บทนำความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
บทความวิเคราะห์นี้มุ่งเน้นไปที่การแสวงบุญไปยังเมืองศักดิ์สิทธิ์ทางพระพุทธศาสนาในอินเดียและเนปาล ซึ่งมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชาวพุทธทั่วโลก การแสวงบุญไปยังดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ทางพระพุทธศาสนานั้น เริ่มต้นขึ้นในสมัยพุทธกาล ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พระภิกษุสงฆ์นึกถึงพระพุทธเจ้าและสามารถเดินทางไปสักการะพระพุทธเจ้าได้ โดยตรงต่อหน้าพระพักตร์ อย่างไรก็ตาม ในช่วงสุดท้ายที่ ๔๕ ของการจำพรรษา พระพุทธเจ้าทรงตัดสินพระทัยที่จะปลงอายุสังขารที่ปาวาลเจดีย์ว่าอีก ๓ เดิอนข้างหน้า พระองค์ปรินิพพานที่เมือกุสินารา แคว้นมัลละ พุทธบริษัท ๔ จะไม่มีโอกาสเข้าเฝ้าพระพุทธองค์อีกต่อไป หลังจากพระพุทธองค์ปรินิพพาน พระอานนท์จึงได้ทูลถามว่า เมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว พุทธศาสนิกชนจะไม่มีโอกาสเข้าเฝ้าเพื่อสนทนาธรรมอย่างเบิกบานใจอีกต่อไป ควรปฏิบัติอย่างไรหลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานพระพุทธเจ้าทรงแนะนำถึงสถานที่แสวงบุญทั้ง ๔ แห่งหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สังเวชนียสถาน ๔ แห่ง ซึ่งได้แก่สถานที่ประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนาและปรินิพพาน ดังที่ปรากฏในมหาปรินิพพานสูตร
ตามคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นแม้มนุษย์จะดำรงชีวิตอย่างพอเพียง ดำรงด้วยปัจจัย ๔ เพื่อความอยู่รอดและสุขสบายในชีวิตแต่มนุษย์ยังไม่พ้นทุกข์ เพราะมนุษย์ยึดติดกับอารมณ์แห่งความสุขเหล่านี้ และปรารถนาที่จะมีความสุขเช่นนั้นตลอดไป หากร่างกายไม่ได้พักผ่อน ทำกิจกรรมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวัน สุขภาพร่างกายจะเสื่อมถอยลง ส่งผลให้เจ็บป่วยหรือซ๊อคจนไม่สามารถดำเนินชีวิตตามปกติกลายเป็นผู้ป่วยนอนติดเตียง พระองค์ทรงสนพระทัยถึงปัญหาที่แท้จริงของคน การทำงานเป็นหนทางในการกำหนดชีวิตให้มีเป้าหมายเป็นหนทางท่ถูกต้อง ต้องดำเนินไปตามแผนด้วยความรอบคอบ มีความพร้อมและมีความเพียรไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ละทิ้งงานกลางคัน นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ผู้เขียนได้เขียนปรัชญาแดนพุทธภูมิขึ้นมาให้คนได้อ่าน
คำว่า "งาน" ตามนิยามในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้ให้ความหมายว่า "สิ่งหรือกิจกรรมที่ทำ" ผู้เขียนได้แยกประเด็นในการวิเคราะห์ดังนี้ กล่าวคือ
(๑) คนงาน มนุษย์ทุกคนเกิดมาต้องทำงานเพื่อเลี้ยงตัวเอง พ่อแม่ที่เลี้ยงดูเรามา พวกท่านทำหน้าที่เพียงช่วงระยะหนึ่ง เมื่อเรายังเป็นเด็กเท่านั้น เมื่อเราโตขึ้น พ่อแม่ของเราก็เริ่มแก่ชราลงไม่มีเรี่ยวแรงที่จะดำรงชีวิตต่อไป เราจึงหน้าที่ดูแลและตอบแทนความเมตตากรุณาของพวกท่าน
(๒) กิจกรรมที่ทำ มนุษย์ทุกคนต้องทำงานตามหน้าที่เพื่อตอบแทนผู้อื่นหรือองค์กรอื่น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่องค์กรหรือผู้อื่นต้องการ โดยได้รับค่าจ้างตอบแทน
จึงกล่าวได้ว่าทุกคนมีเป้าหมายในชีวิตตามที่ตนต้องการ เมื่อผู้เขียนตัดสินบวชเป็นพระภิกษุ นอกจากจะพัฒนาศักยภาพชีวิตของตนเองแล้ว ผู้เขียนยังมีหน้าที่ทำงานรับใช้พระพุทธศาสนาด้วยการเผยแผ่หลักธรรมของพระพุทธศาสนาด้วย และพัฒนาศักยภาพชีวิตให้มีความรู้ความเข้าใจในการดำเนินชีวิตอย่างถูกต้อง ตามหลักธรรมชาติของชีวิตทุกคนควรประพฤติปฏิบัติ ในช่วงที่บวชใหม่ ผู้เขียนรู้จักวิธีเผยแผ่หลักธรรมต่าง ๆ มากมาย เช่น เทศน์บนธรรมาสน์ให้ญาติโยมและฆราวาสฟังในวันขึ้น ๘ ค่ำ และ ๑๕ ค่ำ เป็นต้น เมื่อมีโอกาสมาใช้ชีวิตในประเทศอินเดีย ได้บรรยายเรื่องสังเวชนียสถานทั้ง ๔ ในแดนพุทธภูมิให้แก่ผู้แสวงบุญชาวไทยฟัง เป็นการกิจกรรมที่ทำอย่างหนึ่งของชีวิต เป็นการช่วยชี้ทางออกของชีวิตให้แก่ผู้อื่น ให้พวกเขาข้ามพ้นกับดักของชีวิต ด้วยการสอนให้เขารู้จักวิธีการคิดวิเคราะห์หาเหตุผลของคำตอบ จนเกิดเป็นความรู้และคิดว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้อง ตัดสินใจนำสู่การลงมือทำให้หลุดพ้นจากปัญหาของชีวิต

นอกจากนี้เมื่อผู้เขียนได้ทำงานพระธรรมวิทยากรนั้น สามารถประเมินทักษะของการทำงาน ในการถ่ายทอดความรู้ทางพระพุทธศาสนาแก่ผู้แสวงบุญได้ ผู้แสวงบุญก็ช่วยให้คำแนะนำแก่เราได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นเรื่องเราต้องนำพัฒนาศักยภาพของตนเองต่อไป ยิ่งในยุคปัจจุบันมีการแชร์ประสบการณ์ชีวิตไว้ ในโลกออนไลน์หลายล้านไฟล์ต่อวัน ทำให้เกิดกระแสเลียนแบบแนวคิดนำไปใช้โดยไม่คิดวิเคราะห์หาเหตุผลของคำตอบว่าถูกต้อง มีเหตุผล เหมาะสมกับศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น ๆ โดยไม่สนใจเงื่อนไขทางสังคมที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ของคนในสังคม ที่แชร์ความเห็นของเขาได้ตลอดเวลาและคำพูดเหล่านั้น เมื่ออ่านแล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงอาการของจิต รู้สึกว่าโดนกับชีวิตตนเอง ทำให้เกิดกดดันบีบบังคับเข้าสู่ชีวิตโดยไม่รู้ตัว โลกออนไลน์จึงเป็นเวทีประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดในโลกให้คนวิพากษ์วิจารณ์ได้ทุกเรื่อง ทำให้เกิดปัญหาทางโลกธรรมเกิดขึ้นเพราะการยึดติดถ้อยคำวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้น ยิ่งผู้มีจิตวิญาณไม่มีสมาธิ มีความอ่อนไหว ไม่มั่นคง และหวั่นไหวต่อโลกธรรมที่จรเข้ามาย่อมให้เกิดความกลัวและเป็นความทุกข์ฟุ้งซ่านเกิดขึ้นจิตวิญญาณได้ ดังนั้นงานพัฒนาศักยภาพชีวิตผู้อื่น เพื่อช่วยเหลือพวกเขามีความรู้ความเข้าใจในชีวิตตนเอง ตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนายังเป็นสิ่งจำเป็นและงานที่ยิ่งใหญ่สำหรับพระภิกษุในพระพุทธศาสนาที่ต้องกล้าใช้ความรู้ความเข้าใจของตนเองให้เกิดทักษะการวิเคราะห์จิตวิญญาณของช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นจากทุกข์ได้เป็นลำดับไป.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น