The greatest discovery is the natural laws of human life. That everyone is equal Without choosing a social caste as the basis for determining humanity When the soul is the real person of man That accumulates knowledge from the mind with reasons And show his intention to act accordingly Would receive the result of Own action

Breaking

Post Top Ad

Your Ad Spot

วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ปัญหาอภิปรัชญาเกี่ยวกับรัฐสุวรรณภูมิ


Metaphysics Problems Concerning Suvarnabhumi State

๑.บทนำปัญหาเกี่ยวกับความจริงของรัฐสุวรรณภูมิ

                โดยทั่วไปแล้ว  มนุษย์บางคนในโลกนี้เป็นนักตรรกศาสตร์ และนักปรัชญา     พวกเขาสนใจศึกษาความจริงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของตนเอง   ซึ่งพวกเขาสามารถรับรู้ได้โดยตรงผ่านอายตนะภายใน  เช่น  มนุษย์   โลก   จักรวาล  ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์     พวกเขาสนใจพฤติกรรมของมนุษย์ที่แสดงออกมาผ่านเจตนา พิเศษเช่น การฆ่าคน การฉ้อโกง การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ยินยอม การดื่มสุราและเสพยา และเหตุการณ์ทางสังคมต่าง ๆ ในด้านการเมือง การศึกษา การพัฒนาประเทศ เศรษฐกิจ ศาสนาและวัฒนธรรมของประเทศ   นอกจากนี้ ยังมีความรู้อีกประเภทหนึ่ง คือ ความรู้ที่อยู่เหนือกว่าการรับรู้ของมนุษย์  เช่น   การมีอยู่ของเทพเจ้า  เป็นต้น

                    ในสมัยพุทธกาล   พราหมณ์บางคนเป็นนักตรรกศาสตร์และนักปรัชญา เมื่อได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับ มนุษย์ โลก และการมีอยู่ของเทพเจ้า   ซึ่งสืบทอดกันมาตั้งแต่ก่อนพุทธกาลจนถึงปัจจุบัน พวกเขามักแสดงทัศนะหรือความเห็นของตนเอง โดยใช้เหตุผลในการอธิบายความจริงหรือคาดคะเนความจริงเช่น   แนวคิดเรื่องอัตตา โลกเที่ยง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม นักตรรกศาสตร์และนักปรัชญาเหล่านี้มักใช้เหตุผล  เพื่ออธิบายความจริงในเรื่องเหล่านี้ บางครั้งใช้เหตุผลถูกต้อง บางครั้งใช้เหตุผลผิด บางครั้งใช้เหตุผลเป็นเช่นนั้น บางครั้งใช้เหตุผลเป็นเช่นนี้  ดังนั้น เมื่อนักตรรกะ นักปรัชญาเหล่านี้ให้เหตุผลอธิบายความจริงของคำตอบคลุมเครือและไม่ชัดเจนว่าความจริงของเรื่องนั้นคืออะไร ?  วิญญูชนได้ยินความจริงของคำตอบของนักตรรกศาสตร์และนักปรัชญา ก็ไม่ยอมรับว่าเป็นความจริง เป็นต้น

๒.ประเภทของความจริง

                  เมื่อผู้เขียนศึกษาความจริงของสิ่งต่าง ๆ ตามหลักฐานในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยนั้น ตามหลักอภิปรัชญาของพระพุทธศาสนา  พระพุทธเจ้าทรงแบ่งความจริงออกเป็น ๒ ประเภทคือ
            ๒.๑ สังขตธรรม (Conditioned- things) หมายถึงธรรรมที่เกิดจากปัจจัยปรุงแต่งคือ ขันธ์ ๕  
               ๒.๒.อสังขตธรรม (Uncondition) หมายถึงธรรมที่ปัจจัยไม่มีปรุงแต่งได้แก่นิพพาน เป็นต้น

              ๒.๑ สังขตธรรม (Conditioned- things) หมายถึงธรรมที่เกิดจากปัจจัยปรุงแต่งได้แก่ ขันธ์ ๕  โดยทั่วไปธรรมะหรือธรรมชาติของสรรพสิ่ง ล้วนถูกปรุงแต่งด้วยปัจจัยหลายประการและสิ่งที่เกิดจากปัจจัยปรุงแต่งแล้วมีลักษณะเกิดขึ้น   ดำรงอยู่ชั่วระเวลาหนึ่ง แล้วก็เสื่อมสลายไป      ยกตัวอย่างเช่น ชีวิตมนุษย์  แม้จะมีต้นกำเนิดมาจากกายของพระพรหมและพระอิศวรแต่เชื่อกันว่าเกิดจากปัจจัยที่พระพรหมและพระอิศวรทรงปรุงแต่งขึ้น แล้ว  ก็ดำรงชีวิตอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง แล้วก็ตายไป  ตามคำสอนของพราหมณ์อารยัน     

             ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า มนุษย์เกิดจากปัจจัยที่กายและจิตใจถูกทรงกำหนดไว้    เมื่อจิตวิญญาณปฏิสนธิในครรภ์มารดา และเจริญเติบโตเป็นทารกเป็นเวลา ๙ เดือน ก็จะถือกำเนิดเป็นมนุษย์คนใหม่  ในช่วงชีวิตนั้น     จิตใจของมนุษย์อาศัยอายตนะภายใน เพื่อรับรู้เหตุการณ์ต่าง ๆ  ในขอบเขตจำกัดและมีอคติต่อผู้อื่น   

             เมื่อพิจารณาความจริงเกี่ยวกับรัฐสุวรรณภูมิ      เมื่อผู้เขียนค้นคว้าหลักฐานในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้ฟังข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่า หลังจากพระเจ้าอโศกมหาราช ทรงเสร็จสิ้นพระราชกรณียกิจในการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ ๓ แล้ว   พระองค์ทรงได้ส่งพระธรรมทูตแห่งราชอาณาจักรโมริยะ มาเผยแผ่พระพุทธศาสนาในรัฐสุวรรณภูมินั้น เมื่อได้ยินข้อเท็จจริงเรื่องนี้    ผู้เขียนก็เกิดความสงสัยว่า "รัฐสุวรรณภูมิ" ตั้งอยู่ที่ไหน ? นี่เป็นคำถามที่น่าสนใจและควรค่าการศึกษาเป็นอย่างยิ่ง เพราะเมื่อเราศึกษาประวัติศาสตร์ของมนุษย์ในแต่ละยุคสมัยแล้ว   เราจะเห็นพัฒนาการทางความคิดของมนุษย์ ที่ได้รับการอนุรักษ์  สืบสาน และพัฒนาต่อยอดจากอดีตสู่ปัจจุบันและอนาคต


        ในการศึกษา"รัฐสุวรรณภูมิ"ซึ่งมีประวัติศาสตร์เกี่ยวพันกับพระพุทธศาสนา เนื่องจากคำสอนของพระพุทธเจ้าได้แพร่หลายในแผ่นดินนี้ตั้งแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช    ผู้เขียนจึงเกิดความสงสัยว่าใครเป็นกษัตริย์ในรัฐสุวรรณะภูมินี้ แม้ว่าหัวข้อรัฐสุวรรณภูมิจะถูกแชร์กันบนเว็บไซต์ต่าง ๆ บนอินเตอร์เน็ต    แต่เมื่อผู้เขียนศึกษาเอกสารดิจิทัล เรื่องราวก็ผุดขึ้นมาในใจ ประวัติศาสตร์ยังไม่กระจ่างชัด ผู้เขียนชอบค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับ "รัฐสุวรรณภูมิ" และรวบรวมข้อมูลให้เพียงพอ  ผู้เขียนจึงได้วิเคราะห์ข้อมูล  โดยการอนุมานความรู้ โดยใช้เหตุผล ซึ่งเป็นเครื่องมือที่นักปรัญาใช้ในการอธิบายความจริงของคำตอบเกี่ยวกับรัฐสุวรรณภูมิ ดังนี้

            เมื่อผู้เขียนได้ค้นคว้าข้อมูลจากแหล่งความรู้ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้ให้คำนิยามว่า  รัฐสุวรรณภูมิ คือดินแดนอันเป็นที่ตั้งอยู่ของประเทศพม่า ไทย ลาว เขมร เวียดนาม มาเลย์และสิงคโปร์       เป็นต้น ในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยเล่มที่ ๒๙ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๑ ขุททกนิกาย มหานิทเทส อัฏฐกวรรค ๗.ติสสเมตเตยยสุตตนิทเทส ข้อ ๕๕. วรรค ๖ กล่าวอีกนัยหนึ่งว่า  เธอถูกตัณหาครอบงำด้วยราคะ ถูกตรึงไว้ด้วยกามราคะแล้ว เมื่อจะแสวงหาโภคทรัพย์ก็ต้องแล่นเรือออกไปสู่มหาสมุทร ฝ่าลมหนาว ฝ่าความร้อน  บางครั้งถูกเหลือบ ยุง ลมแดด และสัตว์เลื้อยคลานกัดกินเอาบ้าง ถูกกดดันด้วยความหิวกระหาย ก็ต้องเดินทางไปคุมพรัฐ ตักโกลรัฐ (ตะกั่วป่า) ตักกสิลรัฐ กาลมุขรัฐ ปุรรัฐ เวสุงครัฐ เวราปถรัฐ ชวารัฐ (รัฐชวา) ตามลิงรัฐ (นครศรีธรรมราช) วังครัฐ เอฬพันธนรัฐ สุวรรณกูฏรัฐ สุวรรณภูมิรัฐ ตั้มพปาณิรัฐ สุปปทกรัฐ เภรุกัจฉรัฐ สุรัฏฐรัฐ ภั้งคโลกรัฐ ภังคณรัฐ ปรมภังคณรัฐ โยนรัฐ ปินรัฐ วินกรัฐ มูลปทรัฐ......เป็นต้น

                 เมื่อผู้เขียนศึกษาหลักฐานในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ พบว่า ชาวอนุทวีปอินเดียรู้จักรัฐสุวรรณภูมิมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล โดยในพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณกล่าวไว้ข้างต้นว่า "รัฐสุวรรณภูมิ" เป็นรัฐเอกราชที่มีอำนาจอธิปไตยเป็นของตนเอง ตั้งแต่สมัยศาสนาพราหมณ์จนถึงปัจจุบัน   พระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยได้กล่าวไว้ว่า การเดินทางไปหาทรัพย์ ความร่ำรวย (โภคะทรัพย์) ในรัฐสุวรรณภูมินั้นจะต้องล่องเรือข้ามมหาสมุทร(อินเดีย) คำว่า "เรือ" หมายถึง เรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ที่บรรทุกสิ่งของต่าง ๆ เช่น หินหลากสี กำไล สร้อยข้อมือ เป็นต้น คำว่า "มหาสมุทร" หมายถึง มหาสมุทรอินเดีย ในสมัยพุทธกาล รัฐสุวรรณภูมิยังเป็นรัฐเล็ก ๆ และรัฐอื่น ๆ ยังเป็นรัฐอิสระ เช่น รัฐตักสิลา รัฐชวา หรือรัฐโยนก เป็นต้น

              การเดินทางไปหาโภคะทรัพย์ คำว่า "โภคะทรัพย์"เป็นทรัพย์สิ่งของที่ใช้บริโภคและอุปโภค เช่น รัฐสุวรรณภูมิมีชื่อเสียงในเรื่องการผลิตพริกไทยดำ และเครื่องเทศต่าง ๆ ที่สำคัญและเป็นที่ต้องการของพ่อค้าในเส้นทางการค้าโบราณ พริกไทยดำมีราคาแพงจนถูกเรียกว่า "ทองคำดำ" เป็นต้น เมื่อผู้เขียนศึกษาข้อเท็จจริงเรื่อง "รัฐสุวรรณภูมิ" จากหลักฐานเอกสารในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณ แล้วผู้เขียนอนุมานความรู้ได้ว่าในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าศากยมุนี ยังทรงพระชนม์อยู่ และพระสารีบุตรยังไม่นิพพานที่เมืองนาลันทาพระพุทธเจ้าทรงรับรู้ว่านอกจากดินแดนแห่งชมพูทวีปแล้ว ยังมีดินแดนอันห่างไกลและความอุดมสมบูรณ์อีกในโลกมนุษย์ ความปรารถนาของมนุษย์ จึงเกิดขึ้นในจิตใจ พวกเขาเดินทางแสวงหาความรำรวย จากเครื่องเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะพริกไทยดำ ซึ่งหายากสำหรับชาวชมพูทวีป ชาวอาหรับ และชาวเอเธนดินแดน เหล่านั้นได้แก่รัฐชวา รัฐสุวรรณภูมิ รัฐตักโกล รัฐตามลิง เป็นต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

Post Top Ad

Your Ad Spot

หน้าเว็บ