Introduction to King Bimbisara's patronage of Buddhism
ในบทความนี้ ผู้เขียนศึกษาจะศึกษาเรื่อง "การอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาของพระเจ้าพิมพิสาร" ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของพระพุทธศาสนา และมีอิทธิพลอย่างมาก ต่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาทั่วโลก เราจะศึกษารายละเอียดการอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาตั้งแต่การบริจาคสิ่งของต่าง ๆ ไปจนถึงการสร้างสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา โดยเน้นความสำคัญของพระพุทธศาสนาที่มีผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งต่อศาสนาพราหมณ์ และผู้คนในสังคมของเมืองราชคฤห์แห่งแคว้นมคธในสมัยนั้น พระเจ้าพิมพิสารทรงเป็นพระมหากษัตริย์ทมีคุณธรรม มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า ดังนั้น การอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา มิไม่ใช่เป็นเพียงการบริจาคสิ่งของเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการให้การสนับสนุนเต็มที่ในการด้านส่งเสริมให้ประชาชนพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยการปฏิบัติธรรมตามมรรคมีองค์ ๘ เพื่อให้มีความศรัทธาในตนเองในการศึกษาเรื่องราวของชีวิตตนเอง และการออกกฎหมายคุมครองพระพุทธศาสนา ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการอยู่รอดและการเจริญเติบโตของพระพุทธศาสนาในยุคเริ่มแรก ๆ
สาเหตุการอุปถัมภ์พระพุทธศาสนของพระเจ้าพิมพิสารนั้น เมื่อศึกษาหลักฐานในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณแล้ว ผู้เขียนได้ทราบข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่า เจ้าชายสิทธัตถะประสูติที่สวนป่าลุมพินีในแคว้นสักกะ ระบบการปกครองของแคว้นสักกะเป็นแบบรัฐของศาสนาพราหมณ์ มีหลักราชอปริหานิยธรรมเป็นรัฐธรรมนูญสูงสุดที่ใช้ในการปกครองแคว้นสักกะ สาระสำคัญของกฎหมายรัฐธรรมนูญระบุว่าเมื่อบัญญัติกฎหมายแล้วไม่สามารถเพิกถอนได้ นอกจากนี้คำสอนของพราหมณ์อารยัน เกี่ยวกับพระพรหมทรงสร้างมนุษย์จากพระกายของพระองค์ และสร้างวรรณะให้มนุษย์ที่พระพรหมสร้างขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่ตามวรรณะที่ตนเกิดมา เมื่อคำสอนของศาสนาพราหมณ์เป็นกฎหมาย ประเพณีและขนบธรรมเนียมเกี่ยวกับวรรณะ ก็จะกำหนดสิทธิ เสรีภาพ และหน้าที่ที่ประชาชนต้องปฏิบัติตามวรรณะที่ตนเกิดมา และเงื่อนไขที่ห้ามประชาชนปฏิบัติหน้าที่ของวรรณะอื่น และห้ามการแต่งงานข้ามวรรณะ
ดังนั้น เมื่อประชาชนมีชีวิตที่มืดมน พวกเขาก็ขาดศรัทธาพัฒนาศักยภาพชีวิตด้วยการศึกษา ขาดความพากเพียรในการแสวงหาความจริงของชีวิต ขาดสติที่จะนึกถึงบทเรียนชีวิตที่ผ่านมา สมาธิคือความแน่วแน่ที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง และปัญญาหยั่งรู้ความจริงของชีวิตที่จะควบคุมตัณหาของตนเองได้ว่าหากตนกระทำผิดโดยเจตนา ที่ละเมิดกฎหมายวรรณะขนบธรรมและจารีตประเพณีนั้น โดยสังคมจะลงโทษพวกเขาด้วยการไล่ออกจากถิ่นที่อยู่ หรือหากไม่ยอมรับจะถูกคนในชุมชนลงโทษด้วยการขว้างปาด้วยก้อนหินจนตาย พวกเขาต้องหนีจากบ้านไปตลอดชีวิต และใช้ชีวิตเร่ร่อนตามท้องถนนในเมืองใหญ่ เช่น พระนครเทวทหะ พระนครกบิลพัสดุ์, พระนครราชคฤห์ เป็นต้น
เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะทรงเห็นปัญหาความจริงของจัณฑาล ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในวัยชรา ป่วยหนัก และนอนตายในท้องถนนของพระนครกบิลพัสดุ์ ทำให้เจ้าชายสิทธัตถะทรงรู้สึกเศร้าในพระหฤทัยอย่างยิ่งและทรงเห็นปัญหาสังคมของอาณาจักรสักกะ ในการประกาศใช้กฎหมายจารีตประเพณีว่าด้วยวรรณะ ส่งผลให้ประชาชนมีความไม่เท่าเทียมกันในสิทธิและหน้าที่ในการทำงาน การศึกษา การบูชาตามความเชื่อในนิกายพราหมณ์ของตนและการสมรสข้ามวรรณะ เป็นเหตุให้เกิดปัญหาจัณฑาลขึ้นมา
เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะทรงเห็นปัญหาจัณฑาลแล้ว พระองค์ทรงตัดสินพระทัยปฏิรูปสังคม โดยเสนอกฎหมายจารีตประเพณีว่าด้วยการเลิกวรรณะต่อรัฐสภาศากยวงศ์ แต่สมาชิกรัฐสภาศากยวงศ์เข้าประชุมเพื่อพิจารณา และมีมติไม่อนุมัติการตรากฎหมายจารีตประเพณีว่าด้วยการเลิกวรรณะ เพราะขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญจารีตประเพณีสูงสุดในการปกครองประเทศที่เรียกว่า "หลักอปริหานิยธรรม" เมื่อปัญหาของอาณาจักรสักกะแก้ไขยาก เจ้าชายสิทธัตถะตรัสถามปุโรหิตแห่งอาณาจักรสักกะเกี่ยวกับประวัติของพระพรหมและพระอิศวร แต่ไม่มีใครตอบพระองค์ได้ เจ้าชายสิทธัตถะทรงสงสัยในความมีอยู่จริงของเทพเจ้า และเห็นวิธีเดียวที่จะช่วยจัณฑาลจากความทุกข์ยากได้โดยพระองค์ละทิ้งวรรณะกษัตริย์ออกผนวช เพื่อค้นหาความจริงของชีวิตว่า พรหมสร้างมนุษย์และวรรณะตามคำสอนของพราหมณ์หรือไม่
เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะทูลขอพระเจ้าสุทธโทธนะและพระนางปชาบดีโคตมี เพื่อออกผนวชแต่ทั้งสองพระองค์ทรงไม่เห็นด้วยกับการที่เจ้าชายสิทธัตถะทรงตัดสินพระทัย เพื่อสละวรรณะกษัตริย์ เจ้าชายสิทธัตถะทรงตัดสินพระทัยหนีจากพระราชวังกบิลพัสดุ์และทรงผนวชที่ริมฝั่งแม่น้ำอโนมาในสมัยปัจจุบันเรียกว่า "แม่น้ำอามี่" ตั้งอยู่ในจังหวัดโครักขปูร์ รัฐอุตตรประเทศ สาธารณรัฐอินเดีย
พระโพธิสัตว์สิทธัตถะเสด็จไปศึกษาค้นคว้าวิธีปฏิบัติธรรม เพื่อบรรลุธรรมแห่งชีวิตกับพราหมณ์ผู้มีชื่อเสียงแห่งพระนครราชคฤห์ เมื่อพระโพธิสัตว์สิทธัตถะออกบิณฑบาตแล้ว พระองค์ทรงประทับนั่ง ณ เชิงเขาปัณฑวะ เมื่อพระเจ้าพิมพิสารทรงทราบข่าว จึงเสด็จมาเฝ้า และทรงซักถามถึงสาเหตุที่พระโพธิสัตว์สิทธัตถะเสด็จออกผนวช พระองค์จึงทรงตัดสินพระทัยที่จะยกดินแดนของแคว้นกลิงคะ ให้พระโพธิสัตว์สิทธัตถะทรงปกครอง แต่พระองค์ไม่ทรงรับอาณาจักรนั้น เพราะพระองค์ทรงสละราชสมบัติ เพื่อจะแสวงหาสัจธรรมแห่งชีวิต พระองค์ทรงเพียรปฏิบัติธรรมในรูปแบบต่างๆ ด้วยสติสัมปชัญญะว่าชีวิตของมนุษย์เต็มไปด้วยความมืดมน โดยคิดว่าชีวิตมนุษย์สูญสิ้นเมื่อตายไปแล้ว กรรมดีและกรรมชั่วที่ได้ทำไว้กับผูอื่นไม่มีผลต่อกัน เพื่อให้ชาวโลกพ้นจากความมืดมน พระองค์ทรงปฏิญาณต่อพระเจ้าพิมพิสารว่า หากพระองค์ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว พระองค์จะเสด็จกลับมาสู่แคว้นมคธ
ต่อมาเมื่อพระโพธิสัตว์ตรัสรู้กฎธรรมชาติแห่งชีวิตมนุษย์แล้ว ชาวพุทธจึงเรียกพระองค์ว่า "พระพุทธเจ้า" และเสด็จไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาพร้อมด้วยชฏิล ๓ พี่น้อง และสาวก ๑,๐๐๐ รูปในเมืองราชคฤห์ แห่งแคว้นมคธ พระเจ้าพิมพิสารทรงฟังพระธรรมเทศนา ที่ลัฏฐิวันซึ่งเป็นสวนตาลในแคว้นมคธ พระองค์ทรงบรรลุโสดาบันกับชาวมคธ ๑๑๐,๐๐๐ คน และทรงถวายอุทยานหลวงเวฬุวัน เป็นวัดพุทธแห่งแรก หลังจากนั้นชีวิตของพระเจ้าพิมพิสารก็เปลี่ยนไป เพราะพระเจ้าอชาตศัตรูทรงจับกุมและจองจำไว้จนพระองค์จนสวรรคตในพระราชวังราชคฤห์
เมื่อธรรมชาติของนักตรรกะและนักปรัชญาเป็นมนุษย์ทีมีอายตนะภายในจำกัดในการรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิต และมีคติต่อผู้อื่นเนื่องจากความไม่รู้ของตนเอง ชีวิตของเขาจึงเต็มไปด้วยความมืดมน จึงไม่อาจใช้เหตุผลซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญาในการอธิบายความจริงของเรื่อง "การอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาของพระเจ้าพิมพิสารได้" ที่ได้รับการทอดกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันได้อย่างสมเหตุสมผล หากผู้เขียนแสดงความคิดเห็นเรื่อง"การอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาของพระเจ้าพิมพิสาร" โดยใช้ปฏิภาณของตนเอง หรือคาดคะเนความจริงตามที่ได้ยินมาแล้ว โดยใช้เหตุผล ซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญาในการอธิบายความจริงเรื่อง"การอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาของพระเจ้าพิมพิสาร" นักปรัชญา นักตรรกะ ก็อาจใช้เหตุผลอธิบายความจริงเรื่องนี้ บางครั้งอาจอธิบายเรื่องนี้ถูกต้องได้ แต่บ้างครั้งอาจอธิบายผิดได้ บางครั้งอาจอธิบายความจริงในลักษณะนี้ บางครั้งผู้เขียนอาจอธิบายความจริงในลักษณะนั้น เมื่อข้อเท็จจริงในความเป็นมาของเรื่องนี้ไม่ชัดเจน วิญญูชนย่อมไม่เชือข้อเท็จจริงของคำตอบนั้นเป็นความรู้ที่แท้จริงได้
เมื่อความคิดเห็นของนักปรัชญาและนักตรรกะไม่น่าเชื่อถือว่าเป็นความจริง พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่า เมื่อได้ยินข้อเท็จจริงของเรื่องราวต่าง ๆ ที่สืบทอดกันมา หรือตำราเรียนหรือคัมภีร์ทางศาสนา เราไม่ควรเชื่อทันทีว่าเป็นความจริง ควรสงสัยว่ายังไม่ใช่ความจริง จนกว่าจะได้สอบสวนข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐาน เมื่อมีหลักฐานเพียงพอแล้ว ก็ใช้หลักฐานเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้ เพื่อพิสูจน์ความจริงของเรื่องนี้ โดยการใช้เหตุผลซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัญา ในการอธิบายความจริงในเรื่องนี้
ดังนั้น เมื่อผู้เขียนชอบศึกษาความจริงในเรื่องนี้ต่อไป จึงตัดสินใจตรวจสอบข้อเท็จจริงและหาหลักฐานเพิ่มเติม เช่น พระไตรปิฎก อรรถกถา และเอกสารวิชาการอื่น ๆ ฯลฯ เพื่อใช้ในการวิเคราะห์โดยการอนุมานความรู้ โดยใช้เหตุผลในการอธิบายความจริงของคำตอบในเรื่อง การอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาของพระเจ้าพิมพิสารข้อมูลได้จากบทความนี้ น่าจะเป็นประโยชน์กับพระธรรมทูตแห่งราชอาณาจักรไทย ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแก่ผู้แสวงบุญในแดนพุทธภูมิ ให้มีเนื้อหาในลักษณะเดียวกัน และกระบวนการคิดวิเคราะห์จะเป็นประโยชน์ต่อนักศึกษาระดับปริญญาเอก ในการเขียนวิทยานิพนธ์สารนิพนธ์ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการศึกษาพระพุทธศาสนาทุกประการ
1 ความคิดเห็น:
เพิ่มความรู้เสริมสติปัญญา สาธุ
แสดงความคิดเห็น