The greatest discovery is the natural laws of human life. That everyone is equal Without choosing a social caste as the basis for determining humanity When the soul is the real person of man That accumulates knowledge from the mind with reasons And show his intention to act accordingly Would receive the result of Own action

Breaking

Post Top Ad

Your Ad Spot

วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558

บทนำ : สักกะเป็นรัฐศาสนาพราหมณ์ในพระไตรปิฎก

  Introduction to the  Sakka, the Religious State  of Brahmin   according to  Buddhaphumi's Philosophy 


๑.บทนำ 

         โดยทั่วไปในสมัยก่อนพุทธกาล พราหมณ์บางคนในโลกเป็นนักตรรกะ นักปรัชญา     ส่วนใหญ่มักสนใจศึกษาปัญหาของความจริงของมนุษย์           โลก  ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ    และหลักฐานการมีอยู่ของเทพเจ้า  เป็นต้น     เนื่องจากในรัชสมัยพระเจ้าโอกกากราช  ซึ่งเป็นผู้ปกครองอาณาจักรโกลิยะนั้น  ผู้คนทั่วอนุทวีปต้องการที่พึ่งที่มีอำนาจเหนือมนุษย์ทั้งปวง      ในยามที่พวกเขามีความทุกข์ก็จะพึงพราหมณ์ซึ่งเป็นผู้อาวุโสของบ้านเมือง เมื่อพราหมณ์เป็นนักปรัชญา นักตรรกะ  เมื่อผู้คนทุกข์ทรมานและมีข้อสงสัยเกี่ยวกับปัญหาของความจริงในชีวิต       เมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องราวเหล่านั้น  ก็มักจะแสดงธรรมะ (ที่เรียกว่าความจริง)    ในเรื่องนั้นตามปฏิภาณของตน และคาดคะเนความจริงของชีวิตโดยใช้เหตุผลเพื่ออธิบายความจริงในเรื่องนั้น           

            แต่เมื่อนักปรัชญา นักตรรกะเป็นมนุษย์ที่มีอาตนะภายในจำกัดในการรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตและมีอคติต่อผู้อื่น         ชีวิตของพวกเขาจึงเต็มไปด้วยความมืดมน           และขาดปัญญาที่จะใช้เหตุผลซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญาในการอธิบายความจริงของคำตอบในเรื่องนั้นได้อย่างสมเหตุสมผล        เมื่อนักปรัชญาและนักตรรกะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความจริงของชีวิตตามปฏิภาณของตนเองตามหลักเหตุผลหรือคาดคะเนความจริงจากสิ่งที่ได้ยินมา   การใช้เหตุผลของนักตรรกะและนักปรัชญาเหล่านี้        บางครั้งอาจใช้เหตุผลอธิบายความจริงของคำตอบของเรื่องนี้ได้อย่างถูกต้อง         บางครั้งพวกเขาอาจใช้เหตุผลเพื่ออธิบายความจริงได้อย่างไม่ถูกบ้าง  บางครั้งพวกเขาอาจใช้เหตุผลเพื่ออธิบายความจริงของคำตอบของเรื่องนี้ได้   ในลักษณะเป็นอย่างนี้  บางครั้งพวกเขาอาจใช้เหตุผล     เพื่ออธิบายความจริงของเรื่องนี้ได้ในลักษณะเป็นอย่างนั้น          เมื่อนักตรรกะและนักปรัชญาใช้เหตุผลเพื่ออธิบายความจริงของคำตอบนั้น   ยังไม่ชัดเจนว่ามีความเป็นมาอย่างไรแล้วคำตอบนั้นขาดความน่าเชื่อถือ     วิญญูชนจึงไม่สามารถยอมรับความคิดเห็นของคำตอบนั้นว่า    เป็นความรู้ที่แท้จริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้                   

                       เมื่อผู้เขียนศึกษาประวัติศาสตร์พุทธศาสนาจากพยานเอกสารในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณ      เราได้ฟังข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่าอาณาจักรสักกะเป็นรัฐอิสระมีอำนาจอธิปไตยใช้ในการปกครองประเทศเป็นของตนเองแยกตัวเองเป็นรัฐอิสระจากอาณาจักรโกลิยะ  ตั้งแต่สมัยพระเจ้าโอกกากราชเป็นกษัตริย์ปกครองอาณาจักรโกลิยะมีธรรมกษัตริย์ที่เรียกว่า "ราชอปริหานิยธรรม"     เป็นรัฐธรรมนูญจารีตประเพณี ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศและมีระบอบการปกครองแบบสามัคคีธรรมตามกฎหมายจารีตประเพณีแบ่งวรรณะ         โดยแบ่งประชาชนในอาณาจักรสักกะ     เป็น ๔  วรรณะคือ        วรรณะพราหมณ์   วรรณะกษัตริย์  วรรณะแพศย์      และวรรณะศูทร   เป็นต้น  ประชาชนในอาณาจักรนับถือศาสนาพราหมณ์ มีความเชื่อตามคำสอนของพราหมณ์เรื่องการมีอยู่ของเทพเจ้าหลายองค์ แต่พระพรหมและพระอิศวรเป็นเทพที่ประชาชนมีความศรัทธามากที่สุด         โดยเชื่อว่าพระพรหมเป็นสร้างมนุษย์จากพระวรกายของพระองค์เอง                    

        เมื่อการบูชาพระพรหมสร้างผลประโยชน์จากอามิสบูชาสร้างมูลค่าหลายแสนล้านโกฏต่อปี เพื่อปกป้องผลประโยชน์จากความเชื่อ และความมั่นคงของประเทศ กษัตริย์ชาวอารยันจึงบัญญัติกฎหมายวรรณะเพื่อจำกัดสิทธิ   เสรีภาพ และหน้าที่ของประชาชนเชื้อสายดราวิเดียนในประเทศ  เป็นต้น  เมื่อข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเมือง  เศรษฐกิจ ศาสนาและสังคมในสมัยพุทธกาลนั้น มีหลักฐานปรากฏในพระไตรปิฎกหลายฉบับในการเขียนบล็อคของผู้เขียนนั้น        จะยึดข้อเท็จจริงในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณเป็นหลัก ซึ่งมีอิทธิพลต่อสังคมในอนุทวีปอินเดียและความคิดของผู้คนในสมัยพุทธกาลเป็นหลัก        ถือเป็นประเด็นที่น่าสนใจที่เราควรและศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้   เพราะเป็นความรู้ที่เกี่ยวพันโดยตรงกับมนุษย์   เป็นความรู้จากประสบการณ์ชีวิตผ่านอายตนะภายในร่างกาย และสั่งสมเป็นหลักฐานทางอารมณ์ในจิตใจของมนุษย์        จากนั้นนักตรรกะและนักปรัชญาก็ใช้หลักฐานทางอารมณ์นี้ เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์โดยการอนุมานความรู้หรือคาดคะเนความจริงจากหลักฐาน        เพื่อพิสูจน์ความจริงในเรื่องนั้น โดยใช้เหตุผลซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญาในการอธิบายความจริงของคำตอบในเรื่องนั้น

                แต่คำตอบยังไม่ชัดเจนเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ       เช่น  เมื่อผู้เขียนศึกษาพระพุทธศาสนา     จากตำราเรียนในสำนักธรรมสนามหลวงและมหาวิทยาลัย   ผู้เขียนได้ยินข้อเท็จจริงว่า   เจ้าชายสิทธัตถะทรงเห็นนิมิต ๔  อย่าง คือ คนแก่ คนเจ็บ  คนตายและนักบวช  เป็นต้นแต่เนื่องจากมนุษย์ที่มีความสามารถในการรับรู้สิ่งต่าง ๆ      ที่เกิดขึ้นในชีวิตอย่างจำกัดและมีอคติต่อผู้อื่น           ชีวิตของมนุษย์เต็มจึงไปด้วยความมืดมน    ขาดปัญญาที่จะเข้าใจความจริงของเรื่องนี้  ผู้เขียนจึงไม่สามารถใช้เหตุผลอธิบายความจริงของเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน    ผู้เขียนจึงมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเหตุผลที่เจ้าชายสิทธัตถะทรงผนวช  เพราะไม่มีหลักฐานแสดงรายละเอียดของข้อเท็จจริงในเรื่องนี้    จากพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณและพระไตรปิฎกฉบับหลวง  
           
      อย่างไรก็ตาม   เมื่อข้อเท็จจริงยังเป็นที่น่าสงสัยและผู้เขียนชอบที่จะแสวงหาความจริงในเรื่องนี้เพิ่มเติม  โดยการตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐาน เมื่อมีหลักฐานเพียงพอ แล้ว   ก็จะใช้หลักฐานเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้เพื่อพิสูจน์ความจริงในเรื่องนั้นต่อไป           ตัวอย่างเช่น แม้ข้อเท็จจริงจากหลักฐานในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณได้บันทึกไว้   เจ้าชายสิทธัตถะทรงผนวชเพื่อแสวงหาสัจธรรม    แต่ตามข้อเท็จจริงไม่ได้ระบุรายละเอียดไว้ว่าเป็นสัจธรรมในเรื่องใด ทำให้ผู้เขียนไม่ทราบแรงจูงใจของเจ้าชายสิทธัตถะทรงผนวช  เพราะผู้เขียนมีอายตนะภายในร่างกายมีข้อจำกัดในการรับรู้เจตนาที่อยู่ในใจของพระองค์ได้ 

          ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า      เมือได้ยินข้อเท็จจริงจากเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน   อย่าเชื่อทันทีว่าเป็นความจริง   เราควรสงสัย จนกว่าจะได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐานในเรื่องนั้น      เมื่อมีหลักฐานเพียงพอแล้ว ให้ใช้หลักฐานนั้น  เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้เพื่อพิสูจน์ความจริงของเรื่องนั้น    โดยใช้เหตุผล   เพื่ออธิบายความจริงของคำตอบในเรื่องนั้น ว่าจริงหรือเท็จ     หากเราไม่มีหลักฐานมาพิสูจน์ความจริง พระพุทธเจ้าทรงเห็นว่า   ข้อเท็จจริงได้ยินจากพยานเพียงคนเดียวไม่น่าเชื่อถือและไม่สามารถยอมรับว่าเป็นความจริงขั้นปรมัตถ์ได้      เพราะมนุษย์มีอคติและอายตนะภายในร่างกายมีข้อจำกัดในการรับรู้เหตุการณ์ทางสังคมที่เกิดขึ้นในอดีตหรือเหตุการณ์ทางสังคมที่อยู่ห่างไกลในบ้าน   ถ้ำ ป่าหรือในทะเลลึก เป็นต้น

ปัญหาว่าอาณาจักรสักกะว่าเป็นรัฐในศาสนาพราหมณ์หรือไม่?

        
             ตามหลักปรัชญาโดยทั่วไป นักปรัชญาสนใจศึกษาความจริงเกี่ยวกับมนุษย์ โลก ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ และเทพเจ้า เป็นต้น         การศึกษาปัญหาความจริงเกี่ยวกับแคว้นสักกะว่า      เป็นรัฐของศาสนาพราหมณ์หรือไม่  เป็นปัญหาทางอภิปรัชญาที่น่าสนใจที่เราควรศึกษาอย่างยิ่งเพราะมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับมนุษย์            การก่อตั้งอาณาจักรสักกะเป็นเหตุการณ์ทางสังคมของมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับชุมชนการเมืองที่เกิดขึ้น         เมื่อ ๓,๐๐๐ ปีก่อนในดินแดนของอนุทวีปอินเดีย       อาณาจักรสักกะเป็นรัฐอิสระมาหลายร้อยปีก่อนที่จะล่มสลายจากการเป็นรัฐ      เมื่อพระเจ้าวิทฑัพพะทรงนำกองทัพไปสังหารชนชั้นวรรณะกษัตริย์แห่งราชวงศ์ศากยะ  มีผู้คนนับล้านเสียชีวิตจนกระทั่งอาณาจักรสักกะล่มสลาย  

             ตามหลักปรัชญาพุทธภูมิ  เมื่อเราได้ยินความเห็นเกี่ยวกับอาณาจักรสักกะในยุคอินเดียโบราณ จะต้องมีหลักฐานมาวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้     เพื่อพิสูจน์ความจริงของคำตอบในเรื่องนี้   หากไม่มีหลักฐานมาพิสูจน์ความจริง    ข้อเท็จจริงที่ได้ยินจากพยานเหตุคนเดียว ก็ไม่มีความน่าเชื่อถือและไม่สามารถยอมรับว่าเป็นความจริงได้ เพราะธรรมชาติของมนุษย์มักจะมีอคติต่อกัน ซึ่งเกิดจากความรัก  ความเกลียด ความกลัว และความไม่รู้ นอกจากนี้มนุษย์ยังมีอายตนะภายในมีข้อจำกัดในการรับรู้ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ  และเหตุการณ์ทางสังคมของมนุษย์ที่เกิดขึ้นในสถานที่ห่างไกล  เป็นต้น   เมื่อมนุษย์ใช้เหตุผลอธิบายความจริงของอาณาจักรสักกะ   พวกเขามักจะใช้เหตุผลอธิบายความจริงที่ถูกต้องบ้าง   

              เมื่อผู้เขียนได้ศึกษาหลักฐานในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณผู้เขียนได้ยินข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่า เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จไปเยี่ยมชาวกรุงกบิลพัสดุ์  และทรงเห็นปัญหาคนจัณฑาลที่ถูกสังคมลงโทษ เพราะกระทำผิดต่อคำสอนของศาสนาพราหมณ์   และกฎหมายจารีตประเพณีแบ่งวรรณะ  ถูกขับออกจากสังคม ต้องเร่ร่อนแม้พวกเขาจะอยู่ในวัยชรา ล้มป่วยและเสียชีวิตอยู่กลางถนนในกรุงกบิลพัสดุ์       เจ้าชายสิทธัตถะทรงไม่สามารถช่วยพวกเขาได้     เพราะคนจัณฑาลเป็นคนต้องห้ามในสังคม           เมื่อเสด็จกลับมายังพระราชวังกบิลพัสดุ์   พระองค์ทรงได้สอบถามเรื่องนี้กับปุโรหิตซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายขนบธรรมเนียม และประเพณีของพระเจ้าสุทโธทนะ    พระองค์ทรงได้ยินข้อเท็จจริงว่าพระพรหมทรงสร้างมนุษย์ และวรรณะให้มนุษย์ปฏิบัติหน้าที่ตามวรรณะที่ตนเกิดมา  

                อย่างไรก็ตาม          เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะตรัสถามถึงประวัติความเป็นมาของพระพรหม     แต่ไม่มีปุโรหิตคนใดสามารถตอบคำถามให้พระองค์เข้าใจได้    รัฐสักกะเป็นชุมชนการเมือง     ที่ตั้งอยู่บนที่ราบใกล้เทือกเขาหิมาลัย         เป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของชาวสักกะที่มีเชื้อสายอารยันและดราวิเดียนมาช้านาน   และอยู่อย่างสงบสุขตามความเชื่อในศาสนาพราหมณ์และกฎหมายจารีตประเพณีแบ่งวรรณะ   ชาวสักกะเชื้อสายอารยันบูชาเทพเจ้าหลายองค์  ตามคำสอนของนิกายพราหมณ์ต่าง ๆ ชาวสักกะเชื้อสายอารยันเชื่อว่าพระพรหมและพระอิศวรช่วยให้มนุษย์ประสบความสำเร็จในชีวิตได้         เพราะพระพรหมสร้างชาวสักกะจากพระกายของพระองค์                ส่วนชาวมิลักขะนับถือน้ำเป็นเทวดาและการทำพิธีบูชายัญเป็นหน้าที่ของพราหมณ์ทั้งสองนิกาย     เพื่อดับทุกข์ที่อยู่ในใจของผู้คนในยุคนั้น          เมื่อการทำพิธีบูชายัญเพื่อช่วยให้ผู้คนบรรลุความปรารถนาของตนมากยิ่งขึ้น  พราหมณ์อารยันและดราวิเดียนจึงได้รับศรัทธาของประชาชน       และสร้างความมั่งคั่งจากการบูชาด้วยของมีค่าต่าง  ๆ      ดังปรากฏหลักฐานในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณเล่มที่ ๒๘  พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ ขุททกนิกายชาดก ภาค๒  ๖.ภูริทัตตชาดกว่าด้วยพระเจ้าภูิริทัต    ข้อ.๙๒๘    ความจริงคนบางพวกนับถือไฟเป็นเทวดา      ส่วนพวกมิลักขะนับถือน้ำเป็นเทวดา" 

                 อาณาเขตของรัฐสักกะ       พื้นที่อาณาจักรสักกะมีลักษณะเป็นที่ราบลุ่ม      ทางตอนเหนือของอาณาจักรสักกะมีเทือกเขาหิมาลัย เป็นพรหมแดน บนยอดเขาสูงปกคลุมไปด้วยหิมะตลอดทั้งปี     มีน้ำตกไหลลงมาจากเทือกเขาหิมาลัยตลอดเวลา  ในฤดูมรสุมจะมีฝนตกหนัก  ในฤดูร้อนหิมะจะละลาย และกลายเป็นธารน้ำที่ไหลลงมาจากเทือกเขาหิมาลัย ก่อตัวเป็นแม่น้ำสายสำคัญหลายสาย        ทิวเขาหิมาลัยนี้อุดมไปด้วยป่าฝนซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านับล้านตัว    และพืชผลตามฤดูกาล          พรหมแดนตอนใต้และทิศตะวันตกของอาณาจักรสักกะมีพรหมแดนติดกับอาณาจักรโกศล          ส่วนทิศตะวันออกของอาณาจักรสักกะมีพรหมแดนติดกับอาณาจักรโกลิยะ  เป็นต้น  

            อำนาจอธิปไตย      อาณาจักรสักกะเป็นรัฐที่มีอำนาจอธิปไตยโดยมีรัฐธรรมนูญจารีตประเพณี           เป็นกฎหมายสูงสุดที่ใช้ปกครองอาณาจักรสักกะ เรียกว่า "หลักราชอปริหานิยธรรม"      ซึ่งเทียบเท่ากับกฎหมายรัฐธรรมนูญที่บัญญัติเป็นลายลักษณ์อักษร     อาณาจักรสักกะแยกตัวจากอาณาจักรโกลิยะมาเป็นรัฐที่มีอำนาจอธิปไตย    ตั้งแต่สมัยของพระเจ้าโอกกากราชทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งอาณาจักรโกลิยะ  โดยมีแม่น้ำโรหิณี  เป็นพรมแดนระหว่างอาณาจักรโกลิยะกับอาณาจักรสักกะ มีระบบการปกครองแบบสามัคคีธรรมตามกฎหมายจารีตประเพณีแบ่งวรรณะ      โดยแบ่งประชาชนออกเป็น ๔ วรรณะคือวรรณะพราหมณ์  วรรณะกษัตริย์  วรรณะแพศย์  และวรรณะศูทร เป็นต้น        โดยยึดหลักคำสอนของศาสนาพราหมณ์    ซึ่งเป็นทั้งคำสอนในศาสนาพราหมณ์และบัญญัติเป็นกฎหมายวรรณะ        โดยอ้างเหตุผลที่พระพรหมสร้างมนุษย์ขึ้นมาจากร่างของพระองค์         พระองค์จึงสร้างวรรณะให้มนุษย์ปฏิบัติหน้าที่ตามวรรณะที่พวกเขาเกิดมาเท่านั้น        ไม่มีสิทธิและหน้าที่ในการประกอบอาชีพของคนวรรณะอื่น

                 รัฐบาลของรัฐสักกะ เมื่อผู้เขียนหลักฐานในพระไตรปิฎกฟังข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่า เมื่อรัฐสักกะปกครองระบบสามัคคีธรรมโดยแบ่งประชาชนเป็น ๔ วรรณะกล่าวคือวรรณะกษัตริย์          วรรณะพราหมณ์ วรรณะแพศย์  วรรณะศูทร เป็นต้น   วรรณะกษัตริย์มีหน้าที่การปกครองประเทศ      ผู้เขียนตีความว่าสมาชิกรัฐสภาจากวรรณะกษัตริย์จึงมีส่วนร่วมในการใช้อำนาจอธิปไตยทั้ง ๓ อำนาจ     ได้แก่ อำนาจนิติบัญญัติสมาชิกรัฐสภามีส่วนร่วมในการบัญญัติกฎหมย         อำนาจบริหารโดยสมาชิกรัฐสภามีสาวนร่วมในการบริหาร และอำนาจตุลาการโดยสมาชิกรัฐสภามีส่วนร่วมในการพิจารณาอรรถคดีทั้งปวง         ที่เกิดขึ้นในราชอาณาจักรสักกะ เป็นต้น

              การปฏิรูปสังคมของเจ้าชายสิทธัตถะ      เมื่อผู้เขียนได้ศึกษาหลักฐานในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณ     ได้ยินข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่า อาณาจักรสักกะเป็นบ้านเกิดของเจ้าชายสิทธัตถะ    พระองค์ทรงใช้ชีวิตอยู่สุขในปราสาท ๓ แห่ง     ซึ่งเป็นที่ประทับส่วนพระองค์เป็นเวลาหลายปี        เจ้าชายสิทธัตถะทรงเบื่อหน่ายกับการหมกมุ่นอยู่กับนางสนมกว่า  ๔๐,๐๐๐  คน    ที่บรรเลงดนตรีและกล่อมพระทัยของพระองค์ทรงมีความสุขทั้งกลางวันและกลางคืน     มีกลิ่นหอมของดอกไม้นานาชนิด พระองค์ทรงเสวยอาหารที่อร่อย           มีการสัมผัสทางกายและความอิ่มเอมทางอารมณ์ เป็นต้น พระองค์ได้ทรงตัดสินพระทัยที่จะเสด็จไปเยี่ยมประชาชนในเมืองกบิลพัสดุ์         พระองค์ทรงเห็นความจริงว่าคนจัณฑาลไม่มีสิทธิ    เสรีภาพและหน้าที่ตามกฎหมายและจารีตประเพณีเท่าเทียมกับวรรณะอื่น ๆ   ในด้านการทำงาน             การศึกษา  การมีส่วนร่วมในปกครองประเทศ            การทำพิธีบูชาในศาสนาพราหมณ์ของตน  การแต่งงานข้ามวรรณะ   และประชาชนยังถูกลงพรหมทัณฑ์จากสังคม    ต้องใช้ชีวิตข้างถนนในพระนครกบิลพัสดุ์ในวัยชรา        เจ็บป่วยไข้ และเสียชีวิตอยู่บนถนน  เป็นต้น     ต่อมาเจ้าชายสิทธัตถะทรงตัดสินพระทัยปฏิรูปสังคม       โดยการเสนอกฎหมายเลิกวรรณะต่อรัฐสภาศากยวงศ์    อย่างไรก็ตาม       สมาชิกรัฐสภาศากยวงศ์ได้ร่วมกันพิจารณากฎหมายยกเลิกวรรณะและเห็นว่าขัดต่อหลักอปริหานิยธรรม        ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญจารีตประเพณีสูงสุดในการปกครองประเทศ     เพราะกฎหมายรัฐธรรมนูญห้ามยกเลิกกฎหมายจารีตประเพณีที่บัญญัติไว้เป็นอย่างดีแล้ว 

ปรัชญา&พุทธภูมิ
ancient Kapilavastu 
            เมื่อธรรมชาติของผู้เขียนนั้นก็มีลักษณะเหมือนมนุษย์ทั่วไป ที่มีอายตนะภายในที่จำกัดความสามารถในการรับรู้   และมีอคติผู้อื่นในทางที่ผิด      จึงมักเลือกข้างใดข้างหนึ่งด้วยเพราะความไม่รู้    ความกลัว       ความชัง และความรักของตนเอง  เป็นต้น       ทำให้ชีวิตของมนุษย์ทุกคนมืดมน        ขาดปัญญาในการเข้าใจความจริงเกี่ยวกับอาณาจักรสักกะ    ซึ่งเป็นรัฐทางศาสนาพราหมณ์ (Brahmin religious state)          เมื่อแสดงความคิดเห็นในเรื่องเหล่านี้ที่ได้ยินและสืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลจนถึงปัจจุบัน  โดยใช้เหตุผลซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญาเพื่ออธิบายความจริงของเรื่องนั้น  ๆ       บางครั้งเราอาจใช้เหตุผลเพื่ออธิบายความจริงของเรื่องนั้น   ๆ   อย่างถูกต้อง  บางครั้งเราอาจใช้เหตุผลเพื่ออธิบายความจริงของเรื่องนั้น     ๆ ไม่ถูกต้อง บางครั้งเราอาจใช้เหตุผลเพื่ออธิบายความจริงของเรื่องในลักษณะนี้    บางครั้งเราอาจใช้เหตุผลอธิบายความจริงของเรื่องในลักษณะนั้น   เป็นต้น  เมื่อข้อเท็จจริงในเรื่องนั้นไม่ชัดเจนว่าเป็นอย่างไร   เมื่อวิญญูชนได้ยินเหตุผลของคำตอบแล้ว        เขาจะไม่เชื่อว่าเป็นความจริงและไม่ถือว่าความรู้ในเรื่องนั้นเป็นความจริงที่สมมติขึ้นหรือความจริงขั้นปรมัตถ์       

            ในการแก้ปัญหาความมืดมนในชีวิตของมนุษย์ตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าตามหลักฐานในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณ  ๕.เกสปุตติสูตรกล่าวว่า เมื่อเราได้ยินความเห็นในเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่ได้รับการการถ่ายทอดกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน       โดยยึดถือตามประเพณีที่สืบทอดกันมา โดยอาศัยข่าวลือ          โดยอาศัยการอ้างอิงตำราหรือคัมภีร์ทางศาสนาโดยใช้เหตุผลเชิงตรรกะ   (การคิดหาเหตุผลเอง)  นั่นเป็นการอนุมานเพราะเราคิดตามเหตุผล       เพราะสอดคล้องกับทฤษฎีที่ถูกพิจารณา   เพราะเราเห็นลักษณะที่ปรากฏว่าเป็นไปได้        เพราะเคาารพนับถือว่าท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา เป็นต้น เราไม่ควรเชื่อทันที ควรสงสัยเสียก่อน

               อย่างไรก็ตาม          ผู้เขียนชอบที่จะแสวงหาความรู้เกี่ยวกับอาณาจักรสักกะเป็นรัฐศาสนาของพราหมณ์ในพระไตรปิฎก โดยเริ่มต้นจากความไม่เชื่อในข้อเท็จจริงของเรื่องราวที่ได้ยินมา         ผู้เขียนจึงมีข้อสงสัยเสียก่อนว่าไม่เป็นความจริง       จนกว่าจะได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง      และรวบรวมหลักฐาน   เช่นพระไตรปิฎก   อรรถกถา  คัมภีร์ต่าง ๆ  และบันทึกของสมณะจีน ๒ รูป       พยานวัตถุได้แก่     พุทธสถานที่สร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช            เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานเพื่อรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณของพระพุทธเจ้า        พยานเอกสารดิจิทัลได้แก่แผนที่โลกกูเกิล   แผนที่อินเดียโบราณ   เป็นต้น  เมื่อมีหลักฐานเพียงพอ        ก็จะใช้เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้จากหลักฐานต่าง  ๆ    เพื่อพิสูจน์ความจริงในเรื่องนี้      โดยการใช้เหตุผล  ซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญาในการอธิบายความจริงของคำตอบของเรื่องแคว้นสักกะเป็นรัฐศาสนาพราหมณ์ในพระไตรปิฎกได้อย่างสมเหตุสมผล

               บทความที่ได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลนี้จะเป็นความรู้ผ่านการพิจารณาอย่างสมเหตุสมผล    โดยไม่สงสัยเหตุผลของคำตอบเกี่ยวกับอาณาจักรสักกะในพระไตรปิฎก           บทความเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับพระธรรมทูตแห่งราชอาณาจักรไทย    ในการสอนแก่ผู้แสวงบุญชาวไทยและชาวต่างประเทศ        ที่เดินทางไปปฏิบัติบูชาในสังเวชนียสถานทั้ง  ๔ แห่งโดยมีเนื้อหาความรู้ทางพระพุทธศาสนาไปในทิศทางเดียวกัน  กระบวนการพิจารณาความจริงโดยวิเคราะห์ข้อมูลโดยอนุมานความรู้       หรือคาดคะเนความจริงจากหลักฐานต่าง ๆ จะเป็นประโยชน์ต่อนักศึกษาระดับปริญญาเอกด้านพระพุทธศาสนาและปรัชญา  ใช้เป็นแนวทางในการเขียนวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและปรัชญา  เป็นความรู้ที่ผ่านเกณฑ์ของการตัดสินที่สมเหตุสมผล  และไม่สงสัยในข้อเท็จจริงของเรื่องนี้อีกต่อไป 

ไม่มีความคิดเห็น:

Post Top Ad

Your Ad Spot

หน้าเว็บ