The greatest discovery is the natural laws of human life. That everyone is equal Without choosing a social caste as the basis for determining humanity When the soul is the real person of man That accumulates knowledge from the mind with reasons And show his intention to act accordingly Would receive the result of Own action

Breaking

Post Top Ad

Your Ad Spot

วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2565

บทนำ ธาตุแท้ของมนุษย์ตามหลักปรัชญาแดนพุทธภูมิ

The true nature of the Human being  according to the  Buddhaphumi philosophy

บทนำ

       บทความนี้เขียนขึ้นเพื่ออธิบายความจริงเกี่ยวกับ "ธาตุแท้ของมนุษย์"  ซึ่งเป็นคำถามอมตะที่ผู้คนทั่วโลกตั้งคำถาม     และแสวงหาคำตอบกันมายาวนานตลอดประวัติศาสตร์ความคิดของมนุษย์  ไม่ว่าจะจากมุมมองทางศาสนา ปรัชญา หรือวิทยาศาสตร์  ความคิดแต่ละแขนงใช้เหตุผล ซึ่งเป็นเครื่องมือที่นักปรัชญาใช้ เพื่ออธิบายความจริงของคำถามนี้  แต่ก็มีความแตกต่างกันทฤษฎีบางทฤษฎีเน้นย้ำถึงธรรมชาติ เช่น ทฤษฎีวิวัฒนาการซึ่งมองว่ามนุษย์เป็นผลพวงมาจากการคัดเลือกโดยธรรมชาติ    ทฤษฎีอื่นๆ เน้นย้ำถึงจิตวิญญาณ เช่น ทฤษฎีศาสนาตริสต์ซึ่งเชื่อว่า มนุษย์ถูกสร้างขึ้นตามฉายาของพระเจ้า   และทฤษฎีอื่นก็พยายามผสมผสานทั้งสองเข้าด้วยกัน   ในพระพุทธศาสนา  พระพุทธเจ้าทรงปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘  จนกระทั่งทรงบรรลุความจริงเกี่ยวกับกฎธรรมชาติของชีวิตมนุษย์

           เมื่อผู้เขียนศึกษาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับชีวิตมนุษย์    มนุษย์มักเป็นสัตว์สังคมในโรงเรียน, มหาวิทยาลัย, ศูนย์การค้า สถานที่ราชการและงานสังคมสงเคราะห์ เมื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่น พวกเขามักจะละเว้นการแสดงความรู้สึกแท้จริงเพื่อรักษามารยาททางสังคม    อย่างไรก็ตามเมื่อผู้เขียนศึกษาหลักฐานบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ และแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ  พบว่ามนุษย์มักแสดงเจตนาจากจิตใจจริง สิ่งนี้ทำให้เราเข้าใจธรรมชาติที่แท้จริงซึ่งก็คืออัตลักษณ์ ลักษณะเฉพาะ หรือ ความเห็นแก่ตัวที่ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของตนเองอย่างชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น การไม่เมตตาต่อผู้อื่น เป็นปรากฏการณ์ทางสังคมที่เกิดขึ้นทุกวัน    ที่ทำให้ชุมชนออนไลน์กลายเป็นสังคมตรวจสอบพฤติกรรมของผู้คน ในสังคมมากขึ้น ความจริงเกี่ยวกับเจตนาของมนุษย์ จึงเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาในสาขาต่าง ๆ เช่นจิตวิทยา  รัฐศาสตร์  สังคม ปรัชญา และศาสนา โดยจำเป็นต้องค้นหา ข้อเท็จจริงเหล่านั้น ข้อมูลทั้งหมดถูกเผยแพร่ทางออนไลน์ ช่วยให้ผู้คนสามารถศึกษาและค้นพบความจริง ผู้คนเข้าใจอัตลักษณ์ที่แท้จริงหรือแก่นแท้ของธรรมชาติมนุษย์ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในสังคมได้ยิ่งขึ้น   เป็นต้น  

        ปัญหาเกี่ยวกับความจริงของแก่นแท้มนุษย์คืออะไร  ธรรมชาติที่แท้จริงของมนุษย์ เมื่อผู้เขียนศึกษาหลักฐานในพระไตรปิฎกมหาจุฬา ฯ ก็ได้ยินข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่า พระศากยมุนีพุทธเจ้าทรงสอนเกี่ยวกับชีวิตมนุษย์ว่า ความจริงของชีวิตมนุษย์เกิดจากปัจจัยทางร่างกายและจิตใจ เมื่อมนุษย์ตาย จิตวิญญาณที่สถิตย์อยู่ในร่างกายนั้น ก็จะไปจุติอีกภพหนึ่ง ส่วนจะเกิดที่ภพภูมิไหนนั้นขึ้นอยู่กับอารมณ์กรรมของพวกเขาเป็นกุศลหรืออกุศล ปัญหาว่าเราจะรู้ได้อย่างไรว่ามนุษย์มีวิญญาณอาศัยอยู่ในร่างกาย พระศากยมุนีพุทธเจ้าทรงสอนว่าเมื่อมนุษย์พัฒนาศักยภาพในชีวิตด้วยวิธีปฏิบัติธรรมตามอริยมรรคมีองค์ ๘  จนจิตเป็นสมาธิ  บริสุทธิ์ผุดผ่อง ปราศจากความขุ่นมัว อ่อนเหมาะการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้คนในสังคม   มั่นคงในเป้าหมายของชีวิตและไม่หวั่นไหวในการปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง สามารถแก้ปัญหาของตนเองได้ด้วยสติสัมปชัญญะและปัญหาของตนเองได้  พระองค์ทรงเกิดญาณทิพย์เหนือมนุษย์ มองเห็นวิญญาณของสัตว์น้อยใหญ่ เป็นไปตามกรรมของตัวเอง เป็นต้น  เมื่อจิตมนุษย์อาศัยร่างกาย เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับ มนุษย์ สิ่งของมีค่าต่างๆทำให้เกิดตัณหาหรือมนุษย์ที่มัวเมากับสิ่งที่ตนเองชอบจนขาดสติสัมปชัญญะ ลืมหน้าที่ในการปฏิบัติต่อผู้อื่น ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน เป็นต้น 

      เมื่อผู้เขียนได้ศึกษาเรื่องราวของชีวิตจากพระไตรปิฎกอรรถกถา ฏีกา อนุฏี และคิดหาเหตุผลจากข้อในพระไตรปิฎกและแหล่งข้อมูลอื่น ๆ การเดินทางไปสู่พุทธสถานนั้นก็เป็นปัจจัยที่สำคัญของการเดินทางไปแสวงบุญเมื่อไปถึงสถานที่ดังกล่าวแล้ว หากผู้แสวงบุญมิได้ปฏิบัติบูชาในพุทธสถานนั้น ๆ การเดินทางไปสู่พุทธสถานแห่งนั้น ย่อมขาดเสน่ห์ของการปฏิบัติของการปฏิบัติ ทำให้ผู้แสวงบุญขาดความประทับใจในการเดินทางมาแสวงบุญในครั้งนั้น  การทำงานในพุทธสถานนั้นทำให้เกิดความรู้ที่เป็นความจริงของชีวิตอย่างหนึ่งเพราะเป็นความผ่านอินทรีย์ ๖ เข้ามาสู่จิต จนกลายเป็นสัญญาของการการทำงานนอนเนื่องอยู่ในจิต ยิ่งมีประสบการณ์ของการบรรยายระหว่างการเดินไปสู่เมืองต่าง ๆ ที่สังเวชนียสถานตั้งอยู่นั้นบ่อย ๆ ย่อมเป็นความรู้ที่สั่งสมอยู่ในจิตวิญญาณ ย่อมเกิดความชำนาญในการบรรยายและสามารถหยิบประเด็นมาใช้ในการบรรยายได้ง่าย เป็นความรู้เกิดขึ้นจากการวิเคราะห์ข้อมูลพระไตรปิฎกและเอกสารที่เกี่ยวข้องใช้บรรยายให้แก่ผู้แสวงบุญฟัง มีเนื้อหามีมากมายหลายเรื่องด้วยกัน ล้วนแต่เป็นหลักธรรมที่ผู้แสวงบุญที่จะนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ทั้งสิ้นทำให้เกิดความรู้ (รู้) ความเข้าใจ (ตื่น) และความเบิกบานของชีวิตได้เป็นอย่างดี ชีวิตเกิดศรัทธาในวิธีการปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธศาสนาได้เป็นอย่างดีการแสวงบุญในแดนพุทธภูมิ ทำให้ผู้เขียนเกิดสติเมื่อระลึกถึงชีวิตของพระพุทธเจ้าที่ทรงใช้ชีวิตเพื่อประชาชนชาวโลก เมื่อทรงเห็นความทุกข์ยากของประชาชนเพราะสิทธิในหน้าที่ไม่เท่าเทียมกันพระองค์ต้องการปฏิรูปผู้คนในสังคมชมพูทวีปให้ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพมีหวังและโอกาสของชีวิตอย่างเท่าเที่ยมกัน มิถูกเลือกปฏิบัติเพราะการแบ่งประชาชนออกเป็นชนชั้นวรรณะตามแหล่งกำเนิดของตน 

        เมื่อผู้เขียนศึกษาเรื่องชาวชมพูทวีปเพื่อใช้บรรยายในแดนพุทธภูมินั้นทำให้เกิดความสงสัยในกระแสจิตมากมายหลายเรื่องโดยเฉพาะความจริงที่เป็นตัวตนเราเอง เราคือใคร ชีวิตเราตายไปแล้วชีวิตเราสูญสิ้นสุดแค่การเผาร่างกายให้มอดไหม้ไปเท่านั้น กรรมที่เคยมีต่อกันสิ้นสุดกันแค่นั้นใช่ไหม  ในชีวิตผู้คนตั้งแต่ยุคสมัยก่อนพุทธกาลเป็นต้นมานั้น  ทำไมจึงมีการแบ่งชนชั้นวรรณะ เป็นคำถามที่ฝังรากมายาวนานที่อยากรู้เหตุผลมาก ในยุคก่อนที่เราเกิดมานั้น มนุษย์มีศักยภาพในเรียนรู้น้อยเพราะมีข้อมูลให้ศึกษาน้อยและไม่ได้รับการแชร์ในโลกออนไลน์ให้มีประสบการณ์การเรียนรู้อย่างเช่นทุกวันนี้พวกเขามีความรู้แค่รับรู้ผ่านประสาทสัมผัสเพียงอย่างเดียวจากการฟังคำบอกเล่าเท่านั้น เมื่อรับรู้แล้วมาคิดหาเหตุผลว่าเป็นความรู้และความจริงอย่างไรยากจะจินตนาการและพรรณาให้ถึงความรู้และความจริงนั้นได้เพราะข้อจำกัดของการศึกษา เมื่อรู้แล้วก็ไม่สามารถนำไปนึกคิดจินตนาการสร้างนวัตกรรมให้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตเพราะข้อจำกัดในสิทธิหน้าที่ในการทำงานเพื่อสร้างโอกาสของชีวิต พวกเขาจึงไม่มีความหวังในความฝันที่จะมีชีวิตที่ดีกว่า มนุษย์ในยุคนั้นจึงเลือกที่ใช้ชีวิตที่จะจมปลักกับความมัวเมาใน รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธัมมารมย์ ที่สั่งสมจนกลายเป็นสัญญานอนเนื่องอยู่ในจิตวิญญาณของพวกเขาและตามจิตวิญญาณของพวกเขาไปจุติจิตในภพอื่นต่อไป เมื่อจิตวิญญาณอุบัติในโลกมนุษย์อีกต่อไปไม่มีวันสิ้นสุด นอกจากนี้ชีวิตของพวกเขาถูกครอบงำด้วยความเชื่อว่าพระพรหมสร้างชีวิตมนุษย์ขึ้นมาจากพระวรกายของพระพรหมและกำหนดโชคชะตาให้มีสิทธิหน้าที่ทำงานตามวรรณะที่ตนเกิด ห้ามฝ่าฝืนแต่งงานข้ามวรรณะนั้น หากฝ่าฝืนจะถูกลงพรหมฑัณจากสังคม (ยังมีต่อ)

ไม่มีความคิดเห็น:

Post Top Ad

Your Ad Spot

หน้าเว็บ