The King Ashok (พระเจ้าอโศกมหาราช)
๑.บทนำ
มนุษย์ทุกคนล้วนเป็นสัตว์ที่แข็งแกร่งกว่าสัตว์อื่น แม้ว่ามนุษย์และสัตว์น้อยใหญ่จะมีองค์ประกอบของชีวิตเกิดจากปัจจัยทางร่างกายและจิตใจเหมือนกับสัตว์อื่นก็ตาม แต่มนุษย์ ที่อาศัยอยู่บนโลกนี้ ดังนั้น มนุษย์จึงมีความจำ(สัญญา)ดีกว่าสัตว์อื่นทำให้มนุษย์มีความรู้จากประสบการณ์ชีวิตผ่านอาตนะภายในร่างกาย และสั่งสมความรู้ไว้ในจิตใจได้มากกว่าสัตว์อื่น นอกจากนี้มนุษย์ยังมีพลังแห่งศรัทธา ความเพียร สติ สมาธิ และปัญญา เป็นต้น สติก็คือการระลึกรู้จากประสบการณ์ชีวิตผ่านอายตนะภายใน และสั่งสมไว้ในจิตใจ ปัญญาคือความสามารถในการคิดได้มากกว่าสัตว์อื่น จึงสามารถใช้ความจำที่มีอยู่จิตใจ ใช้เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้จากหลักฐานต่าง ๆ หรือคาดคะเนความจริงตามหลักเหตุผล เพื่อสูจน์ความจริงในเรื่องที่น่าสงสัย โดยใช้เหตุผล ซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญาในการอธิบายความจริงในเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตได้ สามารถแยกแยะเรื่องราวต่าง ๆ ว่าจริงหรือเท็จได้อย่างสมเหตุสมผล
ตัวอย่างเช่น เมื่อเจ้าชายสิทธ้ตถะทรงเห็นว่าจัณฑาลถูกสังคมลงโทษที่เรียกว่า "ลงพรหมทัณฑ์" เพราะเขากระทำความผิดฐานละเมิดคำสอนของศาสนาพราหมณ์และกฎหมายวรรณะ โดยการมีเพศสัมพันธ์กับคนวรรณะอื่น และการปฏิบัติหน้าที่ของวรรณะอื่น เป็นต้น เป็นเหตุปัจจัยให้เจ้าชายสิทธัตถะทรงสืบหาข้อเท็จจริงของจัณฑาลและรวบรวมหลักฐานต่างๆ เมื่อมีหลักฐานเพียงพอ ก็จะใช้เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้จากหลักฐานต่าง ๆ โดยใช้เหตุผลเป็นเครื่องมือในการอธิบายความจริงของคำตอบในเรื่องนี้ว่า พราหมณ์ปุโรหิตให้การยืนยันว่าพระพรหมเป็นผู้สร้างมนุษย์และวรรณะให้มนุษย์ปฏิบัติหน้าที่ตามวรรณะที่ตนเองเกิดมา นอกจากนี้พวกเขายังให้การยืนยันข้อเท็จจริงอีกว่าพราหมณ์ปุโรหิตในรุ่นก่อน ๆ นั้นเคยเห็นพระพรหมในแคว้นสักกะมาก่อน

แต่เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะทรงถามถึงประวัติของพระพรหมแล้ว แต่ไม่มีใครตอบพระองค์ได้เช่นนี้ พระองค์ทรงสงสัยในความมีอยู่ของพระพรหมและเทพเจ้าอื่น ๆ เพราะเจ้าชายสิทธัตถะเองก็ทรงไม่เคยรู้การมีอยู่ของเทพเจ้าด้วยอายตนะภายในร่างกายของตนเอง โดยประกอบพระราชพิธีบูชายัญเทพเจ้า เพราะพระองค์มิอาจกระทำได้เพราะเป็นการกระทำความผิด จากมนุษย์ตั้งใจกระทำย่อมได้รับผลแห่งกรรมนั้น ซึ่งเป็นกฎธรรมชาติที่มนุษย์ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ตัวอย่างเช่น พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่าเมื่อผู้ใดเจตนาฆ่าคนอื่น ผู้ใดเจตนาลักทรัพย์หรือชิงทรัพย์ ใครก็ตามที่จงใจกระทำผิดทางเพศต่อผู้อยู่ในความปกครองของผู้อื่นจะได้รับผลจากกระทำนั้น ผู้ใดก็ตามตั้งใจจะกล่าวคำเท็จ พูดจาเยาะเย้ยและเสียดสีกับผู้อื่นจะได้รับผลจากการกระทำนั้น ใครก็ตามที่ตั้งใจดื่มสุราและยาเสพติด เกิดความมึนเมาของชีวิต ทำให้ขาดสติปัญญาและปัญหาสุขภาพก็จะได้รับผลจากการกระทำนั้น
ประเด็นต่อไปต้องพิจารณาว่าเมื่อผู้ใดลงมือกระทำผิดแล้วเขาจะได้รับผลกรรมอย่างไร? ตามคำสอนของพระพุทธเจ้าผู้ที่จงใจกระทำความผิดย่อมได้รับผลแห่งกรรม กล่าวคืออารมณ์ในการกระทำความผิด จิตใจของผู้นั้นเก็บอารมณ์ของการกระทำนั้นไว้ในจิตใจ เมื่อเขาตายแล้ว อารมณ์แห่งกรรมจะตามเขาไปสู่ภพอื่นต่อไป ขณะเดียวกันผู้ไม่เชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ไม่สนใจศึกษาค้นคว้าคำสอนของพระพุทธเจ้า ยังจงใจกระทำการขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนด้วยการฆ่าผู้อื่น ทำร้ายชีวิตผู้อื่นล่วงละเมิดทางเพศ ดูหมิ่นผู้อื่น ดื่มสุราและยาเสพติด เป็นต้นถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อศีลธรรม เมื่อตายไปวิญญาณก็ไปจุติในทุคติภูมิและผิดต่อกฎหมายต้องรับโทษประหารชีวิต จำคุก กักขังปรับ เป็นต้น
ปัญหาที่เราสงสัยในการกระทำผิดของผู้ต้องหา แต่ไม่มีใครเห็นและไม่มีพยานยืนยันตัวผู้กระทำความผิด ในหลักศีลธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเมื่อผู้ใดจงใจกระทำความผิดในเรื่องใด จิตของเขาย่อมเก็บอารมณ์แห่งการกระทำนั้นสั่งสมไว้ในจิตใจของเขา บุคคลนั้นจะต้องรับผลของการกระทำโดยเจตนาในโลกหน้าและโลกปัจจุบัน เมื่อการกระทำของเขาผิดต่อความสงบเรียบร้อยด้วยศีลธรรมของประชาชนในชาติอีก ยังต้องรับผลของการกระทำเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ถึงแม้จะไม่มีพยานบุคคลยืนยันความผิดก็ตาม หากหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เป็นหลักฐานสำคัญที่สามารถยืนยันการก่ออาชญากรรมได้มนุษย์มีกรรมเป็นของตัวเอง
แม้พระเจ้าอโศกมหาราชจะเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมของโลก แต่พระองค์ก็ทรงได้รับผลของกรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้าก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่ามนุษย์มีกรรมของตนและขึ้นอยู่กับผลแห่งกรรมที่จงใจและการกระทำนั้น ยังคงเป็นสัญญาอยู่ในใจของผู้กระทำ ตัวอย่างเช่น พระเจ้าอโศกมหาราชทรงทำสงครามเพื่อขยายอาณาจักรโมริยะของพระองค์ให้กว้างขวางแต่ชัยชนะเหนือความตายของมนุษย์สายตาของผู้เสียชีวิตและนอนจมอยู่บนกองเลือด กลายเป็นอารมณ์อันโหดร้ายที่สั่งสมอยู่ในพระหฤทัยของพระองค์ และอารมณ์นั้นติดตามตัวพระองค์ไปยังพระราชวังปัฏตาลีบุตร เป็นต้น
เมื่อมนุษย์สัมผัสคนใครสักคนที่มีเสน่ห์และปรารถนาที่จะครอบครอง หรือการสัมผัสสิ่งใหม่ๆ เช่นโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ หรือรถยนต์ใหม่เป็นสิ่งที่น่าพึ่งพอใจ เป็นต้น เมื่อจิตมีความพอใจมันแสดงออกมาในการกระทำทางกายภาพ วาจา และอารมณ์ (ใจ) เป็นต้น มีปัญหาเกี่ยวกับความจริงแห่งกรรมของมนุษย์ เมื่อรูปกรรมเป็นสภาวะเกิดขึ้น ตั้งอยู่ชั่วระยะหนึ่ง และก็จะหายไปจากสายตามนุษย์ ผลของกรรมยังส่งผลต่อผู้ทำหรือไม่? เราจะอธิบายเรื่องนี้ด้วยเหตุผลอย่างไร? แต่ธรรมชาติของจิตใจของมนุษย์รับรู้สภาวะของการกระทำแล้ว มักจะเก็บเอาอารมณ์แห่งกรรมมาสั่งสมอยู่ในจิตใจของตนเอง มันเป็นอารมณ์ที่ห่อหุ้มจิตใจของพวกเขาอย่างนั้น แต่ธรรมชาติของจิตใจมิได้แค่รับรู้และสั่งสมอยู่ในจิตใจเท่านั้น แม้ว่าชีวิตของพวกเขาจะตายไปแล้ว แต่อารมณ์กรรมที่ห่อหุ้มจิตใจยังคงติดตามวิญญาณไปจุติในภพอื่น จนมีโอกาสได้ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้า เกิดความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและปฏิบัติอริยมรรคมีองค์ ๘ ชำระล้างกิเลสที่ห่อหุ้มจิตวิญญาณให้บริสุทธิ์และไม่มัวหมองอีกต่อไป

ด้วยข้อเท็จจริงที่กล่าวถึงกรรมของพระเจ้าอโศกมหาราชไว้ข้างต้น ตามคำสอนของพระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้อย่างชัดเจนอย่าเชื่อข้อเท็จจริงที่ได้เล่าติดต่อกันจนกลายเป็นตำนาน ควรสงสัยไว้ก่อนว่ายังไม่เป็นความจริง จนกว่าจะตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานให้เพียงพอเสียก่อน ผู้เขียนรักในการแสวงหาความรู้ในเรื่องนี้ต่อไป จึงตรวจสอบข้อเท็จจริง และรวบรวมพยานหลักฐานในพระไตรปิฎก อรรกถา เอกสารต่าง ๆ และเว็บไซด์ต่าง ๆ เป็นต้น เพื่อหาเหตุผลพิสูจน์ความจริงของคำตอบในเรื่องนี้ต่อไป ความรู้ที่ได้จากการวิเคราะห์หลักฐานต่างๆ เพื่อหาเหตุผลพิสูจน์ความจริงของคำตอบในเรื่องนี้ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อพระธรรมวิทยากรในการบรรยายให้กับผู้แสวงบุญ ได้ฟังเนื้อหาเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ไปในทางเดียวกัน ส่วนกระบวนการวิเคราะห์หลักฐานต่าง ๆ เพื่อหาเหตุผลของคำตอบ จะความรู้ที่เป็นประโยชน์ในการศึกษาของนิสิตปริญญาเอกสาขาต่างๆ เพื่อให้เข้าใจถึงความเป็นจริงของชีวิตมนุษย์ ตามหลักพระพุทธศาสนามากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น