Humans have to train themselves all the time according to Buddhaphumi's Philosophy
ตามหลักอภิปรัชญาเกี่ยวกับความจริงของชีวิตมนุษย์ในปรัชญาแดนพุทธภูมิ เมื่อผู้เขียนศึกษาค้นคว้าในพระไตรปิฎกมหาจุฬา ฯ ฟังข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่า เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสกฎธรรมชาติของชีวิตมนุษย์ทุกคนมีดวงวิญญาณเป็นตัวตนที่แท้ เมื่อตาย วิญญาณจะออกจากร่างกายไปเกิดอีกโลกหนึ่งตามอารมณ์กรรมของตนเอง หากบุคคลนั้นกระทำความผิดตามหลักศีลธรรมและกฎหมายด้วยการฆาผู้อื่น, ลักทรัพย์, ประพฤติผิดทางเพศ, ดูหมิ่นผู้อื่น, การแสวงหาความสุขจากการดื่มสุราและยาเสพติด เป็นต้น เมื่อลงมือทำกรรมสำเร็จแล้ว อารมณ์กรรมย่อมสั่งสมอยู่ในจิตใจและห่อหุ้มจิตอยู่อย่างนั้น ชีวิตมนุษย์ทุกเชื้อชาติและทุกศาสนา มีจิตใจเป็นตัวตนแท้จริงของชีวิตอยู่ในร่างกายเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง และอาศัยร่างกายเชื่อมต่อกับอารมณ์แห่งกิเลส เมื่อจิตผัสสะกับกิเลสแล้วมีีเกิดอาการที่เรียกว่า "ตัณหา" ซ่อนอยู่ในจิตใจของทุกคน คำว่า"ตัณหา" แปลว่า อาการของจิตในความอยากมี อยากเป็น และอยากได้ตลอดเวลา แต่การได้มาซึ่งความปรารถนาของตนเอง จากผลเกิดงานทั้งสิ้น ไม่ได้มาโดยง่าย
กล่าวคือ มนุษย์เป็นสัตว์สังคมทำให้มนุษย์ถูกครอบงำด้วยโลกธรรม ๘ ตลอดเวลา เกิดจากมนุษย์คำพูด การเขียนที่สื่อสารออกมาจากมนุษย์สัมผัสกับจิตตลอดเวลา ดังนั้นมนุษย์ต้องมีความมั่นคงในเป้าหมายของชีวิตตามความฝันของตนเองเสมอ จิตมีอารมณ์มั่นคงไม่หวั่นไหวในสิ่งที่จรเข้ามาสู่ชีวิต ลงมือทำด้วยความพากเพียรอย่างแน่วแน่เสมอ และมีสติควบคุมตนเองได้ มองโลกให้เป็นย่อมเห็นโอกาสของชีวิตเสมอ กล่าวคือ เมื่อมีความรู้ในระดับต่างๆที่นอนเนื่องอยู่ในจิตของเรา ยังไม่มีราคาค่างวดอะไร เพราะยังไม่ได้นำความรู้อยู่ในจิตไปใช้ทำงานที่มีอัตราค่าจ้างเป็นรายเดือน หรือรายวันแล้วแต่ตนจะเลือกเอา ชีวิตมนุษย์เริ่มต้นอีกครั้งที่จะหางานทำเพื่อนำรายได้มาใช้จ่ายให้ตนเองมีชีวิตรอด ไม่ต้องเป็นภาระของคนในครอบครัวอีกต่อไป การเผชิญโลกนอกมหาวิทยาลัยเป็นสิ่งที่ต้องก้าวเดินไปหาคนแปลกหน้า ต้องอยู่ให้ได้กับคนไม่คุ้นเคย คิดหาเหตุผลของของคำตอบของชีวิต ที่ทุกคนต้องเผชิญกับปัญหาจรเข้ามาสู่ชีวิตอยู่เสมอ คุณภาพของชีวิตในความเข้มแข็งของจิตให้มีสมาธิมีความบริสุทธิใจปราศจากกิเลส วางชีวิตให้อ่อนน้อมถ่อมตน และมั่นคงไม่หวั่นไหวในปัญหาในการทำงานที่จรเข้ามาสู่ชีวิตตลอดเวลา เป็นต้น มนุษย์ทุกคนต้องการความสำเร็จในการทำงานเพราะการทำงานแสดงออกถึงคุณภาพของชีวิตมนุษย์ทุกคนให้ผู้อื่นยอมรับในตัวตนของตน
-มนุษย์ทุกคนต้องมีทักษะในการเรียนรู้ในการทำงาน ผู้เขียนอยากเป็นพระธรรมวิทยากรเช่นนิสิตรุ่นพี่ เมื่อเดินทางในฐานะผู้แสวงบุญจำเป็นต้องเรียนวิธีการทำงานจากพระธรรมวิทยากรรุ่นพี่โดยเฉพาะการทำงานในแต่ละวันของการออกเดินทาง ไปแสวงบุญในแต่ละวัน เขาบรรยายในหัวข้อไหนในแต่ละวัน บทสวดมนต์ในพุทธสถานแต่ละที่ก็สวดไม่เหมือนกัน เป็นเรื่องผู้เขียนต้องจดบันทึกไว้ในแต่ละวัน และต้องมีการทำวัตรเช้าเย็นในช่วงเวลาใดในแต่ละวัน เป็นต้น
-การคิดวิเคราะห์ เป็นพระธรรมวิทยากร สิ่งที่จำเป็นต้องรู้จักสังเกตที่จรเข้ามาผัสสะชีวิตอยู่เสมอ เมื่อมีคำถามจากผู้แสวงบุญรู้ได้อย่างไรว่าใครอยู่ในวรรณะไหน ดูจากสีผิว เป็นเบื้องต้น ดูจากนามสกุล เป็นต้นหรือชื่อกลางเป็นต้น
-ทักษะในการบรรยายวิชาการทางพระพุทธศาสนา เป็นเรื่องสำคัญ แม้จะเป็นคนผู้ศึกษาเรียนรู้มามากก็ตามถ้าหากหากใช้ความรู้ไม่เป็นถ่ายทอดมิได้ เพราะเป็นประหม่า ไม่ค่อยมั่นใจในตนเอง พูดผิดติดขัดเป็นประจำ ยากประสบความสำเร็จในการสื่อสารกับผู้อื่นให้เกิดความประทับใจได้ ศักยภาพของความรู้เป็นนามธรรมที่สั่งสมอยู่ในอยู่จิตของมนุษย์ทุกคน โดยมนุษย์ไม่รู้ว่าใครมากน้อยกว่าใครเท่าไหร่ ต้องใช้ทักษะในการทำงานเป็นเครื่องมือวัดคุณภาพของคน
-ทักษะการใช้อินเตอร์เน็ต เป็นสิ่งจำเป็นโดยเฉพาะธรรมวิทยากรหน้าใหม่ ต้องรู้จักแสวงหาความรู้อันเป็นประสบการณ์ของผู้อื่นที่แชร์ไว้ในอินเตอร์เน็ตเป็นต้นความรู้พระพุทธศาสนาในอินเตอร์ เน็ตมีมากพอให้เราได้ศึกษาและสามารถนำไปใช้ในการบรรยายได้
-มีความเป็นนำจิตวิญญาณสามารถบริหารจัดการในการเดินทางไปแสวงบุญได้ให้เป็นประโยชน์ต่อการทำงานรับใช้พระพุทธศาสนาได้ โดยปัญหาของความล่าช้าในการเดินทางไปแสวงบุญการปฏิบัติบูชาในการแสวงบุญที่มีผู้แสวงบุญเดินทางมาแสวงบุญหลายคณะด้วยกัน เป็นต้น
การเดินทางมาศึกษาในสาธารณรัฐอินเดียนั้น เป็นจุดเริ่มต้นค้นตัวเองอีกครั้งของชีวิต ต้องยอมทิ้งทุกอย่างที่ตนเคยมีแม้กระทั่งทิฐิความหลงตัวเองว่าเป็นคนเก่ง แสวงหาในความชอบในสิ่งที่ตนอยากรู้โดยเฉพาะเรื่องราวในพระพุทธศาสนา ตนเป็นชอบเป็นนักพูดนักบรรยาย การศึกษาวิชาปรัชญาและศาสนานั้น เพื่อนำความรู้ไปใช้แสดงพระธรรมเทศนาแก่ญาติโยมในวันพระเท่านั้นเอง เป็นจุดหมายครั้งแรกของการสมัครเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยสงฆ์ที่มีชื่อเสียงของประเทศเราในระดับปริญญาตรี การเดินทางมาในต่างประเทศนั้นในดินแดนกำเนิดพระพุทธศาสนานั้น เป็นเรื่องความฝันเท่านั้น เมื่อมีโอกาสและเห็นช่องทางการเดินเรื่องมาศึกษาในต่างประเทศ จึงตัดสินใจมา แม้จะมีอุปสรรคมากมายในเดินเรื่องก็ตาม แต่เมื่อมาแล้วมองเห็นโอกาสทดแทนบุญคุณของพระพุทธเจ้า ผู้เขียนนอกจากมีหน้าที่ต้องศึกษาตามเนื้อหาวิชาการตามคำอธิบายของรายวิชาตามหลักสูตรบัณฑิตศึกษาในระดับปริญญาโทและปริญญาเอกของคณะศิลปศาสตร์ของมหาวิทยาลัยบันนารัสฮินดู อำเภอพาราณสี รัฐอุตตรประเทศแล้ว การเขียนงานวิจัยเป็นสิ่งจำเป็นต้องศึกษา ผู้เขียนจำเป็นต้องศึกษาเนื้อหาในความรู้เกี่ยวกับพุทธสถาน เพื่อใช้บรรยายแก่ผู้แสวงบุญชาวไทยอีกด้วย แม้จะมิใช่เป็นหน้าที่ต้องรับผิดชอบเป็นกิจลักษณะก็ตาม แต่การช่วยเหลือด้วยการชี้ทางผู้ให้เข้าใจชีวิตเป็นหน้าที่ของพระภิกษุควรเผยแผ่พระพุทธศาสนาเราต้องเชื่อว่า ทำความดีย่อมมีคนเห็นและชอบที่ฟังคำบรรยายถ่ายทอดความรู้ของเรา เป็นการช่วยเหลือผู้อื่นให้เข้าใจธรรมนั้น ทำให้ผู้เขียนรู้ว่าเนื้อหาของความรู้ที่เคยศึกษาเล่าเรียนมานั้น ยังมีเนื้อหาไม่เพียงพอที่จะใช้บรรยายแก่ผู้แสวงบุญตลอด ๘ วัน เราควรศึกษาเพิ่มเติม เพราะเราไปสู่พุทธสถานเมืองไหน เราต้องบรรยายประเด็นที่เกิดขึ้นในเมืองนั้นเป็นหลัก เป็นต้น ช่วงสองปีแรกของการบรรยายในแดนพุทธภูมิ จึงเต็มไปด้วยหนังสือหลายเล่มที่ใส่ยามติดตัวไปทุกแห่งหน แต่ในยุคปัจจุบันอินเตอร์เน็ตทำให้โลกเปลี่ยนไป พระวิทยากรรุ่นใหม่สามารถอ่านจากเวปไซด์ต่างๆได้กว่าเมื่อก่อนมาก ยามผู้เขียนจะใช้เวลาพักผ่อนก่อนจำวัดทุกครั้ง ต้องหยิบหนังสือมาอ่านทบทวนทุกครั้ง เพราะในชีวิตเราเองมีเรื่องต้องจดจำมากมายหลายต่อหลายเรื่อง การศึกษาโปรแกรมการเดินทางแสวงบุญในแต่ละวันจะ เพื่อตรียมความพร้อมของความรู้อยู่เสมอ แม้ชีวิตจะเหนื่อยแค่ไหนจากการก็ต้องอดทนศึกษาหาความรู้ตลอดเวลา เพราะทุกวินาทีที่ทำงานล้วนสร้างคุณค่า และเปลี่ยนชีวิตเราได้เสมอการทำงานด้วยใจล้วนแต่เป็นข้อดีแก่ชีวิตผู้เขียนกล่าวคือการบรรยายทำให้เกิดการสั่งสมความรู้จากการทำงาน กลายเป็นสัญญานอนเนื่องอยู่ในกระแสจิตวิญญาณของผู้เขียน และขยายขอบเขตออกไปจากตำราวิชาการทางพระพุทธศาสนาที่ผู้เขียนเคยศึกษามาก่อน การที่ผู้เขียนมีโอกาสเดินไปกับคณะผู้แสวงบุญหลายครั้งในแต่ละปี ในสังเวชนียสถานทั้ง ๔ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ประสูติ สถานที่ตรัสรู้ สถานที่แสดงปฐมเทศนา และสถานที่ปรินิพพานของพระพุทธเจ้า รวมทั้งพุทธสถานอื่น ๆ อีกหลายแห่งด้วยกัน ทำให้เกิดสั่งสมความรู้จากการบรรยายระหว่างเดินทางไปสู่สังเวชนียสถานทั้งสี การประกอบพิธีกรรมปฏิบัติบูชาในสังเวชนียสถานทั้ง ๔ ทำบ่อยๆ เกิดทักษะความชำนาญมากยิ่งขึ้นไป ในยามเกิดนิพพิทาความเบื่อหน่ายในการบรรยาย เพราะความเหนื่อยล้าจากการทำงานไม่เคยหยุดหย่อนก็ต้องหยุดพักผ่อนให้เพียงพอ และศึกษาหาวิธีการใหม่ ๆ ในการใช้ความรู้ให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่นกันต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น