Introduction: The reason why Prince Siddhartha was ordained according to Buddhaphumi's Philosophy
๑.บทนำ ผู้เขียนเกิดในแผ่นดิน "สุวรรณภูมิ"ตามหลักฐานในพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ ในสมัยพุทธกาล พระพุทธองค์ทรงเรียกดินแดนแห่งนี้ว่า"สุวรรณภูมิรัฐ" ซึ่งอุดมไปด้วยเครื่องเทศ โดยเฉพาะพริกไทยดำ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่มีราคาแพงพอๆกับทองคำถือเป็นยาอายุวัฒนะที่ช่วยให้ มนุษย์มีสุขภาพแข็งแรง จึงกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ชาวตะวันตกนิยมบริโภคพริกไทย ดำเป็นอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ในปี พ.ศ.๒๕๑ พระเจ้าอโศกมหาราชทรงเป็นประธานสังคายนาพระไตรปิฎก (Buddhist councils)ครั้งที่๓ เพื่อรวบรวมคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นหมวดหมู่ในพระไตรปิฎกเสร็จสิ้นแล้ว พระเจ้าอโศกมหาราชทรงเล็งเห็นว่าในอนาคตพระพุทธศาสนาจะไม่มั่นคงในจิตใจของชาวโมริยะอีกต่อไป เพราะจิตใจของมนุษย์นั้นไม่เที่ยง มันจะเปลี่ยนไปตามกิเลสที่เข้ามาในชีวิตและสั่งสมอยู่ในจิตใจของพวกเขาทุกวัน พระองค์ทรงแต่งตั้งพระโสณะและพระอุตตระเป็นพระธรรมทูตแห่งอาณาจักรโมริยะ กำหนดเผยแผ่พระพุทธศาสนาในรัฐสุวรรณภูมิ เพื่อพัฒนาศักยภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในรัฐสุวรรณภูมิให้มีชีวิตที่เข้มแข็งด้วยการฝึกสมาธิ มีจิตใจบริสุทธิ์ปราศ จากอคติและความคับข้องใจ มีนิสัยสุภาพ อ่อนน้อมถ่อมตนเหมาะกับการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม มั่นคงอยู่ในอุดมการณ์สูงสุดแห่งชีวิต และไม่หวั่นไหวในการปฏิบัติหน้าที่ต่อผู้อื่นอย่างมีความบริสุทธิ์ และยุติธรรม มีสติสัมปชัญญะสามารถระลึกถึงความรู้จากประสบการณ์ชีวิตผ่านประสาทสัมผัสและสั่งสมไว้ในใจ ชาวรัฐสุวรรณภูมิสามารถนำความรู้นั้นแก้ไขปัญหาด้วยสติปัญญาของตนเองได้
การเดินทางของพระธรรมทูตแห่งราชอาณาจักรโมริยะเพื่ออเผยแผ่พระพุทธศาสนาในดินแดนสุวรรณภูมิแห่งนี้ ผู้เขียนสันนิษฐานว่า การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในรัฐสุวรรณภูมิ นำโดยพระโสนะและพระอุตตระ ซึ่งเป็นพระธรรมทูตแห่งอาณาจักรโมริยะ เดินทางโดยเรือขนสินค้าขนาดใหญ่ที่ส่งสินค้าเช่น เครื่องประดับ สร้อยคอ สายรัดข้อมือ และอัญมณีไปยังรัฐสุวรรณภูมิ เพราะชาวสุวรรณภูมิชอบใช้เครื่องประดับเหล่านี้ เพื่อแสดงสถานะทางสังคม คณะพระธรรมทูตแห่งราชอาณาจักรโมริยะ มาเผยแผ่พระพุทธศาสนาครรั้งแรกที่เมืองสะเทิมแห่งราชอาณาจักรสุธรรมวดี ต้องใช้เวลาหลายปีในการเผยแผ่คำสอนของพระพุทธเจ้า เพื่อพัฒนาศักยภาพชีวิตของชาวสุธรรมวดี ตามมรรคมีองค์ ๘ ให้มีชีวิตเข้มแข็งด้วยการทำสมาธิ บริสุทธิ์ปราศจากอคติ มีความมั่นคงและไม่หวั่นไหวในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความบริสุทธิ์และยุติธรรม มีสติสัมปชัญญะสามารถระลึกถึงความรู้จากประสบการณ์ชีวิตผ่านประสาทสัมผัสและสั่งสมไว้ในจิตใจ สามารถนำคำสอนของพระพุทธเจ้าแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมได้ด้วยตนเอง เป็นต้น
ในราชอาณาจักรไทย ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาท และยึดหลักมรรคอันประเสริฐของพระพุทธเจ้าเป็นแนวทางปฏิบัติ เพื่อพัฒนาศักยภาพให้ชีวิตที่เข้มแข็งด้วยการทำสมาธิ จนกวว่าจิตใจจะบริสุทธิ์ ปราศจากอคติ ความขุ่นเคืองและมีบุคลิกอ่อนโยนเหมาะสมกับการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม มีความมั่นคงในเป้าหมายของชีวิตเพื่อรักษาชาติ พระพุทธศาสนา และพระมหากษัตริย์ไทย จึงไม่กลัวที่จะปฏิบัติหน้าที่ต่อผู้อื่นด้วยความซื่อสัตย์ สุจริตและเที่ยงธรรม สามารถแก้ไขปัญหาของตนเองอย่างมีสติโดยคิดถึงความรู้เกี่ยวกับประสบการณ์ชีวิตผ่านประสาทสัมผัส และสั่งสมอยู่ในจิตใจ นอกจากนี้ สามารถนำความรู้นั้นไปแก้ไขปัญหาในการทำงานและในสังคมได้จนกลายเป็นวัฒนธรรมอันดีงของราชอาณาจักรไทยให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมทำความดีเพื่อสังคม พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรไทยทรงเป็นพุทธมามกะ และทรงดำเนินตามอริยมรรคมีองค์ ๘ อันเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ราษฎรมาทุกยุคทุกสมัย ตั้งแต่สมัยสุโขทัยจนถึงปัจจุบัน ส่วนคณะสงฆ์ไทยก็อุทิศตนรับใช้ชาติ พระพุทธศาสนาและพระมหากษัตริย์ด้วยการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เพื่อพัฒนาศักยภาพชีวิตของประชาชนในราชอาณาจักรไทยโดยการสอนให้ปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์ ๘ มีชีวิตที่เข้มแข็งด้วยการทำสมาธิและมีจิตใจที่บริสุทธิ์ปราศจากความโศกเศร้า มีบุคคลิกภาพอ่อนโยนเหมาะสมกับการทำงานร่วมกับผู้อื่นในสังคม มีอุดมการณ์อันมั่นคงในการป้องกันประเทศ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ และไม่ลังเลใจในการปฏิบัติหน้าที่ต่อผู้อื่นด้วยความซื่อสัตย์ สุจริตและเที่ยงธรรม เพื่อความสงบสุขในสังคมตามหลักศีลธรรมและกฎหมาย
เมื่อคนไทยยังยากจน มีรายได้ไม่พอที่จะใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ที่เกิดจากการทำงานหนัก และสุขภาพย่ำแย่ เราเลือกที่จะดับทุกข์ทางใจตามกฎธรรมชาติ มีชีวิตที่ดีด้วยการทำสมาธิจนจิตใจบริสุทธิ์ปราศจากความทุกข์ ไม่มีอารมณ์ขุ่นมัว มีบุคลิกภาพที่สุภาพ อ่อนโยนเหมาะแก่การอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม มีอุดมการณ์แน่วแน่ในการทำความดี จิตใจไม่หวั่นไหวต่อการปฏิบัติหน้าที่ต่อผู้อื่นด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม และแก้ไขปัญหาได้ด้วยสติปัญญาของตนเอง โดยไม่ปล่อยให้คนอื่นช่วยเหลือตนเองอยู่ตลอดเวลา เมื่อราชอาณาจักรไทยเผชิญกับภัยธรรมชาติ และโรคระบาดจึงไม่มีเหตุผลที่คนไทยจะทอดทิ้งเพื่อนร่วมชาติโดยไม่คิดช่วยเหลือกัน เราทุกคนก็แสดงความตั้งใจที่จะแสดงความเห็นอกเห็นใจซึ่งและกัน และแสดงออกถึงความสามัคคีที่จะร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาของชาติร่วมกัน เมื่อคนไทยพัฒนาศักยภาพในการดำรงชีวิตด้วยการปฏิบัติธรรมตามมรรคมีองค์ ๘ ให้มีความรู้ในระดับอภิญญา ๖ คนไทยจึงรู้ว่าความดีของมนุษย์จะไม่สูญหายไปไหน มันจะเป็นคำสัญญา (ความทรงจำ) ที่สั่งสมอยู่ในจิตใจตลอดไป ผู้ทำความดีย่อมได้รับสิ่งดีตอบแทน แม้ว่าดวงวิญญาณจะเวียนว่ายตายเกิดไปในสังสารวัฏอันไม่สิ้นสุดก็ตาม
แต่คนสมัยนี้ ยังมีความไม่รู้และชีวิตอ่อนแอ เพราะไม่ยอมปฏิบัติธรรมตามมรรคมีองค์๘ มีกิเลสสั่งสมอยู่ในจิตใจมากมาย ทำให้เกิดอคติต่อผู้อื่น มีอารมณ์เสียอยู่เป็นประจำ และบุุคลิกหยาบกระด้างไม่เหมาะที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่น ขาดความมั่นคงในอุดมการณ์และจิตใจโลเลต่อการปฏิบัติหน้าที่ต่อผู้อื่นอย่างบริสุทธิ์และยุติธรรมจึง ไม่มีสตินึกถึงความรู้จากประสบการณ์ชีวิตผ่านประสาทสัมผัส และสั่งสมอยู่ในจิตใจ และขาดปัญญาในการพิจารณาการกระทำของตนตามหลักศีลธรรมและกฎหมายอาญา พวกเขาจึงได้รับผลของกรรมทั้งโลกนี้และโลกหน้า ยังมีมนุษย์บางคนไม่เคยหยุดพัฒนาศักยภาพของชีวิตจนกระทั่งสามารถสร้างสรรค์เทคโนโลยี่คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต มีการพัฒนาแพลตฟอร์อินเตอร์เน็ตเพื่อเป็นพื้นที่แบ่งปันความรู้ เพื่อใช้ในการทำงานกันทั่วโลก ความงดงามของอารยธรรมไทย จึงไม่เคยหายไปจากจิตใจของคนไทย แต่เก็บรักษาไว้เป็นรูปภาพและวีดีโอเพื่อแชร์บนอินเตอร์เน็ต เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้จากประสบการณ์เหล่านั้น ซึ่งเป็นหลักฐานของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคมที่ได้เกิดขึ้น และช่วยให้เราตระหนักถึงคุณค่าของหน้าที่ของเราที่มีต่อกัน แสดงให้เห็นว่า พวกเราคนไทยจะไม่ละทิ้งเพื่อนร่วมชาติให้สู้งานเพียงลำพัง แต่ทุกคนก็ตั้งใจทำความดีโดยช่วยเหลือกันตามกำลังทรัพย์ของตน เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ผู้คนทั่วโลก อีกทั้งยังสร้างอารยธรรมให้ราชอาณาจักรไทยอีกด้วย เพื่อให้คนทั่วโลกได้เห็นตัวตนของเราว่าเป็นใคร? เป็นเวลากว่า ๒,๕๐๐ ปีแล้ว ที่เรายังคงรักษาประเพณีตักบาตรในตอนเช้า และช่วยเหลือผู้อื่นเมื่อต้องเผชิญกับวิบากกรรมของชีวิต โดยไม่มีใครจะบังคับได้ เพราะความดีที่ทำนั้นสามารถเห็นได้ด้วยตนเอง
แม้ว่าราชอาณาจักรไทยจะไม่ใช่สถานที่กำเนิดของพระพุทธศาสนา แต่ราชอาณาจักรไทยเป็นดินแดนที่พระพุทธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด ใช้ปัญญาญาณของพระพุทธเจ้า สร้างศาสนสถานนับหมื่นแห่งทั่วราชอาณาจักรไทย เพื่อส่งเสริมให้คนทั่วโลกได้เรียนรู้วัฒนธรรมไทยซึ่งมีแหล่งความรู้จากความคิดของบรรพบุรุษของเรา ที่สร้างศาสนวัตถุ มีความเอกลักษณ์และสวยงามในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ตรากฎหมายใดๆจะต้องมีเงื่อนไขบังคับให้ประชาชนศรัทธาและปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ในปัจจุบันแม้ชาวอนุทวีปอินเดีย จะไม่เชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกได้นำคำสอนของพระพุทธเจ้า ตราไว้ในประมวลกฎหมายอาญา เพื่อสร้างสังคมที่สงบสุขบนพื้นฐานของศีลธรรมและกฏหมาย ถือเป็นเกณฑ์กำหนดพฤติกรรมของคนในสังคม เพื่อป้องกันการละเมิดต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่น แสดงว่าคำสอนของพุทธศาสนานั้นเป็นสากลและเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก เป็นต้น เมื่อผู้เขียนได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ในช่วง ๕ ปีแรก พระภิกษุใหม่ที่จำพรรษาอยู่วัดทั่วราชอาณาจักรไทย มีหน้าที่ศึกษาพระพุทธศาสนา ผู้เขียนได้ยินข้อเท็จจริงเบื้องต้นจากพุทธประวัติว่า สาเหตุที่เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกผนวช ก็เพราะทรงทอดพระเนตรคนชรา คนป่วย คนตาย และนักบวช ทำให้พระองค์ทรงสงสัยความจริงของชีวิตว่า ทำไมมนุษย์ถึงแก่ ป่วย และตาย เป็นต้น และตัดสินพระทัยเสด็จออกผนวช จะได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐานเป็นข้อมูลมาวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้จากหลักฐานต่าง ๆ เพื่อหาเหตุผล มาอธิบายความจริงของคำตอบในเรื่องนี้ เมื่อผู้เขียนได้มีโอกาสศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยบานาราฮินดู สาธารณรัฐอินเดียจนสำเร็จการศึกษาปริญญาเอกด้านปรัชญา ผู้เขียนจึงได้สอบสวนข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นความจริง สาเหตุที่เจ้าชายสิทธัตถะจึงทรงตัดสินพระทัยผนวชเป็นพระโพธิสัตว์ เมื่อศึกษาภูมิหลังของเจ้าชายสิทธัตถะและได้ยินข้อเท็จริงเบื้องต้นว่า เจ้าชายสิทธัตถะทรงศรัทธาอย่างลึกซึ้งในศาสนาพราหมณ์ และสำเร็จการศึกษาหลักสูตรศิลปศาสตร์ จำนวน ๑๘ สาขาวิชา พระองค์ทรงประสูติในวรรณะกษัตริย์ มีสิทธิและหน้าที่ปกครองชาวแคว้นสักกะตามกฎหมายวรรณะจารีตประเพณที่พระองค์ประสูติมา พระองค์ทรงครองราชสมบัติแห่งอาณาจักรสักกะ ซึ่งตั้งอยู่บนที่ราบอันกว้างใหญ่ติดเทือกเขาหิมาลัยอันอุดมสมบรูณ์ เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจเพราะผลิตข้าวได้มาก และเพียงพอให้ประชาชนบริโภคภายในประเทศและสามารถส่งออกข้าวไปจำหน่ายในหลายรัฐของอนุทวีปอินเดีย ทรงประทับอยู่ ณ ปราสาท ๓ หลัง ๓ ฤดู ในเขตพระราชวังกบิลพัสด์ุ ณ พระนครกบิลพัสดุ์ ฉลองพระองค์ของเจ้าชายสิทธัตถะตัดเย็บจากผ้าไหมกาสี ที่มีชื่อเสียงที่สุดจากต่างประเทศ ผลิตโดยตรงจากพระนครพาราณสี ของอาณาจักรกาสี และมีข้าราชบริพาร ๔๐,๐๐๐ คน ประจำการในปราสาท ๓ แห่ง เจ้าชายสิทธัตถะทรงเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ที่สุดในยุคนั้น โดยทั่วไป ชาวพุทธทั่วโลกได้ศึกษาคำสอนทางพระพุทธศาสนาจากพระไตรปิฎกมาเป็นเวลา ๒,๖๐๐ ปี ได้ยินข้อเท็จจริงจากคำสอนของพระภิกษุแสดงพระธรรมเทศนาในวันวิสาขาบูชาเป็นประจำทุกปีว่า เจ้าชายสิทธัตถะทรงเห็นปัญหาของคนแก่ คนป่วย คนตายและสมณะ เป็นต้น พระองค์ทรงตัดสินพระทัยผนวชเพื่อศึกษาสัจธรรมแห่งชีวิต เป็นข้อเท็จจริงที่ชาวพุทธทั่วโลกได้ยินมายาวนานและยอมรับโดยปริยายว่าเป็นความจริง โดยไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ ได้เพียงพอเป็นข้อมูลวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้จากหลักฐาน เพื่อหาเหตุผลมาอธิบายความจริงในเรื่องนี้ว่าเป็นจริงหรือเท็จ เป็นต้น
แต่ผู้เขียนโต้แย้งในข้อเท็จจริงว่าความแกชรา ความเจ็บป่วย และความตายของมนุษย์เป็นความรู้จากประสบการณ์ชีวตผ่านประสาทสัมผัสและสั่งสมไว้ในจิตมาเป็นเวลานานเป็นเหตุการณ์ทางสังคมที่เกิดขึ้นและพบเห็นได้ง่ายในชีวิตประจำวันตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่เจ้าชายสิทธัตถะทรงดำริในเรื่องนี้ เมื่อผู้เขียนได้ศึกษาหลักฐานเพิ่มเติมในพระไตรปิฎกมหาจุฬา ฯ และได้ยินข้อเท็จจริงว่าอาณาจักรสักกะเป็นรัฐของศาสนาพราหมณ์ มี"หลักราชอปริหานิยธรรม" เป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญจารีตประเพณีในการปกครองอาณาจักรสักกะ คำสอนของพราหมณ์เป็นทั้งคำสอนในศาสนาพราหมณ์และกฎหมายวรรณะจารีตประเพณี โดยอ้างพระพรหมสร้างมนุษย์และวรรณะให้มนุษย์ทำงานตามวรรณะเกิดของตน มาบัญญัติเป็นกฎหมายวรรณะจารีตประเพณี โดยมีเงื่อนไขบังคับประชาชนให้ปฏิบัติหน้าที่ตามวรรณะของตน มีข้อห้ามการแต่งงานข้ามวรรณะและห้ามประชาชนปฏิบัติหน้าที่ของวรรณะอื่น ผู้ใดฝ่าฝืนกฎหมาย จะถูกสังคมลงโทษด้วยการขับไล่บุคคลนั้นออกจากชุมชน เป็นต้น เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะเสด็จเยี่ยมราษฏรทรงเห็นนิมิต ๔ ประการ แต่ไม่มีรายละเอียดของข้อเท็จจริงในพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬา ฯ ปรากฏชัดว่าคนแก่ คนป่วย คนตาย และนักบวชนั้นเป็นใคร? พวกเขาอยู่ในวรรณะใด? ทำให้ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้เกิดข้อสงสัยว่า"นิมิต๔" มีความเป็นมาอย่างไร ? หากเราตีความข้อเท็จจริงให้ชัดจนยิ่งขึ้นว่า เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะประสูติในวรรณะกษัตริย์ พระองค์ทรงมีสิทธิและหน้าที่ในการปกครองประเทศตามวรรณะที่พระองค์ประสูติ เจ้าชายสิทธัตถะทรงสามารถช่วยเหลือประชาชนได้ ด้วยหลักเมตตากรุณาอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องเสด็จออกผนวชเพื่อหาสัจธรรมของชีวิต เป็นต้น
การที่เจ้าชายสิทธัตถะทรงออกผนวชเพื่อบำเพ็ญตบะทุกรกิริยาเพื่อค้นหาสัจธรรมแห่งชีวิต เท่าทับพระองค์ทรงแสดงเจตนาที่จะสละวรรณะกษัตริย์แห่งราชวงศ์ศากยะพระองค์ทรงขาดสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายวรรณะจารีตประเพณี และในขณะเดียวกันนั้นผู้เขียนก็เกิดข้อสงสัยต่อไปอีกว่า สัจธรรมของชีวิตนั้นคืออะไร และในยุคนั้นยังไม่มีสถาบันการศึกษา? ที่มีชื่อเสียงในการค้นคว้าสัจธรรมของชีวิต มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับของชาวชมพูทวีปว่าพบหนทางการปฏิบัติธรรมที่นำไปความหลุดพ้นจากความทุกข์ ซึ่งเป็นความรู้เหนือประสาทสัมผัสของมนุษย์ เนื่องจากศาสนาพราหมณ์ในนิกายต่างๆ ที่ศึกษาเน้นการบูชาเทพเจ้าเพื่อช่วยให้ผู้คนสมหวังในชีวิตของตน เป็นหลักสูตรที่ไม่มีกรอบความรู้ที่ชัดเจนในการบรรลุสัจธรรมของชีวิตและไม่สามารถกำหนดระยะเวลาเรียนตามหลักสูตรปรัชญาชีวิตได้ เพราะไม่มีใครให้คำตอบที่แท้จริงได้ว่าพระพรหมและพระอิศวรมีความเป็นมาอย่างไร?
เมื่อได้ยินข้อเท็จจริงข้างต้นแล้ว พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่า อย่าเพิ่งเชื่อในทันที่ว่าข้อเท็จจริงของเรื่องที่เล่าตามกันมานั้นเป็นความจริง ฯลฯ ควรพึ่งตั้งข้อสงสัยว่าไม่จริง จนกว่าจะสืบหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานได้เพียงพอก่อน เพื่อเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์หาเหตุผลเพื่อพิสูจน์ความจริงของคำตอบเกี่ยวกับสาเหตุการเสด็จออกผนวชของเจ้าชายสิทธัตถะ (The cause of Prince Siddhartha's ordination) โดยการวิเคราะห์หาเหตุผลของคำตอบจากที่มาของความรู้ในเอกสารหลักฐานพระไตรปิฎก อรรถกถา และเอกสารบันทึกโบราณของสมณะชาวจีนสองรูป พุทธสถานโบราณที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช เป็นต้น บทความนี้จะเป็นข้อมูลเบื้องต้นสำหรับพระวิทยากรสายต่างประเทศในอินเดียและเนปาลใช้บรรยายเรื่องราวต่าง ๆ ให้ผู้แสวงบุญได้รับความรู้ความเข้าใจพุทธประวัติได้อย่างชัดแจ้งปราศจากข้อสงสัยในข้อเท็จจริงอีกต่อไป ส่วนกระบวนการคิดวิเคราะห์จะเป็นประโยชน์ต่อนิสิตปริญญาเอกทางพระพุทธศาสนาและปรัชญา เพื่อใช้ในการตีความพระไตรปิฎก เพื่อการวิจัยวิทยานิพนธ์ให้บรรลุถึงความจริงอันเป็นที่สุด อย่างสมเหตุสมผลปราศจากข้อสงสัยในการวิจัยอีกต่อไป.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น