Introduction: Life is a Struggle with Oneself in Buddhaphumi philosophy
บทนำ
การเดินทางนี้ไม่ใช่เรื่อง่าย แต่คุ้มค่า เพราะผลลัพท์คือการหลุดพ้นจากความทุกข์และบรรลุนิพพาน ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของชีวิตตามปรัชญาพุทธภูมิ แนวคิดของการต่อสู่กับตนเองมีรากฐานมาจากคำสอนของพระพุทธเจ้าซึ่งทรงเน้นการพัฒนาจิตใจ การตระหนักรู้ในตนเองและการปล่อยวาง พระองค์ทรงชี้ว่าเหตุแห่งทุกข์คือกิเลสและการขจัดกิเลสเหล่านั้น คือหนทางสู่ความสุขตลอดประวัติศาสตร์ กว่า ๒,๕๐๐ ปี พระภิกษุสงฆ์และผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลาย ได้ยึดถือคำสอนของพระพุทธเจ้านำมาประยุกต์ใช้ในการฝึกฝนตนเอง พัฒนารูปแบบการปฏิบัติธรรมที่หลากหลาย เพื่อช่วยให้ผู้คนต่อสู้กับกิเลสและบรรลุเป้าหมายสูงสุด
แนวคิดนี้แพร่หลายไปทั่วโลกและได้รับการตีความ และประยุกต์ใช้ในบริบทที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม แก่นแท้ของการต่อสู้กับตนเอง ยังคงเป็นหลักการสำคัญในการแสวงหาความสุข และความหลุดพ้นจากความทุกข์ในปรัชญาพุทธภูมิ การตรัสรู้ของพระโพธิสัตว์สิทธัตถะสอนให้บางคนรู้ว่าตนเองเป็นมนุษย์ที่ประกอบด้วยร่างกายและจิตใจ ทุกคนเกิดมาพร้อมกับข้อจำกัดในการรับรู้ชีวิตผ่านอายตนะภายในของตนเอง แต่ละคนมีจุดแข็งจุดอ่อนของตนเอง ไม่มีใครมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ บางคนมีทรัพย์สมบัติ และความสะดวกสบายมากมายในชีวิต แต่กลับไม่มีความสุขเพราะไม่พอใจในสิ่งที่ตนมี บางคนเกิดมายากจน แต่มีความสุขมาก เพราะพอใจในสิ่งที่ตนเป็น บางคนเกิดมาพร้อมความมั่งคั่ง เพชร พลอย ทองและความสะดวกสบายอื่น ๆ ในชีวิต คนรับใช้หลายคนพร้อมรับใช้และทำให้เจ้านายพอใจอยู่เสมอ เมื่อแก่ตัวลง พวกเขาอาจเสียชีวิตเพียงลำพังเพราะพี่น้องเสียชีวิตหมด หรือลูก ๆ ทอดทิ้งพวกเขา เพราะไม่ได้สั่งสอนให้รู้สำนึกในบุญคุณลูกต่อพ่อแม่ ลูุงป้าน้า อาหรือเพื่อนที่เคยรักและห่วงใย เมื่ออายุมากขึ้น พวกเขาไม่สามารถเดินทางไปหากันได้อีกต่อไป เมื่อมีใครสักคนเสียชีวิตก่อนเรา เราจะใช้ชีวิตที่เหลืออย่างไรให้ตายอย่างสงบไร้กังวล
ขณะมีที่ยังชีวิตอยู่ ร่างกายของเรายังคงแข็งแรงอยู่ เรามักดื่มด่ำกับชีวิตที่มีสุขภาพดี ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บและรายล้อมไปด้วยผู้อื่น ชีวิตนี้เป็นประโยชน์ต่อพวกเขา เช่นการมีเงินให้พวกเขาไว้ใช้เป็นต้น เราต้องพัฒนาศักยภาพชีวิตเพื่อเสริมสร้างจิตใจเข้มแข็งและอดทนต่อความท้าทาย ๆ ในชีวิต เราได้เรียนรู้ชีวิตจากผู้อื่นว่า คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตอาจไม่ได้ประสบความสำเร็จตลอดไปเสมอ โปรเจกต์ต่อไปของพวกเขาอาจล้มเหลว ทำให้พวกเขาไม่มีสิ้นเนื้อประดาตัวก็ได้ มีตัวอย่างมากมายในสังคม แม้แต่นักเขียนระดับโลกก็ฆ่าตัวเองตาย เขาเล่าเรื่องราวของเขา เพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่ผู้ทะเยอทะยานเกินไปและอ่อนไหวต่อโลกธรรม ๘ นี่คือ สัจธรรมของปรากฎการณ์ทางสังคมที่การแข่งขันกันอยู่เสมอ
การเรียนพระพุทธศาสนาสอนให้ฉันรู้จักหลักธรรมข้อหนึ่งที่พระพุทธเจ้าทรงประทานแก่มวลมนุษยชาติ คือ ความไม่ประมาทในชีวิต เพราะร่างกายของฉันเป็นของไม่เที่ยงและเสื่อมถอยลงเรื่อย ๆ ตลอดเวลา มนุษย์ต้องรับประทานอาหารเพื่อบำรุงร่างกายและหล่อเลี้ยงจิตใจ นอกจากนี้ มนุษย์ต้องแสวงหาปัจจัยอื่น ๆ ที่จะส่งเสริมชีวิตซึ่งนำไปสู่ความสำเร็จและก้าวหน้าในการทำงานยิ่ง ๆ ขึ้น เป็นต้นการฝึกสมาธิเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิต ช่วยให้มนุษย์ชนะความกลัวได้ เมื่อพวกเขามีสมาธิ มนุษย์รู้สึกมั่นคงและไม่หวั่นไหวต่่อผู้คนที่มีบุคคลิกแตกต่างกัน การพัฒนาความกล้าหาญเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสื่อสารกับผู้อื่นในสังคม การใช้ชีวิตอย่างเป็นส่วนตัวมากเกินไป แม้จะเป็นประโยชน์เพราะลดความขัดแย้ง อย่างไรก็ตาม ก็ขาดทักษะการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นและทำให้ตัดสินใจได้ยาก แม้ในขณะที่เราจะกำลังพยายามทำงานให้ก้าวหน้าในชีวิต เราก็ยังกลัวความผิดพลาด หรือความล้มเหลวในการบรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ นี่เป็นปัญหาพื้นฐานที่ส่งผลกระทบต่อทุกคน ไม่มีใครหลีกพ้นความคิดด้านลบได้ ดังนั้น ความกลัวจึงเป็นปัญหาต่อคุณภาพชีวิตของทุกคนในตอนเด็ก ชีวิตผู้เขียนเต็มไปด้วยความเพ้อฝันและจิตฟุ้งซ่านมาก มีความสุขกับการใช้ชีวิตในโลกจินตนาการ ของตนเองจนแทบจะไม่สนใจโลกรอบตัว พวกเขาพบว่าการไปถึงจุดหมายในฝันนั้นยากลำบากความฝันในชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จนกลายเป็นข้อจำกัดของชีวิต ในขณะต้องที่เราต้องค้นหาตัวตนของตัวเองอย่างไม่สิ้นสุด
เมื่อผู้เขียนเห็นแบบอย่างในการทำงานของพระธรรมวิทยากรได้บรรยายเรื่องราวของพระพุทธเจ้าตามเส้นทางการแสวงบุญติดต่อกันเป็นเวลาหลายชั่วโมงโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพราะเส้นทางแสวงบุญยังไม่ได้รับการพัฒนาให้ก้าวหน้ารองรับการเดินทางของผู้แสวงบุญ กว่าจะถึงพักเป็นเวลาเกือบ ๓-๔ ทุ่มแทบทุกวันและต้องตื่นแต่เช้าทุกวัน เพื่อเดินทางไปแสวงบุญที่เมืองอื่นต่อไปจนกว่าโปรแกรมของการแสวงบุญในสังเวชนียสถานจะสิ้นสุดลงรู้สึกชื่นชมการทำงานไม่เคยท้อถอย เมื่อผู้เขียนมีโอกาสบรรยายในพุทธสถาน จึงไม่ค่อยจะปฏิเสขการรับงานบรรยาย เพราะเป็นเรื่องที่เรามีความรู้อยู่แล้ว เพียงแต่เราพยายามจดจำพุทธสถานแต่ละแห่งนั้นให้แม่นย่ำว่ามีเรื่องราวของเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้างในสถานที่แห่งนั้นในสมัยพุทธกาล การบรรยายบ่อย ๆ ผู้เขียนรู้สึกว่าการพูดได้รับการพัฒนามากยิ่งขึ้นตามลำดับ มองภาพของเรื่องราวในพุทธสถานเด่นชัดยิ่งขึ้น อาการประหม่าที่เคยมีเริ่มหายไปเอง มีความรู้สึกมั่นใจตนเองมากยิ่งขึ้น ความรู้ได้รับการพัฒนาให้มีรายละเอียดมากยิ่งขึ้น ความคิดที่เคยคับแคบหายไปจนหมดสิ้น และรู้ตื่นเบิกบานเกิดขึ้นในใจ ยามที่เห็นผู้แสวงบุญมีความสุขได้มาปฏิบัติบูชาในแดนพุทธภูมิเพราะเส้นทางของแสวงบุญในสมัยก่อนนั้น ถนนหนทางยังไม่ได้รับการพัฒนาให้รถบัสโดยสารสิ่งสะดวกสบายอย่างเช่นทุกวันนี้ เป็นถนนขนาดเล็กลาดยางไว้เป็นเส้นบาง ๆ ระยะทางแค่ ๒๐๐ กิโลเมตร อาจใช้เวลาเกือบ ๑๐-๑๒ ชั่วโมง เป็นต้นเพราะการจราจรคับคั่งด้วยรถบรรทุกสิบล้อที่เดินทางส่งสินค้าระหว่างรัฐอุตตรประเทศกับรัฐพิหาร
ในชีวิตจริงนั้นเรามิใช่จะต่อสู้กับกิเลสภายนอกเท่านั้น แต่กิเลสเหล่านี้ไม่น่ากลัวเท่าไหร่ เพราะเราสามารถหลบเลี่ยงได้การเผชิญหน้าได้ แต่กิเลสภายในตัวเองน่ากลัวยิ่งกว่า เพราะเป็นสิ่งที่สั่งสมอยู่ในตัวเราเอง โดยเฉพาะกิเลสของความกลัวเป็นข้อจำกัดของชีวิตเราเองอย่างมาก และเป็นอุปสรรคปิดกันการบรรลุถึงความฝันของเราเอง การฝึกฝนให้อดทนขจัดข้อจำกัดอยู่ในใจของชีวิตเราให้หมดสิ้นไป เป็นสิ่งต้องทำเสมอ ชีวิตผู้เขียนเคยประหม่า ไม่ค่อยมั่นใจตน สมาธิสั้น และติดอ่างทำให้เป็นคนไม่กล้า แต่ข้อจำกัดเหล่าถูกขจัดไปด้วยความกล้าหาญ กล้าเผชิญกับปัญหาจากการทำงาน จึงทำให้ได้ได้รับโอกาสจากครูอาจารย์หลายท่านและเพื่อนสหธรรมิกไว้วางใจให้รับผิดชอบทำงานอยู่เสมอเพราะมองเห็นศักยภาพของผู้เขียนในการบรรยายความรู้ที่มีอยู่นั้น ให้กล้าพูดและกล้าแสดงออกในการสื่อสารกับผู้อื่น ดังนั้นชีวิตมีแต่ความกลัวแล้ว ก็คงคิดแต่กลัวไปตลอดทั้งชีวิต ทำลายโอกาสดีๆ ของชีวิตที่จรเข้ามาหา จึงดินแดนพุทธภูมิเป็นเวทีที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่พระพุทธเจ้าทรงมอบให้ผู้เขียนได้พัฒนาศักยภาพของตนเองข้ามพ้นข้อจำกัดของชีวิตได้ เป็นต้น
![]() |
| สวนลุมพินีสถานที่ประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ เนปาล |
ชีวิตของฉันและมนุษย์ทุกคนมีจิตวิญญาณเป็นตัวตนที่แท้จริง จุดอ่อนหรือจุดแข็งของชีวิตจึงอยู่ที่จิตมนุษย์ อาการจิตอ่อนแอท้อแท้ หรือเข้มแข็งจะแสดงอาการออกมาทาง สีหน้า ท่าทางของ บุคคลิกภาพของมนุษย์ แต่ละคนที่แสดงออกมาให้คนอื่นได้รับรู้ว่าเป็นคนเช่นไร คนอ่อนแอมักจะมีบุคคลิกภาพ เป็นคนมีจิตใจเป็นคนใจคอ รวนเร โลเล ไม่กล้าตัดสินใจแม้เรื่องนั้นจะเป็นเรื่องง่าย ๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน มักจะเกิดอาการความกลัวอยู่ในใจตนเสมอ โดยเฉพาะการสื่อสารต่อหน้าผู้คนจำนวนหลายร้อยคน มักจะมีอาการของจิตเกิดอาการประหม่า ตกใจง่าย กลัวความผิดพลาดในการสื่อสาร กลายเป็นที่ตลกขบขันเป็นเรื่องโจ๊กที่คนผู้คนเล่าขานนานหลายวัน จนรู้สึกอับอายขายขึ้หน้า และจิตมีอาการไม่มีความมั่นใจตนเองที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมแยกตัวออกมาอยู่เงียบ ๆ กลายเป็นมีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง ไม่มีความสุขในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมนั้น ผู้คนเหล่านี้นับวันมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในยุคปัจจุบัน และใช้ชีวิตเล่นแต่โทรศัพท์มือถือ ชีวิตจึงมีแต่ความเครียดจากการนอนดึก อยู่ในโลกเพ้อฝันมากเกินไป และการถูกล้อเลียนกิริยาท่าทางในบุคคลิกภาพ ผู้คนเหล่านี้เก็บตัวเงียบไม่ยอมสื่อสารกับผู้อื่น คนเหล่านี้ขาดความเพียรในการสู้ชีวิต ยิ่งอายุมากยิ่งขึ้นยิ่งขาดทักษะการสื่อสารอยู่ร่วมกับผู้อื่น

ในชีวิตจริงนั้นเรามิใช่จะต่อสู้กับกิเลสภายนอกเท่านั้น แต่กิเลสเหล่านี้ไม่น่ากลัวเท่าไหร่ เพราะเราสามารถหลบเลี่ยงได้การเผชิญหน้าได้ แต่กิเลสภายในตัวเองน่ากลัวยิ่งกว่า เพราะเป็นสิ่งที่สั่งสมอยู่ในตัวเราเอง โดยเฉพาะกิเลสของความกลัวเป็นข้อจำกัดของชีวิตเราเองอย่างมาก และเป็นอุปสรรคปิดกันการบรรลุถึงความฝันของเราเอง การฝึกฝนให้อดทนขจัดข้อจำกัดอยู่ในใจของชีวิตเราให้หมดสิ้นไป เป็นสิ่งต้องทำเสมอ ชีวิตผู้เขียนเคยประหม่า ไม่ค่อยมั่นใจตน สมาธิสั้น และติดอ่างทำให้เป็นคนไม่กล้า แต่ข้อจำกัดเหล่าถูกขจัดไปด้วยความกล้าหาญ กล้าเผชิญกับปัญหาจากการทำงาน จึงทำให้ได้ได้รับโอกาสจากครูอาจารย์หลายท่านและเพื่อนสหธรรมิกไว้วางใจให้รับผิดชอบทำงานอยู่เสมอเพราะมองเห็นศักยภาพของผู้เขียนในการบรรยายความรู้ที่มีอยู่นั้น ให้กล้าพูดและกล้าแสดงออกในการสื่อสารกับผู้อื่น ดังนั้นชีวิตมีแต่ความกลัวแล้ว ก็คงคิดแต่กลัวไปตลอดทั้งชีวิต ทำลายโอกาสดีๆ ของชีวิตที่จรเข้ามาหา จึงดินแดนพุทธภูมิเป็นเวทีที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่พระพุทธเจ้าทรงมอบให้ผู้เขียนได้พัฒนาศักยภาพของตนเองข้ามพ้นข้อจำกัดของชีวิตได้ เป็นต้น




ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น