The greatest discovery is the natural laws of human life. That everyone is equal Without choosing a social caste as the basis for determining humanity When the soul is the real person of man That accumulates knowledge from the mind with reasons And show his intention to act accordingly Would receive the result of Own action

Breaking

Post Top Ad

Your Ad Spot

วันศุกร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2559

ปัญหาญาณวิทยาเกี่ยวกับสาเหตุที่เจ้าชายสิทธัตถะทรงผนวช (ตอน๒)

Epistemological problems regarding reasons why Prince Siddhartha was ordained. (Episode2)

บทนำ

      โดยทั่วไปแล้ว        ชาวพุทธทั่วโลกคงเคยได้ยินข้อเท็จจริงที่ว่า เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกผนวชเพราะนิมิต ๔  ประการคือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย  และนักพรต เป็นต้น      จากคำเทศนาของพระภิกษุที่จำพรรษอยู่ในวัดต่าง ๆ ทั่วโลกทั้งนิกายเถรวาทและนิกายมหายานพระภิกษุเหล่าต่างก็เทศนาเรื่องสาเหตุที่การผนวชของเจ้าชายสิทธัตถะนั้นสืบทอดมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลจนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า   ๒,๖๐๐ ปี  ชาวพุทธส่วนใหญ่ยอมรับโดยปริยายว่าเป็นความจริงและเป็นความรู้ที่สมเหตุสมผล ไม่มีเหตุผลที่จะต้องสงสัยอีกต่อไป  อาจเป็นเพราะศรัทธาในพระรัตนตรัยคือพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์   เป็นที่พึ่งอันประเสริฐของตน เชื่อในการทำบุญด้วยการให้ทาน  การรักษาศีลและการภาวนาอันเป็นกรรมดีย่อมให้ผลดีตอบแทน   เมื่อตายแล้วดวงวิญญาณก็จะได้ไปมีความสุขบนโลกสวรรค์ หรือเมื่อเกิดเป็นมนุษย์ก็จะสามารถปฏิบัติธรรมตามมรรคมีองค์ ๘ เพื่อบรรลุสัจธรรมเป็นความรู้ในระดับอภิญญา ๖  เป็นต้น

        ในสมัยรุ่งเรืองของศาสนาพราหมณ์  ความรู้เรื่องเทพเจ้าจะช่วยให้ผู้คนดำรงชีวิตได้อย่างมีความหวัง   เนื่องจากความเชื่อในเทพเจ้าหลายองค์สามารถช่วยให้มนุษย์พ้นจากความทุกข์ทรมานผ่านการทำพิธีบูชายัญของพราหมณ์ในวัดต่าง ๆ ทั่วชมพูทวีปอินเดีย แต่คำสอนของพราหมณ์ก็เป็นทั้งคำสอนในศาสนาพราหมณ์และกฎหมายวรรณะจารีตประเพณี ก่อให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง เนื่องจากสังคมลงโทษพวกเขาต้องกลายเป็นคนไร้บ้านตลอดชีวิต มาถึงสมัยพระพุทธกาล  พระพุทธเจ้าทรงเป็นแบบอย่างแก่มนุษย์ในการพัฒนาศักยภาพของชีวิตของตนเองในการดำรงชีวิต  ให้พ้นข้อจำกัดในการรับรู้เรื่องต่าง ๆ  พระพุทธเจ้าทรงค้นพบวิธีพิจารณาความจริง  ตามความจริงที่สมมติขึ้น และวิธีปฏิบัติอริยมรรคมีองค์ ๘ เพื่อบรรลุความจริงขั้นปรมัตถ์ หรือสัจธรรมของชีวิต   ในยุคต่อมา มนุษย์เข้าสู่ยุคของการพัฒนาปรัชญาตะวันตก    โดยนำหลักคำสอนทางพุทธศาสนามาอธิบายปรัชญาตะวันตก  แต่สังคมในโลกตะวันตกยังมืดมน เพราะเหตุผลที่มนุษย์ใช้อธิบายสัจธรรมของชีวิตยังขาดหลักการปฏิบัติเข้าถึงความจริงแห่งชีวิตชีวิตผู้คนยังคงดำรงชีวิตอยู่ด้วยความประมาทมาสู่ยุควิทยาศาสตร์บริสุทธิ์    กล้องโทรทรรศน์เริ่มถูกสร้างขึ้นเพื่อเอาชนะข้อจำกัดในการรับรู้ของมนุษย์  เกี่ยวกับดวงดาวที่อยู่ห่างไกลออกไปหรือสร้างกล้องจุลทรรศน์         เพื่อดูเชื้อโรคที่เล็กที่สุดได้และพัฒนาวิทยาศาสตร์ประยุกต์โดยสร้างเทคโนโลยี่คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต  เพื่อตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของผู้คนทั่วโลก  ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมแห่งชีวิต  และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของมนุษย์ โดยใช้เทคโนโลยี่คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต ในยุคปัจจุบันความรู้ทางวิชาการของโลก  มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เรามองเห็นข้อจำกัดของความรู้ของมนุษย์ในแต่ละยุคสมัยที่ต้องพัฒนา  เพื่อที่จะปฏิรูปให้เหมาะสมกับสังคมมนุษย์ที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะเกิดจากความคิดเห็นของมนุษย์ที่เรียกว่า มโนกรรม  ไปสู่การ กระทำด้วยการใช้คำพูดที่เรียกว่า "วจีกรรม" และการลงกระทำทางร่างกายที่เรียกว่า "กายกรรม"        

         ต่อมาเมื่อความรู้ทางวิทยาศาสตร์พัฒนาไปมาก วิศวกรคอมพิวเตอร์พัฒนานวัตกรรมสมัยใหม่ โดยจัดทำแอปพลิเคชั่นเผยแผ่ความรู้ในพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬา ฯ  และพระไตรปิฎกฉบับหลวง เพื่อช่วยให้ผู้ใช้แอปพลิเคชั่นสามารถศึกษาและค้นคว้าพระไตรปิฎกได้โดยเพียงกรอกคำบางคำลงในแอปพลิเคชั่น  เพื่อค้นหาข้อเท็จจริงในพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณ์หลายเล่มก็จะทำให้เราศึกษาได้ง่ายขึ้น เราไม่จำเป็นต้องอ่านพระไตรปิฎกทุกเล่มอีกต่อไป เราก็สามารถค้นคว้าพระไตรปิฎกในหัวข้อที่เราต้องการศึกษาได้โดยเฉพาะข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการพัฒนาความรู้ของมนุษย์ในพระไตรปิฎกมหาจุฬาลงกรณ์เกี่ยวกับการเมือง เศรษฐศาสตร์  สังคมศาสตร์   การศึกษา   ศาสนาพราหมณ์       ความเชื่อในการมีอยู่ของเทพเจ้าและพิธีบูชายัญที่เกิดขึ้นสมัยโบราณก็ชัดเจน   ไม่จำเป็นต้องอ่านพระไตรปิฎกทั้ง  ๔๕ เล่ม  และอรรถกถาทั้ง ๙๑ เล่มอีกต่อไป       เริ่มตั้งแต่สมัยของศาสนาพราหมณ์           เป็นยุคแห่งความเชื่อเรื่องการมีอยู่ของเทพเจ้า  คำสอนของพราหมณ์ก็เป็นทั้งคำสอนของศาสนาพราหมณ์     และหลักกฎหมายวรรณะจารีตประเพณี    ที่กฎหมายห้ามการแต่งงานข้ามวรรณะและปฏิบัติหน้าที่ของวรรณะอื่น    มีบทลงโทษพรหมทัณฑ์ต่อผู้กระทำความผิดไปตลอดชีวิต    เสียสิทธิและหน้าที่ตามวรรณะเดิม      พวกเขา ไม่สามารถกลับคืนสู่สถานะทางสังคมเดิมได้อีก    และที่สำคัญการเปิดโกาสให้คนในสังคมได้ตรวจสอบกันเอง   ก่อให้เกิดละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง                 ส่งผลให้เกิดคนไร้บ้่านจำนวนมากที่เรียกว่า "จัณฑาล" ในสังคมแห่งแคว้นสักกะและแคว้นโกลิยะ  เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะทรงเห็นปัญหาของพวกจัณฑาล    ต้องเผชิญวิบากกรรมของชีวิตต้องใช้ชีวิตข้างถนน       แม้จะอยู่ในวัยชรา เจ็บ ตายข้างถนน    เพราะความเชื่อทางศาสนา  และกฎหมายวรรณะจารีตประเพณี  

        ญาณวิทยาเป็นสาขาหนึ่งของปรัชญา  นักญาณวิทยามีความสนใจในศึกษาต้นกำเนิดความรู้ของมนุษย์   โครงสร้างความรู้ของมนุษย์   วิธีพิจารณาความจริงในการแสวงหาความรู้ของมนุษย์  ความสมเหตุสมผลของความรู้ที่มนุษย์สร้างขึ้น    จึงเป็นหน้าที่ของญาณวิทยาสร้างวิธีพิจารณาความจริง    โดยการอนุมานความรู้จากหลักฐานต่าง ๆ  เพื่อหาเหตุผลอธิบายคำตอบจากปัญหาที่เกิดขึ้นว่า"  เราจะรู้ได้อย่างไรว่าข้อเท็จจริงที่เราได้ยินมานั้นเป็นเรื่องจริง?" อะไรคือมาตรฐานที่กำหนดว่าความรู้ของมนุษย์ ข้อเท็จจริงในข้อไหนจริงหรือข้อไหนเท็จ? ความรู้ของมนุษย์คืออะไร ? ความรู้ของมนุษย์มีลักษณะอย่างไร? จำแนกเป็นอัตนิยมหรือปรนัยนิยม เราจะสร้างองค์ความรู้ได้อย่างไร?   ปัจจัยสร้างองค์ความรู้มีอะไรบ้าง? ในปัญหานี้นักปรัชญาหลายท่านได้ค้นพบวิธีแสวงหาความรู้    ที่เป็นสากลและทุกคนสามารถนำไปใช้ในการแสวงหาความจริงได้ผลอย่างเดียวกัน  โดยสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการพิจารณาความจริงในรูปแบบต่าง ๆ    โดยการอนุมานความรู้จากหลักฐานเพื่อหาเหตุผลอธิบายความจริงในเรื่องนั้นในขอบเขตของญาณวิทยา  เป็นต้น 

๑.ต้นกำเนิดของความรู้ของมนุษย์   โดยทั่วไป    ความรู้เกี่ยวกับปรัชญา พระพุทธศาสนาและวิทยาศาสตร์เป็นของมนุษย์   แม้เราจะยอมรับความจริงโดยปริยายว่า บุคคลนี้คือนักปรัชญา   พระพุทธเจ้าและนักวิทยาศาสตร์ มีวิชาความรู้ในสาขานั้นจริง แต่มนุษย์เป็นสิ่งไม่เที่ยง ความรู้สั่งสมอยู่ในจิตใจก็จะสูญหายไปพร้อมความตายของผู้นั้น เมื่อกลับมาเกิดใหม่พร้อมกับความไม่รู้  เพราะสภาพสังคมที่เกิดมานั้นเปลี่ยนไปจนหมดสิ้นแล้ว ปัญหาว่า"เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นความจริง?" จุดเริ่มต้นความรู้ของมนุษย์นั้น  เกิดขึ้นเมื่อจิตใจของมนุษย์อาศัยร่างกายของตนเองรับรู้เรื่องต่างๆ ที่เป็นวัตถุต่าง ๆ เช่น ภูเขา แม่น้ำ อาคารบ้านเรือน รถยนต์ และนามธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีรูปร่างเช่นกลิ่นต่าง ๆ คลื่นวิทยุ เสียงต่าง ๆคลื่นอินเตอร์เน็ต เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ผ่านเข้ามาในชีวิตของตนเองแต่ธรรมชาติของจิตมนุษย์เป็นสิ่งที่ไม่มีรูปร่างจึงไม่สามารถเก็บวัตถุที่มีรูปร่างหรือนามธรรมไม่มีรูปร่างไว้ในจิตของตนเองได้  เว้นแต่จะเก็บอารมณ์ของเรื่องราวต่างๆ  ของสิ่งเหล่านั้นสั่งสมอยู่ในจิตใจของตน แต่ธรรมชาติของจิตมนุษย์เมื่่่่อรับรู้สิ่งใดมักจะวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้จากอารมณ์ของข้อเท็จจริงที่มีอยู่ในจิตใจของตนนั้นเพื่อหาเหตุผลมาอธิบายความจริงของคำตอบในเรื่องนั้นแล้ว หากข้อเท็จจริงใดที่จิตใจของตนเองรับรู้นั้นเป็นเรื่องที่น่ายินดีก็เกิดสุขเวทนา ถ้าเรื่องที่จิตรับรู้นั้นไม่น่ายินดีก็เกิดทุกขเวทนา  ดังนั้นต้นกำเนิดความรู้ของมนุษย์มีจุดเริ่มต้นเมื่อจิตมนุษย์รับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ผ่านอวัยวะอินทรีย์ทั้ง ๖ ส่วนมีทั้งสิ่งที่มีรูปร่างและนามธรรม   เมื่อจิตของมนุษย์เป็นสิ่งที่ไม่มีรูปร่าง    จึงไม่สามารถรับรู้สิ่งที่มีรูปร่างและนามธรรมที่เป็นคลื่นวิทยุ คลื่นไฟฟ้า เป็นต้น  มาเก็บไว้ในจิตใจของตนเองได้ เว้นแต่อารมณ์เรื่องราวต่าง ๆ  ของสิ่งที่ไม่มีรูปร่างและพลังงานต่าง ๆ ไว้เป็นหลักฐานทางอารมณ์ไว้ในจิตของตนเองเท่านั้น     เมื่อจิตวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้จากหลักฐานหรือข้อมูล เพื่อหาเหตุผลอธิบายความจริงของเรื่องนั้นเหตุผลอธิบายความจริงของคำตอบถือว่า เป็นความรู้ของมนุษย์คนนั้นดังนั้น     จิตมนุษย์จึงเป็นต้นกำเนิดความรู้ของมนุษย์ทุกสาขาวิชา เป็นต้น 

๒.โครงสร้างความรู้ของมนุษย์    

   โดยทั่วไป เรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมาเข้าในชีวิตมนุษย์นั้น มีทั้งข้อเท็จจริงที่เป็นความจริง เช่นมนุษย์ทุกคนเกิดมาต้องตายกันทุกคนเป็นกฎของธรรมชาติเกี่ยวกับชีวิตมนุษย์ทุกคนและข้อเท็จจริงที่เป็นความเท็จนั้น เป็นองค์ความรู้ที่มนุษย์สร้างขึ้น เพื่อหลอกลวงผู้อื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่นโดยเจตนาทุจริต เมื่อมนุษย์เกิดมาพร้อมอวิชชา(ความไม่รู้)เพราะมนุษย์มีข้อจำกัดในการรับรู้ จึงไม่สามารถรับรู้ข้อเท็จจริงในเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นบนโลกมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นความรู้ระดับประสาทสัมผัส หรือความรู้ที่อยู่เหนือขอบเขตประสาทสัมผัสของมนุษย์  มนุษย์จำเป็นต้องแสวงหาความรู้มาสั่งสมอยู่ในจิตใจของตนเอง เพื่อให้ติดตามชีวิตไปยังที่ต่าง ๆ เพื่อใช้ความรู้นั้นเป็นหลักพิจารณาความจริงในเรื่องต่างๆเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของตนเอง เป็นต้น มีปัญหาที่ต้องพิจารณาว่าความรู้คืออะไร?ในเรื่องนี้เมื่อผู้เขียนศึกษาหลักฐานในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานพ.ศ.๒๕๕๔ ได้ให้ความหมายของคำว่า "ความรู้"ไว้ว่า ความรู้ของมนุษย์คือสิ่งที่สั่งสมอยู่ในจิตใจของมนุษย์ มาจากการศึกษาเล่าเรียน การค้นคว้าหรือประสบการณ์รวมทั้งความสามารถเชิงปฏิบัติและทักษะเช่นความรู้เรื่องประวัติศาสตร์สิ่งที่ได้รับมาจากการได้ยิน การฟัง การคิดหรืือการปฏิบัติเช่นความรู้เรื่องสุขภาพ ความรู้เรื่องนิทานพื้นบ้าน เป็นต้น  ดังนั้นโครงสร้างความรู้ของมนุษย์เราสามารถองค์ประกอบเพื่อพิจารณาดังนี้         

๒.๑ มนุษย์                                                                                      ๒.๒ กระบวนการพิจารณาความจริงของความรู้                        ๒.๓ สิ่งที่สั่งสมอยู่ในจิตมนุษย์  

ติดตามปัญหาญาณวิทยาเกี่ยวกับสาเหตุที่เจ้าชายสิทธัตถะทรงผนวช  (ตอน๓)

ไม่มีความคิดเห็น:

Post Top Ad

Your Ad Spot

หน้าเว็บ