Introduction: pilgrimage to The Bodhisattva land According to Buddhaphumi philosophy
บทนำ
แม้ว่าผู้เขียนจะอุปสมบทเป็นพระภิกษุเข้าหมู่คณะสงฆ์แห่งราชอาณาจักรไทยมาเป็นเวลานานหลายปี และได้ปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัติ ๑๐ ประการ ได้แก่ การสวดมนต์ การทำสมาธิในตอนเช้าและตอนเย็น การถวายทาน ศึกษาธรรมะในระดับต่าง ๆ การปฏิบัติธรรมในมหาวิทยาลัยทางพระพุทธศาสนา การเป็นนักเทศน์ ครูสอนศีลธรรม อาจารย์มหาวิทยาลัย และอาจารย์สอนกรรมในงานปริวาส การรักษาจีวรที่ให้สะอาดบริสุทธิ์ การเข้าปริวาส โกนผม ปลงหนวดและตัดเล็บ การปลงอาบัติเป็นประจำ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม มีสิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนไม่ได้ปฏิบัติ นั่นคือการปฏิบัติแบบนักพรต (Ascetic practices) ซึ่งการปฏิบัติเหล่านี้เกี่ยวกับการจาริกไปยังสถานที่ต่าง ๆ ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า พระภิกษุ ผู้บุคคลต้องพัฒนาศักยภาพของตนให้มีสมาธิ บริสุทธิ์ผ่องใส อ่อนโยน ไม่หยาบกระด้าง มีจิตใจมั่นคง ไม่หวั่นไหวต่อปัญหาชีวิต เมื่อสำเร็จหลักสูตรการเดินธุดงค์ เพื่อพัฒนาศักยภาพชีวิตให้บรรลุอภิญญา ๖ แล้ว พวกเขาจะปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้อื่นตามหลักเมตตากรุณาเพื่อให้ผู้อื่นได้เรียนที่จะพัฒนาศักยภาพชีวิตของตนเอง การเข้าถึงแก่นแท้ของชีวิต ตามกฎธรรมชาติอย่างเท่าเทียมกัน การเดินทางไปทั่วโลกเพื่อพบปะผู้คนจากหลากหลายประเทศและศาสนา นำมาซึ่งเหตุผลมากมายในการดำรงชีวิต ยามค่ำคืน เราก็ไม่รู้ว่าจะพักที่ไหนกลางป่า
เมื่อคณะศิษย์กลุ่มหนึ่งจัดโครงการธุดงค์ตามแนวคิดที่ว่า "ก้าวตามธรรมะ (Follow the Dhamma) ในดินแดนพระโพธิสัตว์ บนเส้นทางแสวงบุญจากเมืองโปขราไปยังเมืองลุมพินี ผู้เขียนใช้เวลานานมากในการตัดสินใจเข้าร่วมโรงการนี้ เนื่องจากผู้เขียนอายุมากและปัจจุบันสอนวิชาปรัชญา อยู่ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตนครราชสีมา พระภิกษุที่เข้าร่วมโครงการนี้อายุน้อยกว่าผู้เขียนมาก และเพิ่งบวชได้เพียงไม่กี่พรรษา แต่พระภิกษุเหล่านี้รู้จักใช้การแสวงบุญเป็นที่พึงในยามยากลำบาก และบรรเทากิเลสในจิตใจได้ ดังนั้น การมีเพื่อนที่ดีจึงสงบสุขอย่างยิ่ง เพราะสามารถชำระล้างความทุกข์ทางใจได้ พระภิกษุหลายรูปได้แสวงบุญในต่างประเทศโดยเฉพาะในอินเดียและเนปาล อย่างน้อยสามถึงสี่ครั้ง พระภิกษุเหล่านี้ได้ฝึกฝนตนเองขัดเกลากิเลส บำเพ็ญตบะ ควบคุมร่างกายและจิตใจในทุกย่างก้าวของการแสวงบุญไปยังเมืองที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวฮินดู
การเดินทางไกลเพื่อแสวงบุญต้องอาศัยความขยันหมั่นเพียรและความอดทนเพื่อให้ทันกับคณะผู้แสวงบุญ ผู้เขียนจึงได้ดูแผนที่เนปาลบนแผนที่กูเกิล (Google Maps) ประเทศที่ปกคลุมไปด้วยภูเขา บางครั้งผู้เขียนต้องปีนภูเขาสูงหลายลูก เพื่อย่นระยะทางการที่อายุมากและน้ำหนักเกิน การปีนขึ้นที่สูงทั้งเหนื่อยล้าและหายใจลำบากนี่เป็นสิ่งที่ผู้เขียนกังวลมาก เมื่อตัดสินใจไปแสวงบุญ ไม่ว่าชีวิตจะเป็นอย่างไร ก็ต้องยอมรับความจริงโดยปริยาย เมื่อผู้เขียนตั้งใจจะไป มันเป็นเรื่องธรรมดา มันเป็นครั้งหนึ่งในชีวิต เป็นความทรงจำที่ดี เมื่อลงจากภูเขา เดินไปตามท้องถนนฝุ่นตลบ เป็นระยะทางหลายกิโลเมตร บางครั้งต้องข้ามแม่น้ำที่เชี่ยวกราก เดินผ่านผู้คนในหมู่บ้าน ถนนสายหลักก็เต็มไปด้วยผู้คน
พวกเขามองเราด้วยความประหลาดใจ สงสัยว่าเราเป็นใคร มาจากไหน เท้าเปล่า แบกสัมภาระและดูสกปรก ไม่ว่าคนอื่นจะมองกลุ่มของเราอย่างไร เนื่องจากพวกเขาไม่เคยศึกษาพระไตรปิฎก พวกเขาจึงไม่รู้ว่า เรากำลังเดินตามรอยของพระพุทธบาท พระองค์ทรงเป็นชาวเนปาลโดยกำเนิดที่ทรงศึกษาและปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้อง คำสอนของพระพุทธองค์นั้น ถูกเผยแผ่โดยพระเจ้าอโศกมหาราช พระธรรมทูตแห่งราชอาณาจักรโมริยะไปยังสุวรรณภูมิ ที่การธำรงรักษาคำสอนของพระพุทธเจ้าไว้ในพระไตรปิฎกได้ สืบทอดการปฏิบัติธรรมมาจนถึงปัจจุบัน การเดินธุดงค์จึงเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ ต้องใช้ความมั่นใจในตนเอง เป็นการต่อสู่ที่ท้าทาย ต้องใช้ความเพียร การเดินทางหลายร้อยกิโลเมตร กว่าจะบรรลุเป้าหมายของโครงการ เราต้องสังเกตทุกการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง รักษาสมาธิให้มั่นคงและเดินอย่างสงบเราต้องใช้ปัญญาตระหนักถึงสถานการณ์ปัจจุบัน และความสามารถของตนเอง โดยรู้ว่าเราจะต้องเผชิญกับความเหนื่อยล้าทั้งทางกายและทางใจ ส่วนมูลเหตุที่เขียนเรื่องนี้ผู้เขียนต้องการเก็บความทรงอันงดงามของชีวิตนี้ไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อใช้เป็นข้อมูลอ้างอิง ในการรำลึกถึงประสบการณ์การเดินป่าในเนปาลที่สวยงามด้วยภูเขาสูงตระหง่านและผู้คนที่เป็นมิตรภาพและร่าเริง
ผู้เขียนรู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะไม่เคยไปเมืองเทวทหะมาก่อนเสน่ห์ของหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้เปรียบเสมือนบทหนึ่งในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา มีการกล่าวถึงในพระไตรปิฎกและตำราประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาหลายเล่ม ซึ่งผู้คนทั่วโลกต่างศึกษา และรู้จักเมืองนี้มาก่อนที่จะมาเยือน แม้จะศึกษาผ่านตำรามากมายนับไม่ถ้วน แต่ก็ไม่จินตนาการถึงสภาพที่แท้จริงของเมืองนี้ได้ ไม่น่าเชื่อว่าในที่สุด ผู้เขียนจะคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับการมีอยู่ของเมืองนี้ได้ โดยปกติแล้ว ผู้คนมักกล่าวว่า พระพุทธศาสนานั้นเป็นประวัติศาสตร์ที่ถูกแต่งขึ้นมา
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้ผู้เขียนจะเดินทางไปแสวงบุญที่สวนลุมพินี ซึ่งเป็นสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้ามานับครั้งไม่ถ้วน แต่ผู้เขียนก็ไม่เคยไปเยือนเมืองนี้เลย หลังจากที่เห็นภาพของสถูปรามคามมากมายบนอินเตอร์เน็ต ผู้เขียนก็ได้อนุมานความรู้จากภาพของสถานที่แห่งนี้ น่าจะเป็นสถานที่ตั้งของเมืองโบราณเทวทหะ ซึ่งเต็มไปด้วยตำนานอันน่าหลงใหล ขณะที่ผู้เขียนและคณะพระธุดงค์เดินผ่านประตูเมืองเข้าไปในเขตเทศบาลตำบลเทวทหะ ชาวเมืองเทวทหะหลายคน เฝ้ามองดูการเดินทางแสวงบุญของคณะของเราและสงสัยว่า "พวกเราเป็นใคร? พวกเรามาจากไหน ? " ทุกครั้งที่มีคนถามเราเป็นภาษาอังกฤษ ผู้เขียนจะยิ้มอย่างเป็นมิตรและตอบอย่างภาคภูมิใจว่า "พวกเรามาจากประเทศไทยครับ"
ตามเส้นทางที่บันทึกไว้ในแผนที่โลกกูเกิล บนโทรศัพท์มือถือบางครั้งคณะของพวกเราก็ตัดผ่านตรอกซอกซอยเล็ก ๆ เพื่อเชื่อมต่อกับถนนสายอื่น ๆ ทำให้ระยะทางสั้นลงอย่างมาก เมื่อเดินผ่านตรอกซอกซอยต่าง ๆ ผู้เขียนพบว่า สภาพเมืองจริง ๆ ก็ไม่ได้ต่างจากบ้านเมืองของเรามากนัก ผู้เขียนสังเกตเห็นบ้านเมืองตั้งอยู่บนนาข้าวโบราณที่มีอายุย้อนกลับไปถึงยุคก่อนพุทธกาล เมื่อจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนปาลจึงพัฒนาระบบสาธารณสุขที่ดีเยี่ยม มีทารกชาวเนปาลเกิดและรอดชีวิตมากขึ้น และผู้คนบุกรุกพื้นที่นาข้าวตามที่ปรากฏในพระไตรปิฎก ถนนหนทางจึงได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างที่อยู่อาศัย ทั้งสองข้างทางเต็มไปด้วยอาคารพาณิชย์สูงสองชั้น ขายเสื้อผ้า โทรศัพท์มือถือ
เท้าของผู้เขียนก้าวไปบนถนนซีเมนต์ที่กำลังก่อสร้าง ฝนตกและถนนก็เปียกโชก ผู้เขียนและคณะพระธุดงค์กำลังเดินไปตามถนนในตำบลเทวทหะ เงียบสงบมากและที่ดินข้างบ้านของชาวเทวทหะถูกใช้เพื่อการเกษตรและการบริโภคในครัวเรือน เพราะพวกเขากินมังสวิรัติขณะที่ชาวเทวทหะเดินผ่านพวกเราไป พวกเขามีน้ำใจและเป็นมิตร พวกเขายกมือไหว้และกล่าว "นมัสเตเรา" แก่คณะของพวกเขา แม้ว่าชาวบ้านที่นี้ส่วนใหญ่จะนับถือศาสนาฮินดู พวกเขาชอบอามิสบูชา หรือบูชายัญพืชผลพันธ์จำนวนมากต่อเทพเจ้าทั้ง ๓ องค์ ซึ่งเป็นความเชื่อที่สั่งสมมายาวนาน นับตั้งแต่มีการปฏิรูปคำสอนของศาสนาพราหมณ์ให้เป็นศาสนาฮินดู ความเชื่อนี้ทำให้พราหมณ์ยกเลิกบูชายัญโดยการฆ่าสัตวและมนุษย์ ทำให้ศาสนาฮินดู กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น