Introduction to Aesthetics on the U-Bein Bridge of Mandalay
บทนำ
สะพานไม้อูเบ็งเป็นสะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลก ยาวประมาณ ๑ กิโลเมตรโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างสะพานไม้สักเป็นเส้นทางข้ามทะเลสาบตองตะมานสำหรับชาวเมืองอมรปุระ เพื่อลดเวลาการเดินทางไปทำงานในเมืองอมรปุระ สะพานไม้สักแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ตำบลอมรปุระ เขตมัณฑเลย์ จังหวัดมัณฑเลย์ ในเขตภาคกลางของสหภาพเมียนมาร์ เป็นสะพานไม้สักแห่งเดียวในโลกที่ยังคงสภาพสมบูรณ์และสะพานไม้สักอูเบ็งแห่งนี้ ถือเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่สร้างจากภูมิปัญญาของชาวพม่า เมื่อชาวเมืองอมรปุระนึกย้อนกลับไปถึงความลำบาก ที่ต้องเดินทางไกลรอบทะเลสาบตองตะมาน เป็นเวลาหลายชั่วโมงในแต่ละวันเพื่อมาทำงานที่เมืองอมรปุระ การก่อสร้างสะพานไม้สักอูเบ็งจะช่วยลดเวลาและระยะทางในการเดินทางไปทำงาน ผู้สร้างจินตนาการถึงปัญหาการเดินทางของชาวอมรปุระ จึงมีการสร้างสะพานไม้สักข้ามทะเลสาบซึ่งหายากมากในปัจจุบัน เพื่อเชื่อมต่อชายฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของทะเลสาบตองตะมาน และลดระยะเวลาการเดินทางของชาวเมืองอมรปุระ ต้องตัดต้นไม้สักจำนวนมากในป่า เพื่อนำไปแปรรูปสร้างสะพานแห่งนี้ แต่ปัจจุบัน ต้นไม้สักมีอยู่ในสหภาพเมียนมาร์และประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ปริมาณไม้สักลดลงอย่างรวดเร็ว มีราคาแพงและหายากมาก การมาชมความสวยงามของสะพานไม้สักอูเบ็งในแบบผู้สร้างต้องการหรือเราคาดคะเนไว้นั้นย่อมมีคุณค่าเกิดขึ้นในติตใจต่างกัน ขึ้นอยู่กับการตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ ให้เพียงพอเพื่อเป็นข้อมูลมาวิเคราะห์โดยการอนุมานความรู้ เพื่อหาเหตุผลมาอธิบายสุนทรียศาสตร์ที่เกิดในจิตใจของแต่ละคน ที่มีความรู้จากประสบการณ์ชีวิตผ่านประสาทสัมผัสของตนเองในการมาท่องเที่ยวสะพานไม้อูเบ็งแห่งนี้ เป็นต้น
เมื่อผู้เขียนได้มีโอกาสเกิดนทางไปยังตอนกลางของสหภาพเมียนมาร์ และการเดินทางบนสะพานไม้สักแห่งนี้ในตอนเช้าและตอนเย็นจิตใจของผู้เขียนได้รับรู้ถึงลมเย็นที่พัดมาจากทะเลสาบตองตะมานมาสัมผัสกับร่างกายของตัวเอง ให้ความรู้สึกสดชื่น เย็นสบาย และผ่อนคลายให้ชีวิตฟื้นตัวจากความเหนื่อยล้าของชีวิตเพราะความเครียดจากการทำงานตลอดทั้งปีย่อมเป็นประโยชน์ต่อชีวิต ความงามที่ตราตรึงอยู่ในจิตใจและติดตามกลับคืนสู่ประเทศไทย ผู้เขียนได้เอาข้อมูลติดตัวไปได้ไม่น้อย เพื่อใช้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับสะพานไม้สักอูเบ็งนั้น การสร้างคนไทยให้คิดวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้จากหลักฐานทางอารมณ์ต่าง ๆ เพื่อหาเหตุผลมาอธิบายสุนทรียศาสตร์บนสะพานแห่งนี้อย่างสมเหตุสมผล เป็นต้น
เมื่อสะพานไม้สักอูเบ็งกลายแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก มีคนเขียนบรรยายเกี่ยวกับสะพานไม้สักอูเบ็ง มากมายในหลายเว็บด้วยกัน แต่ธรรมชาติของนักเขียนทุกคนก็คือพวกเขามีจิตวิญญาณที่จินตนาการถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เข้ามาสัมผัสกับชีวิตของตนเอง และสั่งสมเป็นข้อมูลทางอารมณ์ในจิตใจของตัวเอง เพื่อเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้ เพื่อหาเหตุมาอธิบายความจริงของคำตอบเกี่ยวกับสะพานอูเบ็งให้แตกต่างออกไปตามความเข้าใจของตนเอง คนล้านคนสามารถคิดเหตุผลได้เป็นล้านเหตุผลเช่นกัน เหตุผลเหล่านั้นแสดงออกมาเป็นตัวอักษรเหมือนสายน้ำที่ไม่มีวันเหือดแห้ง ยิ่งเขียนยิ่งบรรยาย ยิ่งทำให้ผู้เขียนเข้าใจความจริงของสิ่งต่าง ๆ ผ่านประสบการณ์มากขึ้น แต่ถ้าเราอ่านมุมมองของความคิดของนักเขียนแต่ละคน ย่อมมีมุมมองและความคิดเห็นที่แตกต่างกัน เพราะนักเขียนแต่ละคนมีแนวโน้มจะชอบและไม่ชอบ และทักษะชีวิตและความสนใจของนักเขียนแต่ละคน ก็มีวาทะศิลป์ที่แสดงออกต่อผู้อื่นในลักษณะที่แตกต่างกัน แน่นอนความรู้ของที่เขียนขึ้นมานี้ เป็นความรู้ที่ผ่านประสบการณ์ทางประสาทสัมผัส ข้อความของผู้เขียนเข้าใจได้ด้วยเหตุผลของตนเอง
ด้วยเหตุผลดังที่กล่าวมาข้างต้น ผู้เขียนสนใจศึกษาค้นคว้าเรื่องสุนทรียภาพของสะพานอูเบ็งแห่งมัณฑเลย์ (The aesthetics on the U-ben Bridge of the Mantelay) โดยการเขียนคำตอบเป็นบทความ โดยอาศัยบ่อเกิดความรู้จากการรับรู้จากประสาทสัมผัสของผู้เขียนเอง ที่ได้เดินทางไปชมความงามของสะพานไม้สักอูเบ็งแห่งนี้ ในแง่สุนทรียศาสตร์ น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้สนใจวิชาปรัชญา ข้อมูลได้จากวิเคราะห์โดยอนุมานความรู้จากประสาทสัมผัส น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ศึกษาปรัชญา เพื่อให้ได้รับความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสุนทรียศาสตร์มากขึ้น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น