Humans need to learn throughout their lives according to Buddhaphumi's Philosophy
๑.บทนำ ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหาที่มนุษย์ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต
โดยทั่วไป จิตใจของมนุษย์อาศัยอายตนะภายในร่างกายในรับรู้เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต และเก็บเหตุการณ์เหล่านั้นไว้เป็นหลักฐานทางอารมณ์ในจิตใจ อย่างไรก็ตาม ชีวิตของมนุษย์ไม่ได้มีเพียงการรับรู้และเก็บหลักฐานทางอารมณ์ไว้ในจิตใจเท่านั้น นอกจากนี้ มนุษย์ยังมีธรรมชาติของการเป็นนักคิด เมื่อมนุษย์รับรู้สิ่งใดสิ่งหนึ่งพวกเขาจะคิดจากหลักฐานทางอารมณ์ที่มีอยู่ในจิตเท่านั้น
แต่ธรรมชาติของมนุษย์นั้น มีอายตนะภายในร่างกายมีข้อจำกัดในการรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตและมักมีอคติต่อผู้อื่นเนื่องจากความไม่รู้ของตนเอง คิดแล้ว มนุษย์มักจะแสดงความคิดเห็น (มุมมอง) ตามปฏิภาณของตนเองตามหลักเหตุผลหรือคาดคะเนความจริงจากสิ่งที่ได้ยินมา อย่างไรก็ตาม ธรรมชาติของมนุษย์มีอายตนะภายในมีข้อจำกัดในการรับรู้เหตุการณ์ต่าง ๆ และมักมีอคติต่อผู้อื่น เนื่องจากความไม่รู้ของตนเอง ชีวิตของมนุษย์จึงตกอยู่ในความมืดมนของชีวิต พวกเขาจึงไม่สามารถใช้เหตุผลซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญาในการอธิบายความจริงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างสมเหตุสมผล
ดังนั้นเมื่อนักปรัชญาและนักตรรกะได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ก่อนสมัยพุทธกาลจนถึงปัจจุบันนักวิชาการเหล่านั้น มักจะแสดงความคิดเห็นตามปฏิภาณของตนเอง ตามหลักเหตุผล หรือคาดคะเนความจริงจากสิ่งที่ได้ยินมานั้น การใช้เหตุผลของพวกเขา บางครั้งก็อาจใช้เหตุผลอธิบายความจริงที่ถูกบ้าง หรือที่ผิดบ้าง บางครั้งอาจใช้เหตุผลอธิบายความจริงเป็นอย่างนั้นบ้างหรือเป็นอย่างนั้น เมื่อความจริงของคำตอบของนักปรัชญาและนักตรรกะไม่ชัดเจนว่า ความจริงของสิ่งนั้นมีความเป็นมาอย่างไรแล้ว เมื่อวิญญูชนได้ยินเหตุผลของคำตอบของนักตรรกะและนักปรัชญาแล้วย่อมขาดความน่าเชื่อถือ และไม่สามารถยอมรับว่าเป็นความรู้ที่แท้จริงในเรื่องนั้นได้
เมื่อตัวอย่าง เช่น เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะได้ยินข้อเท็จจริงเกี่ยวกับจัณฑาล ถูกพระพรหมลงโทษเพราะกระทำความผิดร้ายแรงต่อคำสอนของศาสนาพราหมณ์และกฎหมายจารีตประเพณีแบ่งวรรณะโดยกระทำความผิดฐานร่วมประเวณีกับคนต่างวรรณะ พวกเขาจึงถูกคนในสังคมไล่ออกจากบ้านพักไปตลอดชีวิต ต้องใช้ชีวิตบนถนนในเมืองใหญ่เช่น เมืองกบิลพัสดุ์ เมืองเทวทหะ เมืองพาราณสี เป็นต้น ไปตลอดชีวิต ไม่สามารถกลับคืนสถานะเดิมในสังคมได้อีกต่อไป
การเรียนรู้ตลอดชีวิตเป็นแนวคิดที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน แต่ในความเป็นจริง แนวคิดนี้มีรากฐานที่ลึกซึ้งในหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาช้านาน พระไตรปิฎกบาลีฉบับแปลที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้กล่าวถึงความสำคัญของการเรียรู้ตลอดชีวิตในหลาย ๆ แห่ง ที่ซึ่งสะท้อนให้เห็นคำสอน ที่ชี้ให้เห็นถึงความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์และความไม่มีตัวตนของชีวิต คำสอนเหล่านี้ส่งเสริมให้มนุษย์แสวงหาความรู้ผ่านการปฏิบัติตามมรรคมีองค์ ๘ เพื่อให้เกิดปัญญาเข้าใจความจริงของชีวิตและหลีกหนีจากความทุกข์
๒. ความไม่เที่ยงของชีวิต (อนิจจัง) เป็นแรงผลักดันให้เรียนรู้

เมื่อคนบางกลุ่มในโลกได้เป็นนักปรัชญา นักตรรกศาสตร์ เมื่อได้ยินความทุกข์ของมนุษย์จากความไม่เที่ยงของชีวิต พวกเขาก็สนใจ ที่จะศึกษาปรัชญาเกี่ยวกับความจริงของชีวิตมนุษย์ในปรัชญาพุทธภูมิ ทำไมเราจึงต้องศึกษาเรื่องนี้เป็นเพราะความเชื่อทางศาสนาพราหมณ์ ได้สร้างผลบุญจากการบูชายัญด้วยของมีค่าต่าง ๆ สร้างความมั่งคั่งให้กับพราหมณ์นิกายต่าง ๆ ทั้งนิกายอารยันและนิกายมิลักขะ ความมั่งคั่งจากการบูชายัญทำให้เกิดปัญหาทางการเมืองในหบลายภูมิภาคโดยเฉพาะแคว้นโกลิยะและแคว้นสักกะ
เมื่อพราหมณ์อารยันบางกลุ่มเห็นแก่ตัวและต้องการรักษาผลประโยชน์การบูชา พวกเขาจึงใช้อำนาจอธิปไตยในการบัญญัติกฎหมายเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตน เมื่อผู้เขียนได้ศึกษาค้นคว้าในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณแล้ว ผู้เขียนได้ฟังข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่าเมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้กฎธรรมชาติของชีวิต มนุษย์ทุกคนมีวิญญาณเป็นตัวตนที่แท้จริง เมื่อตาย ไป ก็ยังมีชีวิตหลังความตาย วิญญาณจะออกจากร่างไปเกิดในภพอื่นตามกรรมของตน สมมติว่าบุคคลใดทำผิดศีลธรรม และละเมิดกฎหมายด้วยการฆ่าผู้อื่น ลักทรัพย์ ล่วงประเวณี ดูหมิ่นผู้อื่น แสวงหาความสุขจากการดื่มสุราและเสพยา เป็นต้น เมื่อทำกรรมสำเร็จ อารมณ์กรรมนั้นจะสั่งสมในจิตใจและห่อหุ้มจิตไว้เช่นนั้น ตามคำสอนของพระเจ้าถือว่ากรรมนั้น เป็นกายทุจริต วจีทุจริต และมโนทุจริตแล้ว เมื่อตายไปก็จะเกิดในทุคติภูมิคือภูมิที่ถือว่าไปเกิดแล้ว มีความทุกข์ความลำบาก ที่เรียกว่า "นรก" เป็นต้น
เมื่อชีวิตมนุษย์ทุกเชื้อชาติทุกศาสนา มีจิตใจเป็นตัวตนแท้จริงซึ่งอาศัยอยู่ในร่างกายเพียงชั่วระยะเวลาสั้น ๆ และอาศัยร่างกายเชื่อมโยงกับอารมณ์แห่งตัณหา เมื่อจิตของมนุษย์ผัสสะกับวัตถุแห่งกิเลสแล้วก็เกิดอาการ "ตัณหา" ซ่อนอยู่ในจิตใจของทุกคน ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ คำว่า"ตัณหา" แปลว่าอาการความทะยานอยากของจิตของมนุษย์ ในความอยากได้ อยากมี และอยากเป็นยิ่งขึ้น ๆ ซึ่งเป็นความสุขอย่างหนึ่งของมนุษย์ซึ่งเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เป็นต้น
๒. การแสวงหาปัญญาเพื่อเข้าใจความจริงของชีวิตเพื่อการหลุดพ้น
พระพุทธเจ้าทรงเน้นย้ำถึงความสำคัญของปัญญาในการช่วยเหลือมนุษย์ให้หลุดพ้นจากวัฏจักรแห่งการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ปัญญาหยั่งรู้ ไม่ได้หมายถึงเพียงแต่ความรู้ทางโลกเท่านั้น แต่หมายถึงความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับธรรมชาติของชีวิต ความจริงและความว่างเปล่า การแสวงหาปัญญาหยั่งรู้ จึงเป็นการเรียรู้ที่ไม่สิ้นสุด เรายิ่งเรารู้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเข้าใจความจริงของชีวิต มากขึ้นเท่านั้น และยิ่งเข้าใจการหลุดพ้นจากทุกข์มากขึ้นตัวอย่างเช่นการเรียรู้เกี่ยวกับจิตวิทยา จะช่วยให้เราเข้าใจธรรมชาติของจิตใจและสามารถจัดการอารมณ์ความรู้สึกของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะนำไปส่ความสุข และความสงบสุขในชีวิตได้ เมื่อเราศึกษาหลักพุทธธรรมทางพุทธศาสนา หรือหลักปรัชญาอื่น ๆ เพื่อเพิ่มพูนปัญญาและนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เช่นการฝึกสมาธิ การทำจิตใจให้สงบ หรือการพัฒนาคุณธรรมต่าง ๆ เป็นต้น
แต่การจะบรรลุความปรารถนาแห่งตน จากผลของงานทั้งปวงนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย กล่าวคือ มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ทำให้มนุษย์ถูกครอบงำด้วยโลกธรรม ๘ ประการตลอดเวลา เกิดจากมนุษย์ได้ยินคำดูหมิ่นหรือด้อยค่าของมนุษย์ด้วยกันในยามออกร่วมกิจกรรมทางสังคมในหน้าที่การงาน เสื้อผ้า อาหารการกินและที่อยู่อาศัยเป็นต้น หรือการใช้สื่อสังคมออนไลน์ แสดงความคิดเห็นตามเว็บไซต์ต่าง ๆ ตามจินตนาการคือการสร้างขึ้นในใจของตนเอง การเขียนที่สื่อสารออกมาจากมนุษย์สัมผัสกับจิตตลอดเวลา ดังนั้นมนุษย์ต้องมีความมั่นคงในเป้าหมายของชีวิตตามความฝันของตนเองเสมอ จิตมีอารมณ์มั่นคงไม่หวั่นไหวในสิ่งที่จรเข้ามาสู่ชีวิต ลงมือทำด้วยความพากเพียรอย่างแน่วแน่เสมอและมีสติควบคุมตนเองได้
มองโลกให้เป็นย่อมเห็นโอกาสของชีวิตเสมอ กล่าวคือ เมื่อมีความรู้ในระดับต่างๆที่นอนเนื่องอยู่ในจิตของเรา ยังไม่มีราคาค่างวดอะไร เพราะยังไม่ได้นำความรู้อยู่ในจิตไปใช้ทำงานที่มีอัตราค่าจ้างเป็นรายเดือน หรือรายวันแล้วแต่ตนจะเลือกเอา ชีวิตมนุษย์เริ่มต้นอีกครั้งที่จะหางานทำ เพื่อนำรายได้มาใช้จ่ายให้ตนเองมีชีวิตรอด ไม่ต้องเป็นภาระของคนในครอบครัวอีกต่อไป การเผชิญโลกนอกมหาวิทยาลัยเป็นสิ่งที่ต้องก้าวเดินไปหาคนแปลกหน้า ต้องอยู่ให้ได้กับคนไม่คุ้นเคย คิดหาเหตุผลของของคำตอบของชีวิต ที่ทุกคนต้องเผชิญกับปัญหาจรเข้ามาสู่ชีวิตอยู่เสมอ คุณภาพของชีวิตในความเข้มแข็งของจิตให้มีสมาธิมีความบริสุทธิใจปราศจากกิเลส วางชีวิตให้อ่อนน้อมถ่อมตน และมั่นคงไม่หวั่นไหวในปัญหาในการทำงาน ที่จรเข้ามาสู่ชีวิตตลอดเวลา เป็นต้น มนุษย์ทุกคนต้องการความสำเร็จในการทำงานเพราะการทำงานแสดงออกถึงคุณภาพของชีวิตมนุษย์ทุกคนให้ผู้อื่นยอมรับในตัวตนของตน
-มนุษย์ทุกคนต้องมีทักษะในการเรียนรู้ในการทำงาน ผู้เขียนอยากเป็นพระธรรมวิทยากรเช่นนิสิตรุ่นพี่ เมื่อเดินทางในฐานะผู้แสวงบุญจำเป็นต้องเรียนวิธีการทำงานจากพระธรรมวิทยากรรุ่นพี่โดยเฉพาะการทำงานในแต่ละวันของการออกเดินทาง ไปแสวงบุญในแต่ละวัน เขาบรรยายในหัวข้อไหนในแต่ละวัน บทสวดมนต์ในพุทธสถานแต่ละที่ก็สวดไม่เหมือนกัน เป็นเรื่องผู้เขียนต้องจดบันทึกไว้ในแต่ละวัน และต้องมีการทำวัตรเช้าเย็นในช่วงเวลาใดในแต่ละวัน เป็นต้น
-การคิดวิเคราะห์ เป็นพระธรรมวิทยากร สิ่งที่จำเป็นต้องรู้จักสังเกตที่จรเข้ามาผัสสะชีวิตอยู่เสมอ เมื่อมีคำถามจากผู้แสวงบุญรู้ได้อย่างไรว่าใครอยู่ในวรรณะไหน ดูจากสีผิว เป็นเบื้องต้น ดูจากนามสกุล เป็นต้นหรือชื่อกลางเป็นต้น
-ทักษะในการบรรยายวิชาการทางพระพุทธศาสนา เป็นเรื่องสำคัญ แม้จะเป็นคนผู้ศึกษาเรียนรู้มามากก็ตามถ้าหากหากใช้ความรู้ไม่เป็นถ่ายทอดมิได้ เพราะเป็นประหม่า ไม่ค่อยมั่นใจในตนเอง พูดผิดติดขัดเป็นประจำ ยากประสบความสำเร็จในการสื่อสารกับผู้อื่นให้เกิดความประทับใจได้ ศักยภาพของความรู้เป็นนามธรรมที่สั่งสมอยู่ในอยู่จิตของมนุษย์ทุกคน โดยมนุษย์ไม่รู้ว่าใครมากน้อยกว่าใครเท่าไหร่ ต้องใช้ทักษะในการทำงานเป็นเครื่องมือวัดคุณภาพของคน
-ทักษะการใช้อินเตอร์เน็ต เป็นสิ่งจำเป็นโดยเฉพาะธรรมวิทยากรหน้าใหม่ ต้องรู้จักแสวงหาความรู้อันเป็นประสบการณ์ของผู้อื่นที่แชร์ไว้ในอินเตอร์เน็ตเป็นต้นความรู้พระพุทธศาสนาในอินเตอร์ เน็ตมีมากพอให้เราได้ศึกษาและสามารถนำไปใช้ในการบรรยายได้
-มีความเป็นนำจิตวิญญาณสามารถบริหารจัดการในการเดินทางไปแสวงบุญได้ให้เป็นประโยชน์ต่อการทำงานรับใช้พระพุทธศาสนาได้ โดยปัญหาของความล่าช้าในการเดินทางไปแสวงบุญการปฏิบัติบูชาในการแสวงบุญที่มีผู้แสวงบุญเดินทางมาแสวงบุญหลายคณะด้วยกัน เป็นต้น
๓. การเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
การเดินทางไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยบานารัสฮินดู เขตพาราณสี รับอุตตรประเทศ ในสาธารณรัฐอินเดียนั้น เป็นจุดเริ่มต้นของการค้นพบตัวเองครั้งใหม่ในชีวิต เราจะต้องละทิ้งทุกสิ่งที่ตนเราเคยเป็น เคยมีและเคยได้ แม้กระทั่งความภาคภูมิใจในสติปัญญาของเราและแสวงหาสิ่งที่เราอยากรู้โดยเฉพาะเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา เนื่องจากผู้เขียนชื่นชอบเป็นพระวิทยากรและนักบรรยาย การศึกษาปรัชญาและพุทธศาสนาในมหาวิทยาลัยสงฆ์ที่มีชื่อของราชอาณาจักรไทยในระดับปริญญาตรี ผู้เขียนมีจุดประสงค์เพียงนำความรู้นี้ไปใช้ในการเทศนาพระธรรมเทศนาเพื่ออบรมสั่งสอนญาติโยมในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เช่น วันธรรมสวนะเท่านั้น
ส่วนการเดินทางไปศึกษาที่บ้านเกิดของพระพุทธศาสนาในสาธารณรัฐอินเดียและสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาลนั้นเป็นเพียงความฝัน เมื่อมีโอกาสและผู้เขียนเห็นหนทางไปศึกษาต่อต่างประเทศ ผู้เขียนจึงตัดสินใจมา แม้จะมีอุปสรรคมากมายในการเดินทางแต่เมื่อมาถึง มองเห็นโอกาสรับใช้พระพุทธเจ้าเพื่อตอบแทนคุณอันประเสริฐของพระพุทธเจ้า ที่ตัดสินพระทัยสละวรรณะกษัตริย์อันยิ่งใหญ่เพื่อแสวงหาสัจธรรมของชีวิต เพื่อให้ผู้คนหายจากความมืดมนของชีวิต นอกจากผู้เขียนศึกษาเนื้อหาทางวิชาการตามคำอธิบายรายวิชาในหลักสูตรบัณฑิตศึกษาในระดับปริญญาโท และปริญญาเอกของคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยบันนารัสฮินดู อำเภอพาราณสี รัฐอุตตรประเทศแล้ว
การเขียนรายงานวิจัย ยังถือเป็นการศึกษาที่จำเป็นอีกด้วย ผู้เขียนจำเป็นต้องศึกษาเนื้อหาความรู้เกี่ยวกับพุทธสถาน เพื่อใช้ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแก่ผู้แสวงบุญชาวไทย แม้ว่าจะไม่ใช่หน้าที่โดยตรงและความรับผิดชอบอย่างเป็นทางการ แต่การช่วยเหลือผู้อื่นโดยชี้ทางให้เข้าใจชีวิตนั้น เป็นหน้าที่ของพระภิกษุ ผู้เผยแผ่พระพุทธศาสนา เราต้องเชื่อว่าหากเราทำความดี ผู้อื่นก็จะเห็นความดีที่เราทำเมื่อผู้คนเข้าใจคำบรรยายของเรา ถือว่าเราช่วยเหลือผู้อื่นให้เข้าใจธรรมนั้น ย่อมเป็นกุศลกรรมของชีวิต
การบรรยายในพุทธสถานอันศักดิ์สิทธิต่อเนื่องกันเป็นเวลาหลายวันนั้น ทำให้ผู้เขียนตระหนักว่าความรู้ที่เราศึกษามา ไม่เพียงพอต่อการบรรยายแก่ผู้แสวงบุญเป็นเวลา ๘ วัน เราควรศึกษาให้มากขึ้นเพราะเมื่อเราไปสถานที่ทางพุทธศาสนา เราต้องบรรยายเกี่ยวกับปัญหาในเมืองนั้น ๆ เป็นหลัก สองปีแรกของการบรรยายในดินแดนพุทธพระพุทธเจ้า เต็มไปด้วยหนังสือหลายเล่มที่ผู้เขียนใส่ยามติดตัวไปทุกที่ แต่ในยุคปัจจุบันอินเตอร์เน็ตไปเปลี่ยนแปลงโลกไป แล้วครูบาอาจารย์รุ่นใหม่ ๆ สามารถอ่านประวัติศาสตร์พุทธศาสนาจากเว็บไซด์ต่าง ๆ มากขึ้นกว่าแต่ก่อนทุกครั้งที่ผู้เขียนพักเบรกก่อนนอน ก็ต้องหยิบหนังสือมาอ่านทบทวน เพราะในชีวิตของเราเองมีเรื่องให้จดจำมากมาย การศึกษาโปรแกรมการแสวงบุญในแต่ละวันเพื่อเตรียมความรู้เพื่อการบรรยายอยู่เสมอไม่ว่าชีวิตจะเหนื่อยยากแค่ไหน เราต้องอดทนศึกษาหาความรู้ตลอดเวลาเพราะทุกวินาทีของการทำงาน สร้างคุณค่าและเปลี่ยนแปลงชีวิตเราการทำงานด้วยใจเป็นประโยชน์ต่อชีวิตของผู้เขียน
กล่าวอีกนัยหนึ่ง การบรรยายทำให้เกิดการสั่งสมความรู้จากการทำงาน กลายเป็นสัญญา ในกระแสจิตวิญญาณของผู้เขียนและขยายออกไปเกินขอบเขตของตำราวิชาการทางพระพุทธศาสนาที่ผู้เขียนเคยศึกษามาก่อน เมื่อผู้เขียนมีโอกาสได้จาริกแสวงบุญสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ๔ แห่งหลายครั้งต่อปี ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ประสูติ สถานที่ตรัสรู้ สถานที่แสดงปฐมเทศนา และสถานที่ปรินิพพานของพระพุทธเจ้า รวมทั้งสถานที่อื่น ๆ อีกมากมาย ส่งผลให้มีการสั่งสมความรู้จากการบรรยาย ระหว่างเดินทางไปสู่สังเวชนียสถานทั้งสีแห่ง การทำพิธีบูชาที่เมืองสังเวชนียสถานทั้ง ๔ บ่อยๆ จะทำให้มีทักษะและความชำนาญมากขึ้น เมื่อเกิดนิพพิทาหรือความเบื่อหน่ายในการบรรยาย เนื่องจากเหนื่อยล้าจากการทำงานหนักเป็นเวลา ควรหยุดพักผ่อนและศึกษาหาความรู้ใหม่ ๆ เพื่อนำความรู้นั้น ไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับผู้อื่น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น