Introduction Who Determines Your Destiny in Buddhaphumi's Philosophy
บทนำ ใครกำหนดชะตากรรมคุณ

โดยทั่วไปแล้ว ชีวิตมนุษย์ทุกคนเกิดจากปัจจัยทางร่างกายและจิตใจ ที่มารวมตัวกันเป็นทารกในครรภ์มารดา เมื่อทารกโตขึ้นจนถึงอายุ ๙ เดือน ก็จะคลอดจากครรภ์มารดา หากรอดชีวิตก็จะมีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทย เมื่อองค์ประกอบของชีวิตมนุษย์นั้น เกิดจากปัจจัยทางร่างกายและจิตใจรวมตัวกันในครรภ์มารดา ชีวิตมนุษย์จึงจะขาดร่างกายหรือจิตใจอย่างหนึ่งอย่างใดไปไม่ได้ ถ้าขาดร่างกายหรือจิตใจไปแล้ว ชีวิตมนุษย์ก็จะไม่สามารถรักษาดำรงธาตุขันธ์ของตนเองให้เป็นมนุษย์ต่อไปอีกได้ ชีวิตก็ตายไปส่วนจิตวิญญาณก็จะออกจากร่างกายไปเกิดยังอีกโลกอื่นต่อไปเป็นกฎธรรมชาติที่มนุษย์ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เดิมมนุษย์ยังไม่รู้จักวิธีพัฒนาศักยภาพชีวิตของตนเอง จึงมีความรู้ในระดับประสบการณ์ชีวิตผ่านประสาทสัมผัสของตนเองและสั่งสมความรู้นั้นอยู่ในจิตใจของตนเอง ยังไม่มีความรู้ในระดับเหนือประสาทสัมผัสของมนุษย์แต่อย่างใด มนุษย์ใช้ความรู้ที่มีอยู่ในจิตใจของตนเองเป็นเครื่องนำทางไปสู่เป้าหมายตนเองต้องการ แต่มนุษย์บางคนอ่อนแอเพราะไม่มีความมั่นใจในตนเอง ไม่ว่า การคิด การพูด และลงมือกระทำกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยตนเองจำเป็นต้องหาที่พึ่งตนเอง ไม่มีมนุษย์คนใดที่ไม่มีความรู้จากประสบการณ์ชีวิตผ่านประสาทสัมผัสของตนเอง เพราะมนุษย์ทุกคนล้วนแต่จิตใจเป็นตัวตนที่แท้จริงและน้อมรับอารมณ์ต่าง ๆ ผ่านประสาทสัมผัสของตนเอง มาสั่งสมไว้กับจิตใจตัวเองและห่อหุ้มจิตอยู่อย่างนั้น ติดตามจิตไปสู่ที่ต่าง ๆ ทั้งโลกนี้และโลกหน้า เพื่อใช้ความรู้นั้นไปประยุกต์กับการทำงานและใช้ชีวิตของตนเพื่อปัญหาต่าง ๆ ด้วยตัวของตัวเอง การศึกษาในระบบการศึกษาและการศึกษานอกระบบ ล้วนเป็นความรู้สั่งสมอยู่ในจิตใจของมนุษย์ทุกคนยกเว้นแต่ความรู้จากการระลึกชาติ ที่ผ่านมาก็เป็นความรู้ที่เกิดจากประสบการณ์ชีวิตผ่านประสาทสัมผัสในอดีตชาติ ผู้เขียนไปศึกษาต่อต่างประเทศระดับบัณฑิตศึกษาที่มหาวิทยาลัยบานารัสฮินดู เขตพาราณสี รัฐอุตตรประเทศ สาธารณรัฐอินเดียนั้น ไม่มีใครกำหนดชะตากรรมของผู้เขียนไปศึกษาต่อต่างประเทศในระดับปริญญาโทและปริญญาเอกแต่มันเป็นความฝันของผู้เขียนเองที่ตั้งใจจะไปเรียนต่อต่างประเทศ สาเหตุมาจากความรู้จากประสบการณ์ชีวิตผ่านประสาทสัมผัสของตนเอง เมื่อได้ยินข้อเท็จจริงว่า มีพระหลายรูปสำเร็จการศึกษาจากกต่างประเทศในระดับปริญญาเอกจาก ที่อินเดียและศรีลังกาบ้างเพื่อพัฒนาศักยภาพชีวิตของตัวเองมีวัตถุประสงค์เพื่อประยุกต์ใช้ทักษะและความรู้ในระดับบัณฑิตที่สั่งสมอยู่ในจิตใจไปพัฒนาศักยภาพชีวิตของผู้อื่นต่อไป เมื่อจะไปเรียนก็ต้องเก็บเงินเป็นทุนก่อน ไม่มีใครสนับสนุนให้เราไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยมีเพียงเราเท่านั้น ที่กำหนดชะตากรรมของเราเองหลังจากได้รับทุนเพียงพอจากการทำงาน ปัญหาคือเราจะไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยต่างประเทศที่มีชื่อเสียง และมีมาตรฐานสากลเป็นที่ยอมรับของรัฐบาลไทย เป็นเรื่องต้องตรวจสอบที่ต้องตรวจสอบด้วย
ในยุคศาสนาพราหมณ์รุ่งเรือง มนุษย์เคยยึดติดในความเชื่อในชีวิตว่ามนุษย์ถูกพระพรหมสร้างขึ้นมาจากร่างกายของพระพรหมและวรรณะขึ้นมาเพื่อให้ทำงานสิทธิและหน้าที่แก่มนุษย์ที่พระพรหมสร้างขึ้นมาในการทำงานตามวรรณะที่ตนเกิดมา เมื่อคนในวรรณะต่าง ๆ ได้ทำความผิดกฎหมายจารีตประเพณีว่าด้วยวรรณะ กฎหมายให้อำนาจคนในสังคมลงโทษผู้กระทำความผิดได้ ด้วยการขับไล่ออกจากสังคมได้ หากผู้นั้นต่อสู้ขัดขืนสามารถทุบตีจนตาย หรือจับประหารชีวิตด้วยการแขวนคอได้พวกเขาต้องหลบหนี่จากสังคมไปใช่ชีวิตเร่ร่อนในเมืองใหญ่ ๆ กลายเป็นจัณฑาลเป็นคนไร้วรรณะหมดสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายตลอดชีวิตในการประกอบอาชีพ การทำพิธีกรรมตามความเชื่่อในศาสนาพราหมณ์นิกายของตนเองและการมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศเป็นต้น เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้กฎธรรมชาติของชีวิตมนุษย์ว่าทุกคนมีวิญญาณเป็นตัวตนที่แท้จริง ผ่านวัฏจักรแห่งความตายและการกลับชาติมาเกิดใหม่ในสังสารวัฏไม่รู้จบ พระพุทธองค์ทรงเห็นด้วยญาณทิพย์ว่า มนุษย์ทุกคนมีชีวิตเป็นไปตามตัณหาของตนเองและแสดงเจตนาของการกระทำของตัวเองออกมา พระพรหมไม่ได้สร้างมนุษย์และวรรณะให้มนุษย์ทำงานตามสิทธิและหน้าที่ของวรรณะที่ตนเกิดมาเพราะพระพรหมเป็นเทพเจ้าที่ไม่มีอยู่จริงตามที่พราหมณ์กล่าวอ้างแต่อย่างใด
ในยุคปัจจุบัน หลังจากที่พระพุทธเจ้าปรินิพพานเมื่อกว่า ๒,๕๐๐ ปีมาแล้ว มหาราชาผู้ปกครองอาณาจักรโบราณหลายแห่งในอนุทวีปอินเดีย ได้ประกาศเอกภาพและมอบอำนาจอธิปไตยในการปกครองประเทศของตนให้รัฐบาลกลางของประเทศที่จัดตั้งขึ้นใหม่ ที่เรียกว่า "สาธารรัฐอินเดีย" และได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญลายลักษณ์อักษรแห่งสาธารณรัฐอินเดียที่เขียนขึ้นใหม่โดยคนจัณฑาลที่ได้รับการศึกษามาจากต่างประเทศเพื่อประกันสิทธิและหน้าที่ของชาวอินเดียทุกคนในอาชีพการงานของพวกเขาการศึกษา การประกอบพิธีกรรมทางศาสนาในนิกายของตน และการมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศเป็นต้น ถือว่าเป็นยกเลิกระบบวรรณะโดยปริยาย โดยมิได้ระบุระบบวรรณะไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อรับรองระบบวรรณะแต่อย่างใด หลังจากได้รับเอกราชจากอังกฤษมหาราชาทั่วเอเซียใต้ได้มาประชุมกันยอมสละอำนาจอธิปไตยในแคว้นของตนที่เคยมีมายาวนานนั้น ให้แก่รัฐบาลกลางตั้งขึ้นมาใหม่ และรวมตัวกันตั้งเป็นประเทศขึ้นใหม่เรียกประเทศตนเองว่าสาธารณรัฐอินเดีย ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย มีออกกฎหมายรัฐธรรมนูญในการปกครองประเทศได้ กำหนดสิทธิหน้าที่ให้ประชาชนชาวอินเดียทั่วประเทศ มีสิทธิเสรีภาพในทางการเมืองอย่างเท่าเทียมกันในการออกเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์เป็นตัวแทนของตนได้ โดยไม่มีการแบ่งชนชั้นวรรณะในสิทธิหน้าที่ของการประกอบอาชีพให้แก่วรรณะใดวรรณะหนึ่งอีกต่อไป เมื่อสภาพบังคับของกฎหมายตามกฎหมายจารีตประเพณีแบ่งวรรณะ ที่เคยมีมายาวนานหลายพันปีหมดความศักดิ์สิทธิอีกต่อไป เพราะมหาราชาเจ้าของรัฏฐาธิปัตย์หมดอำนาจอธิปไตยในการปกครองประเทศอีกต่อไปและโอนอำนาจอธิปไตยของตนนั้น เป็นของรัฐบาลกลางมาจากการเลือกตั้งจากประชาชนทั้งประเทศ แต่อย่างไรก็ดี แม้กฎหมายจารีตประเพณีของระบบวรรณะจะหมดสภาพบังคับอีกต่อไปแต่กฎสังคมของความเชื่อเรื่องพระพรหมผู้สร้างมนุษย์ทำให้แนวคิดเรื่องวรรณะยังเป็นมิจฉาทิฐิอยู่ในใจของผู้คนอยู่ต่อไป เพราะผู้คนในหลายรัฐของอินเดียยังถือเป็นขนบธรรมเนียมยังมีอยู่ต่อไปเพราะข่าวของผู้คนที่แต่งงานข้ามวรรณะหรือมีความรักต่างวรรณะนั้นเป็นปัญหาทางสังคมกันต่อไปเพราะมีฆ่าลูกสาวเพื่อรักษาเกียรติยศของตระกูลไว้ยังถูกแชร์ไว้ในโลกออนไลน์ให้เห็นอยู่เสมอ ๆ

มูลเหตุของระบบวรรณะยังมีอยู่ในสังคมประชาชนของสาธารณรัฐอินเดียอีกต่อไป เพราะเป็นสัญญาเก่าเรื่องพระพรหมยังคงสั่งสมอยู่ในจิตวิญญาณของชาวอินเดีย ตลอดไปไม่มีวันสิ้นสุดแม้จะมีการเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้ครั้งหนก็ตามเมื่อเจ้าชายสิทธัตถะทรงรู้ปัญหาของชีวิตมนุษย์ตกอยู่ในอำนาจมืดบอด เพราะความเชื่อในความรู้และความจริงอันเป็นมิจฉาทิฐิ ทรงตัดสินออกผนวชเพื่อแสวงหาความรู้ในความจริงของชีวิตทุกคนจนสิทธัตถะพระโพธิสัตว์ได้ตรัสรู้เกี่ยวกับความจริงของวิถีชีวิตมนุษย์ทุกคน ทรงการพัฒนาศักยภาพของชีวิตพระองค์เองได้ตามวิธีการที่เรียกว่า "มรรคมีองค์ ๘" จนจิตของพระองค์ ทรงมีสมรรถภาพบรรลุถึงความรู้ที่หาได้ยากยิ่งที่เรียกว่า "อภิญญา๖" และค้นพบว่าเมื่อมนุษย์ทำกรรมสิ่งใดไป มนุษย์ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้จากผลของกรรมของตัวเองได้ เพราะพฤติกรรมที่ตนแสดงออกมานั้นจิตวิญญาณน้อมรับเข้ามาสั่งสมไว้ เป็นความรู้มีอยู่ในจิตของผู้กระทำเองเป็นกฎธรรมชาติ ที่แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับการกระทำของตัวเอง ที่เป็นกฏที่เที่ยงแท้แน่นอนที่มนุษย์ทุกคนไม่อาจหลีกเลี่ยงให้พ้นจากกรรมของตนเองได้ แม้มนุษย์จะมีความเชื่อเรื่องพระพรหมที่สั่งสอน ติดต่อกันมายาวนานแล้วไม่รู้กี่รุ่นก็ตามว่าเพราะในยามชีวิตตนเองอับโชควาสนา เราจะแก้ไขกรรมอันมืดบอดของชีวิตด้วยการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ถวายเครื่องเซ็นไหว้ต่อเทพเจ้าองค์ใดที่ตนศรัทธาเพื่อให้กรรมตนเอง ที่กระทำไปต่อเทพองค์นั้นโดยประมาทก็ดี ไม่ตั้งใจก็หรือไม่ ตั้งใดก็ดีเพื่อกรรมที่ทำไปแล้วเบาบางลงโชควาสนาย่อมกลับมาเองเมื่อกรรมหรือการกระทำนั้น จิตวิญญาณตัวเองน้อมรับมาสั่งสมไว้ในจิตวิญญาณตนเองแล้วต่อให้มนุษย์จะหนีไปอยู่อาศัย ณ ที่ไหนก็ตาม ไม่ว่า เป็นภูเขาสูง ในอากาศ และใต้ทะเลลึกก็ตาม ก็ไม่อาจหลีกพ้นจากผลของการกระทำของตัวเองได้ เพราะว่าเรื่องราวของกรรมที่ทำไปแล้วได้สั่งสมเรื่องราวไว้ในจิตจนเรื่องราวเหล่านั้น กลายเป็นสัญญาอนุสัยนอนเนื่องอยู่ในจิตย่อมติดตามจิตอย่างนั้นไปสู่ที่ต่างๆ ระหว่างมีชีวิตในโลกนี้และเมื่อตายไปยังตามจิตไปจุติจิตในภพภูมิต่าง ๆ ด้วยดังนั้นความรู้ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้แจ้ง (ค้นพบ) นั้น เป็นกฎสากลที่ใช้ได้กับทุกคนเพียงแต่มนุษย์นำวิธีการตามมรรคมีองค์ ๘ นั้นไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ชีวิตของตัวเอง ด้วยการพัฒนาศักยภาพชีวิตตัวเองให้จิตตัวเอง จนบรรลุถึงความรู้สูงสุดที่มนุษย์ควรจะรู้ได้คือนิพพาน กระบวนการแสวงหาความรู้นี้เป็นวิธีการทางวิทยาศาสตร์ แม้จะเป็นความรู้ที่รู้ได้เฉพาะตนเองก็ตาม แต่มนุษย์ทุกคนได้นำความรู้ไปใช้แล้ว ย่อมได้ผลของการทดสอบอย่างเดียวกัน ในยุคปัจจุบันนี้ได้มีการนำความรู้เหล่านั้น มาพัฒนาด้วยการใช้เครื่องวิทยาศาสตร์ช่วยในการตรวจสอบผลของปฏิบัติกรรมฐาน ด้วยการสแกนคลื่นสมองของผู้ทำสมาธิแล้วเพื่อวิเคราะห์ผลการปฏิบัติกรรมฐานของบุคคลที่มีจิตบริสุทธิ์ในระดับต่าง ๆ ในยุคปัจจุบันได้ ส่วนสัตว์โลกชนิดอื่น ๆ แม้จะมีจิตวิญญาณเช่นเดียวกับมนุษย์ก็ตาม แต่จิตวิญญาณของสัตว์น้อยใหญ่เหล่านั้น มีศักยภาพในการพัฒนาตนเองศึกษาหาความรู้น้อยกว่ามนุษย์ เพราะสัตว์เหล่านั้นมีจิตวิญญาณที่มีสมาธิสั้นกว่าของมนุษย์ จึงไม่อดทนคิดหาเหตุผลจากสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่มาผัสสะ จนเป็นความรู้และความจริงของตนได้ เมื่อไม่รู้จักพิจารณาย่อมตกใจกลัวหรือคิดระแวงสิ่งที่มาผัสสะได้ จึงมีสัญญาในการจดจำข้อมูลของความจริงที่ลึกซึ้งน้อยกว่าจิตมนุษย์ทั่วไป

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น