The greatest discovery is the natural laws of human life. That everyone is equal Without choosing a social caste as the basis for determining humanity When the soul is the real person of man That accumulates knowledge from the mind with reasons And show his intention to act accordingly Would receive the result of Own action

Breaking

Post Top Ad

Your Ad Spot

วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2558

บทนำ สักกะเป็นรัฐศาสนาของพราหมณ์ในพระไตรปิฎก

  Introduction to the  Sakka, the Religious State  of Brahmin   according to  Buddhaphumi's Philosophy 


๑.บทนำ  ประชากร  ดินแดน  รัฐบาล  และอำนาจอธิปไตย

      ในการศึกษาปัญหาความจริงทางพุทธปรัชญาและพระพุทธศาสนานั้น  เป็นปัญหาที่น่าสนใจและควรศึกษาเป็นอย่างมาก   เนื่องจากเกี่ยวข้องโดยตรงกับมนุษย์มีแหล่งความรู้จากประสบการณ์ชีวิตผ่านประสาทสัมผัสและสั่งสมความรู้ทางอารมณ์ในจิตใจของมนุษย์ทั้งสองสาขาวิชา เมื่อมนุษย์วิเคราะห์หลักฐานจากประสบการณ์เหล่านั้นโดยอนุมานความรู้จากหลักฐานต่างๆเพื่อหาเหตุผลพิสูจน์ความจริงของคำตอบ แต่เมื่อหลักฐานยังไม่พอ คำตอบนั้นยังไม่ชัดเจน ทำให้จิตใจมนุษย์เกิดความสงสัย เพราะพระพุทธเจ้าทรงสอนว่าเมือได้สดับข้อเท็จจริงในเรื่องใด  อย่าเชื่อทันทีว่าเป็นความจริงจนกว่าจะได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานในเรื่องนั้น ๆ  ให้เพียงพอเสียก่อนและนำหลักฐานนั้นเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์  เพื่อหาเหตุผลพิสูจน์ความจริงของคำตอบในเรื่องนั้น ๆ ว่า จริงหรือเท็จ ถ้าเราไม่มีหลักฐานพิสูจน์ความจริง พระพุทธเจ้าในฐานะนักปราชญ์ทรงถือว่าข้อเท็จจริงได้ยินจากประจักษ์พยานเพียงคนเดียวนั้น  ไม่น่าเชื่อถือและยอมรับว่าข้อเท็จจริงนั้น  เป็นความจริงอันเป็นที่สิ้นสุดได้เพราะมนุษย์มีอคติและมีอวัยวะอินทรีย์ ๖  ในร่างกายของตนเองมีข้อจำกัดในการรับรู้เหตุการณ์ทางสังคมที่เกิดขึ้นได้ในอดีต  หรือเหตุการณ์ทางสังคมที่อยู่ไกลออกไปในบ้าน,  ถ้ำในป่า หรือในกลางทะเลลึก เป็นต้น
 
         ปัญหาว่าอาณาจักรสักกะว่าเป็นรัฐศาสนาพราหมณ์หรือไม่? ตามหลักการทั่วไปของอภิปรัชญา   นักปรัชญาสนใจที่จะศึกษาความจริงเกี่ยวกับมนุษย์ โลก  ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติและเทพเจ้า เป็นต้น  ในการศึกษาปัญหาความจริงเกี่ยวกับแคว้นสักกะว่าเป็นรัฐศาสนาพราหมณ์หรือไม่ ?  ถือเป็นปัญหาทางอภิปรัชญาที่น่าสนใจซึ่งเราควรศึกษาเป็นอย่างยิ่ง  เพราะเกี่ยวข้องโดยตรงกับมนุษย์เนื่องจากการสถาปนาอาณาจักรสักกะ  เป็นเหตุการณ์ทางสังคมของมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับชุมชนการเมืองที่เกิดขึ้น เมื่อ ๓,๐๐๐ ปีก่อนในดินแดนของอนุทวีปดำรงอยู่เป็นรัฐเอกราชเป็นเวลาหลายปีแลัว จึงล่มสลายจากความเป็นรัฐไป เมื่อพระเจ้าวิทฑัพพะทรงยกทัพไปสังหารเพื่อฆ่าล้างเผ่าพันธ์วรรณะกษัตริย์แห่งราชวงศ์ศากยะ สิ้นพระชนม์เป็นล้านพระองค์จนอาณาจักรสักกะล่มสลายตามหลักปรัชญาพุทธภูมิ เมื่อผู้ใดแสดงความเห็นหรือความเชื่อเกี่ยวกับกับอาณาจักรสักกะในยุคอินเดียโบราณ   จะต้องมีหลักฐานมาวิเคราะห์โดยการอนุมานความรู้เพื่อหาเหตุมาพิสูจน์ความจริงของคำตอบในเรื่องนี้  ถ้าไม่มีหลักฐานพิสูจน์ความจริง   ข้อเท็จจริงที่ได้ยินจากผู้เห็นเหตุการณ์เพียงเพียงคนเดียวขาดความน่าเชื่อถือ และนักปรัชญาก็รับไม่ได้ว่าเป็นเรื่องจริง  เพราะธรรมชาติของมนุษย์มักจะมีอคติต่อกัน  ซึ่งเกิดจากความรักใคร่ความเกลียดชัง, ความกลัว และความโง่เขลา   นอกจากนี้มนุษย์มีอวัยวะอินทรีย์ในร่างกาย    ๖    อย่าง และมีข้อจำกัดในการรับรู้ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ    และเหตุการณ์ทางสังคมของมนุษย์ที่เกิดขึ้นในที่ห่างไกล  เป็นต้น   
   
          เมื่อผู้เขียนได้ศึกษาหลักฐานในพระไตรปิฎกมหาจุฬาฯ    ก็ได้ยินข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่า   เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จเยี่ยมชาวกบิลพัสดุ์ และพระองค์ทรงเห็นปัญหาจัณฑาลซึ่งเป็นนักโทษในสังคม  และถูกลงโทษข้อหาฐานละเมิดคำสอนในศาสนาพราหมณ์     และกฎหมายวรรณะจารีตประเพณีดำเนินชีวิตเร่ร่อนในวัยชราเจ็บป่วย  และตายข้างถนนในเขตพระนครกบิลพัสดุ์   เจ้าชายสิทธัตถะทรงไม่สามารถช่วยพวกเขาได้ เพราะจัณฑาลเป็นบุคคลต้องห้ามในสังคม      เมื่อเสด็จกลับมายังพระราชวังกบิลพัสดุ์  พระองค์ทรงได้สอบถามเรื่องนี้จากปุโรหิตผู้เป็นที่ปรึกษาของพระเจ้าสุทโธทนะในด้านกฎหมาย     ขนบธรรมเนียม (Coustom) และประเพณี (Triandition) พระองค์ทรงได้ยินข้อเท็จจริงว่า พระพรหมทรงสร้างชาวสักกะและวรรณะสำหรับชาวสักกะทำหน้าที่ของตนตามวรรณะที่ตเกิดมาเท่านั้น  แต่เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะตรัสถามถึงประวัติความเป็นมาของพระพรหม  แต่ไม่มีปุโรหิตคนใดสามารถตอบคำถามให้พระองค์เข้าใจได้  

          รัฐสักกะเป็นชุมชนการเมือง ที่ตั้งอยู่บนที่ราบใกล้เทือกเขาหิมาลัยเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของชาวสักกะที่มีเชื้อสายอารยันและดราวิเดียนมาช้านานและอยู่อย่างสงบสุข ตามความเชื่อในศาสนาพราหมณ์และกฎหมายจารีตประเพณีชาวสักกะเชื้อสายอารยันบูชาเทพเจ้าหลายองค์ตามคำสอนของนิกายพราหมณ์ต่าง ๆ  ชาวสักกะเชื้อสายอารยันส่วนใหญ่เชื่อว่าพระพรหมและพระอิศวรช่วยให้มนุษยชาติประสบความสำเร็จในชีวิตได้   เพราะพระพรหมสร้างชาวสักกะจากพระวรกายของพระองค์ส่วนชาวมิลักขะถือว่า น้ำเป็นเทวดาและการทำพิธีบูชายัญเป็นหน้าที่ของพราหมณ์ทั้งสองนิกาย  เพื่อดับทุกข์ที่อยู่ในใจของผู้คนในยุคนั้น    เมื่อการทำพิธีบูชายัญเพื่อช่วยให้ผู้คนบรรลุความปรารถนาของตนมากยิ่งขึ้น พราหมณ์อารยันและดราวิเดียนจึงได้รับศรัทธาของประชาชนและสร้างความมั่งคั่งจากการบูชาด้วยของมีค่าต่างๆหลักฐานในพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬา ฯ เล่มที่ ๒๘   พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๐ ขุททกนิกายชาดก ภาค๒ ๖.ภูริทัตตชาดกว่าด้วยพระเจ้าภูิริทัตข้อ.๙๒๘ความจริงคนบางพวกนับถือไฟเป็นเทวดาส่วนพวกมิลักขะนับถือน้ำเป็นเทวดา" 

      อาณาเขตของรัฐสักกะมีลักษณะเป็นที่ราบลุ่มทั้งรัฐสักกะทางตอนเหนือของรัฐสักกะมีพรมแดนติดกับเทือกเขาหิมาลัยที่ทอดยาวไปไกล บนยอดเขาสูงมีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี   น้ำจึงไหลลงมาจากเทือกเขาหิมาลัยตลอดเวลาด้วยฝนตกชุกและหิมะละลายในฤดูร้อนน้ำจึงไหลลงมาจากเทือกเขาหิมาลัยกลายเป็นแม่น้ำสำคัญหลายสายและเทือกเขานี้อุดมไปด้วยป่าดงดิบ สัตว์ป่านับล้านมีชีวิตอยู่และพืชผลเติบโตตามฤดูกาลพรมแดนทางทิศใต้และทิศตะวันตกของรัฐสักกะจดกับพรหมแดนของรัฐโกศลส่วนทิศตะวันออกของแคว้นสักกะจดกับรัฐโกลิยะ  เป็นต้น                    

ประตูเขตพระราชวังกบิลพัสดุ์ทิศตะวันออก
       อำนาจอธิปไตย แคว้นสักกะเป็นรัฐที่มีอำนาจอธิปไตยเป็นของตนเอง   มีกฎหมายรัฐธรรมนูญจารีตประเพณีสูงสุดที่ใช้บริหารประเทศเรียกว่า"หลักราชอปริหานิยธรรม" ซึ่งเทียบเท่ากับกฎหมายรัฐธรรมนูญ  ที่บัญญัติไว้เป็นลายลักษณ์อักษร    รัฐสักกะแยกตัวเป็นรัฐเอกราชจากรัฐโกลิยะนับตั้งแต่สมัยของพระเจ้าโอกกากราชทรงเป็นมหาราชาปกครองรัฐโกลิยะ โดยมีแม่น้ำโรหินีเป็นเส้นเขตแดนระหว่างรัฐโกลิยะกับรัฐสักกะ   รัฐสักกะมีระบบการปกครองแบบสามัคคีธรรมโดยแบ่งคนในรัฐสักกะออกเป็น ๔ วรรณะคือวรรณะพราหมณ์ วรรณะกษัตริย์ วรรณะแพศย์ และวรรณะศูทร เป็นต้น  โดยยึดหลักคำสอนของพราหมณ์เป็นทั้งหลักคำสอนในศาสนาพราหมณ์ และบัญญัติเป็นกฎหมายวรรณะจารีตประเพณีโดยอ้างเหตุผลว่าพระพรหมสร้างมนุษย์และวรรณะให้มนุษย์ปฏิบัติหน้าที่ตามวรรณะที่พวกเขาเกิดมาเท่านั้น  ไม่มีสิทธิและหน้าที่ในการประกอบอาชีพของคนวรรณะอื่น

         รัฐบาลของรัฐสักกะ เมื่อผู้เขียนหลักฐานในพระไตรปิฎกฟังข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่า  เมื่อรัฐสักกะปกครองระบบสามัคคีธรรมโดยแบ่งประชาชนเป็น ๔ วรรณะกล่าวคือวรรณะกษัตริย์ วรรณะพราหมณ์ วรรณะแพศย์  วรรณะศูทร เป็นต้นวรรณะกษัตริย์มีหน้าที่การปกครองประเทศ ผู้เขียนตีความว่า  สมาชิกรัฐสภาจากวรรณะกษัตริย์จึงมีส่วนร่วมในการใช้อำนาจอธิปไตยทั้ง ๓ อำนาจ ได้แก่ อำนาจนิติบัญญัติสมาชิกรัฐสภามีส่วนร่วมในการบัญญัติกฎหมย    อำนาจบริหารโดยสมาชิกรัฐสภามีสาวนร่วมในการบริหารและอำนาจตุลาการโดยสมาชิกรัฐสภามีส่วนร่วมในการพิจารณาอรรถคดีทั้งปวง    ที่เกิดขึ้นในราชอาณาจักรสักกะ เป็นต้น

      การปฏิรูปสังคมของเจ้าชายสิทธัตถะจากการศึกษาหลักฐานในพระไตรปิฎกมหาจุฬา ฯ ฟังข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่า รัฐสักกะเป็นบ้านเกิดของเจ้าชายสิทธัตถะทรงประทับอยู่อย่างมีความสุขในปราสาท ๓ หลังซึ่งเป็นที่ประทับส่วนพระองค์มาหลายปีแล้วเจ้าชายสิทธัตถะทรงรู้สึกเบื่อหน่ายกับอารมณ์หมกมุ่นอยู่กับนางสนม ๔๐,๐๐๐ คนที่บรรเลงเสียงดนตรีถวายพระองค์และขับกล่อมพระทัยอย่างมีความสุขทั้งกลางวันกลางคืน กลิ่นของดอกไม้นานาพันธ์ุ เสวยพระกระยาหารที่เลิศรส  การสัมผัสทางกายและความพึงพอใจทางอารมณ์ เป็นต้น พระองค์ทรงตัดสินพระทัยไปเสด็จเยี่ยมชาวพระนครกบิลพัสดุ์   และทรงเห็นปัญหาเกี่ยวกับความจริงของจัณฑาลไม่มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายจารีตประเพณีอย่างเท่าเทียมกับวรรณะอื่น ๆ  ในการทำงาน การศึกษา      การมีส่วนร่วมในปกครองรัฐการทำพิธีบูชาในศาสนาพราหมณ์นิกายของตน และการแต่งงานข้ามวรรณะและยังถูกลงพรหมทัณฑ์จากสังคม   ต้องใช้ชีวิตข้างถนนในพระนครกบิลพัสดุ์ในวัยชรา เจ็บป่วยไข้ และนอนตาย เป็นต้น  ต่อมาเจ้าชายสิทธัตถะทรงตัดสินพระทัยปฏิรูปสังคม   โดยการเสนอกฎหมายจารีตประเพณีว่าด้วยการยกเลิกวรรณะต่อรัฐสภาศากยวงศ์  แต่สมาชิกรัฐสภาศากยวงศ์ได้ร่วมกันพิจารณากฎหมายยกเลิกวรรณะจารีตประเพณี ของพระองค์เห็นว่าข้อขัดต่อหลักอปริหานิยธรรม ซึ่งเป็นกฎหมายจารีตประเพณีสูงสุดในการปกครองประเทศ  เพราะห้ามมิให้ยกเลิกกฎหมายจารีตประเพณีที่บัญญัติไว้ดีแล้ว 

ปรัชญา&พุทธภูมิ
ancient Kapilavastu 
       เมื่อผู้เขียนได้ฟังข้อเท็จจริงข้างต้นแล้วเราก็เกิดความสงสัยว่า"เราจะรู้ความจริงได้อย่างไรว่าสักกะเป็นรัฐของศาสนาพราหมณ์ในพระไตรปิฎก?"  ตามคำสอนของพระพุทธเจ้าในพระไตรปิฎกมหาจุฬา ฯ ๕.เกสปุตติสูตรว่า เมื่อเราได้ยินความคิดเห็นในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ที่เล่าสืบทอดกันมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน, โดยปฏิบัติตามประเพณีที่สืบทอด กันมา, ตามข่าวลือ,  โดยอ้างถึงตำราเรียนหรือคัมภีร์ทางศาสนา,  ด้วยเหตุผลเชิงตรรกะ(การคิดหาเหตุผลเอาเอง),   ก็เพราะเป็นการอนุมาน  เพราะคิดตรองตามแนวเหตุผล,  เพราะมันสอดคล้องกับทฤษฎีที่ได้พิจารณาไว้แล้ว  เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้เพราะนับถือว่าท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา เป็นต้น

       แต่ผู้เขียนรักในการแสวงหาความรู้ในเรื่องแคว้นสักกะเป็นรัฐของศาสนาพราหมณ์ในพระไตรปิฎกต่อไป    โดยตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐานจากแหล่งความรู้ในพระไตรปิฎก  อรรถกถาคัมภีร์ต่าง ๆ และบันทึกของสมณะชาวจีนอีก ๒ รูป พยานวัตถุได้แก่พุทธสถานที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช   เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานเพื่อรำลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า    พยานเอกสารดิจิทัลได้แก่แผนที่โลกกูเกิล เป็นต้น   เพื่อเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้จากหลักฐานต่าง ๆ เพื่อหาเหตุผลอธิบายความจริงของคำตอบในเรื่องแคว้นสักกะเป็นรัฐศาสนาพราหมณ์ในพระไตรปิฎก  บทความที่ได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลนี้จะเป็นความรู้ผ่านการตัดสินอย่างสมเหตุสมผล    โดยปราศจากข้อสงสัยเหตุผลของคำตอบเรื่องรัฐสักกะในพระไตรปิฎกอีกต่อไป บทความเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์ต่อพระวิทยากรนำไปใช้ในการบรรยายธรรมแก่ผู้แสวงบุญชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางไปปฏิบัติบูชาในสังเวชนียสถานทั้ง  ๔  มีเนื้อหาของความรู้ไปในแนวทางเดียวกันกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลจากพยานหลักฐานจากแหล่งความรู้จะเป็นประโยชน์ต่อนักศึกษาระดับปริญญาเอกด้านพระพุทธศาสนาและปรัชญา ใช้เป็นแนวทางในการเขียนวิทยานิพนธ์ทางพระพุทธศาสนาและปรัชญา  เป็นความรู้ที่เป็นไปตามเกณฑ์การตัดสินที่สมเหตุสมผลและไม่สงสัยในความจริงของชีวิตอีกต่อไป 

ไม่มีความคิดเห็น:

Post Top Ad

Your Ad Spot

หน้าเว็บ