The problem with the truth about the 100-year-old Khonburi wooden bridge
บทนำความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสะพานไม้ครบุรี ๑๐๐ ปี
โดยทั่วไปแล้ว เมื่อพวกเราได้ยินข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสะพานไม้ครบุรีอายุ ๑๐๐ ปี จากคำบอกเล่าของคนรู้จัก และเว็บไชต์ต่าง ๆ เกี่ยวกับ สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ก็สวยงามมากและเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ พวกเราก็มักจะเชื่อข้อเท็จจริงโดยปริยายว่าเป็นเรื่องจริงโดยไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานมาพิสูจน์ความจริงในเรื่องนี้แต่อย่างไร ตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงตรัสสอนว่า เมื่อผู้ใดได้ยินข้อเท็จจริงในเรื่องใด ก็ไม่ควรเชื่อทันทีเราควรสงสัยเสียก่อน จนกว่าจะตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์โดยการอนุมานความรู้ เพื่อหาเหตุผลมาอธิบายความจริงหรือพิสูจน์ความจริงในเรื่องนั้นอย่างสมเหตุสมผลเสียก่อน ถ้าไม่มีหลักฐานพิสูจน์ความจริงในเรื่องนั้น ให้ถือว่าการรับฟังข้อเท็จจริงจากพยานเพียงคนเดียว ขาดความน่าเชื่อถือเพราะมนุษย์เห็นแก่ตัวและมีอคติต่อผู้อื่น ซึ่งเกิดจากความโง่เขลา, ความกลัว, ความเกลียดชัง, ความรัก เป็นต้น นอกจากนี้อวัยวะอินทรีย์ทั้ง ๖ ของร่างกาย ยังมีข้อจำกัดในการรับรู้ผ่านประสาทสัมผัสของตนเองเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ย้อนกลับไปกว่า ๒,๕๐๐ ปี และไม่สามารถรับรู้ความจริง ที่มีอยู่เกินขอบเขตประสาทสัมผัสของมนุษย์ได้ ตัวอย่างเช่น สภาวะนิพพาน เป็นความรู้ที่อยู่เกินขอบเขตประสาทสัมผัสของมนุษย์ได้ ดังนั้น สิ่งต่าง ๆ ที่ล้อมรอบตัวเรา จึงสามารถรับรู้ได้ด้วยประสาทสัมผัสของมนุษย์ เช่น เพื่อนมนุษย์ สัตว์ป่าทั้งเล็กและใหญ่, ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติเช่น พายุฝน น้ำท่วม, ภูเขาไฟระเบิด เป็นต้น และความจริงขั้นปรมัตถ์ ซึ่งเป็นความจริงอันเป็นสูงสุดแห่งชีวิตมนุษย์ ตามกฎธรรมชาติเช่น การเห็นวิญญาณออกจากร่างไปเกิดใหม่ในโลกเทวดาและโลกมนุษย์ หรือทุกคติ อบาย นรก เป็นต้น ดังนั้น เมื่ออภิปรัชญาสนใจศึกษาความจริงเกี่ยวกับมนุษย์ โลกและปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ และการพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับเทพเจ้า เป็นต้น เราสามารถแบ่งความจริงในอภิปรัชญาออกเป็น ๒ ประเภท กล่าวคือ ๑. ความเป็นจริงในระดับประสาทสัมผัสของมนุษย์ ๒.ความเป็นจริงที่อยู่เหนือขอบเขตการรับรู้ผ่านประสาทสัมผัสของมนุษย์ ความเป็นจริงทั้ง ๒ ประเภทนั้น ผู้เขียนสามารถอธิบายได้ดังนี้
๑.ความจริงที่สมมติขึ้น เป็นความจริงในระดับประสาทสัมผัสของมนุษย์ โดยธรรมชาติแล้ว มนุษย์มีอวัยวะอินทรีย์ในร่างกายของมนุษย์ทั้ง ๖ อวัยวะ สามารถรับรู้ถึงปรากฏการณ์ตามธรรมชาติและเหตุการณ์ต่าง ๆ ทางสังคมที่เกิดขึ้นแล้ว ตั้งสภาวะอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง และเสื่อมสภาวะหายไปในอากาศธาตุ แต่ก่อนที่สภาวะจะจางหายไปจากสายตาของมนุษย์ มนุษย์รับรู้แล้วเก็บอารมณ์เหล่านี้เป็นหลักฐานทางอารมณ์อยู่ในจิตใจ แต่ธรรมชาติของมนุษย์เมื่อรับรู้สิ่งไหนก็จะคิดจากสิ่งนั้น เมื่อคิดวิเคราะห์หลักฐานแล้วปรากฏข้อเท็จจริงยังไม่ชัดแจ้งว่าสาเหตุเกิดขึ้นจากอะไร ก็เกิดความสงสัยในเรื่องนั้นและรักที่จะแสวงหาความรู้ในเรื่องนี้ต่อไป ก็จะตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐานในเรื่องนั้นอย่างเพียงพอ ก็จะนำหลักฐานมาเป็นข้อมูลเพื่อวิเคราะห์หาเหตุผลพิสูจน์ความจริงอันเป็นที่สุดของคำตอบในเรื่องนั้น ความจริงในระดับนี้ถือว่าในระดับประสาทสัมผัสของมนุษย์ (ยังมีต่อ)
๒.ความจริงขั้นปรมัตถ์ เป็นความจริงในระดับเหนือขอบเขตประสาทสัมผัสของมนุษย์ ที่มนุษย์ทั่วไปจะรับรู้ได้ เว้นแต่ผู้นั้นจะได้พัฒนาศักยภาพของชีวิตของตนด้วยวิธีการปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์ ๘ ก็จะบรรลุถึงความรู้ระดับอภิญญา ๖ เช่นพระนิพพาน เป็นต้นความรู้เหล่านี้เป็นความจริงที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เป็นต้น
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสะพานไม้ครบุรี ๑๐๐ ปี เมื่อผู้เขียนศึกษาหลักฐานเกี่ยวกับสะพานไม้ครบุรี ๑๐๐ ปีด้วยการเดินทางไปเที่ยวชมสะพานไม้แห่งนี้ด้วยตนเอง ฟังข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่าสะพานไม้แห่งนี้เป็นความจริงในระดับประสาทสัมผัสที่เกิดขึ้นโดยสร้างของชาวบ้านโคกกระชาย ตั้งอยู่กลางทุ่นา และเสื่อมสลายไปตามกฎแห่งธรรมชาติต้องมีการซ่อมบำรุงทุกปี เป็นความรู้ที่มนุษย์สามารถรับรู้ได้โดยตรงไปเที่ยมชมสะพานไม้ครบุรี ๑๐๐ ปี ตั้งอยู่ที่บ้านโคกกระชาย ตำบลโคกกระชาย อำเภอครบุรีจังหวัดนครราชสีมา เหตุผลในการก่อสร้างสะพานไม้ ๑๐๐ ปี เมื่อผู้เขียนศึกษาภูมิศาสตร์ของสถานที่ตั้งสะพานไม้ครบุรี ๑๐๐ ปีนี้ เป็นแหล่งน้ำซับขนาดใหญ่ที่ไหลลงจากป่าดงดิบอยู่บนภูเขาตลอดทั้งปีครอบคลุมพื้นที่หลายร้อยตารางกิโลเมตรในอดีตการเดินทางของชาวบ้านออกจากหมู่บ้านโคกกระช่ายไปติดต่อราชการที่ตัวอำเภอครบุรีและหมู่บ้านอื่น ๆ ต้องใช้เรือสัญจรไปมาระหว่างหมู่บ้านอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงกัน
ต่อมารัฐบาลไทยได้พัฒนาพื้นที่น้ำซับเพื่อการเกษตรโดยสร้างเขื่อนลำแชะ เพื่อชะลอน้ำในฤดูฝนและใช้น้ำเพื่อการเกษตรในฤดูแล้ง ยังใช้เป็นแหล่งน้ำปะปาให้กับชาวจังหวัดนครราชสีมาใช้บริโภคและอุปโภคตลอดทั้งปี การสร้างเขื่อนเพื่อกักเก็บน้ำในฤดูฝนทำให้พื้นดินในบริเวณน้ำท่วมขังนั้นตื้นเขิน สามารถเพาะปลูกได้ในฤดูฝนและในฤดูแล้งก็มีน้ำเพื่อการเกษตรเมื่อน้ำตื้นทำให้ชาวบ้านไม่สามารถนั่งเรือไปมาหาสู่กันได้อีกต่อไปสะพานไม้ครบุรีอายุ ๑๐๐ ปีเป็นสะพานไม้ที่ชาวบ้านสร้างเพื่อเป็นทางสัญจรระหว่างหมู่บ้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เมื่อเวลาผ่านไปได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของหมู่บ้านโคกกระชายแห่งนี้ ลักษณะของสะพานไม้ครบุรีสร้างขึ้นอย่างเรียบง่ายโดยใช้แผ่นไม้บาง ๆ ๕ แผ่นที่เขาดัดแปลง วางบนคานไม้ที่ยกสูงจากพื้นดิน ๑๒๐ เซ็นติเมตรให้เป็นสะพานไม้ยาว ๕๐๐ เมตร ให้ประชาชนเดินทางได้สะดวก แม้ในหมู่บ้านโคกกระชายจะได้รับการพัฒนามากขึ้นและตัดถนนให้เดินทางสะดวกมากกว่าในอดีต แต่วิถีชีวิตของผู้คนยังคงประสบปัญหาสุขภาพเพราะนั่งหน้าคอมพิวเตอร์นานเกินไปมีจึงปัญหาเลือดและลมไม่สะดวกทุกชีวิตต้องการพักผ่อนท่องเที่ยวเพื่อคลายเครียด เป็นต้น ในอดีต ดินแดนอำเภอครบุรีเป็นดินแดนแห่งน้ำซับไหลจากภูเขาสูงมีน้ำความอุดมสมบูรณ์ตลอดทั้งปี เป็นแหล่งกำเนิดแม่น้ำลำแชะที่นำไปใช้ผลิตน้ำปะปาให้ผู้คนในอำเภอเมืองจังหวัดนครราชสีมาบริโภคและอุปโภคชาวโคกกระเทียมเล่ากับผู้เขียนว่าสถานที่ก่อสร้างสะพานไม้ครบุรี ๑๐๐ ปี เป็นเส้นทางของการเดินเรือสาธารณะของชาวบ้านโคกกระเทียมไปยังหมู่บ้านอื่นๆ อยู่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกัน ต่อมาเส้นทางน้ำสำหรับเดินเรือเหือดแห้งกลายเป็นแม่น้ำตื้นเขินใช้เดินเรือไม่ได้อีกต่อไป จึงได้มีการสร้างสะพานไม้ให้ชาวบ้านสัญจรไปมาเกิดจากความศรัทธาของคนในหมู่บ้านร่วมมือกันสร้างสะพานไม้ขึ้นมา
ทำให้เกิดคุณค่าเพราะเป็นการสร้างสะพานไม้ขึ้นมาจากภูมิปัญญาของคนท้องถิ่นได้ร่วมกันสร้างสรรค์ขึ้นมา และเป็นความรู้จากประสบการณ์ชีวิตผ่านประสาทสัมผัสของชาวบ้านเพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้ผ่านระบบการศึกษาของมหาวิทยาลัยแต่อย่างใด เมื่อความรู้ทางวิทยาศาสตร์ก้าวหน้าขึ้นนักวิทยาศาสตร์สามารถสร้างคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี่อินเตอร์เน็ต คนในท้องถิ่นร่วมมือกันใช้สมาร์ทโฟนได้สร้างปรากฏการทางสังคมโดยถ่ายรูปสะพานไม้แห่งนี้เผยแผ่บนเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อให้สะพานนี้เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกจะได้มาเยี่ยมเยือนสะพานไม้แห่งนี้ตลอดทั้งปี คุณค่าของสะพานไม้แห่งนี้มิใช่แค่รูปลักษณ์ภายนอกของตัวสะพานเท่านั้นแต่อยู่ที่มนุษย์ผู้ได้มาก้าวย่างบนสะพานไม้ครบุรีอันเก่าแก่แห่งนี้อย่างช้า ๆ เพื่อผัสสะกับความเย็นของอากาศธรรมชาติที่วิ่งเข้ามาทดแทนอากาศร้อนที่ขยายตัวลอยตัวขึ้นสู่ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ชั่วนิจนิรันดร์ เราเดินผ่านใครรู้จักส่งรอยยิ้มให้คนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก เป็นมิตรภาพที่ไม่ต้องมีใครบอกให้ยิ้มแต่เกิดขึ้นจากใจของตนล้วน ๆ เพราะทำให้จิตวิญญาณที่รับมือกับสิ่งจรเข้ามาสู่ชีวิตตลอดทั้งวันนั้นคลายจากความเคร่งเครียด เพราะการรู้จักปล่อยวางจากการยึดติดในสิ่งที่มี ตนทำกิจกรรมของหน้าที่การงานตลอดทั้งวันตนประสบความสำเร็จด้วยการหันเหออกจากห้องสี่เหลี่ยมเต็มไป ด้วยงานอันเร่งรีบตอบสนองข้อจำกัดของเวลาตลอดทั้งวันแลกกับความสะดวกสบายที่รู้สึกเย็นได้แค่ที่ผิวหนังเท่านั้นเอง การได้มาเยือนสะพานไม้๑๐๐ ปีครบุรีเราจะรู้สึกคุ้มค่าการได้มาเยือนเมื่อจิตวิญญาณ เกิดอารมณ์สุนทรียกับบรรยายของท้องทุ่งอันกว้างใหญ่ เห็นแสงพระอาทิตย์กำลังตกลับสายตาของตนในยามเย็นตามแรงหมุนของโลกส่องแสงอันสวยงามสะท้อนท้องทุ่งนาผืนอันกว้างใหญ่ก่อนความมืดจะเคลื่อนเข้ามาแทนที่เพื่อบดบังความงามของอารมณ์สุนทรียสู่ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่จากแสดงพระอาทิตย์ส่องมาตลอดทั้งวันให้เลือนหายไปอีก ๑๒ ชั่วโมงกว่าเช้าวันใหม่ต่อไป ในพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ของอำเภอครบุรี เคยเป็นดินแดนที่ชื่นช่ำด้วยน้ำที่ดินเป็นโคลนตมกาลเวลาและความนึกคิดของผู้คนได้เปลี่ยนแปลงไปในด้านการพัฒนามีการสร้างเขื่อนขึ้นมาเพื่อกักน้ำไม้เพื่อการเกษตรกรรมมีการสร้างสะพานไม้ขึึ้นมาทดแทนเส้นทางเดินเรือเก่าที่น้ำที่แห้งไปเพราะการสร้างเขื่อนขึ้นมากั้นน้ำซับไว้มิให้ไหลลงมา
การพัฒนาชีวิตของชาวบ้านด้วยการขับเคลื่อนความรู้ไปสู่จิตของผู้คนด้วยการแชร์ความรู้ ที่มีวิธีการคิดความทันสมัยของมนุษย์ ลดการพึ่งพาคนอื่นและพึ่งพาตนเองได้ ถูกแชร์ผ่านไวฟายอินเตอร์เน็ตด้วยการแชร์ภาพ และเสียงจากกิจกรรมส่งเสริมความรู้จากการศึกษา การค้นคว้าและการลงปฏิบัติจริง ให้เห็นผลได้จริง ในวันหนึ่งมีการแชร์ความรู้เป็นล้าน ๆ รายการ ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อชาวบ้านในการเรียนรู้มากยิ่งขึ้นเพื่อนำความรู้ที่มีอยู่ในจิตไปคิดต่อยอดโดยใช้สิ่งที่มีอยู่ในชุมชนให้เกิดประโยชน์หาอัตลักษณ์ของตนเอง และสร้างโอกาสให้กับตนเองทำให้ชาวบ้านผู้ห่างไกลความเจริญได้ศึกษาหาความรู้คิดสร้างสรรค์สิ่งที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์แก่ตน เช่นสะพานไม้โบราณ ๑๐๐ ปีครบุรีนี้ ที่ยังรักษาวัฒนธรรมการใช้ชีวิตที่เป็นอัตลักษณ์ของตนอย่างเหนียวแน่น เพื่อยังส่งเสริมให้ผู้อื่นมาเรียนรู้วิถีแห่งการใช้ชีวิตของตน ย่อมเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการสร้างงานและอาชีพแก่คนท้องถิ่น
๓.ความสำคัญเมืองครบุรี
ในแง่มุมของการคิดหาเหตุผลของสภาพทางภูมิศาสตร์ในตัวอำเภอครบุรีนั้น เป็นเมืองต้นกำเนิดแม่น้ำมูลเพราะอยู่บริเวณพื้นที่ ทางตอนใต้ของอำเภอครบุรี ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติทับลานซึ่งได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ทุ่งนาขนาดใหญ่และมีภูเขาล้อมรอบ เมืองครบุรีอยู่ในทางทิศใต้ของพื้นที่ตัวจังหวัดนครราชสีมา เป็นพื้นที่ต่ำน้ำซับลักษณะเป็นพื้นที่ราบลุ่มของอุทยานแห่งชาติทับลานซึ่งเป็นภูเขาสูงอุดมภ์ด้วยป่าไม้ขึ้นอย่างหนาทึบ ทำให้เป็นม่านธรรมชาติอย่างดีที่คอยกั้นเมฆหมอกฝนกลั่นตัวเป็นน้ำซึ่มลงสู่เบื้องล่าง ทำให้ตัวอำเภอครบุรีที่เป็นพื้นที่ต่ำเต็มจึงชุ่มไปด้วยน้ำซับจากผืนป่าธรรมชาติ และโคลนอันอุดมสมบรูณ์เหมาะแก่การเพาะปลูกข้าวเป็นอย่างดี อำเภอครบุรีจึงเป็นต้นกำเนิดแม่น้ำเล็ก ๆ หลายสายทำให้พื้นดินเมืองครบุรีชื่นแฉะไปด้วยน้ำหรือชุ่มไปด้วยน้ำชาวครบุรีจึงทำการเกษตรกรรมปลูกพืชในอดีตชาวนาปลูกข้าวไม่ได้ เพราะพื้นดินกว้างใหญ่ไพศาลนาชุ่มชื่นเต็มไปด้วยน้ำในบริเวณที่สร้างสะพานไม้โบราณนั้น ชาวบ้านบอกฉันว่าในอดีตแผ่นดินที่เป็นท้องทุ่งนากว้างใหญ่ที่เราเห็นด้วยสายตานั้น มันเคยเป็นที่ราบลุ่มขนาดใหญ่มีน้ำท่วมขังตลอดทั้งปี ชาวบ้านจึงใช้ประโยชน์มิได้แม้จะเป็นพื้นที่เกษตรกรรมก็ตามเพราะไม่สามารถปลูกข้าวได้เนื่องจากภูเขายังคงเป็นป่าอุดมสมบูรณ์ มีน้ำไหลลงจากภูเขาตลอดทั้งปี เมื่อเป็นที่ราบมีน้ำท่วมเส้นทางของสะพานไม้โบราณที่สร้างยาวทอดไกลนั้น ในอดีตคือเส้นทางของชาวบ้านในอดีตจึงใช้เป็นเส้นทางเดินเรือ ในสมัยเมื่อสองร้อยปีก่อนต่อมามีการสร้างเขื่อนลำแซะขึ้นมาทำให้หนองน้ำตื้นเขินขึ้นเพราะมีการกักน้ำบนเขื่อนลำแชะ พื้นที่ราบลุ่มกลายเป็นที่นาใช้ปลูกข้าวและทำการเกษตรกรรมปลูกพืชอื่น ๆได้ เส้นทางการเดินเรือจึงทำสะพานไม้ขึ้นมาอย่างที่เห็น ใช้สัญจรไปมาระหว่างที่นาของชาวบ้านใกล้เคียงกัน กินเนื้อที่ไกลสุดลูกหูลุกตามนุษย์จะมองเห็นได้
ฉันแสวงหาความรู้เกี่ยวกับวิชาสุนทรีย์ศาสตร์วิชาหนึ่งที่ว่าด้วยความงามของธรรมชาติและสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นถ้าฉันเพียงบรรยายวิชานี้ตามตำราอย่างเดียว จิตใจของผู้เรียนวิชานี้ไม่มีอรรถรสของความงามให้มีอยู่ในจิตของตนเมื่อฉันตระหนักรู้ถึงความมีอยู่ของสะพานไม้๑๐๐ ปีครบุรีด้วยประสาทสัมผัสของฉันแล้ว จิตฉันเกิดอาการรู้สึกอย่างไร เป็นคำถามที่ฉันตั้งขึ้นมาเองเป็นเรื่องที่ฉันสนใจไม่น้อยที่ต้องคิดหาเหตุผลจากผัสสะนั้น ก่อนอื่นเราต้องอธิบายคำว่า "ความสวย ความงาม" ให้เข้าใจด้วยเหตุผลเสียก่อนว่าความคืออะไร" ตามพจนานุกรมแปลไทย-ไทย ราชบัณฑิตยสถานให้คำนิยามว่า "งาม"เป็นคำวิเศษหมายถึงลักษณะที่เห็นชวนให้ชื่นชมหรือพึงพอใจเช่น มารยาทงาม รูปงาม ลักษณะ ที่สมบรูณ์ดี เช่น ต้นไม้งาม ปีนีฝนงาม ดี มาก ลักษณะเป็นไปตามต้องการเช่นกำไรงาม เป็นต้น. เมื่อวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ เวลา ๑๔.๓๐ น.หลังจากผู้เขียนได้บรรยายหลักธรรมเรื่องกายและจิตของพระพุทธเจ้าแล้วในงานปฏิบัติธรรมประจำปีของวัดป่าหิมพานต์หมู่ ๑ ตำบลครบุรี อำเภอครบุรี และผู้เขียนมีศรัทธา ได้ร่วมทำบุญโดยบริจาคทรัพย์ตามกำลังศรัทธาของตนมีแก่วัดป่าหิมพานต์ก่อนจะกลับไปที่วัด ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอเมืองนครราชสีมาผู้เขียนเห็นว่าในวันนี้ที่ตำบลโคกกระชายนั้น อากาศเย็นสบายดีท้องฟ้าเมฆมากเห็นฝนตกโปรยปรายเป็นละอองเล็ก ๆ ลอยลงมาผัสสะร่างกายของผู้เขียน อารมณ์ของวิญญาณของผู้เขียนอยากท่องเที่ยวต่อไปอีก ยังไม่อยากจะกลับมหาวิทยาลัยแต่อย่างใด เพื่อละลายความทุกข์ที่อยู่ในใจของผู้เขียนให้หมดสิ้นไป ท้องฟ้าบริเวณตำบลโคกกระชายนี้แม้จะไม่สดใสด้วยดวงอาทิตย์ ที่จะส่องแสงมาลงบนพื้นโลกมนุษย์ที่ผู้เขียนนับเวลาไม่ได้ว่า เป็นเวลากี่อสงไขยก็ตาม แต่วันนี้สภาพของดินฟ้าอากาศเปลื่ยนแปลงไปไม่สดใสเช่นทุกวันเพราะแสงแดดที่เคยส่องมาพื้นโลกด้วยความร้อนแรงของแสงดวงอาทิตย์กลับส่องแสงลงมาบนพื้นดินอย่างเบาบาง ไม่ครอบคลุมซีกทิศตะวันออกของอำเภอครบุรีอย่างใด
๔.ที่มาของความรู้สะพานไม้โบราณครบุรี ๑๐๐ ปีความรู้เป็นสิ่งที่มีอยู่ในจิตวิญญาณของมนุษย์ทุกคน การที่มนุษย์จะมีความรู้ในทางที่ดี และความรู้ในทางที่ชั่วนั้น ขึ้นอยู่กับจิตวิญญาณมีสติความรู้ตัวระลึกได้ว่า "สิ่งที่จรเข้ามาสู่ชีวิตในขณะนั้นเป็นประสบการณ์ชีวิตที่เคยผิดพลาดมานั้นหรือประสบการณ์อื่นใดแล้วพิจารณาจากสิ่งที่จรทำให้รู้ว่าสิ่งที่จรเข้านั้น เป็นความรู้ดีหรือชั่ว เป็นบาปหรือเป็นบุญ ถ้าเป็นสิ่งที่ยึดมั่นเป็นสิ่งไม่ดีก็ตัดอาลัยสิ่งนั้นให้ออกไปจากชีวิต ถ้าคิดได้ว่าสิ่งที่จรเข้ามานั้นเป็นสิ่งที่ประจักษ์ในขณะนั้น เป็นสิ่งที่ดีใช้สิ่งนั้นเป็นประโยชน์ต่อชีวิตต่อไป เป็นต้นทฤษฎีที่มาของความรู้มนุษย์นั้นมีหลายทฤษฎีด้วยกัน แต่ในการเขียนบทความรู้นี้ผู้เขียนใช้ทฤษฎีประจักษ์นิยมใช้ในการวิเคราะห์บ่อเกิดของความรู้ ชีวิตของผู้เขียนมีอินทรีย์ ๖ เป็นสะพานเชื่อมจิตของผู้เขียนกับสะพานไม้ครบุรี ๑๐๐ ปีเพราะผู้เขียนได้ยินเรื่องราวผ่านการบอกเล่าของผู้คนที่เคยไปเยือนสะพานไม้แห่งนี้ประจักษ์ถึงความงามที่รู้ได้เฉพาะตนว่าเป็นสะพานไม้โบราณมีคนถ่ายรูปออกมาได้ภาพสวยงามมาก ผู้เขียนนั่งคิดหลังจากลงจากธรรมาสน์แล้วตราบเท่าที่ชีวิตของผู้เขียนยังมีลมหายใจและโอกาสผู้เขียนจะไปหาความรู้ที่เป็นประโยชน์จากสะพานไม้แห่งนี้ให้ได้เพื่อใช้ในการทำงานดังนั้นผู้เขียนตัดสินใจที่จะเดินทางต่อไปที่สะพานไม้ครบุรีมีอายุ ๑๐๐ ปี เพื่อแสวงหาความรู้ เพื่อใช้ยกขึ้นเป็นตัวอย่างเกี่ยวกับการเรียนการสอนวิชาสุนทรียศาสตร์ได้ เนื่องจากการจัดการเรียนการสอนในเนื้อหาวิชาใด ๆ เราสามารถให้ตัวอย่างการสอนได้
ที่แสดงให้เห็นว่าผู้สอนมีประสบการณ์จากชีวิตจริงไม่ใช่การตีความ และท่องจำจากตัวละครที่อ่านแล้วสอน จิตผู้เขียนหวนนึกถึงความงามของสะพานไม้เก่าแก่อายุ ๑๐๐ ปีของเมืองครบุรี ตั้งอยู่ที่บ้านโคกกระชาย ตำบลโคกกระชาย อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา. ผู้เขียนจึงตัดสินใจไปยังตำบลโคกกระชาย เมื่อผู้เขียนมาถึงที่ตั้งของสะพานไม้โบราณครบุรี ผู้เขียนมองเห็นว่ามีนักท่องเที่ยวไม่มากนักและคิดหาเหตุผลจากประสาทสัมผัสของตนเองและระลึกได้ว่าวันนี้เป็นวันจันทร์หน่วยงานราชการและบริษัทห้างร้านต่าง ๆ เปิดทำงานกันทั่วประเทศ เมื่อมันไม่ใช่วันหยุดราชการแต่อย่างใดจึงไม่มีนักท่องเที่ยวหรือว่ามีนักท่องเที่ยวผู้เข้าชมสะพานไม้โบราณตั้งแต่เช้าตรูแล้วและได้เดินทางกลับไป เราไม่เห็นนักท่องเที่ยวไม่ใช่ว่าไม่มี นักท่องเที่ยว เพราะนักท่องเที่ยวมาแล้วและกลับไปแต่มันเป็นโอกาสของผู้เขียนที่เดินไปผัสสะอารมณ์ของธรรมชาติก้าวย่างบนสะพานไม้โบราณนั้นโดยไม่ต้องหลบหลีกใครบนสะพานเพื่อพิจารณาอารมณ์สุนทรียภาพอย่างมีสติ จิตของผู้เขียนรู้สึกโล่งใจเพราะหายจากความเครียดเนื่องจากทำงานหนักมาตลอดทั้งปี ผู้เขียนตัดสินใจที่จะก้าวเท้าเดินลงจากถนน ที่ตั้งอยู่สูงกว่าท้องทุ่งนาของชาวบ้านโคกกระชายที่กว้างไกลสุดสายตาผู้เขียนเดินไปตามสะพานไม้โบราณที่ชาวบ้านในหมู่โคกกระชายได้ร่วมกัน สร้างขึ้นไว้เพื่อใช้เป็นที่สัญจรไปมาหาสู่กันพื้นผิวของสะพานโบราณ ชาวบ้านสร้างจากแผ่นไม้จริงจำนวน ๕ แผ่น โดยวางแผ่นไม้พาดเรียงไปตามคานไม้คานไม้ตั้งสูงจากพื้นดินประมาณ ๒ เมตร ไม้พื้นผิวของโบราณมีลักษณะค่อนข้างเก่าและบางแผ่นตัดเป็นไม้แผ่นลักษณะค่อนข้างบางมากแบกรับน้ำหนักของร่างกายผู้เขียนประมาณ ๘๕ กิโลกรัม เมื่อผู้เขียนวางเท้าเหยียบลงบนแผ่นไม้ ทำให้ไม้อ่อนยวบลงไปเล็กน้อยเวลาเดินบนสะพานไม้โบราณ ผู้เขียนจึงต้องเดินอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะน้ำหนักตัวค่อนข้างมาก ผู้เขียนเห็นเกษตรกร ๓-๔ คน พวกเขากำลังนั่งบนสะพานโบราณเฝ้าดูปั๊ปทำงานเพื่อสูบน้ำเข้าทุ่งนา เพราะนี่เป็นฤดูแล้งน้ำบนทุ่งนาเริ่มแห้งแล้ว ฉันได้เห็นต้นข้าวหลายแปลงที่เกษตรกรพึ่งปลูกเสร็จใหม่ ๆเมื่อฉันสนใจอยากไปท่องเที่ยวชมสะพานแห่งนี้ในแง่มุมวิชาการเมื่อฉันไปผัสสะสถานที่แห่งนี้จะงดงามดั่งคำเล่าลือของผู้คนที่ได้ไปเที่ยวชมไปมา ฉันค้นหาที่กูเกิลฉันพบคำว่าสะพานไม้ ๑๐๐ ปีครบุรีมีผู้คนเข้าไปค้นหาคำนี้เกือบสองแสนครั้งแล้ว และเขียนข้อความจากเป็นประสบการณ์ที่พวกเขาได้ไปชมสะพานไม้เป็นข้อความสั้น ๆ มากมายทำให้สะพานไม้นี้กลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจ และคำบอกเล่าได้ยินและเห็นภาพสวยงามที่ถูกแชร์ในโลกออนไลน์มากมายและกระตุ้นความปรารถนาที่จะมาเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้สักครั้งหนึ่งของชีวิต ฉันรับรู้ความมีอยู่ของสะพานไม้ ๑๐๐ ปีครบุรีด้วยการอ่านศึกษาจากโลกออนไลน์และฉันเดินทางมาด้วยตัวของฉันเอง เห็นผ่านสายตาของฉันเองครั้งนี้เป็นครั้งที่ ๒ แล้ว ฉันมองด้วยสายตาของฉันเองตัวสะพานหน้าจะมีความกว้างสัก ๑ เมตร ความยาวจากการคาดเดาของฉันประมาณสัก ๑ กิโลเมตร ตัวเสาของสะพานเป็นเสาซิเมนต์เพราะสามารถทนฝนได้ดีกว่าเสาไม้ สะพานมีอายุมากว่า ๑๐๐ ปีตั้งอยู่กลางทุ่งนาอันไกลสุดสายตาจะมองเห็นได้ว่าสิ้นสุดลงที่ใด เมื่อสะพานอยู่กลางแจ้งย่อมผ่านร้อนที่ผ่านแสงแดดจ้าแผดเผาผ่านลมพายุหลายหลากถาโถมเข้ามาระลอกในฤดูฝนและมีเมฆหมอกปกคลุมมากในฤดูหนาว แต่ความเป็นสะพานไม้ร้อยปีครบุรีแห่งนี้ก็ทนทานต่อความร้อนหนาวพายุฝนและแสงแดดร้อยกว่าปีแล้วเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ สะพานไม้โบราณอายุ ๑๐๐ ปี เป็นแหล่งท่องเที่ยวน่าหลงไหลอีกแห่งหนึ่งมีเสน่ห์ที่จับต้องเข้าถึงได้ เป็นเรื่องราวผ่านประวัติศาสตร์ที่น่าค้นหา เพราะกาลเวลาไม่เคยทำให้คุณค่าของความงามที่เป็นนามธรรมในจิตมนุษย์ของลดลงไปยังห่อหุ้มจิตไว้เป็นมนต์ขลังที่ไม่มีวันเสื่อมคลายในโลกออนไลน์
เพราะเป็นวิถีความจริงและความงามของสรรพสิ่งที่เสมอภาคกัน ในความไม่เที่ยงแท้ที่เกิดการเสื่อมสลาย ทำให้พลัดพรากจากสิ่งที่รักรู้สึกจิตมีอาการอาลัยด้วยเสน่หาการหมุนเวียนของจุติจิตและปฏิสนธิวิญญาณทุกช่วงเวลาที่มนุษย์ควรค้นหาในจิตของตนเสมอ แม้มนุษย์ให้เหตุผลด้วยความหลงยกตัวเองขึ้นมาว่าดีกว่าใครในแหล่งหล้า หาใครเปรียบเทียบอย่างเสมอเหมือนได้ไม่ สุดท้ายก็ไม่เที่ยงอยู่ดีเพราะพระพุทธศาสนาสอน เรื่องเหตุปัจจัยของสรรพสิ่งรวมทั้งวิถีชีวิตของมนุษย์ ก็ต้องอาศัยเหตุปัจจัยกายและรวมให้เกิดเป็นชีวิตมนุษย์ก็ต้องเกิดเป็นธรรมดา ส่วนเหตุปัจจัยให้ดับคือเสียชีวิตก็กายต้องดับจิตย่อมไปจุติจิตเช่นเดียวกันไม่ใครจะหยุดเหตุปัจจัยเหล่านี้ได้ ลมหนาวจากท้องทุ่งนาอันกว้างใหญ่ไกลสุดสายตา และพัดเข้ามาแทนที่อากาศร้อนที่ลอยตัวขึ้นไปอยู่บนท้องฟ้าสีครามลมหนาวพัดผ่านประสาทสัมผัสของร่างกายของฉัน จนฉันรู้สึกผ่อนคลายทั้งกายและจิตฉันสูดดมก๊าซออกซิเยนเข้าสู่ปอดทั้งสองข้างของฉันร่างกายของฉันเคยเครียดเนื่องจากการทำงานพบปัญหาซ้ำซากปัญหาที่เป็นทุกข์ตลอด ทำให้ฉันต้องคิดตัดสินใจเริ่มผ่อนคลายลงมาก จิตใจของฉันสดชื่นมากจิตใจของฉันได้ปลดปล่อยตัวฉันเองจากภาระเมื่อยล้าเพราะประสาทสัมผัสของร่างกาย ฉันได้ผัสสะอากาศที่เย็นสบายวันนี้ไม่มีแสงของดวงอาทิตย์ ฝนตกลงจากท้องฟ้าบางเบาและพัดออกไป ไม่มีเรื่องราวใดที่แบ่งปันผ่านโลกออนไลน์ผ่านอากาศเข้าสู่ชีวิตของฉันเพื่อให้จิตของฉันได้รับรู้ทำให้ฉันไม่รู้สึกทุกข์ ไม่ต้องตัดสินใจอย่างรีบเร่งเรื่องอะไรอีกต่อไปเพราะแบดเตอรี่โทรศัพท์ใช้ไปจนหมดแล้ว จึงไม่มีสิ่งใดส่งผ่านเข้ามาที่โทรศัพท์มาให้ฉันต้องรับรู้อีกต้องคิดตัดสินใจอีก จิตจึงหมดความกังวลไปชั่วขณะหนึ่งกล้องถ่ายรูปยังมีแบดเตอรี่อยู่ยังถ่ายรูปได้อีกเป็น ๑๐๐ รูป โลกมีบ่วงผูกพันจิตของเราทำให้เราเกิดความทุกข์เพราะการรับรู้ความเปลื่ยนแปลงของชีวิต ผู้เข้าใจความเปลื่ยนแปลงเท่านั้นจะเกิดความสุขและสงบได้ในชีวิต.
๕.ความงามสะพานไม้ ๑๐๐ ปีครบุรี
ความรู้สึกของความงามเป็นหนึ่งในอาการของจิตใจที่เกิดขึ้น เมื่อจิตรับรู้วัตถุใดแล้วย่อมคิดหาเหตุผลจากสิ่งนั้นและก่อให้เกิดความรู้สึกอย่างหนึ่งอย่างใดขึ้น เมื่อมาถึงตำบลโคกกระชาย จิตของผู้เขียนก็สัมผัสได้ด้วยประสาทผัสสะกับสะพานไม้ ๑๐๐ ปีครบุรีแล้วและมีความรู้สึกอยากผัสสะกับสะพานนั้นอย่างใกล้ชิดแล้ว เกิดสุนทรียภาพในจิตของตัวผู้เขียนเองช่วยบรรเทาทุกข์เนื่องจากสภาพบีบบังคับทำให้จิตมนุษย์เกิดความสนใจและพึ่งพอใจในสิ่งนั้นเมื่อจิตสนใจในผลกระทบอารมณ์ ก็หันเหจากความทุกข์ที่เกิดขึ้นในจิต ซึ่งทำให้จิตเศร้าหมอง บุคคลจะรู้สึกปล่อยวางจากความทุกข์ที่หมักหมมอยู่ในจิตของพวกเขา แม้อารมณ์นั้นจะผ่านประสาทสัมผัสเข้ามาสู่ชีวิตตนเพียงชั่วขณะหนึ่งก็ตามที่ตนสนใจอารมณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ความสนใจยินดีในผัสสะใหม่ แม้จะเป็นความสุขชั่วขณะหนึ่งก็ตามอย่างน้อยยังทำให้ชีวิตมีความสุข ย่อมเกิดสติระลึกถึงความสุขหรือความทุกข์ในชีวิตผ่านมาย่อมที่จะใช้ปัญญาตนคิดใคร่ครวญกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรมมากระทบให้เกิดความบริสุทธิ์ได้
ดังนั้นเมื่อความงามเป็นความดีอย่างหนึ่งของชีวิตมนุษย์ เพราะความงามช่วยกล่อมเกลาให้จิตใจของมนุษย์เกิดอารมณ์สุนทรียภาพ ช่วยผ่อนคลายความทุกข์ที่เกิดจากการสัมผัสกับกามตัณหาอาจทำให้จิตร้อนรนและวิตกกังวลได้ แม้ความงามที่ผัสสะทำให้จิตเกิดสุนทรียเป็นความสุขชั่วขณะหนึ่งก็ตาม แต่ก็เป็นความรู้ที่เป็นความจริงอย่างหนึ่งช่วยให้จิตมนุษย์เกิดความสงบ ปิติ สุข เอกัคคตาได้ ความงามจึงเป็นความดีอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในจิตของมนุษย์ ผู้เขียนเดินไปเรื่อย ๆ ตามสะพานไม้โบราณ วันนี้ผู้เขียนมองไม่เห็นนักท่องเที่ยวจากจังหวัดนครราชสีมาหรือที่อื่นเดินทางมาสะพานโบราณแห่งนี้ผู้เขียนจึงใช้ชีวิตสะพานไม้อย่างสบายใจเพราะไม่คอยหลบหลีกญาติโยมไม่อยากให้พวกลำบากใจ ผู้เขียนจึงปล่อยอารมณ์เคร่งเครียดจากการใช้ชีวิตบนโต๊ะทำงานมาหลายชั่วโมงแล้ว ความจำเจในสิ่งที่ทำ ผู้เขียนละสายตาที่สิ่งที่ทำนั้น เดินไปเรื่อย ๆ เพื่อพักผ่อนจิตวิญญาณให้หายหงอยเหงาเศร้าซึ่มเหมือนคนแบกโลกด้วยจิตให้หนักอึ้ง ลมที่พัดเข้ามสู่ชีวิตรู้สึกภายนอกซึ่มซับเรื่อยมาถึงจิตใจของตัวเอง ยังมีผู้คนมากมายที่มีทรัพย์น้อยกว่าคนอื่น แต่เขามีความสุขมากกว่าคนอื่น เพราะคนอื่นให้ความสำคัญกับความอยากที่อยู่ไกลตัวของตนมากเกินไปไม่สนใจสิ่งที่มีค่าใกล้และให้ความสุขตนได้และไม่ต้องใช้ทรัพย์จำนวนมากแสวงหาสิ่งเหล่านี้มา เมื่อจิตมีความสงบแล้วช่วยให้ศักยภาพทางจิตให้มีความเข้มแข็งอดทนต่อความทุกข์ได้
ซึ่งเป็นข้อจำกัดของมนุษย์ในการคิดและจินตนาการในการสร้างสรรค์งานอันเป็นนวัตรกรรมใหม่ๆ ทำให้มนุษย์มองเห็นโอกาสในการที่จะต่อสู้ชีวิตของตนอีกต่อไปปัญหาว่าความงามทำให้เกิดความหลงหรือไม่มีเหตุผลเพียงใดเมื่อเราพิจารณาจากคำสอนของพระพุทธเจ้าในเรื่องกรรมของมนุษย์หากเราเอาเรื่องกรรมนั้นมาพิจารณาใคร่ครวญเป็นประจำไม่ว่าจะเป็นกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม การกระทำย่อมเกิดความบริสุทธิ์ได้เช่นเดียวกับความงามเป็นอารมณ์ธรรมชาติเกิดขึ้นในจิตจะทำให้มนุษย์เกิดสภาวะความหลงในความงามนั้นหรือไม่ หากพิจารณาด้วยเหตุผลและจิตของตนมีอยู่อย่างสติแล้วย่อมยากที่จิตของมนุษย์จะเกิดความหลงนั้นได้เพราะมีการพิจารณาอารมณ์อยู่เสมอ เมื่อจิตใจของมนุษย์อย่างฉันได้เห็นความงามของสะพานไม้โบราณ เป็นสะพานที่มีอายุกว่า ๑๐๐ กว่าปี ของอำเภอครบุรีทำให้จิตใจของฉันได้ดูธรรมชาติที่แท้จริงของปรากฎการณ์ของโลกในช่วงทำให้จิตของมนุษย์เกิดสุนทรียภาพมีความพึงพอใจคลายความเครียดของชีวิตในสิ่งที่พบเห็นในท้องไร่ ท้องนาป่าเขาและสายน้ำแชะที่ใช้หล่อเลี้ยงชีวิตของสรรพสัตว์ให้มีอายุยืนยาวชั่วขณะหนึ่งและเสื่อมสลายลงไปทุกอย่างที่มนุษยรู้ได้ด้วยประสาทสัมผัส สาเหตุของปัจจัยมีทำให้ชีวิต มีสาเหตุปัจจัยดับทำให้ชีวิตดับ สิ่งที่ผ่านประสาทสัมผัสเข้าสู่จิต เมื่อจิตใจไม่พอใจก็ทำให้เกิดความทุกข์ยากการฝึกจิตให้อดทนต่อทุกข์ทรมานเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิตมนุษย์นั้นต้องรู้จักร้อนหรือหนาวจากเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย เพราะเมื่อมนุษย์รับรู้แล้วคิดปรุงแต่งอารมณ์ของตนให้เป็นไปต่าง ๆเป็นทั้งความทุกข์และความพอใจสลับกันไปมา การใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบเรียบง่าย เราสามารถสัมผัสและเข้าถึงตัวตนที่มีอยู่ในจิตใจของเราได้ ช่วยให้จิตใจพักผ่อนคลายจากความทุกข์ยากของชีวิตได้เพราะในบางครั้งการที่จิตของตนหมกมุ่นกับการเขียนหนังสือหรือการอ่านหนังสือมากเกินไปอาจทำให้เครียดได้การใช้ชีวิตกับความบันเทิงมากเกินไปอาจทำให้เครียดได้เช่นกัน การคิดเชิงวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่บนพื้นฐานของแนวคิดทางปรัชญาในบางครั้งจิตใจของเราไม่สามารถคิดวิเคราะห์งานต่อไปได้อีกย่อมก่อให้เป็นความทุกข์เช่นกันการปล่อยให้จิตว่างเปล่าจากความเคร่งเครียดของชีวิต น่าจะเป็นช่วงเวลาน่าจะดีที่สุดของชีวิตบางครั้งเราต้องรู้จักพิจารณาธาตุดิน อยู่ตรงหน้าเราว่าอาจเต็มไปด้วยกระดูกอิฐิเถ้าเล็กๆ เท่าฝุ่นดินมีจำนวนมหาศาลกองระเนระนาดเต็มไปหมดช่วยลดความทะเยอทะยาน อยากของชีวิตตนเองได้จึงเป็นการเจริญมรณสติได้อย่างวิเศษมหัศจรรย์มาก เพราะวันนี้เป็นวันสุขของเขาวันนี้พรุ่ง ก็ต้องเป็นวันของทุกข์ของเราเป็นได้ที่เราจะต้องเจอะเจอหมุนเวียนอยู่อย่างนี้เมื่อพอมีเวลาว่างก็แสวงหาความรู้ผ่านประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสหรืออินทรีย์ ๖ โดยตรงมิความรู้ที่ผ่านอักษรแม้จะเป็นความรู้ก็มิใช่ความรู้ผ่านประสบการณ์ต้องอาศัยการนึก คิดจินตนาการต่อไปการไปชมสะพานไม้ ๑๐๐ ปีบ้านโคกระชายของเมืองครบุรีว่าสวยงามอย่างไรน่าจะเป็นประโยชน์ในการยกตัวอย่างให้ความงามที่รู้สึกได้ด้วยตนเองเพราะแหล่งท่องเที่ยวเป็นชื่นชมของนักถ่ายรูป ผ่านมือแชร์ผ่านโลกออนไลน์ในฐานะเป็นผู้สอนวิชาสุนทรียศาสตร์วิเคราะห์ ก็อยากรู้อยากเห็นว่าสะพานแห่งนี้งดงามเพียงใดแม้เคยมาครั้งหนึ่งแล้วก็ตามแต่ไม่ได้ศึกษาอย่างจริงจังแต่ เมื่อกาลที่มานั้นเต็มไปด้วยผู้คนมากมายเดินมาเที่ยวชมความงามให้เกิดขึ้นในจิตของพวกเขา ทำให้ไม่สะดวกที่จะเดินทางไปศึกษาท่ามกลางผู้คนจำนวนมากเช่นนั้นจึงเดินทางกลับไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น