The greatest discovery is the natural laws of human life. That everyone is equal Without choosing a social caste as the basis for determining humanity When the soul is the real person of man That accumulates knowledge from the mind with reasons And show his intention to act accordingly Would receive the result of Own action

Breaking

Post Top Ad

Your Ad Spot

วันอังคารที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ปัญหาญาณวิทยาของรัฐสุวรรณภูมิในพระไตรปิฎก

ปัญหาญาณวิทยาของรัฐสุวรรณภูมิในพระไตรปิฎก 
(Epistemological problems of Suvarnabhumi state in Tripitaka)

บทนำเราจะรู้ได้อย่างไรว่ารัฐสุวรรณภูมิมีอยู่จริง

           โดยทั่วไป ผู้คนที่อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยทุกวันนี้ที่ศึกษาตำราประวัติศาสตร์ เอกสารทางโบราณคดีต่าง ๆ  และพระไตรปิฎกนั้นและเอกสารทางวิชาการอื่นๆพวกเขาได้ยินข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่า ดินแดนอันเป็นที่ตั้งราชอาณาจักรไทยในปัจจุบันคือรัฐสุวรรณภูมิเป็นชุมชนการเมือง ที่ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นรัฐสุวรรณภูมิ ตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว  ดำรงเป็นรัฐเอกราชอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง แล้วเสื่อมสลายไปตามกฎธรรมชาติ เพราะอำนาจอธิปไตยถูกผู้นำของรัฐอื่น ๆ เข้าไปใช้ในการปกครองเป็นของตนเอง  เมื่อตรวจสอบแผนที่โลกของกูเกิลก็ไม่มีหลักฐานบนแผนที่โลกว่ารัฐสุวรรณภูมิเป็นรัฐเอกราช  เมื่อรัฐสุวรรณภูมิได้รับสถาปนาเป็นเอกราชที่เกิดขึ้น   ดำรงเอกราชมีอำนาจเป็นของตนเองในช่วงระยะเวลาหนึ่ง และเสื่อมสลายความเป็นอำนาจไปเพราะถูกปกครองโดยรัฐอื่น ๆ   ดังนั้น เมื่อผู้คนในราชอาณาจักรไทยยอมรับโดยปริยายถึงการมีอยู่จริงของรัฐสุวรรณภูมิ จึงเป็นความจริงสมมติขึ้นตามหลักอภิปรัชญา
   
         เมื่อเรายอมรับความจริงของการมีอยู่ของรัฐสุวรรณภูมิ  คำถามจึงเกิดขึ้นว่า  " เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งนี้จริง"  ตามคำสอนของพระพุทธเจ้าตรัสสอนว่า เมื่อเราได้ยินความคิดเห็นของเรื่องราวต่าง ๆ ผ่านเข้ามาในชีวิต เพราะเป็นเรื่องราวที่ได้ยินสืบทอดกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จากตำราหรือคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา เป็นความคิดเห็นของครูบาอาจารย์ อย่าเชื่อทันทีควรสงสัยไว้ก่อน จนกว่าจะตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ และรวบรวมพยานหลักฐานให้เพียงพอมาวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้จากหลักฐานต่าง เพื่อพิสูจน์หาเหตุมาอธิบายความจริงในเรื่องนั้น (หรือรัฐสุวรรณภูมิ) และเป็นหน้าที่ของญาณวิทยาจะต้องให้คำตอบในเรื่องนี้เพราะญาณวิทยาศึกษาปัญหาต้นกำเนิดความรู้ของมนุษย์ องค์ประกอบความรู้ของมนุษย์    วิธีพิจารณาความจริงของมนุษย์ 

    การส่งพระธรรมทูตสายต่างประเทศของราชอาณาจักรโมริยะไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาไปสู่รัฐสุวรรณภูมิ เกิดขึ้นหลังจากพระเจ้าอโศกมหาราชทรงจัดการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ ๓ ที่วัดอโศการามในเมืองปัฏตาลีบุตร เป็นเมืองหลวงของรัฐโมริยะ ในยุคปัจจุบันเรียกว่าเมืองปัตนะ เป็นเมืองหลวงของรัฐพิหาร สาธารณรัฐอินเดีย เป็นต้น  การจัดสังคายนาครั้งนั้น พระเจ้าอโศกมหาราชทรงระลึกถึงคำสอนของพระศากยมุนีพุทธเจ้า ในพระไตรปิฎกเล่มที่ ๔ พระวินัยปิฎกเล่มที่ ๔ ฉบับมหาจุฬา ฯ มหาวรรคภาค ๑ มหาขันธก มารกถา ข้อ ๓๒ ว่า พระพุทธเจ้าทรงรับสั่งกับพระภิกษุทั้งหลาย เราพ้นจากบ่วงทั้งปวงแล้ว ทั้งที่เป็นของทิพย์ ทั้งที่เป็นของมนุษย์ แม้พวกเธอก็พ้นจากบ่วงทั้งปวง  ทั้งที่เป็นของทิพย์  ทั้งที่เป็นของมนุษย์ ภิกษุทั้งหลายเธอจงจาริกไป เพื่อประโยชน์แก่ชนจำนวนมาก เพื่ออนุเคราะห์ชาวโลกเพื่อประโยชน์เกื้อกูลและความสุขของทวยเทพและมนุษย์ ...........  เป็นต้น  

        เมื่อผู้เขียนวิเคราะห์เหตุผลของคำตอบของความรู้ในการส่งพระธรรมทูตไปต่างประเทศเพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาครั้งแรกที่เมืองพาราณสีนั้น พระพุทธเจ้าทรงส่งพระอรหันต์ล้วนแต่ผ่านการพัฒนาศักยภาพของชีวิต   โดยการฝึกวิปัสสนากรรมฐานตามวิธีการของมรรคมีองค์ ๘ จนบรรลุถึงความรู้ในระดับอภิญญา ๖  จำนวน ๖๐ รูป   ออกเดินทางเผยแผ่พระพุทธศาสนาเพื่อประโยชน์ของชนจำนวนมากนั้น คำว่า "ชนจำนวนมาก" หมายถึง ดินแดนที่มีประชากรอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก    ในสมัยพุทธกาลหมายถึงชาติมหาอำนาจจำนวน ๑๖ ชาติ ชนชาติเหล่านั้นได้รับความทุกข์จากระบอบการปกครองแบบรัฐศาสนา โดยการแบ่งคนออกเป็น ๔ วรรณะ เพราะชะตาของคนนั้นถูกพระพรหมลิขิตโดยความเชื่อว่ามันเป็นความจริง ส่วนในยุคสมัยราชอาณาจักรโมริยะนั้น        ส่งพระธรรมทูตสายต่างประเทศเพื่อเผยแผ่ไปยังดินแดนของรัฐที่ห่างไกลจากราชอาณาจักรโมลิยะ    เพื่อประโยชน์ของคนจำนวนมากโดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ที่เมืองท่าทางเศรษฐกิจที่สำคัญ  ที่รับซื้อสินค้าจากต่างประเทศ เช่น เครื่องประดับหินสีต่าง ๆ  ลูกปัดพลอยต่าง ๆ จากดินแดนอินเดียโบราณ      ส่วนรัฐสุวรรณภูมิยังส่งออกเครื่องเทศต่าง ๆ ไปกับเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่กลับ อินเดีย  ยุโรป และอาหรับด้วย  ดังนั้น เมื่อเมืองท่าเต็มไปด้วยคนงานรับผิดชอบขนถ่ายสินค้าจากเรือบรรทุกสินค้าต่างประเทศขนาดใหญ่ เข้ามาที่ท่าเรือและขนสินค้าเครื่องเทศนั้นขึ้นบนเรือสินค้านั้นกลับไปสู่รัฐอินเดียโบราณ  
          

     ในยุคหลังพุทธกาล มนุษย์แสวงหาโชคลาภตามเส้นทางการค้าระหว่างเมืองท่าต่าง ๆ ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นแหล่งทำมาหากิน ของคนงานบรรทุกสินค้าขึ้นเรือขนาดใหญ่เดินทางไปสู่เอเซียใต้และโลกตะวันตก เมืองท่าต่าง ๆ จึงเป็นแหล่งทำมาหากินและสถานที่ืั้ผู้คนจำนวนมากอาศัยอยู่ เนื่องจากเครื่องเทศจึงเป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติซึ่งเป็นที่ต้องการของชาวเอเซียใต้ และชาวตะวันตก ทำให้ผู้คนแห่กันไปขายแรงงานที่นั่น เนื่องจากยังยากจน ขาดรายได้จากการหาเลี้ยงชีพและขาดต้นทุนของชีวิต โดยเฉพาะความรู้จากการคิดหาเหตุผลของตนเอง คนบางส่วนถูกขายไปเป็นทาส ต้องทำงานหนักอาบเหงื่อต่างน้ำ แต่ค่าจ้างผลตอบแทนน้อยไม่พอเลี้ยงชีพได้ พวกเขามองไม่เห็นโอกาสที่จะมีชีวิตสะดวกสบาย

            พระเจ้าอโศกมหาราชทรงตัดสินพระทัยส่งพระธรรมทูตสายต่างประเทศไปเผยแผ่ในดินแดนต่าง ๆ ตามเส้นทางค้าขายทางเรือและทางสายไหม        ส่วนพระธรรมทูตต่างประเทศสายที่ ๘ นั้น    ผู้เขียนเห็นว่า เป็นการเดินทางโดยเรือข้ามมหาสมุทรอินเดียไปสู่เมืองสะเทิมแห่งรัฐสุธรรมาวดี      เมื่อวิเคราะห์จากแผนที่เส้นทางเรือในสมัยโบราณ พระธรรมทูตทั้ง ๙ สาย  ออกเดินทางจากจุดเริ่มต้นที่พระนครปัฏตาลีบุตร ซึ่งเป็นเมืองหลวงของแคว้นมคธ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำคงคาทางทิศใต้ พระโสณเถระและพระอุตตรเถระเดินทางไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาด้วยเรือบรรทุกสินค้า   ไปตามเส้นทางการค้าโบราณไปยังรัฐสุวรรณภูมิ 

           ผู้เขียนวิเคราะห์ว่า คณะพระธรรมทูตสายต่างประเทศไปยังรัฐสุวรรณภูมินั้น ไปลงเรือบรรทุกสินค้าที่ท่าเรือพระพุทธเจ้า (Buddha Ghart) บนฝั่งแม่น้ำคงคา  ล่องเรือไปตามแม่น้ำคงคา ไปสู่เมืองท่ากัลการ์ต้า (Kokata) รัฐเวสเบงกอล และนั่งเรือสินค้าขนาดเล็กเลียบชายฝั่งตะวันออกไปสู่เมืองท่า Visakhapatnam ตอนกลางชมพูทวีป  ผ่านทะเลอันดามันไปยังเมืองสะเทิมซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญในสมัยราชอาณาจักรมอญ เนื่องจากหลักฐานในพระไตรปิฎกได้บันทึกไว้ว่า พระพุทธศาสนามาเผยแผ่อาณาจักรมอญโบราณตั้งแต่สมัยของตปุสสะและภัทลิกะ พ่อค้าวานิชย์   ได้พระเกศาจากพระพุทธเจ้า คงเป็นไม่ได้ว่าพระโสณะเถระและพระอุตตระเถระจะเดินธุดงค์มาเองทางตอนเหนือของประเทศพม่า. 

             ประเด็นที่ผู้เขียนสงสัย ในยุครัฐสุวรรณภูมิหมายรัฐไหน?     คงไม่ใช่อาณาจักรสยามอย่างแน่นอน    เพราะอาณาจักรสยามปัจจุบันนั้น  เริ่มสร้างประเทศเป็นอาณาจักรสยามตั้งแต่ปี พ.ศ. ๑๘๐๐   สืบเนื่องมาถึงปัจจุบัน    และชาวสยามนับถือพระพุทธศาสนาเถรวาทเพราะในช่วงประวัติศาสตร์ระหว่าง พ.ศ. ๒๑๘ -๑๘๐๐ นั้น       เรื่องราวการเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้หายไปจากอาณาจักรสยามเกือบ ๑๕๐๐ ปี   ปัญหาว่าดินแดนที่ตั้งของอาณาจักรสยามปัจจุบันนั้นเคยเป็นที่ตั้งของรัฐใด ๆ มาก่อน เป็นเรื่องที่น่าสนใจศึกษา ผู้เขียนชอบศึกษาเรื่องนี้ต่อไป จึงสอบสวนหาข้อเท็จจริง       และรวบรวมพยานหลักฐานในเรื่องนี้จากพงศาวดารของประเทศเพื่อนบ้านมาช่วยสนับสนุนการคิดหาเหตุผลของคำตอบ เพื่อให้ได้หลักความรู้และความจริง เกี่ยวกับงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่สมเหตุสมผล   โดยไม่มีข้อโต้แย้งอื่นใดมาหักล้างข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความมีอยู่ของพระพุทธศาสนาเถรวาทที่เผยแผ่ในดินแดนสุวรรณภูมิได้       ในช่วง ๑๕๐๐ ปีนั้นประวัติพระพุทธศาสนาส่วนนี้หายไปไหนแล้ว      ก่อนหน้านั้นมีดินแดนแถบอื่นไหมนอกจากอาณาจักรสยาม    ได้รับอิทธิพลแนวคิดทางพระพุทธศาสนาจากการเดินทางมาเผยแผ่พระพุทธศาสนาโดยพระโสณะและพระอุตตร       ที่ได้นำพระพุทธศาสนามาเผยแผ่ในสุวรรณภูมิ    ก่อนอาณาจักรสุโขทัยของประเทศสยามจะเกิดขึ้น เหตุการณ์เหล่านี้ จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ     ยังไม่มีผู้เขียนเชิงวิเคราะห์ไว้เป็นผู้เขียนเองเมื่อเดินทางไปประเทศพม่าเกิดความสนใจในประเด็นต่าง ๆ  ที่ได้รับรู้จากไกด์ชาวพม่าได้อธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับพม่าให้ฟังโดยเฉพาะการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระเจ้าอโศกมหาราชมาสู่ประเทศพม่า เป็นการวิเคราะห์ไว้  น่าสนใจผู้เขียนจึงได้ตัดสินใจศึกษาเรื่องราวเหล่านี้เพิ่มเติม      เป็นการวิเคราะห์เชิงปรัชญา   น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษายุคใหม่ที่เน้นให้ผู้เรียนคิดวิเคราะห์เป็น        และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาพระพุทธศาสนาให้ก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป   การวิเคราะห์ในแง่มุมของกาลเป็นเวลาเป็นหลักทำให้เราเข้าใจกระแสโลกกระแสธรรมได้เป็นอย่างดี การศึกษาเชิงวิเคราะห์ย่อมทำให้เราเกิดความรู้ความเข้าใจได้เป็นอย่างดีน่าจะเป็นประโยชน์ของการศึกษาพระพุทธศาสนาได้เป็นอย่างดี.


๓. อาณาจักรสุธรรมวดี      

             ปัญหาว่า ดินแดนสุวรรณภูมินั้นกลุ่มชนชาติพันธ์ใดมาตั้งรกรากไว้ตั้งแต่เริ่มแรก   คำว่า สุวรรณภูมิ หมายถึง ดินแดนอันเป็นที่อยู่อาศัยชองชาติพันธ์  มอญ ไทย  พม่า เป็นต้น   ตามเอกสารทางประวัติศาสตร์นั้น ตามพงสาวดารพม่านั้นชนชาติมอญนั้นเป็นชนชาติเก่าแก่ที่สุด มาตั้งถิ่นฐานที่อยู่อาศัยในทางทิศใต้ของประเทศพม่าในยุคสมัยปัจจุบันอาณาเขตของมอญยุคโบราณได้แก่ อาณาจักรสุธรรมวดีหรืออาณาจักรสะเทิมที่ตั้งก่อนปีพ.ศ. ๒๔๑  อาณาจักรนี้มีกษัตริย์ปกครอง ๕๙ พระองค์ มีเมืองสะเทิมเป็นเมืองหลวงและเป็นเมืองท่าที่เป็นศูนย์กลางการค้าขาย ระหว่างราชอาณาจักรมอญโบราณกับราชอาณาจักรมคธ อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ของอินเดียโบราณ และอาณาจักรสิงหลของประเทศศรีลังกาก่อนอาณาจักรสุธรรมวดีจะล้มสะลายลงไปเพราะเหตุปัจจจัยจากการทำสงครามแผ่อำนาจของอาณาจักรพุกามในปี พ.ศ. ๑๖๐๐ กษัตริย์ที่ปกครองพระองค์สุดท้าย คือ พระเจ้ามนูหาเราสามารถวิเคราะห์องค์ประกอบของรัฐสุธรรมาวดีได้ดังนี้  
  
       ๓.๑. ดินแดนของอาณาจักรสุธรรมวดี  น่าจะมีอาณาเขตในดินแดนทางภาคใต้ของประเทศพม่าทั้งหมด และรวมทั้งดินแดนที่เคยเป็นอาณาจักรทวารวดีทั้งหมด   
           ๓.๒ ประชาชน มีเชื้อสายมอญ     
           ๓.๓ ความเชื่อ  ชนมอญนับถือพระพุทธศาสนาเถรวาท    

           มีเรื่องราวเกี่ยวกับการนับถือพระพุทธศาสนาของพวกมอญ กล่าวไว้ในศิลาจารึกของชเวดากองว่า เมื่อพระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้แล้วได้มอบพระเกศาธาตุให้ตปุสสะและภัทลิกะ มาประดิษฐานในเจดีย์ ชเวดากองและหลังจากสังคายนาครั้งที่ ๓  พระเจ้าอโศกมหาราชได้ส่งพระธรรมทูตสายที่ ๘ มาเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิรัฐ  แสดงให้เห็นว่า ในดินแดนสุวรรณภูมินั้น แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงมาหลายรัฐเป็นผู้ใช้อำนาจอธิปไตยในการปกครองรัฐก็ตามแต่หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาได้เดินทางมาสู่อาณาจักรแห่งนี้ตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้าตรัสรู้ใหม่ ๆ แล้วยังนั่งอยู่ในของผู้คนมาถึงทุกวันนี้ แม้ผู้คนจะเวียนว่ายตายเกิดมาแล้วกี่รอบก็ตาม.  

ไม่มีความคิดเห็น:

Post Top Ad

Your Ad Spot

หน้าเว็บ