Aesthetics of the Red Lotus Sea in Buddhaphumi's Philosophy

แนวคิดของปรัชญา
๑.บทนำ
๒.อภิปรัชญา: ความมีอยู่ของทะเลบัวแดง
๓.ญาณวิทยา:ที่มาของความรู้ทะเลบัวแดง
๔.สุนทรียศาสตร์:ความงามของทะเลบัวแดง
๑.บทนำ
เมื่อผู้เขียนได้มาปฏิบัติศาสนกิจในพิธีพระราชทานเพลิงศพ พระสาธุศีลสังวร อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องชายของมารดาของผู้เขียน ณ วัดพุทธไสยาราม บ้านเชียงเครือ ตำบลเชียงเครือ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร เมื่อเสร็จสิ้นพิธีพระราชทานเพลิงศพแล้ว ผู้เขียนจึงตัดสินใจเดินทางกลับจังหวัดนครราชสีมา โดยผ่านจังหวัดอุดรธานี ระยะทาง ๔๗๙ กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางอีก ๗ ชั่วโมง เมื่อพิธีพระราชทานเพลิงศพเสร็จสิ้น และเห็นว่ายังมีเวลาเดินทางกลับ ผู้เขียนได้ยินมาว่าทะเลบัวแดงสวยงามมากจากนักท่องเที่ยวที่ได้เดินทางไปเที่ยวหลายครั้งและได้แชร์ภาพถ่ายของทะเลบัวแดงทางอินเตอร์เน็ตมาหลายปี เมื่อผู้เขียนรับรู้แล้วก็เก็บภาพเหล่านั้น เป็นอารมณ์ที่สั่งสมอยู่ในจิตใจ ก็ใช้เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์โดยการคาดคะเนความจริงจากภาพถ่ายบนอินเตอร์เน็ตเพื่อพิสูจน์ความจริงในเรื่องนี้ โดยการใช้เหตุผล ซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญาในการอธิบายความจริงของความงามทะเลบัวแดง
แม้ความงามของภาพถ่ายทะเลบัวแดงจะสวยงามเพียงใดก็ตาม แต่พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า เมื่อได้ยินความจริงในเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่เล่าต่อ ๆ กันมาเช่นความงามของทะเลบัวแดง เป็นต้น เราไม่ควรเชื่อทันทีว่าเป็นความจริง ควรสงสัยเสียก่อน จนกว่าจะได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยตรง และรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ เมื่อมีหลักฐานเพียงพอ ก็จะใช้เป็นข้อมูลพิสูจน์ความจริงต่อไป เมื่อข้อเท็จจริงในเรื่องความงามทะเลบัวแดง ยังไม่สิ้นสุดเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ผู้เขียน จึงตัดสินใจไปเยือนทะเลบัวแดง (The Red Lotus Sea) ที่จังหวัดอุดรธานี ด้วยความสงสัยว่าทะเลบัวแดงจะสวยงามอย่างที่นักท่องเที่ยวรีวิวในอินเตอร์เน็ตหรือไม่ เพื่อพิสูจน์ความจริงในเรื่องนี้ด้วยตนเองและผู้เขียนชอบศึกษาหาความรู้ในเรื่องนี้อยู่แล้ว จึงได้เดินทางเยือนทะเลบัวแดง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ ที่นักท่องเที่ยวได้รีวิวสถานที่ท่องเที่ยวบนแผนที่โลกกูเกิล และความรู้จากประสบการณ์ผ่านประสาทสัมผัสที่สั่งสมในจิตใจของผู้เขียน จากการไปเยี่ยมชมทะเลบัวแดง ผู้เขียนก็จะใช้หลักฐานเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้จากหลักฐานต่าง ๆ เพื่อพิสูจน์ความจริงโดยใช้เหตุผล ซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญาในการอธิบายงามแห่งทะเลบัวแดงในปรัชญาพุทธภูมิ นับเป็นความรู้ที่ผ่านเกณฑ์การตัดสินที่สมเหตุสมผล ไม่ทิ้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความงามของทะเลบัวแดงอีกต่อไป วิธีพิจารณาความจริงในปรัชญา น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาสาขาปรัชญา ที่ชอบค้นคว้าหาความรู้ด้วยเกณฑ์ตัดสินที่สมเหตุสมผล และไม่ทิ้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความงามของทะเลบัวแดงอีกต่อไป
๒.อภิปรัชญา: การมีอยู่ของทะเลบัวแดง
ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ๒๕๕๔ คำว่า "อภิปรัชญา" มีความหมายว่าเป็นสาขาหนึ่งของปรัชญาเกี่ยวกับความจริงซึ่งเป็นเนื้อหาสำคัญของปรัชญา จากนิยาม ปรัชญาได้กล่าวถึงสัจธรรมของสรรพสิ่งไว้ ๒ ประการ คือ ความจริงที่สมมติขึ้นและความจริงขั้นปรมัตถ์ ซึ่งมีอยู่โดยไม่ต้องอาศัยปัจจัยอื่น ทะเลบัวแดงเป็นความจริงที่สมมติุขึ้น เพราะอาศัยปัจจัยน้ำฝนที่ไหลมารวมกัน จึงเกิดเป็นทะเลน้ำจืด เมื่อนำดอกบัวแดงมาปลูกในทะเลน้ำจืดนี้ จึงเรียกว่า "ทะเลบัวแดง" เป็นต้น ทะเลบัวแดงตั้งอยู่ในจังหวัดอุดรธานีมีอาณาเขตติดต่อกับอำเภอต่าง ๆ ดังนี้
๒.๑ ทิศเหนือ ติดกับตำบลอุ่มจาน อำเภอประจักษ์ศิลปาคม.
๒.๒ ทิศตะวันออก ติดกับตำบลแชแล อำเภอกุมภวาปี.
๒.๓ทิศใต้ติดกับตำบลเวียงคำ อำเภอกุมภวาปี
๒.๔ทิศตะวันตกติดกับตำบลเชียงแห้ว อำเภอกุมภวาปี.

ทะเลบัวแดง มีพื้นที่ ๒๒,๕๐๐ ไร่หรือประมาณ ๓๖ ตารางกิโลเมตร ทะเลบัวแดงจึงอยู่ติดกับอำเภอประจักษ์ศิลปาคมและอำเภอกุมภวาปี หากต้องการเที่ยวชมความสวยงามของทะเลบัวแดง ผ่อนคลายจิตใจจากความทุกข์ของชีวิต ทะเลบัวแดงจึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงในโลกออนไลน์ เนื่องจากมีผู้ค้นหาชื่อนี้ถึง ๑,๒๘๐,๐๐๐ รายการ หลังจากเที่ยวชมทะเลบัวแดง เราจึงตัดสินใจไปสักการะพระพุทธปฏิมากร ที่วัดมิชฌิมาวาส ตำบลอุ่มจาน อำเภประจักษ์ศิลปาคม จังหวัดอุดรธานี วัดนี้เป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปชื่อ "พระเจ้าก่ำ" เมื่อมาถึง พระครูประจักษ์คณานุรักษ์ รองเจ้าคณะอำเภอประจักษ์ศิลปาคม ต้อนรับเราและพาเราไปเที่ยวชมวัดที่ประดิษฐานหลวงปู่ก่ำ ความหมายของ "ทะเลบัวแดง" ตามพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้คำนิยามว่า"ทะเล" คือห้วงน้ำเค็มที่เวิ้งว้างกว้างใหญ่แต่เล็กกว่ามหาสมุทร อีกความหมายหนึ่งเป็นคำวิเศษคือที่อยู่หรือเกิดในทะเล เช่น ปลิงทะเล เป็นต้น ส่วนคำว่า หนอง หมายถึงแอ่งน้ำ ส่วนบัวแดง จากคำนิยามนั้น เราสามารถสรุปความรู้ได้ว่าคำว่า ทะเลบัวแดง ไม่ได้ถึงหนองน้ำจืด ที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่แต่เล็กกว่ามหาสมุทร ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตไม่แต่เป็นสภาพปรากฎการณ์ของดอกบัวแดงจำนวนมหาศาลบานสะพรั่งอยู่ในหนองหานกุมภวาปีแห่งนี้ในช่วงฤดูหนาวความหมายของคำว่า "ทะเล" ที่กล่าวไว้ในพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถานเพราะไม่ใช้ห้วงน้ำเค็มแต่เป็นห้วงน้ำจืด เพราะฉนั้นคำว่า "ทะเลบัวแดง" จึงเป็นทะเลน้ำจืดที่มีบัวแดงขึ้นเต็มไปหมด มันเป็นทะเลอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใดติดกับมหาสมุทรเลย เป็นทะเลสาปน้ำจืดที่มีลักษณะอย่างเดียวกันกับหนองหารจังหวัดสกลนคร แต่บัวแดงจะเกิดมากในช่วงฤดูฝน กรมประมงสนับสนุนการปลูกไว้เพื่อท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและเป็นแหล่งประมงน้ำจิต มันเป็นแหล่งธรรมชาติของมนุษย์และกุ้ง หอย ปู ปลาต่าง ๆ อยู่ในทะเลบัวแดงแห่งนี้.

๒.ที่มาของความรู้ทะเลบัวแดง
ตามทฤษฎีบ่อเกิดความรู้ของมนุษย์นั้น ที่เรียกว่า "ประจักษ์นิยม"นั้น มีแนวคิดว่าความรู้และความจริงของมนุษย์นั้นต้องรับรู้ผ่านประสาทสัมผัสเพียงอย่างเดียวเท่านั้น กล่าวคือ ความรู้และความมีอยู่จริงของทะเลบัวแดงนั้น ต้องเกิดจากการรับรู้ประสาทสัมผัสของมนุษย์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ในข้อเท็จจริงนั้น ผู้เขียนเดินทางมาเที่ยวทะเลบัวแดง อำเภอประจักษ์ศิลปคมนั้น ทำให้ผู้เขียนเกิดการรับรู้ความมีอยู่ทะเลบัวแดงผ่านอินทรีย์ ๖หรือประสาทสัมผัสเพียงอย่างเดียวของผู้เขียนเอง ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ อำเภอประจักษ์ศิลปาคม จังหวัดอุดรธานี ผู้เขียนเดินทางถึงสถานที่แห่งนี้เวลาใกล้จะบ่ายโมงแล้ว เมื่อเดินทางมาถึงทะเลบัวแดง ผู้เขียนมองจากฝั่งถนนรอบทะเลบัวแดงแล้ว เห็นว่า ดอกบัวแดงที่เคยเบ่งบานเริ่มหมดอายุขัยไปแล้วไม่น้อยแต่ก็มีจำนวนไม่น้อยให้ผู้เขียนได้เห็นวัฏจักรของบัวแดงในท้องทะเลน้ำจืดแห่งนี้ เพราะหมดฤดูกาลที่จะบานแล้วย่างเข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว แต่ก็มิใช่ว่าบัวแดงของท้องทะเลน้ำจืดแห่งนี้จะไม่มี หน้านี้จะไม่เกิดเพราะยังมีดอกบัวรุ่นใหม่ขึ้นมาอีกแทนดอกบัวรุ่นเก่าแต่ยังบานมีจำนวนไม่มากนักก็เป็นไปตามวัฏจักรของสิ่งมีชีวิตไม่เว้นแม้กระทั่งดอกบัว แต่ทางชาวบ้านผู้ให้บริการเรือท่องเที่ยวบอกว่ากลางบึงนั้นมีวัดตั้งอยู่แห่งหนึ่งซึ่งเป็นวัดของเจ้าคณะอำเภอประจักษ์ศิลปาคมได้ก่อสร้างไว้เพื่อเป็นพุทธบูชาส่งเสริมรายได้ให้ชุมชน ผู้เขียนตัดสินใจลงเรือไปในราคา ๕๐๐ บาทไม่จำกัดชั่วโมง เป็นการส่งเสริมรายได้ให้แก่ชุมชนให้คนรักบ้านเกิดไม่ทอดทิ้งบ้านเรือนไปหางานทำในเมือง แม้จะมีรายได้มากกว่าในชนบท แต่รายจ่ายก็มากเป็นเงาตามตัวเช่นเดียวกัน บวกลบคูหารแล้วเสมอตัว และบางครั้งก็เป็นการทำงานแลกสุขภาพเช่นเดียวกัน เพื่อหารายได้ให้เท่าทันกับรายจ่ายและผู้เขียนจึงคิดไม่เยอะ ที่สำคัญเมื่อเรานึกคิดอย่างไร มองเห็นอะไร พอจะเขียนในบลอกได้ก็จะเป็นประโยชน์แก่ตัวผู้เขียนเองในการพัฒนาศักยภาพการจัดการความรู้ของเราเองและเผยแผ่ความรู้ให้คนอื่นก็น่าจะเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิตของตนเองและผู้อื่นอีกด้วย
๓.สุนทรียศาสตร์: ความงามของทะเลบัวแดง

สุนทรียศาสตร์ในนั่งเรือสูดโอโซนธรรมชาติ เมื่อคณะของเราลงเรือเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นบ่งบอกว่า เรือก้นแบนของชาวบ้านราคา ๑๐๐,๐๐๐ บาท เริ่มล่องไปตามเส้นทางที่ใช้ประจำ การพานักท่องเที่ยวไปเที่ยวชมบัวแดงที่ขึ้นตามธรรมชาติของห้วงน้ำจืดอันเวิ้งว้างอาณาเขตไกลสุดสายตา จิตของฉันเริ่มผ่อนคลายจากความจำเจของชีวิตความสวยงามในภาพของบัวแดงที่เคยเห็นในโลกออนไลน์ห่างหายไปจากความคิด ไม่มีสิ่งใดปรุงแต่งจิตมนุษย์ให้งดงามทุกเวลา แม้กระทั่งบัวแดงที่เคยเห็นในภาพคงอยู่ในความอนิจจัง เสื่อมสลายลงสู่หนองน้ำธรรมชาติแล้วไปนานแล้ว เราจะยึดว่าสิ่งนี้งามตลอดเหมือนความคิดของเราได้อย่างไร หากเราคิดแสดงว่าเรายึดติดในสิ่งไม่เที่ยงแท้และแน่นอน กลิ่นของดินโคลนลอยขึ้นมาสัมผัสจมูกของแตกต่างจากกลิ่นที่เคยสัมผัสในชีวิตประจำวัน เมื่อได้กลิ่นดินจิตได้สั่งสมความรู้ในเยาว์วัยของฉันก็ผุดขึ้นมาเห็นภาพในเยาว์วัย ที่ไร้เดียงหาอาหารกินตามแม้น้ำทวยห้วยหนองชีวิตที่เคยสัมผัสถึงกลิ่นโคลนดินตามห้วยหนองที่ฉันเคยหาปลามาปิ้งเพื่อบรรเทาจากความหิวเพราะอาหารที่กินเข้าไปในท้องเริ่มหมดไป เป็นมโนภาพเห็นชีวิตที่บริสุทธิ์ในยามเยาว์วัยของฉัน ฉันเห็นนกหลายชนิดยืนบนดอกบัวแดงที่ลอยตายทับถมกัน พวกมันก็หาอาหารเป็นกุ้ม หอย ปูปลาที่มีชีวิตเป็น ใช้ปากจิกสัตว์นั้นเป็นอาหาร มิใช่แต่มนุษย์ทำมาหากิน สัตว์นั้นหิวก็ต้องทำมาหากินเช่นเดียวกันชีวิตของมนุษย์และสัตว์เป็นชีวิตต้องสู้เอาตัวรอดด้วยกันทั้งสิ้นเมื่อคิดเช่นนี้แสดงว่าทุกชีวิตกลัวตาจึงต้องดิ้นรนต่อสู้เอาตัวรอด แม้รอดแล้วก็ใช่จะพ้นภัยในวัฏฏะสงสารสุดท้ายก็ต้องเช่นตนเคยตายมาแล้ว แต่ทุกคนไม่กลัวการเกิดจึงเฝ้าอธิษฐานมัดจิตของตนไว้ในภพชาติ ถ้าใครคิดใคร่ครวญด้วยสติปัญญาตนเองได้ก็เอาตัวรอดได้ ใครคิดไม่ได้ก็ต้องตกเป็นเหยื่อของพวกฉลาดแกมโกง ในระหว่างเดินทางบนทะเลน้ำจืดนั่งเรือเข้าไปที่วัด คนขับเรือพาคณะของเราชมทิวทัศน์ของทะเลบัวแดงก่อน มีกลุ่มดอกบัวขึ้นเป็นระยะ ๆ รวมระยะทางประมาณ ๓ กิโลเมตร เขาจะปักธงไว้เป็นระยะเพื่อบอกเส้นทางการเดินเรือ

เมื่อลงเรือแล้ว นัยน์ตาของฉันได้ชมธรรมชาติของทะเลบัวแดงที่ขึ้นอยู่ปะปายเป็นกลุ่ม ๆ เป็นบัวธรรมชาติ ขึ้นเองไม่ได้มีการปลูกไว้จะบานตั้งแต่ ๓ทุ่มวันวานไปจน ถึง ๑๐ โมงเช้าของวันใหม่ เมื่อเรามาถึงบ่าย ๓ โมงแล้ว บัวย่อมไม่บานรอเราเป็นเรื่องธรรมชาติที่ไม่อาจคาดหวังได้ การจัดสรรบริการนักท่องเที่ยวเป็นไปตามระบบตามคิวของเจ้าของเรือที่ลงทะเบียนไว้เงิน ๕๐๐ บาท สี่ร้อยบาทเจ้าของเรือได้ อีก ๑๐๐ บาทมอบไว้เป็นกองทุนส่วนกลางเป็นค่าบริหารจัดการดูแลรักษาทะเลบัวแดงที่มีเนื้อที่หลายหมื่นไร่ที่เป็นแหล่งอาหารตามธรรมชาติของมนุษย์และสัตว์ทุกชนิดเมื่อเรือเคลื่อนที่ออกจากฝั่งเรามองเห็นเส้นทางการเดินเรือที่ผ่านการใช้งานอย่างโชกโชนตลอดเส้นทางมีการปลูกบัวแดงไว้โดยตลอด แม้จะไม่บานเราก็ได้ผัสสะธรรมชาติที่แท้จริงของมันในยามนี้อากาศร้อนชื่น เพราะน้ำกลั่นตัวเองเป็นไอความร้อนชื่นของอุณหภูมิมาผัสสะให้อารมณ์แตกต่างจากการผัสสะบนโต๊ะคอมพิวเตอร์เรารู้ศึกปล่อยวางว่างจากความเครียดที่ทำงานมาแล้วหลายชั่วรู้สึกว่าตนเองมีความสุขขึ้น ให้พลังแฝงที่เป็นความเครียดได้ระบายออกมาจากกายและจิตของเรา

พระเจ้าก่ำเป็นพระพุทธรูปอันศักดิ์สิทธิ์ (หลวงปู่ก่ำ) คู่บ้านคู่เมืองที่มีอายุนับพันปี
มีเรื่องราวเล่าสืบเนื่องกันต่อมาตั้งแต่ในยุคสมัยขอมโบราณถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าก่ำ ผ่านสัญญาความทรงจำของผู้คนรุ่นสมัยก่อนถ่ายทอดด้วยวิธีมุขปาฐะเล่าสู่กันฟังจนมาถึงปัจจุบันนี้ พระเจ้าก่ำประดิษฐาน ณ วัดมัชฌิมวาส บ้านดอนคง อำเภอประจักษ์ศิลปาคม จังหวัดอุดรธานี เป็นวัดในสังกัดมหานิกาย มีเนื้อที่ ๖ ไร่ ๑๐ ตารางวา วัดมัชฌิมวาส สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๕ แต่ชาวบ้านยังนิยมเรียกว่า "วัดบ้านดอนคง " ขึ้นทะเบียน มีชื่อเรียกว่า "วัดมัชฌิมาวาส" ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๐ ปัจจุบันมี พระครูประจักษ์คณารักษ์เป็นเจ้าอาวาสและรองเจ้าคณะอำเภอประจักษ์ศิลปาคม เป็นผู้ดูแลพระเจ้าก่ำพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ พระเจ้าก่ำเป็นพระพุทธรุปโบราณที่หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์นับอายุตั้งแต่ปี พ.ศ. ๑๒๕๒ มาถึงปี ๒๕๖๐ แล้วอายุไม่น้อยกว่า ๑,๓๐๘ ปี มีขนาดสูง๑๒๓ เซนติเมตรกว้าง ๘๒ เซนติเมตรที่ฐานของพระพุทธรูปมีตัวอักษรจารึกเป็นภาษาไทยน้อยมีใจความว่า "ศักราช ๗๑ ปีกัดเป้าเดือนเจียง วัน ๔ ค่ำขึ้น ๔ ค่ำ แสนสุขา พร้อมด้วยทายาทเป็นผู้สร้าง" ถ้าเราแปลตามภาษาไทยแล้วมีใจความว่าดังนี้
๑.คำว่า ศักราช ๗๑ ตัวเทียบกับปี พ.ศ. ๑๒๕๒
๒.ปีกัดเป้าตรงกับปีฉลู เดือนเจียงตรงกับเดือน ๑ วันที่ ๔ ตรงกับวันพุทธขึ้น ๔ ค่ำ
๓.แสนสุขาเป็นตำแหน่งหรือศักดินาทางการปกครองในสมัยนั้นก็ได้
ตรงนี้มีเรื่องที่ปู่ย่าตายายเล่าเสริมกันมาว่าคนสมัยโบราณคงน่าจะเป็นยุคขอมโบราณพากันไปสร้างพระธาตุพนมตามตำนานที่ว่าสร้างเป็นอุโมงค์บรรจุพระอุรังคธาตุหลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว ๒ เดือน....หลังจากนั้นพอสร้างเสร็จก็มีการเดินทางไปตามเส้นทางบริเวณนี้ต่อมาเกิดเกวียนล่มขึ้นมาและมีเหตุการณ์หยุดซ่อมแซม พวกคนโบราณจึงมีการสร้างสิมและพระธาตุสันนิษฐานว่าได้แก่บริเวณวัดโนนธาตุปัจจุบันส่วนที่เป็นหมู่บ้านดอนคงก็เป็นเส้นทางที่คนสมัยโบราณได้พากันขนศิลาแลงไปสร้างเสร็จพระธาตุพนม แต่พอรู้ข่าวสร้างเสร็จ แล้วพากันมาสร้างสิมและพระธาตุที่บริเวณวัดมัชฌิมาวาสในปัจจุบันนี้นั้นเองอีกที่หนึ่งบริเวณในปัจจุบันนี้นั้นเอง อีกที่หนึ่งที่อยู่ใกล้กันปัจจุบันเรียกว่า "วัดป่าดอนพระ" ครั้งแรกเมื่อพบพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ องค์พระพุทธรูปเปรอะเปื้อนด้วยคราบตระไคร้น้ำมากจนองค์พระสีเขี้ยวคร้ำไปทั้งองค์ชาวบ้านจึงเรียกกันว่าหลวงปู่ก่ำ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น