The greatest discovery is the natural laws of human life. That everyone is equal Without choosing a social caste as the basis for determining humanity When the soul is the real person of man That accumulates knowledge from the mind with reasons And show his intention to act accordingly Would receive the result of Own action

Breaking

Post Top Ad

Your Ad Spot

วันศุกร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

ปัญหาเกี่ยวกับความจริงของพระนครกบิลพัสดุ์ในพระไตรปิฎก

 The problems with the truth of the ancient  Phra Nakhon Kapilavastu in the Tripitaka

บทนำ ปัญหาอภิปรัชญาเกี่ยวกับพระนครกบิลพัสดุ์ 
  
     เมื่อเราศึกษาปัญหาอภิปรัชญาว่าด้วยความจริงของมนุษย์หรือที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์เช่น พระนครกบิลพัสดุ์ในสมัยโบราณ สวนลุมพินี เป็นต้น ตามหลักวิชาการทางปรัชญานั้น ได้กำหนดกระบวนการวิเคราะห์ความจริงในเรื่องใดเรื่องหนึ่งว่า เมื่อผู้ใดกล่าวถึงข้อเท็จจริงในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จะต้องมีหลักฐานพิสูจน์ความจริงในเรื่องนั้นด้วย ถ้าไม่มีหลักฐานพิสูจน์ข้อเท็จจริงในเรื่องนั้น ถือว่าข้อเท็จจริงที่ได้ยินจากพยานหลักฐานเพียงคนเดียวนั้นไม่น่าเชื่อถือ และมีน้ำหนักของเหตุผลน้อย และนักปรัชญาไม่สามารถยอมรับข้อเท็จจริงนั้นว่าเป็นความจริงได้ เพราะพยานหลักฐานทางปรัชญาส่วนใหญ่เป็นบุคคลธรรมดา พวกเขาเป็นคนเห็นแก่ตัว มักชอบอคติต่อผู้อื่นที่เกิดขึ้นจากสาเหตุของความโง่เขลา, ความกลัว, ความเกลียดชังและความรักใคร่ชอบพอ เป็นต้น นอกจากนี้มนุษย์มีข้อจำกัดของอวัยวะอินทรีย์ทั้ง ๖ ของร่างกายตนเองในการรับรู้ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติและเหตุการณ์ทางสังคมมนุษย์ที่เกิดขึ้นในอดีตที่ย้อนเวลากลับไปกว่า ๒,๕๐๐ ปีแล้ว หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นห่างไกลออกไปเกินประสาทสัมผัสจะรับรู้ได้ เป็นต้น   ตามแนวคิดอภิปรัชญาเกี่ยวกับความจริงของสิ่งต่าง ๆ รอบตัวมนุษย์ นักปรัชญาสนใจศึกษาปัญหาความจริงของมนุษย์ โลก จักรวาลและข้อพิสูจน์การมีอยู่ของเทพเจ้า เป็นต้น   ความจริงทางอภิปรัชญา สามารถแบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ 

๑.ความจริงที่สมมติขึ้น (hypothetical reality) โดยทั่วไป มนุษย์อาศัยอยู่ท่าม  กลางสภาพแวดล้อมโดยรอบตัวเอง อาจเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติหรือเหตุการณ์ทางสังคมที่เกิดขึ้นก็ได้ มันจะคงอยู่ในสถานะนี้เป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วสลายไปในอากาศ แต่ก่อนที่สภาวะเหล่านี้จะหมดไปจากสายตามนุษย์ จิตใจของมนุษย์สามารถรับรู้สภาพแวดล้อมเหล่านี้ได้ด้วยประสาทสัมผัสของตนเอง และจิตใจของมนุษย์รับรู้ถึงอารมณ์ของปรากฏการณ์ทางธรรมชาติหรือเหตุการณ์ทางสังคมมนุษย์ที่เกิดขึ้น จิตใจของพวกเขาก็จะน้อมรับเอาเรื่องราวต่าง ๆ เหล่านั้นเป็นหลักฐานทางอารมณ์เหล่านั้นมาสั่งสมอยู่ในจิตใจของตนเอง เมื่อมนุษย์มีหลักฐานเพียงพอแล้ว ก็เอาหลักฐานทางอารมณ์เหล่านั้น เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้  เพื่อหาเหตุผลมาอธิบายความจริงของคำตอบในเรื่องที่น่าสงสัยนั้น  ดังนั้นสภาวะของสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นแล้ว มันคงอยู่ในสถานชั่วเวลาหนึ่งแล้วแล้วหายไป จึงเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงและมนุษย์สมมติชื่อความจริงเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อง่ายต่อการจดจำ เช่น พระนครกบิลพัสดุ์ เป็นเมืองหลวงของแคว้นสักกะและเป็นชุมชนทางการเมือง เกิดขึ้นตั้งแต่พระเจ้าโอกกากราชทรงเป็นมหาราชาปกครองแคว้นโกลิยะ พระองค์ทรงอภิเษกสมรส ๒ ครั้ง พระองค์ทรงมีพระราชโอรสและพระธิดาหลายพระองค์ที่ประสูติจากพระราชินีกษัตรีย์ซึ่งพระมเหสีองค์แรกของพระองค์ ต่อมาพระองค์ทรงอภิเษกสมรสใหม่กับพระราชินีกัญญาอีกครั้ง ทรงมีพระโอรสด้วยกัน ๑ พระองค์  เมื่อพระเจ้าโอกกากราชทรงได้พระราชทานราชบัลลังก์แก่พระราชโอรสองค์ใหม่เป็นรัชทายาทสืบสันตวงศ์ปกครองแคว้นโกลิยะต่อไป พระองค์ทรงรับสั่งให้พระราช โอรส และพระราชธิดาที่ประสูติกับพระราชินีกษัตรีย์ไปสร้างเมืองใหม่ขึ้นและตั้งชื่อว่าพระนครกบิลพัสดุ์  พระนครแห่งนี้ดำรงอยู่มาเป็นเวลาหลายร้อยปีก่อนที่จะเสื่อมสลายไป   เพราะถูกทำลายโดยพระเจ้าวิฑูฑพะ พระราชโอรสของพระเจ้าปเสนทิโกศล ที่ประสูติจากพระนางวาสภขัตติยาซึ่งเป็นข้าราชบริพารแห่งราชวงศ์ศากยะ เป็นต้น เมื่อพระนครกบิลพัสดุ์แห่งแคว้นสักกะ เป็นสิ่งเกิดขึ้นตั้งอยู๋ชั่วระยะเวลาหนึ่งและเสื่อมสลายไปตามกฎธรรมชาติ ของคำสอนของพระพุทธเจ้า ดังนั้น    พระนครกบิลพัสดุ์โบราณ เป็นชุมชนทางการเมืองที่ก่อตั้งขึ้นมา ตั้งอยู่ระยะเวลาหนึ่งป็นเวลาหลายร้อยปีและเสื่อมลายไปตามกฎแห่งธรรมชาติกลายเป็นเมืองร้างไร้ผู้คนอาศัยอยู่อีกต่อไป ปัจจุบันเป็นอำเภอเล็กๆขึ้นกับจังหวัดลุมพินี สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล  ดังน้้น พระนครกบิลพัสดุ์แห่งแคว้นสักกะจึงเป็นความจริงที่สมมติขึ้น เป็นต้น

     ๒. สัจธรรมหรือความจริงขั้นปรมัตถ์(Reality) มันคือ"ความจริง"ที่อยู่เบื้องหลังปรากฏการณ์ของสิ่งอื่นหรือความเป็นจริงที่อยู่เหนือประสาทสัมผัสของมนุษย์ ที่มนุษย์ไม่สามารถรับรู้ถึงความจริงของเรื่องราวได้โดยตรงตัวอย่างเช่น กรรมของมนุษย์ไม่ว่าจะฆ่าคน ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ คือการกระทำที่มนุษย์มีเจตนาต่อมนุษย์หรือสัตว์ เป็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ในจิตใจที่ยังไม่เปิดเผยให้คนอื่นรับรู้ได้ จนกว่าจะแสดงเจตนาโดยคำนึงผลถึงของการกระทำนั้น ๆ  หากเป็นสภาวะของการกระทำทางร่างกายที่เกินขอบเขตประสาทสัมผัสของมนุษย์ที่จะรับรู้ได้เพราะเงื่อนไขที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ชั่วครู่หนึ่ง แล้วก็ดับไป หรือสภาพของนิพพานเป็นสภาวะแห่งสัจธรรมที่เข้าถึงด้วยตัวเราเองโดยการปฏิบัติธรรมตามอริมรรคมีองค์ ๘ เท่านั้น เป็นต้น 

       ในศึกษาปัญหาที่มาของความรู้ของเมืองพระนครกบิลพัสดุ์โบราณในปรัชญาแดนพุทธภูมิ เมื่อผู้เขียนศึกษาหลักฐานในพระไตรปิฎกมหาจุฬาฯแล้วได้ยินข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่า อาณาจักรสักกะเป็นความจริงที่สมมติขึ้น(hypothetical reality) ตามหลักอภิปรัชญาในปรัชญาแดนพุทธภูมิ  ที่กำเนิดขึ้นก่อนสมัยพุทธกาลในฐานะรัฐศาสนาของพราหมณ์ มีอธิปไตยของตนเอง และปกครองแบบสามัคคีธรรมแบ่งประชาชนออกเป็น ๔ วรรณะ เมื่ออาณาจักรสักกะเป็นชุมชนทางการเมืองที่เกิดขึ้น ย่อมตั้งอยู่ชั่วระยะหนึ่งและเสื่อมสลายไปในธรรมชาติเพราะสิ้นสุดความเป็นรัฐ หลังสมัยพุทธกาลไปมากกว่า ๒๑๘ ปีเพราะอาณาจักรสักกะถูกผนวกเข้ากับอาณาจักรโมริยะ ดังนั้นเมื่ออาณาจักรสักกะเป็นความจริงที่สมมติขึ้นเป็นชุมชนทางการเมืองมนุษย์และหายไปจากแผนที่โลก แต่ยังคงมีหลักฐานเหลือให้ชาวพุทธสมัยใหม่ศึกษาจากเอกสารหลักฐานได้แก่พระไตรปิฎก อรรถกถา และบันทึกของพระภิกษุชาวจีน  พยานวัตถุทางโบราณคดีหลายแห่งที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช และพยานเอกสารดิจิทัลที่เป็นแผนที่โลกกูเกิลที่ถ่ายภาพดินแดนต่างๆทั่วโลกใช้เป็นหลักฐานเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์เพื่อหาเหตุผลยืนยันความจริงของคำตอบเกี่ยวกับที่ตั้งพระนครกบิลพัสดุ์นั้น จะเป็นความรู้โดยอาศัยวิจารณญาณอย่างสมเหตุสมผลโดยไม่มีเหตุผลเพิ่มเติมที่จะสงสัยในข้อเท็จจริง ดังนั้นการวิเคราะห์ข้อมูลในพระพุทธศาสนาจะอาศัยหลักฐานในพระไตรปิฎกเพียงอย่างเดียว มีเหตุผลเพียงเล็กน้อยและจำเป็นต้องมีหลักฐานเพิ่มเติมเช่น อรรกถา ฏีกา และอนุฏีกาเพื่อเพิ่มน้ำหนักของการให้เหตุผล เพื่อยืนยันความถูกต้องของคำตอบได้ชัดเจนยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในสมัยหลังมีการค้นพบวัตถุพยานในรัชสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชทรงสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ ๓ และสร้างอนุสรณ์สถานเพื่อระลึกถึงการเผยแผ่พระพุทธศาสนาและเหตุการณ์สำคัญทางพระพุทธศาสนาในดินแดนต่าง ๆ ถึง ๘๔,๐๐๐ แห่ง แม้จะผ่านไปกว่า ๑,๐๐๐ ปี ศาสนาพราหมณ์ก็ได้ปฏิรูปตนเอง โดยนำคำสอนทางพระพุทธศาสนามาประยุกต์ใช้กับศาสนาพราหมณ์และเรียกศาสนาใหม่ว่า "ศาสนาฮินดู" เปลี่ยนเสาหินอโศกเป็นศิวลึงค์และยึดวัดพระพุทธศาสนาเป็นเทวสถานของศาสนาฮินดู เมื่อโลกเจริญก้าวหน้าด้วยเทคโนโลยี่คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต เป็นเครื่องมือที่ช่วยแบ่งปันข้อมูลของสถานที่ทางพุทธสถานทั่วโลกและช่วยให้ผู้เขียนใช้หลักฐานจากเอกสารดิจิทัลในการวิเคราะห์อาณาจักรต่างๆ ได้ง่ายขึ้นเพื่อพิสูจน์ความจริงของคำตอบ นอกจากนี้นักปรัชญ์ชาวพุทธยังได้สร้างแผนที่โลกในสมัยพุทธกาลและแผนที่โลกของกูเกิลบนแพลตฟอร์มอินเตอร์เน็ตได้จัดทำข้อมูลเพื่อศึกษาแหล่งโบราณคดีต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น 

      ดังนั้น การวิเคราะห์ข้อมูลที่ตั้งของพระนครกบิลพัสดุ์ แคว้นสักกะซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของวรรณะกษัตริย์แห่งศายวงศ์นั้น จะใช้ข้อมูลที่มีอยู่ในพระไตรปิฎก มาวิเคราะห์เหตุผลคือน้ำหนักไม่เพียงพอในการตรวจสอบความจริงของคำตอบของสถานนั้น จำเป็นต้องมีหลักฐานเพิ่มเติม  รวมถึงหลักฐานที่เป็นเอกสาร หลักฐานที่เป็นวัตถุและแผนที่โลกกูเกิลเพื่อวิเคราะห์และหาเหตุผลยินยันความจริงของคำตอบเกี่ยวกับที่ตั้งพระนครกบิลพัสดุ์อย่างชัดเจนขั้นตอนการวิเคราะห์หลักฐานดังนี้ 
    
๑.พระนครกบิลพัสดุ์จากหลักฐานในพระไตรปิฎก

 เมื่อผู้เขียนค้นคว้าหลักฐานในพระไตรปิฎกมหาจุฬา ฯ เล่มที่ ๓๒ พระสุตันตปิฎกเล่มที่๒๔  ข้อ.๔๐ ได้กล่าวว่า"พระนางกษัตริย์ครั้นประสูติพระราชบุตรและพระราชบุตรี ๙ พระองค์จักสวรรคต และพระเจ้าโอกกากราชทรงอภิเษกพระนางกัญญา ผู้เป็นที่รักแรกรุ่นดรุณีเป็นพระมเหสีข้อ.๔๑ได้กล่าวว่าพระนางกัญญาจักทำให้พระเจ้าโอกกากราชทรงพอพระทัยแล้วจักได้พรพระนางได้พรแล้วจักเนรเทศพระราชบุตร และพระราชบุตรี  เป็นต้น.

             ผู้เขียนได้ยินข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่า พระเจ้าโอกกากราชทรงเป็นกษัตริย์ปกครองแคว้นโกลิยะและทรงอภิเษกพระนางกษัตริย์เป็นพระมเหสีครั้นประสูติพระราช บุตรและพระราชบุตรี ๙ พระนางกษัตริย์เสด็จสวรรคต ในเวลาต่อมาพระเจ้าโอกกากราชทรงอภิเษกพระนางกัญญาเป็นพระมเหสี พระนางกัญญาทรงทำให้พระเจ้าโอกกากราชพอพระทัยขอพรอะไรก้ได้สมปรารถนา      พระนางจึงหาทางเนรเทศพระราชบุตรและพระราชบุตรีสร้างเมืองใหม่พระเจ้าสุทโธทนะทรงโปรดให้สร้างขึ้น เพื่อใช้เป็นสถานที่ประทับส่วนพระองค์ของเจ้าชายสิทธัตถะ เมื่อพระองค์ทรงระลึกถึงคำทำนายของพวกพราหมณ์ถึงชะตาชีวิตของเจ้าชายสิทธัตถะในสมัยเยาว์วัยว่าชีวิตของเจ้าชายสิทธัตะมีทางเลือก ๒ ทางคือเป็นกษัตริย์และศาสดาเอกของโลก เมื่อตั้งสติระลึกคำทำนายเช่นนี้แล้วพระเจ้าสุทโธทนะเกิดความหวั่นไหวในพระทัยของพระองค์ เกรงว่าในภายภาคหน้านั้น เจ้าชายสิทธัตถะจะตัดสินพระทัยออกผนวช ทรงมีพระราชประสงค์ให้เจ้าชายสิทธัตถะนั้นดำรงพระองค์อยู่ในวรรณะกษัตริย์ต่อไป ทำหน้าที่เป็นประธานรัฐสภาศากยวงศ์ต่อจากพระองค์เพราะวรรณะกษัตริย์ได้ปกครองแคว้นสักกะในระบบสามัคคีธรรม ชนวรรณะกษัตริย์แห่งศากยวงศ์ มีหน้าที่ปกครองแคว้นสักกะนั้นโดยใช้อำนาจอธิปไตยผ่านรัฐสภาศากยวงศ์ไม่ว่าจะเป็นอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจตุลาการ และอำนาจบริหาร เป็นต้นสมาชิกรัฐสภาศากยวงศ์ทั้งหมดนั้นมาจากวรรณะกษัตริย์ มีหลักอปริหานิยธรรมเป็นหลักธรรมของกษัตริย์ใช้ในการปกครองประเทศ เมื่อพระเจ้าสุทโธทนะทรงนึกถึงคำพยากรณ์ของปุโรหิตแล้ว  พระองค์ทรงโปรดสร้างปราสาท ๓ ฤดูในเขตพระราชฐานพระราชวังกบิลพัสดุ์   เพื่อเป็นที่ประทับพักผ่อนส่วนพระองค์ของเจ้าชายสิทธัตถะและทรงใช้ชีวิตติดสุขอยู่กับความมัวเมาในกิเลสของรูป เสียง กลิ่น รส  โผฏฐัพพะและธัมมารมย์ที่จรเข้ามาผัสสะสู่ชีวิต  พระองค์ทรงสุขเกษมสำราญในพระทัยทุกทิวาราตรีด้วยเครื่องดีด สี  ตี เป่าและนางสนมไม่น้อยกว่า ๔๐,๐๐๐ นางได้บรรเลงและฟ้อนร่ายรำ ให้เจ้าชายสิทธัตถะเกิดปิติสุขจากผัสสะสิ่งปรุงแต่งพระทัยเหล่านั้น ชีวิตพระองค์ทรงติดในสุขของโลกีย์วิสัย และไม่รู้สึกเบื่อหน่ายในวิถีการใช้ชีวิตแบบฆราวาส เป็นเวลาหลายปีจนพระชนมายุได้ ๒๙ พรรษา  พระทัยของพระองค์ทรงเกิดอาการนิพพิทา (ซึ่งแปลว่าความรู้สึกความเบื่อหน่ายในผัสสะเหล่านั้นและไม่อยากเสพสิ่งนั้นอีกต่อไป) ทรงตัดสินพระทัยออกสู่โลกภายนอกเขตพระราชฐานของพระราชวังกบิลพัสดุ์และเห็นปัญหาของประชาชนไร้วรรณะนั้น หมดสิทธิหน้าที่ในการประกอบอาชีพตามกฎหมาย เพราะรัฐสภาศากยวงศ์ได้ออกกฎหมายแบ่งประชาชนออกเป็น ๔ วรรณะ จำกัดสิทธิหน้าที่ในการประกอบอาชีพของคนแต่งงานข้ามวรรณะทำให้เกิดปัญหาของประชาชนไร้วรรณะตามมา การถูกจำกัดสิทธิหน้าที่ในการประกอบอาชีพทำให้มีฐานะยากจนไร้บ้านอยู่อาศัยต้องใช้บริเวณสองข้างทางเสด็จพระดำเนินในพระนครกบิลพัสดุ์เป็นที่พักผ่อนในยามค่ำคืน เป็นต้น การออกกฎหมายจารีตประเพณีแบ่งชนชั้นวรรณะ เพื่อจำกัดสิทธิเสรีภาพในการประกอบอาชีพให้สงวนไว้เฉพาะชนในวรรณะนั้นเท่านั้น เมื่อทรงเสนอแก้ไขปัญหาของประเทศด้วยปฏิรูปสังคมด้วยกระบวนนิติบัญญัติผ่านรัฐสภาศากยวงศ์  แต่ที่ประชุมของรัฐสภาศากยวงศ์ไม่อนุมัติเห็นด้วยตามที่เจ้าชายสิทธัตถะทรงเสนอแก้ไขเพื่อปฏิรูปสังคม เพราะรัฐสภาศายวงศ์ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าขัดต่อหลักอปริหานิยธรรมเป็นหลักธรรมของกษัตริย์ต้องยึดถือเป็นหลักนิติศาสตร์ในการปกครองประเทศ มีศักดิ์เทียบเท่ากับกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ประกาศใช้ทั่วโลกในยุคสมัยปัจจุบัน
          
ลักษณะของเขตพระราชฐานของพระราชวังกบิลพัสดุ์

    เมื่อผู้เขียนค้นคว้าหลักฐานในพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬา ฯ เล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่๒๕ ขุททกนิกาย อปทานภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก ข้อ ๒๕ โคตมพุทธวงศ์  ข้อ ๑๔ กล่าวไว้ว่าเราครองฆราวาสอยู่ ๒๙ ปี  มีปราสาทที่อุดมอยู่ ๓ หลัง  คือสุจันทปราสาท โกกนุทปราสาทและโกญจปราสาท   

 ตามหลักฐานในพระไตรปิฎกมหาจุฬา ฯ  ข้างต้น  ผู้เขียนวิเคราะห์ได้ว่าเขตพระราชฐานของพระราชวังกบิลพัสดุ์ประกอบด้วยปราสาท ๓ ฤดู เช่นสุจันทปราสาท โกกนุทปราสาท และโกญจปราสาท เป็นต้นดังที่ปรากฏหลักฐานในพระไตรปิฎกมหาจุฬา ฯ   ได้ยืนยันถึงความมีอยู่ของพระราชวังกบิลพัสดุ์นั้นมีปัญหาอื่นที่ต้องวิเคราะห์กัน  ในยุคสมัยปัจจุบันนั้นพระราชวังกลิพัสดุ์เป็นที่ประทับของเจ้าชายสิทธัตถะตั้งอยู่ที่ไหนในชมพูทวีป  ปัจจุบันที่เรียกว่า "ทวีปเอเซียใต้"เมื่อเขียนค้นคว้าพยานเอกสารปฐมภูมิ คือพระไตรปิฏกอันเป็นคัมภีร์ในทางพระพุทธศาสนานั้น  มีหลายฉบับด้วยกันผู้เขียนตัดสินใจเลือกพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬา ฯ เล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๕ ขุททกนิกาย อปทานถาค ๒ -พุทธวังสะ จริยาปิฎกในข้อ ๑๓ ได้กล่าวว่า  กรุงเราชื่อกบิลพัสดุ์ พระเจ้าสุทโธทนะเป็นพระบิดาเรา   พระมารดาบังเกิดเกล้าชาวโลกเรียกพระนามว่า "มายาเทวี"     จากเนื้อความในพระไตรปิฎกผู้เขียนเห็นว่าพระนครกบิลพัสดุ์เป็นเมืองหลวงของแคว้นสักกะจริง  เมื่อเสาหินอโสกที่วัดมายาเทวียืนยันว่าเป็นสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้าจริงเขตพระราชวังกบิลพัสดุ์ของเจ้าชายสิทธัตถะ  น่าจะตั้งอยู่ไม่ไกลจากสวนลุมพินีมากนัก แต่เวลาผ่านถึง ๒,๖๐๐ ปี  สภาพพระนครกบิลพัสดุ์ตกอยู่ในอำนาจของกฎไตรลักษณ์ย่อมเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา  แคว้นสักกะได้สูญเสียอำนาจอธิปไตยในการปกครองรัฐแล้วต้้งแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราชแล้ว  จะมีพยานวัตถุของซากโบราณสถานของพระราชวังกบิลพัสดุ์เก่าแก่หรือไม่หลงเหลือเป็นสภาพเมืองโบราณกบิลพัสดุ์ มีซากปรักหักพังให้ค้นหาความหมายจากเศษอิฐิ เศษหินได้อีกหรือไม่เป็นเรื่อง ที่ผู้เขียนต้องค้นหาข้อมูลกันต่อไปแต่ผู้เขียนพบร่องรอยในพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬา ฯ   ว่าแคว้นสักกะแห่งนี้ตั้งอยู่บนที่ราบใกล้กับเชิงเขาของเทือกหิมาลัยอันยาวไกลไม่น้อยกว่า ๒,๕๐๐ กิโลเมตร เป็นต้น  นักโบราณคดีชาวอังกฤษได้ค้นพบสวนป่าลุมพินีอันเป็นสถานที่ประสูติของศากยมุนีพระพุทธเจ้าแล้ว  มีเสาหินอโศกสลักด้วยอักษรพราหมีสร้างไว้เป็นอนุสรณ์สถานดังนั้นพระนครกบิลพัสดุ์น่าจะอยู่ไม่ไกลจากสวนลุมพินีมากนัก จำเป็นต้องค้นหาพยานหลักฐานกันต่อไป 

๒. แผนที่โลกกูเกิล (Google Map) 

       เมื่อผู้เขียนศึกษาหลักฐานภาพถ่ายทางอากาศของเขตกบิลพัสดุ์ (kapilvastu districts) จังหวัดลุมพินี  (Lumbini Province) ของสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิป ไตยเนปาล บนแผนที่โลกกูเกิล (Google Map) และได้ยินข้อเท็จจริงว่าแผนที่โลกกูเกิลได้ระบุเมืองโบราณกรุงกบิลพัสดุ์ (Ancient kapilvastu) อย่างชัดเจนในแผนที่โลกกูเกิล ซึ่งตั้งอยู่ในที่ราบเตอร์ราย (terrai) ติดเชิงเขาหิมาลัยในสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาลห่างจากสวนลุมพินีเพียง  ๔๕  กิโลเมตร สอดคล้องกับหลักฐานบันทึกระบุรายละเอียดที่ตั้งของพระนครกบิลพัสดุในพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯห็นได้ชัดเจนว่าพระนครกบิลพัสดุ์มีอยู่ในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาจริงหลังจากวิเคราะห์ข้อมูลข้างต้นแล้วผู้เขียนเห็นว่าที่ราบเตอร์ราย(terrai)เหมาะสำหรับการตั้งแคว้นสักกะเพราะเป็นแอ่งน้ำที่ไหลจากเทือกเขาหิมาลัย ดังนั้น พื้นที่ราบนี้จึงเหมาะสำหรับการเกษตรกรรมขนาดใหญ่ผลิตข้าวเป็นอาหารหลักของชาวสักกะตลอดทั้งปีตั้งแต่สมัยก่อนพุทธกาลจนถึงปัจจุบัน เมื่อพระเจ้าโอกกากราชทรงให้พระโอรสและพระธิดาที่ประสูติจากพระนางกษัตริย์ไปสร้างเมืองใหม่ ในป่าที่ฤาษีกบิลอาศัยอยู่ห่างจากเทวทหะเกือบ ๑๐๐ กิโลเมตรตั้งชื่อพระนครใหม่ว่า พระนครกบิลพัสดุ์ เมืองหลวงแคว้นสักกะเพราะมีน้ำอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การปลูกข้าว ยังมีปลาและนกอีกหลายล้านตัวอยู่ที่นั่น ให้มนุษย์ตามล่าหาอาหาร โดยไม่ต้องเดินทางไกลเพื่อหาอาหารอีกต่อไป เมื่อแผนที่โลกของกูเกิลระบุว่าเขตพระราชวังกบิลพัสดุ์ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งเป็นม่านหมอกที่รวมตัวกัน เป็นเม็ดฝนจำนวนมหาศาลในฤดูฝนของทุกปี และชาวกบิลพัสดุ์เคยทำสงครามกับชาวโกลิยะเพื่อแย่งชิงน้ำในการเกษตรเพื่อปลูกข้าว การค้นพบซากปรักหักพังของโบราณสถานซึ่งเป็นพยานวัตถุ เมื่อนำหลักฐานเป็นข้อมูลสำหรับวิเคราะห์แล้ว ผู้เขียนเห็นว่าซากปรักหักพังของเมืองโบราณตั้งอยู่ไม่ห่างจากเทือกเขาหิมาลัยตามหลักฐานที่ระบุไว้พระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬา ฯ จริง  เมื่อข้อมูลจากหลักฐานต่าง ๆ จึงเป็นข้อเท็จจริงสอดคล้องต้องกัน ไม่มีข้อพิรุธสงสัยอีกต่อไป ผู้เขียนเห็นว่าซากปรักหักพังของโบราณสถานที่ตั้งอยู่ในอำเภอกบิลพัสดุ์เป็นพระราชวังกบิลพัสดุ์ แคว้นสักกะจริง     

๓. พระราชวังโบราณเมืองกบิลพัสดุ์ 

    ในบันทึกที่จารึกบนเสาหินด้วยอักษรพราหมีในพระเจ้าอโศกมหาราชในสวนลุมพินี บันทึกของสมณะฟาเหียนและพระถั่มซั่มจังผู้แสวงบุญชาวจีน เมื่อนำเอกสารที่สำคัญเหล่านี้ มาวิเคราะห์และตีความแล้วนำไปสู่การค้นหาเมืองโบราณที่ตั้องอยู่ใกล้ในตำแหน่งใกล้เคียงกัน เจ้าหน้าที่โบราณคดีของนานาชาติได้ค้นพบซากปรักหักพังของเมืองโบราณเป็นกองกิฐขนาดใหญ่การค้นหานั้นเจ้าหน้าที่โบราณคดีประเทศเนปาลได้เอาเสาหินพระเจ้าอโศกที่ตั้งตระหง่าน ณ ลุมพินีเป็นศูนย์กลางในการค้นหาเมืองกบิลพัสดุ์  ระยะทางห่างออกไปอีกประมาณ ๔๕.๐๐ กิโลเมตร  จึงได้ค้นพบพระราชวังกบิลพัสดุ์เก่าแก่ที่มีสภาพเหลือแค่ซากปรักหักพัง ในปัจจุบันตั้งอยู่ในเมืองติเลาราโกตความมีอยู่ทางกายภาพของเมืองกบิลพัสดุ์เป็นเมืองหลวงของแคว้นสักกะนั้น ได้ปรากฏพยานวัตถุเหลือเป็นเพียงซากปรักหักพังของโบราณสถานของพระราชวังกบิลพัสดุ์ ทำให้จิตผู้เขียนรู้เข้าใจอย่างชัดแจ้งว่าพระพุทธเจ้ามีตัวตนเป็นมนุษย์อยู่จริง ดังที่ระบุไว้ในพระไตรปิฎกมิใช่มนุษย์ถูกแต่งสมมติขึ้นมาตามจินตนาการของผู้เขียนแต่อย่างใด ดังนั้นความรู้ในพระพุทธศาสนาที่บันทึกไว้ในพระไตรปิฎกนั้น จึงเป็นเรื่องของมนุษย์ที่มีชีวิตเมื่อ ๒๖๐๐ กว่าปีมาแล้วจริง  

       เมื่อผู้เขียนได้เขียนบล็อกในโลกออนไลน์ ยิ่งเขียนเราก็ยิ่งสงสัยในสิ่งนั้นและความจริงชัดเจนอีกมากมายหลายประเด็นด้วยกัน   ทำให้เกิดแรงบันดาลใจให้ศึกษาต่อไปไม่รู้จบ สิ่งที่ผู้เขียนเคยสงสัยนั้นหายไปหมดสิ้น    เมื่อมีโอกาสได้เดินทางมาสู่เมืองกบิลพัสดุ์ เป็นสถานที่พระพุทธเจ้าเคยประทับในพระวังกบิลพัสดุ์ใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่แห่งนี้ถึง ๒๙ ปี  ในปัจจุบันตั้งอยู่ที่ประเทศเนปาล   ผู้เขียนได้เห็นซากปรักหักพังของโบราณสถานเป็นหลักฐานหลงเหลือให้ผู้เขียนได้รับรู้และได้คิดวิเคราะห์       เพื่อจินตนาการถึงเรื่องราวที่กล่าวในพระไตรปิฎกต่อยอดความรู้   จากเศษอิฐของซากปรักหักพังของพระราชวังกบิลพัสดุ์เก่าให้สมเหตุสมผลมากยิ่งขึ้น   แม้พระราชวังกบิลพัสดุ์เก่าจะเป็นโบราณสถานที่เหลือแต่เศษซากของอิฐ หิน ปูนที่ปรักหักพังแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีประโยชน์ต่อการศึกษาเรื่องราวเกี่ยวข้องกับประวัติความเป็นมาของพระพุทธเจ้า เพราะอย่างน้อยก็เป็นฐานของข้อมูลที่จะใช้เป็นเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์มาสืบค้นตรวจสอบข้อมูลจากอิฐ หิน ปูน เพื่อกำหนดอายุขัยของสิ่งเหล่านี้ได้    ทำให้เราสามารถเชื่อมยุคสมัยพุทธกาลได้เช่นเดียวซากไม้โบราณใต้มายาเทวีวิหาร  นักวิทยาศาสตร์สามารถคำนวนหาอายุได้ใกล้เคียงกับยุคสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชที่เดินทางสู่สวนลุมพินีค้นหาสถานที่ประสูติหลังจากสมัยพุทธกาลผ่านไปได้ ๒๐๐-๓๐๐ ปีแล้ว ทำให้เกิดการก่อสร้างสัญลักษณ์ของเสาหินไว้ทั่วชมพูทวีป การเห็นซากปรักหักพังของโบราณเป็นจุดเริ่มต้นให้จิตของเราได้นึกคิดถึงถ้อยคำที่กล่าวไว้ในพระไตรปิฎกย้อนหลังไปสู่สมัยก่อนพุทธกาลไม่น้อยกว่า ๒๐๐ ปีได้เข้าใจเป็นอย่างดี  

๔.แคว้นสักชนบทในพระไตรปิฎก 

        ตามพจนานุกรมพุทธศาสน์ฉบับประมวลศัพท์ของพระพรหมคุณาภรณ์ (ปอ. ปยุตโต)กล่าวว่าสักกะเป็นชื่อของแคว้นหนึ่งในอนุทวีปตอนเหนือบนพื้นที่ราบติดกับเชิงเขาหิมาลัย เป็นที่ราบลุ่มเหมาะแก่การปลูกข้าวเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญในการหล่อเลี้ยงชีวิตชาวสักกะตั้งแต่ก่อนพุทธกาล เจ้าชายสิทธัตถะทรงนับถือศาสนาพราหมณ์เชื่อตามคำสอนของพราหมณ์ว่าพระพรหมสร้างมนุษย์และสร้างวรรณะให้ชาวสักกะทำงานตามวรรณะที่ตนเกิดมา ทรงประสูติในวรรณะกษัตริย์ศากยวงศ์มีสิทธิและหน้าที่ในการปกครองประเทศ มีระบอบการปกครองแบบสามัคคีธรรมโดยอำนาจอธิปไตยในการบริหารประเทศนั้น รัฐสภาศากยวงศ์เป็นใช้อำนาจอธิปไตยทั้ง ๓ อำนาจ มีประวัติศาสตร์สืบต่อกันมายาวนานตั้งแต่ในสมัยพระเจ้าโอกกากราช ปัจจุบันแคว้นสักกะชนบทตั้งอยู่ในประเทศสหพันธรัฐประชาธิปไตยเนปาล เมื่อผู้เขียนเดินทางมาแสวงบุญเมืองติเลาโกศ จังหวัดลุมพินีของสหพันธ์ ฯ เนปาลเพื่อมาแสวงบุญที่เมืองโบราณกบิลพัสดุ์  เมื่อผู้เขียนได้สัมผัสกับซากปรักหักพังของพระราชวังกบิลพัสดุ์โบราณนั้นทำให้จิตใจของผู้เขียนนึกถึงหลักฐานในพระไตรปิฎกมหาจฬา ฯ    ได้กล่าวว่าเจ้าชายสิทธัตถะทรงประทับอยู่ในปราสาท ๓ ฤดูเป็นเวลาหลายปีใช้ชีวิตอยู่กับการมัวเมาในความสุขกับข้าราชบริพาร ๔๐,๐๐๐ คนมีหน้าที่คอยถวายงานรับใช้เจ้าชายสิทธัตถะในความปรารถนามิให้ขาดตกบกพร่องแต่ในที่สุดของของตำนานในพระราชวังอันเก่าแก่แห่งนี้คือความเงียบของแคว้นสักชนบท โดยมีพระไตรปิฎกหลักฐานชิ้นสำคัญที่บันทึกถึงเหตุการณ์เหล่านั้นไว้ ซึ่งเป็นบ่อเกิดที่มาของความรู้เกี่ยวกับพุทธประวัติได้เป็นอย่างดีเรื่องราวของสถานที่ของพระราชวังโบราณล้วนสอดคล้องกับข้อความที่บันทึกไว้ในพระไตรปิฎกทั้งสิ้น นำจิตเราน้อมเข้าหาความจริงในพระไตรปิฎก เมื่อเรามีความรู้เกี่ยวกับพระราชวังกบิลพัสดุ์ด้วย ความเข้าใจในความจริงอย่างแจ่มแจ้งแล้ว เวลาเขียนหนังสือย่อมง่ายกว่าการไม่มีความรู้ผ่านผัสสะและไม่มีความเข้าใจที่สั่งสมในจิตของตนมาก่อนได้ 

        ดังนั้นการศึกษาหาความรู้จากผัสสะนั้นย่อมง่ายมากกว่าเขียนแบบไม่รู้เรื่องราวมาก่อนถึงแม้ว่าจะเคยได้รับประสบการณ์จากการฟังมาบ้างแล้วแต่ก็ไม่อาจปะติดปะต่อเรื่องราวเพื่ออธิบายได้ให้ชัดแจ้ง ดังนั้นแม้วันเวลาอายุของพระราชวังกบิลพัสดุ์ผ่านมาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว ทุกสิ่งย่อมเสื่อมสลายลงไปเองตามธรรมชาติ ตามคำสอนของพระพุทธเจ้าผู้เคยครอบครองและใช้พระชนม์ชีพบนปราสาท ๓ ฤดูเมื่อคร้้งยังดำรงพระองค์เป็นเจ้าชายสิทธัตถะและพระราชวังเคยตั้งอย่างโดดเด่น งดงามสง่า กลางทุ่งนาที่ชาวสักชนบทประกอบอาชีพเกษตรกรรม พระราชวังเป็นสถานที่ประทับใจแก่ผู้คนในยุคนั้นได้พบเห็นจะเหลือเพียงแต่ร่องรอยในซากปรักหักพังของพระราชวังกบิลพัสดุ์เก่าแก่ เป็นสถานที่เคยเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของเจ้าชายสิทธัตถะและพระประยูรญาติผู้คนในยุคนั้น แต่การเข้าถึงความจริงเหล่านั้นด้วยการอนุมานหาความจริง ก็ยังอยู่โดยอาศัยเหตุผลจากความคิดวิเคราะห์จาก ซากปรักหักพังที่เหลือแต่หิน อิฐทรายและปูนเหล่านั้น ในความรู้เชิงประสบการณ์ที่มนุษย์เราเกิดการรับรู้ผ่านอินทรีย์ ๖ ซึ่งเป็นประสบการณ์ของประสาทสัมผัสของย่อมทำให้นึกคิดจินตนาการย้อนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสมัยอาณาจักรแคว้นสักชนบทยังเจริญรุ่งเรืองด้วยความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งชัดเจนไม่เหตุผลของความสงสัยในสิ่งต่างๆที่จะหักล้างความเชื่อที่เป็นความคิดว่าเป็นจริงของเราแล้วย่อมเป็นประโยชน์ต่อการนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้

๕.บทวิเคราะห์ของผู้เขียน

            เมื่อผู้เขียนจาริกไปยังเขตพระราชวังกบิลพัสดุ์โบราณ ซึ่งปัจจุบันตั้งอยู่ที่อำเภอกบิลพัสดุ์ จังหวัดลุมพินี  มองสองข้างทางเต็มไปด้วยบ้านเรือนของชาวฮินดู ซึ่งส่วนใหญ่รับประทานอาหารมังสวิรัติที่ทำจากผัก ประชาชนมีอาชีพเกษตรกรรม  ปลูกพืชตระกูลถั่วเป็นอาหารหลักเพื่อความบริสุทธิ์ของกายและจิตวิญญาณของตนเอง  เมื่อผู้เขียนลงจากรถบัสของคณะผู้จาริกแสวงบุญแล้ว เดินผ่านประตูเข้าไปในบริเวณเขตพระราชวังโบราณ ตั้งอยู่ในเขตโบราณสถานของพระนครกบิลพัสดุ์ เราสามารถมองเห็นประตูพระราชวัง และกำแพงด้านทิศตะวันตกของพระราชวังโบราณแห่งนี้ ซึ่งมีจนาดกว้างประมาณ ๘ เมตร เพื่อให้กองทหารรักษาพระราชวังกบิลพัสดุ์เดินตรวจตราบนกำแพงสูงไม่น้อยกว่า ๑๐ เมตร ตั้งตระหง่านอยู่นั้น  จะมองเห็นวิถีชีวิตของข้าราชบริพารที่ทำงานอยู่ในเขตพระราชวังกบิลพัสดุ์ไม่น้อยกว่า ๔๐,๐๐๐ คน สามารถมองเห็นได้ทุกซอกมุมในเขตพระราชฐานทั้งสิ้น การสร้างกำแพงในเขตพระราชวังกบิลพัสดุ์ให้มีขนาดสูงใหญ่ขนาดนี้    แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าสุทโธทนะ ทรงรู้อยู่ในพระทัยของพระองค์ตลอดเวลาว่า พระราชโอรสทรงตัดสินพระทัยสละวรรณะกษัตริย์ เพื่อออกผนวชเพื่อแสวงหาเหตุผลของความรู้อันเป็นสารัตถะในความจริงของชีวิตมนุษย์ทุกคนอย่างแน่นอน ดังนั้นความจริงที่พระเจ้าสุทโธทนะทรงดำริไว้ก็เริ่มปรากฏจะเป็นความจริงขึ้น  เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะทรงเสนอกฎหมายยกเลิกวรรณะในแคว้นสักกะชนบทต่อรัฐสภาศากยวงศ์ เพื่อช่วยเหลือประชาชนไร้วรรณะนั้นมีสิทธิหน้าที่ตามกฎหมายในการประกอบอาชีพตามศักยภาพของความรู้ และทักษะการทำงานของตนอย่างเท่าเทียมกันกับชนวรรณะอื่นอีก ๔ วรรณะสิทธิหน้าที่ในการประกอบอาชีพมิควรได้สงวนไว้เฉพาะชนมีวรรณะสูงอีกต่อไป  เพราะพวกจัณฑาลก็เป็นประชาชนแห่งแคว้นสักกะเช่นเดียวกัน เมื่อฟังคำอธิบายของพระธรรมวิทยากรได้ อธิบายให้ผู้แสวงบุญฟังอย่างชัดเจนแล้วคณะผู้เขียนก็เดินต่อไปตามถนนที่สร้างด้วยไม้กว้างประมาณ ๑.๕๐ เมตรไปสู่ประตูด้านทิศตะวันออกซึ่งเป็นประตูทางออกที่เจ้าสิทธัตถะนั้นได้เสด็จพระราชดำเนินหนีออกผนวชในวันที่ประชาชนทุกวรรณะในพระนครกบิลพัสดุ์  กำลังร่วมกันเฉลิมฉลองการประสูติกาลเจ้าชายราหุล พระราชโอรสของเจ้าชายสิทธัตถะผู้เขียนเดินผ่านเขตพระราชวังกบิลพัสดุ์อันเป็นสถานที่ตั้งของปราสาท ๓ ฤดู 

   ผู้เขียนมองไปยังสถานที่ที่ครั้งหนึ่งเคยเชื่อว่าเป็นพระราชวังกบิลพัสดุ์โบราณที่ตั้งของปราสาท ๓ ฤดูของเจ้าชายสิทธัตถะแห่งศากยวงศ์ทรงใช้เป็นสถานที่ประทับส่วนพระองค์  ประกอบด้วยปราสาทฤดูฝน ปราสาทฤดูหนาว และปราสาทฤดูร้อนเป็นเวลาเกือบ ๑๓ ปี  พระองค์ใช้ชีวิตร่วมกับข้าราชบริพารถึง ๔๐,๐๐๐ คน ที่สุดของความสุขของเจ้าชายสิทธัตถะคืออาการของพระทัยของพระองค์ (จิต) ทรงเกิดนิพพิทา ความเบื่อหน่ายในความมัวเมาของรูป รส กลิ่น เสียง โผฏฐัพพะและธัมมารมย์ เป็นสุขภาวะของสิ่งแวดล้อมที่จรเข้ามาสู่ชีวิตที่เป็นอยู่อย่างจำเจและซ้ำซากอย่างนั้นตลอดเวลา ซากปรักหักพังของพระราชวังกบิลพัสดุ์อันเก่าแก่แห่งนี้ก็สอนชีวิตเราให้รู้ว่าเป็นสัจธรรมของชีวิตมนุษย์ทุกคนในความจริงว่าที่สุดของความสุขนั้นคือความเบื่อหน่ายต่อสิ่งปรุงแต่งเหล่านี้ ล้วนจากใจของเราทั้งสิ้นเพราะฉะนั้นเรามิควรยึดในสิ่งไม่เที่ยงเหล่านี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตั้งอยู่ภายนอกชีวิตของเราเอง อาการนิพพิทาของจิตเราต่อความสุขที่เคยต่อความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตที่เคยมีนั้นก็บ่งบอกจิตใจเราก็มีความเที่ยงเช่นเดียวกัน พระเจ้าสุทโธทนะทรงโปรดสร้างไว้ให้เจ้าชายสิทธัตถะทรงใช้เป็นที่ประทับขณะดำรงชีวิตในฆราวาสวิสัยให้มีความสุขในตัณหาของความอยากมี อยากเป็น อยากได้  แต่ท้ายที่สุดของชีวิตก็คือความเบื่อหน่ายในการใช้ชีวิตแบบนั้นเป็นสัจธรรมอย่างหนึ่งที่มนุษย์ในยุคปัจจุบันควรจะเรียนรู้เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะได้กลายเป็นศากยมุนีพระพุทธเจ้าผู้เป็นศาสดาผู้นั่งอยู่ในใจของผู้คนในแคว้นกาสี แคว้นมคธแคว้นวัชชีเพราะหลายบุคคลที่มาจากวรรณะต่างๆ สามารถยกจิตของตนเข้าสู่ระดับพระอริยบุคคลในดินแดนดังกล่าวได้ข้ามพ้นอวิชชาอันเป็นข้อจำกัดของชีวิตในการหลุดพ้นจากวังวนของความทุกข์จากการเวียนว่ายตายเกิดในชีวิตของตนแล้ว พระพุทธองค์ได้เสด็จกลับมาสู่งกรุงกบิลพัสดุ์เพื่อแสดงธรรมโปรดพระราชบิดาและพระมารดาเลี้ยงของพระองค์ทำให้ผู้เขียนเกิดแรงบันดาลอยากเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองกบิลพัสดุ์โบราณสักครั้งหนึ่งของชีวิต แต่ผู้เขียนต้องการไปศึกษาสถานที่จริงอีกสักครั้งหนึ่งก่อนอดีดเคยทางไปสู่ที่พระราชวังกบิลพัสดุ์มาครั้งหนึ่งนั้นผู้เขียนยังไม่เห็นสภาพของเมืองโบราณอย่างชัดเจน แต่ไม่น่าเชื่อว่าความคิดฝันจะเป็นความจริงในปีนี้เพราะผู้เขียนได้มีโอกาสไปกรุงกบิลพัสดุ์โบราณอีกครั้งหนึ่งจริงๆความนึกคิดจินตนาการของผู้เขียน กลับมาอีกครั้งหนึ่งทำให้มองภาพรวมของพระราชวังกบิลพัสดุ์ชัดเจนยิ่งขึ้นไป แม้วันเวลาจะผ่านไป ๑๐ กว่าปีแล้วการเดินทางจากเมืองลุมพินีเมื่อคณะเราเดินทางจากวัดไทยลุมพินีไปตามถนนหลวงแคบ ๆ ไปที่เมือง Taulihawa เมื่อถึงตัวเมืองแล้ว นั่งรถอีก ๒๘ กิโลเมตรมาถึงเมืองกบิลพัสดุ์โบราณผ่านพิพิธภัณฑ์เมืองกบิลพัสดุ์โบราณ มาถึงลานจอดรถ คณะของพวกเราได้ชมประตูทิศตะวันตกของพระราชวังกบิลพัสดุ์เก่า กำแพงโบราณหนา ๓ เมตรเพราะสร้างจากอิฐล้วนๆ ไม่มีคอนกรีตเสริมเหล็กอย่างการก่อสร้างในปัจจุบันแล้วคณะของเราเดินทางไปสู่ทางทิศตะวันออกผ่านซากปรักหักพังของปราสาทที่นักโบราณของประเทศเนปาลวิเคราะห์ว่า เป็นปราสาทสามหลังของเจ้าสิทธัตถะเพราะเห็นสระน้ำโบราณเก่า ๓ แห่งด้วยกันในบริเวณนี้ เราเดินทางถึงประตูทางทิศตะวันออกมองเห็นทุ่งนาอันกว้างใหญ่เชื่อว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่เสด็จพระราชดำเนินออกจากพระราชวังเพื่อออกไปแสวงหากฎธรรมชาติของความเป็นไปวิถีชีวิตของมนุษย์หรือประตูสู่อิสระภาพทางจิตวิญญาณที่นั้น มีซากกำแพงโบราณขนาดใหญ่หนาประมาณ ๓ เมตร รั้วรอบของพระราชวังกบิสดุ์เก่าจากนั้น พวกเราก็เดินทางไปศึกษาสถูปพระเจ้าสุทโธทนะและพระนางสิริมหามายา คณะผู้แสวงบุญของพวกเราเดินทางตามรอยกำแพงเก่าปีนรั้วออกมาด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือเราผ่านเทวสถานในศาสนาฮินดูนิกายไศวะที่นับถือพระศิวะไม่ไกลจากกำแพงพระราชวังมากนักเพราะนิกายนี้บูชาพระพุทธเจ้าด้วย ด้วยเหตุผลจากการวิเคราะห์ข้อมูลจากพยานเอกสารพยานวัตถุ และแผนที่โลกของกูเกิลนั้น ผู้เขียนเห็นว่าตำแหน่งของซากปรักหักพังของโบราณสถานอยู่ตรงหน้าผู้เขียน เป็นพยานวัตถุของพระราชวังกบิลพัสดุ์อันเก่าแก่นั้นอย่างแน่นอนปราศจากข้อสงสัยในความจริงอีกต่อไปเพราะโบราณสถานแห่งนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสวนลุมพินีซึ่งเป็นสถานที่ประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะมากนักและใกล้กับเชิงเขาหิมาลัยตามที่ระบุไว้ในพระไตรปิฎกชัดเจน และห่างจากวัดนิโครธารามเพียง ๑.๕ กิโลเมตรเท่านั้นพื้นที่รายล้อมพระราชวังนั้นเป็นพื้นที่ทำการเกษตรกรรมทั้งหมดสอดคล้องกับพระไตรปิฎกที่ว่าวรรณะกษัตริย์แห่งศากยวงศ์นั้น ได้แย่งน้ำเข้าที่นาของแคว้นสักกะ จนจะเกิดสงครามแย่งน้ำกันผู้เขียนจึงเชื่อได้ว่าโบราณสถานแห่งนี้คือพระราชวังอันเก่าแก่ศากยวงศ์ตามที่กล่าวในพระไตรปิฎกและกองโบราณคดีของประเทศเนปาลได้วิเคราะห์ไว้ เป็นต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

Post Top Ad

Your Ad Spot

หน้าเว็บ