The greatest discovery is the natural laws of human life. That everyone is equal Without choosing a social caste as the basis for determining humanity When the soul is the real person of man That accumulates knowledge from the mind with reasons And show his intention to act accordingly Would receive the result of Own action

Breaking

Post Top Ad

Your Ad Spot

วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2561

บทนำ: ธรรมสังเวชในพระไตรปิฎกตามหลักปรัชญาแดนพุทธภูมิ

Buddhaphumi philosophy: An analysis of The Grief in-laws  of  Tipitaka  

คำสำคัญ ธรรมสังเวช พระไตรปิฎก
๑.บทนำ 
๒.ที่มาของความรู้ในพระไตรปิฎก
.ความหมายของธรรมสังเวช 
๔.ธรรมสังเวชในความทรงจำของชีวิต 

๑.บทนำ

          ในปีสุดท้ายของพระพุทธศากยมุนี ทรงมีพระชนมายุได้ ๘๐ พรรษาหรือปีที่ ๔๕ ของปีสุดท้ายของการเผยแผ่พระพุทธศาสนา  พระพุทธเจ้าได้เสด็จพรรษาครั้งท้าย   ณ    พระนครเวสาลีแห่งแคว้นวัชชี ในระหว่างเข้าพรรษา พระองค์ทรงประชวรหนัก และจะทรงปลงอายุสังขารว่าโดยประกาศว่าอีก ๓ เดือนพระองค์จะเสด็จปรินิพพานที่สาลวโนทยาน พระนครกุสินาราแห่งแคว้นมัลละ   นับเป็นการสิ้นสุดของดวงวิญญาณของสุเมธดาบส    ซึ่งได้ผ่านวัฏจักรแห่งความตายและการเกิดใหม่มาแล้วไม่น้อยกว่า ๔ อสงไขย ๔๐๐,๐๐๐ กัปป์ในสังสารวัฏ   การเสด็จดับขันธปรินิพพานของพระศากยมุนีพุทธเจ้าในขณะนั้น พระอรหันต์หลายล้านองค์ได้รับแจ้งถึงการปรินิพพานพระองค์แล้ว จิตของพระอริยสงฆ์ต่างตกอยู่ในอาการธรรมสังเวช (The Grief in-laws) แต่จิตของพระอรหันต์นั้นอยู่สงบ พิจารณาเห็นความไม่เที่ยงของชีวิตมนุษย์ เนื่องด้วยการปฏิบัติธรรมอริยมรรคมีองค์ ๘ อันเป็นเหตุให้บรรลุธรรม ดวงจิตของพระอรหันต์มีสมาธิ บริสุทธิ์ปราศจากกิเลสตัณหาคอยกัดกร่อนชีวิต จิตอ่อนโยนเหมาะกับการร่วมกับผู้อื่น มีสติสัมปชัญญะ ไม่หวั่นไหวต่อสถานการณ์ในชีวิตอีกต่อไป เมื่อชีวิตได้ปฏิบัติธรรมเต็มที่แล้ว จิตของพระอรหันต์ย่อมรู้ว่าวันนี้พระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ววันหนึ่งเราเองก็จะปรินิพพานเช่นกัน 

              เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน  มนุษย์ได้ตระหนักรู้ว่าชีวิตนั้นอาศัยร่างกายชั่วระยะเวลาสั้น ๆ  เมื่อสิ้นอายุขัย วิญญาณต้องออกจากร่างที่ตายแล้วเพราะไม่สามารถรับรู้โลกได้อีกต่อไป  วิญญาณจะออกจากร่างและไปเกิดใหม่ในโลกอื่น     ตามกฎธรรมชาติแห่งวิญญาณซึ่งดำเนินตามวัฏจักรแห่งการเกิดและการตายต่อไปไม่สิ้นสุด ภายใต้กฎธรรมชาตินี้ ชีวิตสัตว์ทุกชีวิต ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ล้วนต้องรับกรรมของตนเองเท่าเทียมกันโดยไม่มีข้อยกเว้น การพลัดพรากจากคนที่รักเป็นเรื่องที่มนุษย์ทุกคนต้องเผชิญ ซึ่งจิตวิญญาณไม่สามารถหลีกเลี่ยงกฎธรรมชาติแห่งความจริงนี้ได้ ส่วนพระภิกษุโดยสมมตินั้น เมื่อยังไม่ได้พัฒนาศักยภาพชีวิต   ก็ไม่มีประสบการณ์ในการฝึกจิตด้วยการทำสมาธิตามอริยมรรคมีองค์ ๘ ได้  ชีวิตย่อมไม่มีสมาธิ ไม่มีความบริสุทธิ์ืผุดผ่อง ยังมีกิเลสความเศร้าหมอง จิตย่อมไม่ตั้งมั่น ไม่เข้มแข็ง ย่อมหวั่นไหวต่อปัญหาที่ผ่านเข้ามาในชีวิต  ตัวอย่างเมื่อผัสสะกับความพลัดพรากจากคนที่รักด้วยความตาย ย่อมอยู่ในอาการทุกข์โศกเศร้าเสียใจเพราะยังมีอนุสัยของความอาลัยในสิ่งที่รัก ยังนอนเนื่องสั่งสมอยู่ในจิตวิญญาณนั้น  เป็นต้น 

            ผู้เขียนเป็นพระภิกษุธรรมดาสามัญทีี่สังคมไม่รู้จักและเป็นเพียงพระภิกษุบ้านนอกคนหนึ่ง แต่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูงหาที่สุดมิได้จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระภิกษุสงฆ์จากทั่วประเทศ ร่วมยืนปลงธรรมสังเวช ณ พระบรมโกรธของพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ ๙ ณ  พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ผู้เขียนเคยได้ร่วมยืนปลงธรรมสังเวชถึง ๓ ครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นบุญกุศลอันสูงยิ่งใหญ่ในชีวิต การที่พวกเราเหล่าภิกษุได้รับโอกาสจากพระองค์ ให้ยืนปลงธรรมสังเวชไว้อาลัย  ณ พระบรมโกรธของพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ ๙ นั้นเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งของชีวิต เป็นเพราะพระเมตตาและพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระภิกษุสามเณร แม่ชี และผู้ถือศีล ๘ ได้ร่วมยืนปลงธรรมสังเวชเพื่อไว้อาลัยพระบรมศพ ฯ ได้วันละ ๓ เวลาคือ รอบ ๐๙.๐๐ น. ๑๓.๐๐ น. และ รอบ ๑๕.๐๐ น. ในทุก ๆ วัน จนกว่าจะแล้วเสร็จในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ 

ด้วยเหตุผลดังกล่าวมาข้างต้นนั้น ผู้เขียนตัดสินใจศึกษาค้นคว้าข้อมูลเรื่องgrief in laws of  Tipitaka (ธรรมสังเวชในพระไตรปิฎก) และการเขียนบทความนี้ ผู้เขียนมีเจตนาอยู่ในใจของผู้เขียนเพื่อเป็นวิทยาทาน ให้เกิดความรู้และความเข้าใจในความเป็นไปของชีวิตแก่ประชาชนชาวไทย ผู้มีศรัทธาและเทิดทูนในหลวงผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาลและเป็นมหาราชาผู้ทรงธรรมที่ยิ่งใหญ่ ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ทรงงานเพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยามเท่านั้น คำตอบของบทความนี้มาจากวิเคราะห์หาเหตุผลจากที่มาของความรู้ในพยานเอกสารในพระไตรปิฎก อรรถกถา เอกสารวิชาการอื่น ๆ และ แผนที่โลกออนไลน์เป็นต้น ข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์นั้นจะเป็นประโยชน์แก่พระธรรมวิทยากรสายต่างประเทศทั่วโลก ใช้ในการบรรยายแก่ผู้แสวงบุญในประเทศอินเดีย และสหพันธรัฐประชาธิปไตยเนปาลที่สังเวชนียสถานแห่งที่ ๔ ที่เมืองกุสินาราสถานที่ปรินิพพานของศากยมุนีพุทธเจ้า ให้มีเนื้อหาเป็นไปในแนวทางเดียวกัน  ส่วนกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูล จากที่มาของความรู้จากพยานเอกสารในพระไตรปิฎก และอรรถกถา พยานวัตถุในพุทธสถานต่าง ๆ  จะเป็นประโยชน์แก่ผู้วิจัยในระดับปริญญาเอก เพื่อพัฒนาศักยภาพของนิสิตในการวิเคราะห์ข้อมูลหาเหตุผลของคำตอบ จากข้อมูลในพยานหลักฐานต่าง ๆ  จนเป็นคำตอบที่เป็นความรู้ที่ผ่านเกณฑ์การตัดสินที่สมเหตุสมผล และปราศจากข้อสงสัยในเหตุผลของความเป็นจริงจากการวิเคราะห์อีกต่อไป  เพื่อใช้ประโยชน์แก่รุ่นหลังที่จะรักษาความรู้และความจริงในพระพุทธศาสนา ที่มีความเป็นสากล ที่เป็นอัตลักษณ์ของตนเองและภาคภูมิใจในความเป็นตนของตน  

ไม่มีความคิดเห็น:

Post Top Ad

Your Ad Spot

หน้าเว็บ