Aesthetics of the Red Lotus Sea in Buddhaphumi's Philosophy
แนวคิดของปรัชญา
๑.บทนำ
๒.อภิปรัชญา: ความมีอยู่ของทะเลบัวแดง
๓.ญาณวิทยา:ที่มาของความรู้ทะเลบัวแดง
๔.สุนทรียศาสตร์:ความงามของทะเลบัวแดง
๑.บทนำ
เมื่อผู้เขียนมาปฏิบัติศาสนกิจในพิธีพระราชทานเพลิงศพพระสาธุศีลสังวร อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม มีศักดิ์เป็นพระน้องชายของโยมแม่ของอาตมาภาพที่วัดพุทธไสยาราม บ้านเชียงเครือ ตำบลเชียงเครือ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร เมื่อเสร็จสิ้นพิธีพระราชทานเพลิงศพแล้ว ผู้เขียนจึงตัดสินใจเดินทางกลับจังหวัดนครราชสีมา ผ่านจังหวัดอุดรธานี ระยะทาง ๔๗๙ กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางอีก ๗ ชั่วโมง เมื่องานพระราชทานเพลิงศพพระสาธุศีลสังวรได้เสร็จสิ้นแล้วเห็นว่า ยังมีเวลาเหลือในการเดินทางกลับ ผู้เขียนเคยได้ยินข้อเท็จจริงมาว่า ทะเลบัวแดงมีความสวยงาม นักท่องเที่ยวแบ่งปันภาพถ่ายของทะเลดอกบัวทางแพลตฟอร์มอินเตอร์เน็ต มานานหลายปี ผู้เขียนจึงตัดสินใจไปเยี่ยมชมทะเลบัวแดง (The Red Lotus Sea) ที่จังหวัดอุดรธานี เพราะสงสัยว่าทะเลบัวแดงนี้จะสวยงามเหมือนที่นักท่องเที่ยวเคยรีวิวในอินเตอร์เน็ตหรือเปล่า จะมีเหตุผลอธิบายได้อย่างไร เมื่อผู้เขียนชอบศึกษาหาความรู้ในเรื่องนี้ต่อไป โดยตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐานที่นักท่องเที่ยวได้รีวิวสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ในแผนที่โลกกูเกิล ความรู้จากประสบการณ์ผ่านประสาทสัมผัสและสั่งสมอยู่ในจิตใจของผู้เขียนในการไปเยี่ยมชมทะเลบัวแดงแห่งนี้ มาวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้จากหลักฐานต่าง ๆ เพื่อหาเหตุผลมาอธิบายสุนทรียศาสตร์แห่งทะเลบัวแดงในปรัชญาแดนพุทธภูมิ เป็นความรู้ที่ผ่านเกณฑ์การตัดสินที่สมเหตุสมผล ปราศจากข้อสงสัยในความงามของทะเลบัวแดงอีกต่อไป วิธีพิจารณาความจริงทางปรัชญา น่าจะเป็นประโยชน์แก่นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาสาขาปรัชญา ที่ชอบค้นหาความรู้ด้วยเกณฑ์ตัดสินที่สมเหตุสมผลและปราศจากข้อสงสัยในความงามของทะเลบัวแดงอีกต่อไป
๒.อภิปรัชญา: ความมีอยู่ของทะเลบัวแดง
ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ๒๕๕๔ นิยามคำว่า "อภิปรัชญากำหนดเป็นสาขาหนึ่งของปรัชญาว่าด้วยความแท้จริงซึ่งเป็นเนื้อหาสำคัญของปรัชญา จากคำนิยามดังกล่าวปรัชญาได้กล่าวถึงความแท้จริงของสรรพสิ่งนั้นมี ๒ อย่างได้แก่ความแท้จริงของสิ่งโดยสมมติ และความแท้จริงของสิ่งมิได้สมมติอยู่ได้โดยไม่อาศัยเหตุปัจจัยอื่น ทะเลบัวแดงเป็นความแท้จริงโดยสมมติุเพราะอาศัยเหตุปัจจัยของน้ำฝนไหลมารวมกัน ทำให้เกิดทะเลน้ำจืด เมื่อเอาบัวแดงมาปลูกในทะเลน้ำจืดแห่งนี้จึงเรียกทะเลบัวแดงเป็นต้น ทะเลบัวแดงตั้งอยู่ในจังหวัดอุดรธานีมีอาณาเขตติดต่อกับอำเภอต่าง ๆ ดังต่อไป กล่าวคือ
๒.๑ทิศเหนือติดกับตำบลอุ่มจาน อำเภอประจักษ์ศิลปาคม.
๒.๒ทิศตะวันออกติดกับตำบลแชแล อำเภอกุมภวาปี.
๒.๓ทิศใต้จดตำบลเวียงคำ อำเภอกุมภวาปี
๒.๔ทิศตะวันตกจดตำบลเชียงแห้ว อำเภอกุมภวาปี.
ทะเลบัวแดง มีเนื้อที่ ๒๒,๕๐๐ ไร่หรือประมาณ ๓๖ ตารางกิโลเมตร ดังนั้น ทะเลบัวแดงจึงมีอาณาเขตติดต่อ ๒ อำเภอด้วยกัน คืออำเภอประจักษ์ศิลปาคมและอำเภอกุมภวาปี เพื่อเที่ยวชมความงามของทะเลบัวแดง เพื่อให้จิตตนมีสุนทรียภาพผ่อนคลายจากความทุกข์ของชีวิต ทะเลบัวแดงเป็นแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่มีชื่อเสียงในโลกออนไลน์ เพราะมีผู้ค้นหาชื่อนี้แล้ว ๑,๒๘๐,๐๐๐ รายการ หลังจากเที่ยวชมทะเลบัวแดงแล้วก็ตัดสินใจไปไหว้พระที่วัดมิชฌิมาวาส ตำบลอุ่มจาน อำเภประจักษ์ศิลปาคม จังหวัดอุดรธานี ที่วัดแห่งนี้ที่เป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปชื่อพระเจ้าก่ำ เมื่อมาถึงได้รับการต้อนรับจากพระครูประจักษ์ คณานุรักษ์รองเจ้าคณะอำเภอประจักษ์ศิลปาคม นำชมสถานที่วิหารซึ่งเป็นสถานที่ประดิษฐานวิหารหลวงปู่ก่ำ ความหมายของทะเลบัวแดงตามพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้คำนิยามว่า"ทะเล" คือห้วงน้ำเค็มที่เวิ้งว้างกว้างใหญ่แต่เล็กกว่ามหาสมุทร อีกความหมายหนึ่งเป็นคำวิเศษคือที่อยู่หรือเกิดในทะเล เช่น ปลิงทะเล เป็นต้น ส่วนคำว่า หนอง หมายถึงแอ่งน้ำ ส่วนบัวแดง จากคำนิยามนั้น เราสามารถสรุปความรู้ได้ว่าคำว่า ทะเลบัวแดง ไม่ได้ถึงหนองน้ำจืด ที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่แต่เล็กกว่ามหาสมุทร ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตไม่แต่เป็นสภาพปรากฎการณ์ของดอกบัวแดงจำนวนมหาศาลบานสะพรั่งอยู่ในหนองหานกุมภวาปีแห่งนี้ในช่วงฤดูหนาวความหมายของคำว่า "ทะเล" ที่กล่าวไว้ในพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถานเพราะไม่ใช้ห้วงน้ำเค็มแต่เป็นห้วงน้ำจืด เพราะฉนั้นคำว่า "ทะเลบัวแดง" จึงเป็นทะเลน้ำจืดที่มีบัวแดงขึ้นเต็มไปหมด มันเป็นทะเลอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใดติดกับมหาสมุทรเลย เป็นทะเลสาปน้ำจืดที่มีลักษณะอย่างเดียวกันกับหนองหารจังหวัดสกลนคร แต่บัวแดงจะเกิดมากในช่วงฤดูฝน กรมประมงสนับสนุนการปลูกไว้เพื่อท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและเป็นแหล่งประมงน้ำจิต มันเป็นแหล่งธรรมชาติของมนุษย์และกุ้ง หอย ปู ปลาต่าง ๆ อยู่ในทะเลบัวแดงแห่งนี้.
๒.ที่มาของความรู้ทะเลบัวแดง
ตามทฤษฎีบ่อเกิดความรู้ของมนุษย์นั้น ที่เรียกว่า "ประจักษ์นิยม"นั้น มีแนวคิดว่าความรู้และความจริงของมนุษย์นั้นต้องรับรู้ผ่านประสาทสัมผัสเพียงอย่างเดียวเท่านั้น กล่าวคือ ความรู้และความมีอยู่จริงของทะเลบัวแดงนั้น ต้องเกิดจากการรับรู้ประสาทสัมผัสของมนุษย์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ในข้อเท็จจริงนั้น ผู้เขียนเดินทางมาเที่ยวทะเลบัวแดง อำเภอประจักษ์ศิลปคมนั้น ทำให้ผู้เขียนเกิดการรับรู้ความมีอยู่ทะเลบัวแดงผ่านอินทรีย์ ๖หรือประสาทสัมผัสเพียงอย่างเดียวของผู้เขียนเอง ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ อำเภอประจักษ์ศิลปาคม จังหวัดอุดรธานี ผู้เขียนเดินทางถึงสถานที่แห่งนี้เวลาใกล้จะบ่ายโมงแล้ว เมื่อเดินทางมาถึงทะเลบัวแดง ผู้เขียนมองจากฝั่งถนนรอบทะเลบัวแดงแล้ว เห็นว่า ดอกบัวแดงที่เคยเบ่งบานเริ่มหมดอายุขัยไปแล้วไม่น้อยแต่ก็มีจำนวนไม่น้อยให้ผู้เขียนได้เห็นวัฏจักรของบัวแดงในท้องทะเลน้ำจืดแห่งนี้ เพราะหมดฤดูกาลที่จะบานแล้วย่างเข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว แต่ก็มิใช่ว่าบัวแดงของท้องทะเลน้ำจืดแห่งนี้จะไม่มี หน้านี้จะไม่เกิดเพราะยังมีดอกบัวรุ่นใหม่ขึ้นมาอีกแทนดอกบัวรุ่นเก่าแต่ยังบานมีจำนวนไม่มากนักก็เป็นไปตามวัฏจักรของสิ่งมีชีวิตไม่เว้นแม้กระทั่งดอกบัว แต่ทางชาวบ้านผู้ให้บริการเรือท่องเที่ยวบอกว่ากลางบึงนั้นมีวัดตั้งอยู่แห่งหนึ่งซึ่งเป็นวัดของเจ้าคณะอำเภอประจักษ์ศิลปาคมได้ก่อสร้างไว้เพื่อเป็นพุทธบูชาส่งเสริมรายได้ให้ชุมชน ผู้เขียนตัดสินใจลงเรือไปในราคา ๕๐๐ บาทไม่จำกัดชั่วโมง เป็นการส่งเสริมรายได้ให้แก่ชุมชนให้คนรักบ้านเกิดไม่ทอดทิ้งบ้านเรือนไปหางานทำในเมือง แม้จะมีรายได้มากกว่าในชนบท แต่รายจ่ายก็มากเป็นเงาตามตัวเช่นเดียวกัน บวกลบคูหารแล้วเสมอตัว และบางครั้งก็เป็นการทำงานแลกสุขภาพเช่นเดียวกัน เพื่อหารายได้ให้เท่าทันกับรายจ่ายและผู้เขียนจึงคิดไม่เยอะ ที่สำคัญเมื่อเรานึกคิดอย่างไร มองเห็นอะไร พอจะเขียนในบลอกได้ก็จะเป็นประโยชน์แก่ตัวผู้เขียนเองในการพัฒนาศักยภาพการจัดการความรู้ของเราเองและเผยแผ่ความรู้ให้คนอื่นก็น่าจะเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิตของตนเองและผู้อื่นอีกด้วย
๓.สุนทรียศาสตร์: ความงามของทะเลบัวแดง
สุนทรียศาสตร์ในนั่งเรือสูดโอโซนธรรมชาติ เมื่อคณะของเราลงเรือเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นบ่งบอกว่า เรือก้นแบนของชาวบ้านราคา ๑๐๐,๐๐๐ บาท เริ่มล่องไปตามเส้นทางที่ใช้ประจำ การพานักท่องเที่ยวไปเที่ยวชมบัวแดงที่ขึ้นตามธรรมชาติของห้วงน้ำจืดอันเวิ้งว้างอาณาเขตไกลสุดสายตา จิตของฉันเริ่มผ่อนคลายจากความจำเจของชีวิตความสวยงามในภาพของบัวแดงที่เคยเห็นในโลกออนไลน์ห่างหายไปจากความคิด ไม่มีสิ่งใดปรุงแต่งจิตมนุษย์ให้งดงามทุกเวลา แม้กระทั่งบัวแดงที่เคยเห็นในภาพคงอยู่ในความอนิจจัง เสื่อมสลายลงสู่หนองน้ำธรรมชาติแล้วไปนานแล้ว เราจะยึดว่าสิ่งนี้งามตลอดเหมือนความคิดของเราได้อย่างไร หากเราคิดแสดงว่าเรายึดติดในสิ่งไม่เที่ยงแท้และแน่นอน กลิ่นของดินโคลนลอยขึ้นมาสัมผัสจมูกของแตกต่างจากกลิ่นที่เคยสัมผัสในชีวิตประจำวัน เมื่อได้กลิ่นดินจิตได้สั่งสมความรู้ในเยาว์วัยของฉันก็ผุดขึ้นมาเห็นภาพในเยาว์วัย ที่ไร้เดียงหาอาหารกินตามแม้น้ำทวยห้วยหนองชีวิตที่เคยสัมผัสถึงกลิ่นโคลนดินตามห้วยหนองที่ฉันเคยหาปลามาปิ้งเพื่อบรรเทาจากความหิวเพราะอาหารที่กินเข้าไปในท้องเริ่มหมดไป เป็นมโนภาพเห็นชีวิตที่บริสุทธิ์ในยามเยาว์วัยของฉัน ฉันเห็นนกหลายชนิดยืนบนดอกบัวแดงที่ลอยตายทับถมกัน พวกมันก็หาอาหารเป็นกุ้ม หอย ปูปลาที่มีชีวิตเป็น ใช้ปากจิกสัตว์นั้นเป็นอาหาร มิใช่แต่มนุษย์ทำมาหากิน สัตว์นั้นหิวก็ต้องทำมาหากินเช่นเดียวกันชีวิตของมนุษย์และสัตว์เป็นชีวิตต้องสู้เอาตัวรอดด้วยกันทั้งสิ้นเมื่อคิดเช่นนี้แสดงว่าทุกชีวิตกลัวตาจึงต้องดิ้นรนต่อสู้เอาตัวรอด แม้รอดแล้วก็ใช่จะพ้นภัยในวัฏฏะสงสารสุดท้ายก็ต้องเช่นตนเคยตายมาแล้ว แต่ทุกคนไม่กลัวการเกิดจึงเฝ้าอธิษฐานมัดจิตของตนไว้ในภพชาติ ถ้าใครคิดใคร่ครวญด้วยสติปัญญาตนเองได้ก็เอาตัวรอดได้ ใครคิดไม่ได้ก็ต้องตกเป็นเหยื่อของพวกฉลาดแกมโกง ในระหว่างเดินทางบนทะเลน้ำจืดนั่งเรือเข้าไปที่วัด คนขับเรือพาคณะของเราชมทิวทัศน์ของทะเลบัวแดงก่อน มีกลุ่มดอกบัวขึ้นเป็นระยะ ๆ รวมระยะทางประมาณ ๓ กิโลเมตร เขาจะปักธงไว้เป็นระยะเพื่อบอกเส้นทางการเดินเรือ
เมื่อลงเรือแล้ว นัยน์ตาของฉันได้ชมธรรมชาติของทะเลบัวแดงที่ขึ้นอยู่ปะปายเป็นกลุ่ม ๆ เป็นบัวธรรมชาติ ขึ้นเองไม่ได้มีการปลูกไว้จะบานตั้งแต่ ๓ทุ่มวันวานไปจน ถึง ๑๐ โมงเช้าของวันใหม่ เมื่อเรามาถึงบ่าย ๓ โมงแล้ว บัวย่อมไม่บานรอเราเป็นเรื่องธรรมชาติที่ไม่อาจคาดหวังได้ การจัดสรรบริการนักท่องเที่ยวเป็นไปตามระบบตามคิวของเจ้าของเรือที่ลงทะเบียนไว้เงิน ๕๐๐ บาท สี่ร้อยบาทเจ้าของเรือได้ อีก ๑๐๐ บาทมอบไว้เป็นกองทุนส่วนกลางเป็นค่าบริหารจัดการดูแลรักษาทะเลบัวแดงที่มีเนื้อที่หลายหมื่นไร่ที่เป็นแหล่งอาหารตามธรรมชาติของมนุษย์และสัตว์ทุกชนิดเมื่อเรือเคลื่อนที่ออกจากฝั่งเรามองเห็นเส้นทางการเดินเรือที่ผ่านการใช้งานอย่างโชกโชนตลอดเส้นทางมีการปลูกบัวแดงไว้โดยตลอด แม้จะไม่บานเราก็ได้ผัสสะธรรมชาติที่แท้จริงของมันในยามนี้อากาศร้อนชื่น เพราะน้ำกลั่นตัวเองเป็นไอความร้อนชื่นของอุณหภูมิมาผัสสะให้อารมณ์แตกต่างจากการผัสสะบนโต๊ะคอมพิวเตอร์เรารู้ศึกปล่อยวางว่างจากความเครียดที่ทำงานมาแล้วหลายชั่วรู้สึกว่าตนเองมีความสุขขึ้น ให้พลังแฝงที่เป็นความเครียดได้ระบายออกมาจากกายและจิตของเรา
พระเจ้าก่ำเป็นพระพุทธรูปอันศักดิ์สิทธิ์ (หลวงปู่ก่ำ) คู่บ้านคู่เมืองที่มีอายุนับพันปี
มีเรื่องราวเล่าสืบเนื่องกันต่อมาตั้งแต่ในยุคสมัยขอมโบราณถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าก่ำ ผ่านสัญญาความทรงจำของผู้คนรุ่นสมัยก่อนถ่ายทอดด้วยวิธีมุขปาฐะเล่าสู่กันฟังจนมาถึงปัจจุบันนี้ พระเจ้าก่ำประดิษฐาน ณ วัดมัชฌิมวาส บ้านดอนคง อำเภอประจักษ์ศิลปาคม จังหวัดอุดรธานี เป็นวัดในสังกัดมหานิกาย มีเนื้อที่ ๖ ไร่ ๑๐ ตารางวา วัดมัชฌิมวาส สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๕ แต่ชาวบ้านยังนิยมเรียกว่า "วัดบ้านดอนคง " ขึ้นทะเบียน มีชื่อเรียกว่า "วัดมัชฌิมาวาส" ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๐ ปัจจุบันมี พระครูประจักษ์คณารักษ์เป็นเจ้าอาวาสและรองเจ้าคณะอำเภอประจักษ์ศิลปาคม เป็นผู้ดูแลพระเจ้าก่ำพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ พระเจ้าก่ำเป็นพระพุทธรุปโบราณที่หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์นับอายุตั้งแต่ปี พ.ศ. ๑๒๕๒ มาถึงปี ๒๕๖๐ แล้วอายุไม่น้อยกว่า ๑,๓๐๘ ปี มีขนาดสูง๑๒๓ เซนติเมตรกว้าง ๘๒ เซนติเมตรที่ฐานของพระพุทธรูปมีตัวอักษรจารึกเป็นภาษาไทยน้อยมีใจความว่า "ศักราช ๗๑ ปีกัดเป้าเดือนเจียง วัน ๔ ค่ำขึ้น ๔ ค่ำ แสนสุขา พร้อมด้วยทายาทเป็นผู้สร้าง" ถ้าเราแปลตามภาษาไทยแล้วมีใจความว่าดังนี้
๑.คำว่า ศักราช ๗๑ ตัวเทียบกับปี พ.ศ. ๑๒๕๒
๒.ปีกัดเป้าตรงกับปีฉลู เดือนเจียงตรงกับเดือน ๑ วันที่ ๔ ตรงกับวันพุทธขึ้น ๔ ค่ำ
๓.แสนสุขาเป็นตำแหน่งหรือศักดินาทางการปกครองในสมัยนั้นก็ได้
ตรงนี้มีเรื่องที่ปู่ย่าตายายเล่าเสริมกันมาว่าคนสมัยโบราณคงน่าจะเป็นยุคขอมโบราณพากันไปสร้างพระธาตุพนมตามตำนานที่ว่าสร้างเป็นอุโมงค์บรรจุพระอุรังคธาตุหลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว ๒ เดือน....หลังจากนั้นพอสร้างเสร็จก็มีการเดินทางไปตามเส้นทางบริเวณนี้ต่อมาเกิดเกวียนล่มขึ้นมาและมีเหตุการณ์หยุดซ่อมแซม พวกคนโบราณจึงมีการสร้างสิมและพระธาตุสันนิษฐานว่าได้แก่บริเวณวัดโนนธาตุปัจจุบันส่วนที่เป็นหมู่บ้านดอนคงก็เป็นเส้นทางที่คนสมัยโบราณได้พากันขนศิลาแลงไปสร้างเสร็จพระธาตุพนม แต่พอรู้ข่าวสร้างเสร็จ แล้วพากันมาสร้างสิมและพระธาตุที่บริเวณวัดมัชฌิมาวาสในปัจจุบันนี้นั้นเองอีกที่หนึ่งบริเวณในปัจจุบันนี้นั้นเอง อีกที่หนึ่งที่อยู่ใกล้กันปัจจุบันเรียกว่า "วัดป่าดอนพระ" ครั้งแรกเมื่อพบพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ องค์พระพุทธรูปเปรอะเปื้อนด้วยคราบตระไคร้น้ำมากจนองค์พระสีเขี้ยวคร้ำไปทั้งองค์ชาวบ้านจึงเรียกกันว่าหลวงปู่ก่ำ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น