Introduction to the Bodhisattva's resolution according to Buddhaphumi philosophy

๑.บทนำ
โดยธรรมชาติแล้ว มนุษย์มีจิตวิญาณที่อาศัยอยู่ในร่างกายของตนเอง ที่มีลักษณะที่เหมือนถ้ำ พวกเขาเป็นดวงวิญญาณที่เพลิดเพลินในการท่องเที่ยวไปในสังสารวัฏ และดวงวิญญาณนั้น เป็นสิ่งไม่มีรูปร่าง ยิ่งไปกว่านั้น วิญญาณยังมีความทะเยอทะยานซ่อนเร้นอยู่ การแสดงออกของวิญญาณผ่านร่างกาย คือ ความรู้ถึงความสุขและความทุกข์ ความคิดและความฝันที่ปรารถนาที่จะเป็น ปรารถนาทำงาน หรือแสดงความปรารถนาผ่านร่างกาย ดังนั้น ชีวิตมนุษย์จึงมีลักษณะแห่งความทะเยอทะยานอยู่ในจิตใจ เพราะมนุษย์ยึดมั่นกับโลกธรรม ๘ ประการ (8 Worldly Concerns)ได้แก่ มีลาภ (fortune)หรือสิ่งที่มักจะได้มาโดยไม่คาดคิด เช่น ของที่ได้, การได้, กำไร เป็นต้น เสื่อมลาภ (deteriorate) หรือของที่ได้มา การได้สิ่งใดสิ่งหนึ่ง, กำไรเสื่อมลง มียศ (position)หรือเมื่อได้รับเกียรติและความเคารพนับถือ สักวันหนึ่งเกียรตินั้นก็จะลดน้อยลง เมื่อคนอื่นชื่นชมเรา สักวันหนึ่ง พวกเขาก็จะวิจารณ์เราด้วยความไม่พอใจ เมื่อมีความสุขเพราะชีวิตได้รับความสะดวกสบาย ความทุกข์จะเกิดขึ้นเมื่อปัจจัยแห่งความสุขหมดไป เป็นต้น
ตัวอย่างเช่น เมื่อจิตใจมนุษย์สัมผัสกับวัตถุแห่งกิเลสและสั่งสมเรื่องราวของวัตถุแห่งกิเลสเป็นหลักฐานทางอารมณ์ไว้ในจิตใจแล้วได้แก่ บ้านพร้อมที่ดินและโทรศัพท์มือถือ จิตใจก็จะเกิดความปรารถนาที่จะครอบครองวัตถุแห่งกิเลสเหล่านั้น ยกตัวอย่างเช่น การทำงานในตำแหน่งที่มีเกียรติและมีเงินเดือนสูงโดยธรรมชาติแล้ว จิตใจของมนุษย์มักจดจำสิ่งต่าง ๆ และมีความทะเยอทะยานเป็นเป้าหมายในชีวิต เช่น เขาต้องการเป็นผู้พิพากษา อัยการ ตำรวจ ทหารหรือ ครู พวกเขาจะเก็บความฝันเหล่านี้ไว้ในจิตใจ จนยากที่จะสลัดอารมณ์เหล่านี้ออกไปได้ เมื่อมนุษย์ทุกคนมีจิตใจที่จะคิดหรือจัดการสิ่งที่รับรู้อยู่ตลอดเวลา ปัญญาจะเกิดขึ้นเมื่อพวกเขาคิด เมื่อมนุษย์ใฝ่ฝันที่จะเติมเต็มความปราถนาตลอดชีวิตของตนเอง แต่ความฝันกลับผุดขึ้นตลอดเวลา ชีวิตมนุษย์ก็เหนื่อยล้ากับการแสวงหาวัตถุและคุณค่าของสิ่งที่จินตนาการไว้ตลอดชีวิตเพื่อสนองความทะเยอทะยาน เป็นต้น
ปัญหาคือ "ประณิธานคืออะไร" เมื่อผู้เขียนศึกษาข้อมูลในพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ นิยามของคำว่า "ประณิธาน" หมายถึง "การตั้งความปรารถนา" โดยทั่วไปแล้ว มนุษย์ทุกคนมิธรรมชาติของการเป็นนักคิดกันทุกคน เมื่อชีวิตมนุษย์สัมผัสกับสิ่งไหน ก็ย่อมจะคิดจากสิ่งนั้น โดยใช้เหตุผล อธิบายความจริงของเรื่องราวเกี่ยวกับความทะเยอทะยานในเป้าหมายของชีวิตของตนเองยกตัวอย่าง เช่น พระโพธิสัตว์สิทธัตถะมีดวงวิญญาณที่ต้องเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏมายาวนานไม้น้อยกว่า ๔ อสงไขยและสี่แสนกัปป์มาแล้ว ในชาติหนึ่งได้เกิดเป็นสุเมธดาบส ได้มีโอกาสสร้างบุญกับชาวเมืองปัจจันตชนบท สร้างทางถวายพระพุทธเจ้าทีปังกร แต่สร้างไม่เสร็จ สุเมธดาบสจึงใช้ร่างกายเป็นสะพานบุญโดยทอดร่างกายของตนเองให้ทีปังกรสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระอรหันต์ ๔๐๐,๐๐๐ องค์ใช้เท้าเหยียบร่างกายของตนเองเข้าสู่เมืองปัจจันตชนบทจนเสร็จ แล้วเกิดศรัทธาในพระพุทธเจ้าองค์นั้น และอธิษฐานบารมีขอเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตข้างหน้า
ส่วนประณิธานของพระโพธิสัตว์มีที่มาของความรู้หรือไม่ เมื่อผู้เขียนศึกษาหลักฐานในพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬา ฯ เล่มที่ ๓๗ พระวินัยปิฏกเล่มที่ ๔ กถาวัตถุปกรณ์ [๔.จตุตถวรรค] ๗.ลักขณกถา ข้อ ๔๐๑...............พระโพธิสัตว์พอประสูติแล้วเดียวนั้น ประทับยืนด้วยพระบาททั้งสองอันราบเรียบ บ่ายพระพักตร์สู่ทิศเหนือดำเนินไปได้ ๗ ก้าวมีฉัตรกั้นตามไปทรงแลดูทิศทั้งปวงและเปล่งอาสภิวาจาว่า "เราเป็นผู้เลิศในโลก เราเป็นใหญ่ในโลก เราเป็นผู้ประเสริฐในโลก นี่เป็นชาติสุดท้าย บัดนี้ภพใหม่ไม่มีอีก" ฉันใด พระเจ้าจักรพรรดิประสูติแล้วเดียวนั้น ประทับยืนด้วยพระบาททั้งสองอันรายเรียบบ่ายพระพักตร์สู่ทิศเหนือ ดำเนินไปได้ ๗ ก้าว มีฉัตรกั้นตามไปทรงแลดูทิศทั้งปวงและเปล่งอาสภิวาจาว่า"เราเป็นผู้เลิศในโลก เราเป็นใหญ่ในโลก เราเป็นผู้ประเสริฐในโลก นี่เป็นชาติสุดท้าย บัดนี้ภพใหม่ไม่มีอีก" ฉันนั้นเหมือนกัน
ตามหลักฐานในพระไตรปิฎกมหาจุฬา ฯ ดังกล่าวข้างต้น ผู้เขียนได้ยินข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่า เมื่อพระโพธิสัตว์ทรงประสูติจากพระครรภ์ของนางมายาเทวี ก็ทรงดำเนินไปได้ ๗ ก้าวและเปล่งอาสภิวาจาแสดงประณิธานของพระองค์ ที่จะพัฒนาศักยภาพชีวิตของพระองค์ให้เป็นบุคคลที่เลิศในโลก เราเป็นใหญ่ในโลก เราเป็นผู้ประเสริฐในโลก นี่เป็นชาติสุดท้ายบัดนี้ภพใหม่ไม่มีอีก แม้จะมีหลักฐานยืนยันปณิธานของพระโพธิสัตว์ว่าเป็นความจริง แต่มีหลักฐานในพระไตรปิฎกมหาจุฬา ฯ ฉบับเดียวยืนยันข้อเท็จจริงของคำตอบ แต่พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนว่ามิให้ข้อเท็จจริงเพราะตำราหรือคัมภีร์ทางศาสนา ควรตั้งข้อสงสัยไว้กอนจะเชื่อว่าเป็นความจริง และผู้เขียนสงสัยว่าพระโพธิสัตว์สามารถพัฒนาศักยภาพของชีวิตจนสามารถประสบความสำเร็จได้หรือไม่ ด้วยเหตุผลที่กล่าวข้างต้น ผู้เขียนสนใจศึกษาค้นคว้าเรื่องประณิธานของพระโพธิสัตว์ ด้วยการรวบรวมพยานหลักฐานจากที่มาของความรู้ในพระไตรปิฎก อรรถกถา บทความทางวิชาการ เป็นต้น เพื่อเป็นข้อมูลวิเคราะห์หาเหตุผลยืนยันข้อเท็จจริงของคำตอบยืนยันความจริงได้ บทความนี้จะเป็นประโยชน์พระธรรมวิทยากรในแดนพุทธภูมิใช้บรรยายแก่ผู้แสวงบุญให้มีเนื้อหาเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ส่วนกระบวนการวิเคราะห์ที่มาของความรู้จะเป็นประโยชน์ ต่อการค้นคว้าวิจัยของนิสิตในระดับปริญญาเอก เพื่อให้ได้ที่มาของความรู้และความเป็นจริงที่ผ่านกฎเกณฑ์การตัดสินที่สมเหตุสมผลปราศจากข้อพิรุธให้เกิดสงสัยในความจริงอีกต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น