา จากการแสดงธรรมของพระภิกษุทั้งนิกายเถรวาทและมหายานในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เช่น วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา  หรือจากการบรรยายประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาในชั้นเรียนต่าง ๆ ในโรงเรียนทั่วราชอาณาจักรไทยหรือในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วราชอาณาจักรไทยและทั่วโลก  หลังจากทราบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้แล้ว พวกเขาก็เชื่อโดยปริยายว่าเป็นความจริง  แต่คำสอนของพระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนว่า เมื่อเราได้ยินข้อเท็จจริงที่สืบทอดกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จากตำราหรือคัมภีร์ที่สืบทอดกัน   และคำสอนของอาจารย์  เราอย่าเพิ่งเชื่อทันที เราควรสงสัยไว้ก่อน จนกว่าจะตรวจสอบข้อเท็จจริง และรวบรวมพยานหลักฐานให้เพียงพอ เพื่อเป็นข้อมูลมาวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้  เพื่อหาเหตุผลมาอธิบายความจริงหรือพิสูจน์ความจริงของคำตอบในเรื่องนั้นอย่างสมเหตุสมผล  เป็นต้น ดังนั้น เมื่อผู้เขียนได้ศึกษาหลักฐานในพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬา ฯ บทความต่าง ๆ บนเว็บไซต์และตำราทางพระพุทธศาสนา ได้ฟังข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่า เจ้าชายสิทธัตถะทรงสำเร็จการศึกษาหลักสูตรศิลปศาสตร์ ๑๘ สาขาวิชาจากสำนักครูวิศวามิตรแห่งพระนครกบิลพัสดุ์  

     แต่เมื่อผู้เขียนตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐานจากเว็บไซต์ http://www.geocities.ws /tmchote /tpd-mcu/  โดยค้นหาคำว่า "วิศวามิตร" แต่ไม่มีหลักฐานในพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ ยืนยันความจริงว่าครูวิศวามิตรได้สอนวิชาศิลปศาสตร์ ๑๘ สาขาวิชาแก่เจ้าชายสิทธัตถะ     ทำให้เรื่องราวของครูวิศวามิตรไม่ชัดเจนในจิตใจ ผู้เขียนและค้นหาคำว่า "ศิลปศาสตร์"จากพระไตรปิฎกมหาจุฬา ฯ  แต่ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าหลักสูตรศิลปศาสตร์มีกี่วิชา ผู้เขียนจึงตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานอื่น  ๆ ให้เพียงพอ เพื่อเป็นข้อมูลมาวิเคราะห์โดยอนุมาน เพื่อหาเหตุผลมาอธิบายความจริงของคำตอบเรื่องหลักสูตรศิลปศาสตร์ที่เจ้าชายสิทธัตถะทรงศึกษานั้น มีกี่วิชา  เมื่อผู้เขียนค้นคว้าหาหลักฐานในอรรถกถา อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต ๕.ปัตถนาสูตรที่ ๑  ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าหลักสูตรศิลปศาสตร์มีวิชาอะไรบ้าง? และผู้เขียนได้ศึกษาหลักฐานในมิลินทปัญหา ตอนที่๑. ว่าด้วยพระเจ้ามิลินท์แห่งสาคลนครทรงสำเร็จการศึกษาหลักสูตรศิลปศาสตร์  ๑๘ ศาสตร์  ได้แก่ ๑. คัมภีร์สัตวศาสตร์ว่าด้วยการดูลักษณะสัตว์ดูเสียงนกร้องว่าดีร้ายประการใด เป็นต้น ๒.คัมภีร์ภูมิศาสตร์ว่าด้วยการดูพื้นที่และภูมิศาสตร์ของประเทศต่าง ๆ   ๓. คัมภีร์คณิตศาสตร์ว่าด้วยการคำนวน ๔. คัมภีร์ช่าง ๕.  คัมภีร์นิติศาสตร์ว่าด้วยกฎหมาย ขนบธรรมเนียมและจารีตประเพณี ๖. คัมภีร์พาณิชยศาสตร์ว่าด้วยการค้าขายสินค้าแก่ผู้คนในแว้นแคว้นต่าง ๆ   ๗. พลศาสตร์ รู้นับนักขัตฤกษ์ รู้ตำราดวงดาว    ๘. คัมธัพพศาสตร์ รู้เพลงขับร้องและดนตรี ๙. เวชชศาสตร์ รู้คัมภีร์แพทย์ ๑๐. ธนูศาสตร์ รู้ศิลปะการยิงธนู ๑๑. ประวัติศาสตร์ ๑๒. ดาราศาสตร์ รู้วิธีทำนายดวงชะตาของคน ๑๓. มายาศาสตร์รู้ว่านี่แก้วนี่ไม่ใช่แก้ว ๑๔. เหตุศาสตร์ ผลศาสตร์รู้จักเหตุรู้จักผลที่จะเกิดขึ้น ๑๕. ภูมิศาสตร์รู้จักการเลี้ยงโคกระบือ รู้การที่จะหว่านพืช ลงในไร่นา ให้เกิดผล ๑๖. ยุทธศาสตร์รู้จักตำราพิชัยสงคราม ๑๗. ลัทธิศาสตร์ รู้จักโวหารโลก ๑๘.วิชาฉันทศาสตร์ว่าด้วยการแต่งหนังสือ (การประพันธ์)ทั้งร้อยแก้ว (ความเรียง) และร้อยกรอง(บทกลอน)  เป็นต้น

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับหลักสูตรศิลปศาสตร์ 

        เมื่อผู้เขียนสืบสวนข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานต่าง ๆ เกี่ยวกับหลักสูตรศิลปศาสตร์ที่เจ้าชายสิทธัตถะทรงศึกษา ในพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬา ฯ และฉบับอื่น ๆ  อรรถกถาและเอกสารทางวิชาการอื่น ๆ  เป็นต้น   ฟังข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่า เจ้าชายสิทธัตถะทรงเป็นพระราชโอรสองค์โตของพระเจ้าสุทโธทนะและพระราชินีมายาเทวี พระเจ้าสุทโธทนะทรงกำหนดให้พระราชโอรสของพระองค์ ทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นมหาราชาทรงให้มีหน้าที่ปกครองแคว้นสักกะในอนาคต พระองค์ทรงโปรดให้พระโอรสองค์โต ได้รับการศึกษาที่ดีในหลักสูตรศิลปศาสตร์จำนวน ๑๘ วิชา  จากสำนักการศึกษาครูวิศวามิตร เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะทรงศึกษาจบแล้ว พระเจ้าสุทโธทนะทรงสร้างปราสาทสามฤดู เป็นที่ประทับของพระองค์  มีข้าราชบริพารและนางสนม  ๔๐,๐๐๐ คนที่คอยรับใช้พระองค์ในแต่ละวัน   ทรงโปรดให้เจ้าชายสิทธัตถะอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงพิมพาแห่งราชวงศ์โกลิยะ และทรงมีพระราชโอรส ๑  องค์คือเจ้าชายราหุล   เป็นต้น  

       เราจะอย่างไรว่าเจ้าชายสิทธัตถะสำเร็จการศึกษาหลักสูตรศิลปศาสตร์นั้น  เมื่อพระเจ้าสุทโธทนะทรงโปรดให้เจ้าชายสิทธัตถะทรงเป็นมหาราชาแห่งแคว้นสักกะองค์ต่อไปในอนาคต พระองค์ทรงโปรด ฯ ให้เจ้าชายสิทธัตถะไปศึกษาด้านศิลปศาสตร์ดังปรากฎหลักฐานในพระไตรปิฎกฉบับฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ๔๕  เล่มที่ ๒๒ พระสุตันตปิฎกเล่มที่๑๔ อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต ๕. ปฐมปัตถนาสูตรว่าด้วยความปราถนาสูตร ข้อ [๑๓๕] ภิกษุทั้งหลายพระราชโอรสองค์ใหญ่ของกษัตราธิราชผู้ได้รับมูรธาภิเษกแล้ว ทรงประกอบด้วยองค์๕ ประการย่อมปรารถนาราชสมบัติ องค์ ๕ ประการ อะไรบ้างคือ คือพระราชโอรสองค์ใหญ่ของกษัตราธิราชผู้ได้รับมูรธาภิเษกแล้วในโลกนี้ 

      (๑) เป็นผู้มีชาติกำเนิดดีทั้งฝ่ายพระมารดาและฝ่ายพระบิดาถือปฏิสนธิบริสุทธิ์ตลอดเจ็ดชั่วบรรพบุรุษ ไม่มีใครจะคัดค้านตำหน้เพราะอ้างถึงชาติตระกูล 
           (๒) เป็นผู้มีรูปงาม น่าดู น่าเลื่อมใส มีฉวีวรรณผุดผ่องยิ่งนัก 
           (๓) เป็นที่รัก เป็นที่พอพระทัยของพระมารดาและพระบิดา 
           (๔) เป็นที่รักที่พอใจของชาวนิคมและชาวชนบท 
          (๕) เป็นผู้ได้รับการศึกษาดีในศิลปศาสตร์แห่งกษัตราธิราช ผู้ได้รับมูธราภิเษกแล้ว ช่นศิลปศาสตร์เรื่องช้างม้า รถ ธนูหรือดาบ พระราชโอรสองค์ใหญ่นั้น ทรงมีพระดำริอย่างนี้ว่า "เรามีชาติกำเนิดดีทั้งฝ่ายพระมารดาและฝ่ายบิดา ถือปฏิสนธิบริสุทธิ์ดีตลอดจนเจ็ดชั่วโคตรบรรพบุรุษไม่มีใครจะคัดค้านตำหนิได้" 

       จากข้อเท็จจากหลักฐานในพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬา ฯ กล่าวถึงคุณสมบัติของพระราชโอรสองค์โต ผู้ปรารถนาจะครองราชย์สมบัตินั้นต้องมีคุณสมบัติ ๕ อย่าง  กล่าวคือ ต้องมีชาติกำเนิดดี  มีรูปร่างหน้าตาเป็นที่เลื่อมใส เป็นที่รักพอพระทัยทั้งพระบิดาและพระมารดา เป็นที่รักของประชาชนเป็นได้รับการศึกษาดีด้านศิลปศาสตร์ เป็นต้น เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้เช่นนี้ เจ้าชายสิทธัตถะทรงเป็นพระราชโอรสองค์โตของพระเจ้าสุทโธทนะและพระราชินีมายาเทวี ทรงมีรูปร่างหน้าตาดีเพราะพระองค์ทรงมีมหาปุริลักษณะ พระบิดาทรงปรารถนาให้พระราชโอรสเป็นกษัตริย์ต่อจากพระองค์ มีสิทธิหน้าที่ในการปกครองประชาชนชาวสักกะ พระองค์ทรงให้การศึกษาด้านศิลปศาสตร์แก่เจ้าชายสิทธัตถะเป็นอย่างดี เพื่อเตรียมความพร้อมเป็นกษัตริย์ในอนาคตข้างหน้า 

       ผู้เขียนเห็นว่าระบบการศึกษาตั้งแต่ยุคก่อนพุทธกาล ไม่มีหลักสูตรที่เป็นระบบ ไม่มีการสร้างอาคารและสถานที่ขนาดใหญ่โตที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า โรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย และมีกฎหมายรองรับเหมือนในปัจจุบันนั้น  สถาบันการศึกษาเป็นเพียงสถาบันเล็ก ๆ เท่านั้นและยังไม่การพัฒนาการใช้อักษร ความรู้ด้านวิชาการต่าง ๆ สอนผ่านวิธีปากเปล่า(หรือมุขปาฐะ)ดังนั้น ความรู้ที่เจ้าชายสิทธัตถะได้ศึกษามานั้น ยังคงเป็นสัญญาที่สั่งสมอยู่ในพระทัย (จิต) ของพระองค์และติดตามชีวิตไปทุกหนทุกแห่ง แม้เมื่อพระองค์ทรงผนวชแล้ว พระองค์ก็ทรงนำความรู้ทางวิชาการทางโลกมาด้วย มาบูรณากับหลักธรรมแห่งการตรัสรู้ เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาในแคว้นต่าง ๆ โดยอธิบายและแจกแจง ทำให้เข้าใจง่ายและทำให้มีผู้ศรัทธาจำนวนมากมาบวช   หลังจากที่พระองค์เสด็จปรินิพพาน คณะสงฆ์ได้จัดตั้งสภาเพื่อสังคายนาพระไตรปิฎกหลายครั้ง เพื่อรวบรวมหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าไว้ในพระไตรปิฎกหลายฉบับ และศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับที่มาของความรู้จากพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยฉบับปกสีฟ้า ๔๕ เล่ม มีเนื้อหาสาระวิชาศิลปศาสตร์หรือไม่เพียงใด ?

๑. หลักสูตรภาษาสัตว์  

        เป็น
วิชาว่าด้วยเสียงสัตว์ร้องเป็นวิชาศิลปศาสตร์อีกวิชาหนึ่งที่ชนวรรณะกษัตริย์ (Royal caste) ต้องศึกษา ในเวลาต่อมา มีการค้นพบหลักฐานว่ากษัตริย์มิลินท์เคยศึกษาหลักสูตรภาษาสัตว์มาก่อน ปัญหาว่าหลักสูตรศิลปศาสตร์มีหลักฐานในพระไตรปิฎกมหาจุฬา ฯ หรือไม่ เมื่อผู้เขียนใส่คำว่า "เสียงสัตว์" ในแอพพลิเคชั่นของพระไตรปิฎกออนไลน์ ผลการสืบค้นได้พบหลักฐานในพระไตรปิฎกเล่มที่ ๙  พระสุตตันตปิฎกที่ ๑ ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ๔๕ เล่ม ฑีฆนิกาย สีลขันธวรรค ๒.สามัญญผลสูตร เป็นการสนทนาธรรมระหว่างพระเจ้าอชาตศัตรูกับศากยมุนีพระพุทธเจ้าข้อ ๒๐๕ ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพผิดทางด้วยเดรัจฉานวิชา เช่น ที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางพวกฉันโภชนาหารที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้วยังเลี้ยงชีพผิดทางด้วยเดรัจฉานวิชาอย่างนี้ คือการทำนายอวัยวะ ทำนายตำหนิ ทำนายดวงชะตา(โชคลาง) ทำนายความฝัน ทำนายลักษณะ ทำนายผ้าหนูกัด การทำพิธีบูชาไฟ พิธีเบิกแว่นเวียนเทียน พิธีซัดแกรบบูชาไฟ พิธีซัดรำบูชาไฟ พิธีซัดข้าวสารบูชาไฟ  พิธีเติมเนยบูชาไฟ พิธีเติมน้ำมันบูชาไฟ พิธีพ่นไฟเครื่องบูชาไฟ พิธีพลีกรรมด้วยเลือด วิชาดูอวัยวะ วิชาดูพื้นที่ วิชาการปกครอง วิชาทำเสน่ห์เวทมนตร์ไล่ผี วิชาตั้งศาลพระภูมิ วิชาหมองู วิชาว่าด้วยพิษ วิชาว่าด้วยแมลงป่อง วิชาว่าด้วยหนู วิชาว่าด้วยเสียงนก วิชาว่าด้วยเสียงกา วิชาทายอายุ วิชาป้องกันลูกศร วิชาว่าด้วยเสียงสัตว์ร้อง   

    จากพุทธพจน์ เป็นข้อความของการสนทนาธรรมระหว่างศากยมุนีพระพุทธเจ้ากับพระเจ้าอชาตศัตรูนั้น ข้อเท็จจริงเป็นข้อยุติได้ว่าวิชาว่าด้วยเสียงสัตว์นั้น เป็นวิชาของสมณพราหมณ์สอนและพระองค์เห็นว่า เป็นเดรัจฉานวิชามิใช่ทางไปสู่ความหลุดพ้นจากการเวียนว่ายเกิดในสังสารวัฏได้ จึงข้อห้ามในมหาศีล ดังนั้น ผู้เขียนวิเคราะห์ที่มาของความรู้เห็นว่าวิชาว่าด้วยเสียงสัตว์นั้น เจ้าชายสิทธัตถะเคยศึกษามาก่อนออกผนวช เป็นความรู้สั่งสมอยู่ในจิตของพระองค์จนกลายเป็นสัญญาอยู่ในจิตของพระองค์ มิฉะนั้นพระองค์ทรงไม่สามารถคงนำมาแสดงพระธรรมเทศนาสั่งสอนพระเจ้าอชาติศัตรูเพื่อ อธิบายให้พระเจ้าอชาตศัตรูมีเกิดความรู้และความเข้าใจในชีวิตได้ 



ไม่มีความคิดเห็น:

Post Top Ad

Your Ad Spot

หน้าเว็บ