Imagination is more important than knowledge in Buddhaphum's philosophy
คำสำคัญ มโนภาพ ความรู้ มนุษย์
บทนำ มโนภาพสำคัญกว่าความรู้
ชีวิตมนุษย์โดยทั่วไป พระพุทธเจ้าทรงสอนว่าชีวิตมนุษย์เป็นผลจากปัจจัยทางวิญญาณที่ปฏิสนธิในครรภ์มารดา ทำให้ปัจจัยทางร่างกายและจิตใจมารวมกันในครรภ์มารดา ทารกจะอยู่ในครรภ์มารดาเป็นเวลา ๙ เดือน จากนั้นจึงเกิดมาเป็นมนุษย์คนใหม่ อาศัยอยู่บนโลกเพียงช่วงระยะเวลาหนึ่งก่อนจะตายตามกฏธรรมชาติ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่มนุษย์สามารถรับรู้ผ่านอายตนะภายในร่างกายของตนเอง ไม่อาจหนีจากกฎธรรมชาตินี้ได้ แม้ว่าชีวิตมนุษย์จะก้าวหน้าไปพร้อมกับวิทยาศาสตร์การแพทย์ก็ตาม
แต่ถึงขนาดที่การปฏิสนธิในหลอดแก้วสามารถทำได้โดยการผสมเทียมนอกครรภ์มารดา ก็ยังต้องใช้ครรภ์มารดาในการเลี้ยงดูทารกจากสายสะดือต่อกับครรภ์มารดาอยู่ดี แต่ปัจจัยที่จะเกิดเป็นมนุษย์ต้องไม่ขาดทั้งร่างกายและจิตใจ หากร่างกายมนุษยตายไปจิตใจก็ไม่สามารถพึ่งร่างกายในการรับรู้สิ่งต่าง ๆ โลก มนุษย์ และจักรวาลได้เพราะร่างกายไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไป จิตใจต้องปล่อยให้ร่างกายกลับสู่ธรรมชาติไป ส่วนจิตวิญญาณก็จะไปเกิดในภพอื่น
ดังนั้น เมื่อชีวิตมนุษย์ประกอบด้วยร่างกายและจิตใจแล้ว ธรรมชาติของจิตก็คือ การรับรู้โดยใช้ร่างกายของมนุษย์เชื่อมโยงกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของโลก เช่น ภูเขา แม่น้ำ ทะเล น้ำตก และพฤติกรรมของมนุษย์ที่แสดงออกมาในเครือข่ายสังคมออนไลน์ เป็นต้น เมื่อรับรู้แล้ว จิตใจของมนุษย์จะต้องรวบรวมเรื่องราวเหล่านั้น เป็นหลักฐานทางอารมณ์และจัดเก็บไว้ในจิตใจ แต่ธรรมชาติของจิตไม่เพียงมีหน้าที่รู้ และรวบรวมหลักฐานทางอารมณ์จัดเก็บไว้ในจิตใจเท่านั้น แต่ธรรมชาติของจิตยังมีหน้าที่คิดด้วย เมื่อรู้สิ่งใดแล้ว จิตใจก็จะวิเคราะห์ข้อมูลโดยอนุมานความรู้ โดยใช้เหตุผลซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญาในการอธิบายข้อเท็จจริงของคำตอบในเรื่องนั้น แต่การใช้เหตุผลของมนุษย์มักจะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านั้น ตามปฏิภาณของตนเองตามหลักเหตุผล หรือคาดคะเนความจริงของเรื่องใดเรื่องหนึ่ง นักปรัชญาและนักตรรกะในสมัยก่อนพุทธกาล มักใช้เหตุผลอธิบายความจริงของเรื่องนั้นได้ถูกต้องบ้าง หากผลของการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่าข้อเท็จจริงในเรื่องนั้นไม่ชัดเจน เนื่องจากขาดองค์ประกอบความรู้ข้อใดข้อหนึ่งแล้ว
อย่างไรก็ตาม นักปรัชญาชอบแสวงหาความรู้เรื่องนั้นต่อไป ก็จะตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม มาวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้จากหลักฐานต่าง ๆ เพื่อหาเหตุผลมาพิสูจน์ความจริงในเรื่องนั้น เช่น เจ้าชายสิทธัตถะทรงเห็นปัญหาของจัณฑาล ทรงสงสัยเกี่ยวกับที่มาของจัณฑาล พระองค์ทรงสืบหาข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ จากคำให้การของปุโรหิตซึ่งเป็นที่ปรึกษาของพระเจ้าสุทโธทนะในด้านกฎหมายขนบธรรมเนียมและจารีตประเพณี เมื่อปุโรหิตยืนยันความจริงว่าพระพรหมสร้างมนุษย์ และวรรณะขึ้นเพื่อให้มนุษย์ทำงานตามวรรณะที่ตนเกิดมา และยืนยันว่าพวกเขาเคยเห็นพระพรหมในแคว้นสักกะมาก่อน
เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะทรงถามถึงประวัติของพระพรหมก็ไม่มีใครตอบได้ ทำให้พระองค์ทรงไม่เชื่อคำให้การของปุโรหิตและสงสัยถึงการมีอยู่ของพระพรหม เจ้าชายสิทธัตถะทรงปฏิรูปสังคมด้วยระบบการเมืองของอาณาจักรสักกะ เพื่อให้ประชาชนมีสิทธิและหน้าที่เท่าเทียมกัน โดยทรงเสนอกฎหมายยกเลิกขนบธรรมเนียมและประเพณีเกี่ยวกับวรรณะ แต่รัฐสภาไม่เห็นด้วย เพราะขัดต่อหลักราชอปริหานิยธรรมซึ่งถือเป็น "ธรรมของกษัตริย์" และเป็นหลักเกณฑ์ทางกฎหมายในการปกครองประเทศ ในยุคนั้นเทียบได้กับกฎหมายรัฐธรรมนูญจารีตประเพณีสูงสุดในการปกครองประเทศ เป็นต้น
เมื่อผู้เขียนได้ฟังข้อเท็จจริงที่กล่าวมาแล้ว ผู้เขียนก็เกิดความสงสัยว่าเมื่อเจ้าชายสิทธัตถะทรงเห็นปัญหาของจัณฑาลในแคว้นสักกะแล้ว พระองค์ทรงจินตนาการอะไรในพระทัยของพระองค์ เพื่อปฏิรูปสังคมในแคว้นสักกะ (Sakka Country) เพื่่อให้ประชาชนมีสิทธิและเสรีภาพเท่าเทียมกันในการทำงาน การศึกษาเล่าเรียนและบูชาตามเชื่อของศาสนาพราหมณ์ อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนชอบศึกษาเรื่องจินตนาการสำคัญกว่าความรู้ในปรัชญพุทธภูมิ โดยจะพิจารณาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานจากพระไตรปิฎกมหาจุฬา ฯ ตำราวิชาการต่าง ๆ ข้อเท็จจริงจากเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้ เพื่อหาเหตุผลมาอธิบายความจริงในเรื่องนี้ บทความที่ได้มาจากการวิเคราะห์ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ จะเป็นประโยชน์สำหรับพระธรรมทูตต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทย ที่จะนำเสนอข้อเท็จจริงของเรื่องราวต่าง ๆของพระพุทธศาสนาไปเทศน์ ให้ผู้แสวงบุญชาวพุทธในสาธารณรัฐอินเดีย และสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล ส่วนวิธีพิจารณาความความจริงของพระพุทธเจ้านั้น จะเป็นประโยชน์ต่อนักศึกษาปริญญาเอกสาขาปรัชญาและพระพุทธศาสนา นำไปใช้เป็นแนวทางวิเคราะห์ข้อมูลในการทำวิจัยระดับปริญญาเอกต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น