The greatest discovery is the natural laws of human life. That everyone is equal Without choosing a social caste as the basis for determining humanity When the soul is the real person of man That accumulates knowledge from the mind with reasons And show his intention to act accordingly Would receive the result of Own action

Breaking

Post Top Ad

Your Ad Spot

วันพุธที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

บทนำ ค้นหาความจริง : รัฐธรรมนูญลับในพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณ


บทนำ:การค้นหาความจริง : รัฐธรรมนูญในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณ (Introduction:  The   Search  for Truth : The Secret  Constitution in The Mahachulalongkorn Tripitaka 


๑.บทนำ           

     ในยุคปัจจุบัน ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกต่างมีอำนาจอธิปไตยเป็นของตนเอง ซึ่งเป็นอำนาจสูงสุดของรัฐในการบังคับบัญชาภายในอาณาเขตของตน อำนาจอธิปไตยนี้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดที่บัญญัติระเบียบการบริหารราชการของประเทศ  กำหนดรูปแบบและระบบการปกครอง สิทธิ เสรีภาพและหน้าที่ของพลเมือง  อำนาจและหน้าที่ขององค์กรและความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรต่าง ๆ   ที่ใช้ในการบริหารประเทศเพื่อแสดงถึงเอกราชของประเทศตน เช่น ในราชอาณาจักรไทย มีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช ๒๕๖๐  ซึ่งมี ๑๖ หมวด (category)ดังนี้ หมวด ๑ บทบัญญัติทั่วไป (มาตรา๑-๒)  หมวดหมู่ ๒ พระมหากษัตริย์ หมวดหมู่ ๓ สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย หมวด ๔ หน้าที่ของปวงชนชาวไทย หมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ  หมวด ๖ นโยบายแห่งรัฐ หมวด ๗ รัฐสภา หมวด ๘ คณะรัฐมนตรี หมวด ๙ การขัดกันแห่งผลประโยชน์  หมวด ๑๐ ศาล หมวด ๑๑ ศาลรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๒ องค์กรอิสระ หมวด ๑๓ องค์กรอัยการ หมวด ๑๔ การปกครองส่วนท้องถิ่น หมวด ๑๕ การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หมวด ๑๖ การปฏิรูปประเทศ  เพื่อใช้ในการบริหารราชการแผ่นดินของราชอาณาจักรไทย  เป็นต้น

       เมื่อผู้เขียนศึกษาประวัติศาสตร์ศาสตร์พระพุทธศาสนา เพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับ "รัฐธรรมนูญ" ในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยนั้น นับเป็นการศึกษาเชิงลึก ที่จำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบและทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ทั้งหลักธรรมทางพุทธศาสนาและระบบกฎหมายสมัยใหม่   แม้ว่าหลักฐานในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย  จะไม่ได้บันทึกรัฐธรรมนูญของอาณาจักรใดไว้อย่างชัดเจน เช่นเดียวกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช๒๕๖๐ หรือรัฐธรรมนูญที่เป็นลายลักษณ์อักษรของประเทศอื่น ๆ แต่การศึกษาพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยอย่างละเอียดจะช่วยให้สามารถวิเคราะห์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน ความรู้นี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการสำรวจหลักการและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับการปกครอง การบริหารและความยุติธรรมได้  

     ความสำคัญของการศึกษา : การแสวงหาความจริงเรื่อง "ค้นหาความจริง : รัฐธรรมนูญลับในพระไตรปิฎมหาจุฬาลงกรณ" อยู่ที่การทำความเข้าใจปรัชญาและหลักการพื้นฐานของธรรมาภิบาลที่ยึดตามหลักพระพุทธศาสนา ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาและปรับปรุงระบบกฎหมายและการบริหารในปัจจุบัน ให้มีประสิทธิภาพและเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังเชื่อมโยงความรู้ทางพุทธศาสนาเข้ากับวิชาการสมัยใหม่ เปิดมุมมองใหม่ในการศึกษาพระไตรปิฎกและเสริมสร้างความเข้าใจในบริบททางประวัติศาสตร์ และสังคมในสมัยพุทธกาลการศึกษาครั้งนี้  ไม่เพียงแต่เป็นการแสวงหาความจริงเกี่ยวกับ กฎหมายรัฐธรรมนูญในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยเท่านั้น แต่ยังสำรวจหลักการและแนวคิดเกี่ยวกับธรรมาภิบาลที่ดี ความยุติธรรม และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ  ซึ่งมีความสำคัญและยังคงมีความสอดคล้องกับสังคมโลกปัจจุบัน  

      เมื่อศึกษาการดำรงอยู่ของอาณาจักรต่าง ๆ  ในอนุทวีปอินเดียจากหลักฐานในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ผู้เขียนได้ยินข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่า เมื่อประมาณ ๑,๐๐๐ ปีก่อนสมัยพุทธกาล  ชาวอารยันได้ครอบครองดินแดนต่าง ๆ ในอนุทวีปอินเดีย พวกเขาได้สถาปนาแคว้นหรือประเทศ(country)ของตนเอง ซึ่งรวมถึงประเทศมหาอำนาจ ๒๐ ชาติและประเทศเล็ก ๆ อีก ๕ ชาติพวกเขาประกาศตนเป็นชาติเอกราช และมีอำนาจอธิปไตยของตนเอง เพื่อปกป้องสิทธิ เสรีภาพ และหน้าที่พลเมืองในการประกอบอาชีพ การศึกษา การเมือง ศาสนาและพิธีกรรมทางศาสนา พลเมืองมีหน้าที่ปกป้องชาติ  ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ แสดงอัตลักษณ์ของตนต่อประชาคมโลกอย่างมีศักดิ์ศรี และได้รับการยอมรับจากประชาคมโลกในฐานะมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน  

       อย่างไรก็ตาม   นี่คือกฎธรรมชาติสากลสำหรับมนุษย์ทุกคน ซึ่งประกอบด้วยร่างกายและจิตใจ แก่นแท้ของความเป็นมนุษย์อยู่ที่จิตใจ  พวกเขามักจะไม่แสดงตัวตนให้ผู้อื่นรับรู้เพื่อรักษามารยาททางสังคม แต่บ่อยครั้งกลับใช้ความรุนแรงเพื่อทำลายชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่นพวกเขามักจะแสดงความโง่เขลาขาดสติสัมปชัญญะในการถ่ายทอดความรู้จากประสบการณ์ชีวิตผ่านอายตนะภายใน และสั่งสมข้อมูลทางอารมณ์ไว้ในจิตใจ เพื่อใช้ความรู้นั้นในการแก้ปัญหาชีวิต  ส่งผลให้ขาดปัญญาในการเข้าใจความจริงที่สมมติขึ้นและความจริงขั้นปรมัตถ์  จึงไม่สามารถใช้เหตุผลในการอธิบายความจริงของคำตอบได้อย่างชัดเจน 


             เมื่อผู้เขียนได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับอาณาจักรสักกะ ที่มีอำนาจอธิปไตยปกครองตนเองอย่างชัดเจน มีดินแดนเป็นของตนเอง โดยมีแม่น้ำโรหินีเป็นเส้นแบ่งเขต ระหว่างอาณาจักรสักกะกับอาณาจักรโกลิยะ  เมื่อประชาชนได้สถาปนาชุมชนการเมืองเป็นประะเทศของตนเอง โดยมีศาสนาพราหมณ์เป็นศาสนาประจำชาติ แม้ว่าเราจะยอมรับโดยปริยายว่า อาณาจักรสักกะมีอยู่จริง   เนื่องจากผู้เขียนมีอายตนะภายในที่จำกัดความสามารถในการรับรู้เกี่ยวกับอาณาจักรสักกะและมักมีอคติต่อผู้อื่นเนื่องจากความไม่รู้ของตนเอง  ชีวิตของผู้เขียนจึงเต็มไปด้วยความมืดมน จึงขาดปัญญาเข้าใจความจริงของอาณาจักรสักกะ จึงไม่สามารถอธิบายความจริงอย่างชัดเจน เพราะไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะพิสูจน์ความจริงเรื่องนี้     

               และตามคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น พราหมณ์บางคนในโลกเป็นนักตรรกะ เป็นนักปรัชญา เมื่อได้ยินข้อเท็จจริงเรื่องราวใด ๆ เกี่ยวกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง พวกเขามักจะแสดงความคิดเห็นตามปฏิภาณของตนเองโดยอาศัยเหตุผล หรือคาดคะเนความจริงจากสิ่งที่ได้ยินมานั้น โดยการใช้เหตุผล ซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญา ในการอธิบายความจริงของเรื่องนั้น    อย่างไรก็ตามเมื่อใช้เหตุผลของนักตรรกศาสตร์และนักปรัชญา บางครั้งพวกเขาอาจใช้เหตุผล เพื่ออธิบายความจริงของเรื่องนั้นอย่างถูกต้อง   บางครั้งพวกเขาอาจใช้เหตุผลเพื่ออธิบายความจริงอย่างไม่ถูกต้อง    บางครั้งพวกเขาอาจใช้เหตุผล เพื่ออธิบายความจริงในลักษณะนี้ และบางครั้งพวกเขาอาจใช้เหตุผลเพื่ออธิบายความจริงในลักษณะนั้น  วิญญูชนเช่นพระพุทธเจ้า  เมื่อได้ยินข้อเท็จจริงของเรื่องนั้นอย่างคลุมเครือ และไม่ชัดเจนว่ามีความเป็นมาอย่างไรแล้ว  ก็จะไม่เชื่อถือเหตุผลของคำตอบเรื่องนั้นและไม่ยอมรับว่าเป็นความรู้ที่แท้จริงในเรื่องนั้น  

    ดังนั้น ผู้เขียนได้ยินคำกล่าวที่ว่าอาณาจักรสักกะเป็นอาณาจักรโบราณในสมัยพุทธกาล ก้ไม่เชื่อทันทีว่าเป็นความจริง และสงสัยไว้ก่อนว่ามีกฎหมายรัฐธรรมนูญในการปกครองประเทศหรือไม่ ?  อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนชอบแสวงหาความรู้เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญของอาณาจักรสักกะในพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณต่อไป  โดยจะได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ     เช่นพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย  อรรถกถา ฎีกา เป็นต้น  เมื่อมีหลักฐานเพียงพอ ผู้เขียนก็จะใช้หลักฐานนั้น เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้ หรือคาดคะเนความจริง เพื่อพิสูจน์ความจริงของกฎหมายธรรมนูญแห่งแคว้นสักกะ  โดยการใช้เหตุผล  ซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญา ใช้ในการอธิบายความจริงของคำตอบ เป็นต้น 

      บทความในบล็อคนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อพระธรรมทูตแห่งราชอาณาจักรไทย ในการเทศนาสั่งสอนแก่ผู้แสวงบุญ เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจในพระพุทธศาสนาอย่างชัดเจน และมีเนื้อหาเป็นไปในทิศทางเดียวกัน   ส่วนกระบวนการพิจารณาความจริงของพระพุทธเจ้า นั้น จะเป็นประโยชน์ต่อการวิจัยระดับปริญญาเอกสาขาพระพุทธศาสนาและปรัชญา เพื่อให้นิสิตเกิดความรู้ความเข้าใจในการทำการวิจัยที่ตรงตามเกณฑ์การตัดสินความจริงของคำตอบอย่างสมเหตุสมผล  เป็นต้น





ไม่มีความคิดเห็น:

Post Top Ad

Your Ad Spot

หน้าเว็บ