Buddhaphumi philosophy: An analysis of The Grief in-laws of Tipitaka

๑.บทนำ
๒.ที่มาของความรู้ในพระไตรปิฎก
๓.ความหมายของธรรมสังเวช
๔.ธรรมสังเวชในความทรงจำของชีวิต ๑.บทนำ
ในปีสุดท้ายของพระพุทธศากยมุนี ทรงมีพระชนมายุได้ ๘๐ พรรษาหรือปีที่ ๔๕ ของปีสุดท้ายของการเผยแผ่พระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าได้เสด็จพรรษาครั้งท้าย ณ พระนครเวสาลีแห่งแคว้นวัชชี ในระหว่างเข้าพรรษา พระองค์ทรงประชวรหนัก และจะทรงปลงอายุสังขารว่าโดยประกาศว่าอีก ๓ เดือนพระองค์จะเสด็จปรินิพพานที่สาลวโนทยาน พระนครกุสินาราแห่งแคว้นมัลละ นับเป็นการสิ้นสุดของดวงวิญญาณของสุเมธดาบส ซึ่งได้ผ่านวัฏจักรแห่งความตายและการเกิดใหม่มาแล้วไม่น้อยกว่า ๔ อสงไขย ๔๐๐,๐๐๐ กัปป์ในสังสารวัฏ การเสด็จดับขันธปรินิพพานของพระศากยมุนีพุทธเจ้าในขณะนั้น พระอรหันต์หลายล้านองค์ได้รับแจ้งถึงการปรินิพพานพระองค์แล้ว จิตของพระอริยสงฆ์ต่างตกอยู่ในอาการธรรมสังเวช (The Grief in-laws) แต่จิตของพระอรหันต์นั้นอยู่สงบ พิจารณาเห็นความไม่เที่ยงของชีวิตมนุษย์ เนื่องด้วยการปฏิบัติธรรมอริยมรรคมีองค์ ๘ อันเป็นเหตุให้บรรลุธรรม ดวงจิตของพระอรหันต์มีสมาธิ บริสุทธิ์ปราศจากกิเลสตัณหาคอยกัดกร่อนชีวิต จิตอ่อนโยนเหมาะกับการร่วมกับผู้อื่น มีสติสัมปชัญญะ ไม่หวั่นไหวต่อสถานการณ์ในชีวิตอีกต่อไป เมื่อชีวิตได้ปฏิบัติธรรมเต็มที่แล้ว จิตของพระอรหันต์ย่อมรู้ว่าวันนี้พระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ววันหนึ่งเราเองก็จะปรินิพพานเช่นกัน
เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน มนุษย์ได้ตระหนักรู้ว่าชีวิตนั้นอาศัยร่างกายชั่วระยะเวลาสั้น ๆ เมื่อสิ้นอายุขัย วิญญาณต้องออกจากร่างที่ตายแล้วเพราะไม่สามารถรับรู้โลกได้อีกต่อไป วิญญาณจะออกจากร่างและไปเกิดใหม่ในโลกอื่น ตามกฎธรรมชาติแห่งวิญญาณซึ่งดำเนินตามวัฏจักรแห่งการเกิดและการตายต่อไปไม่สิ้นสุด ภายใต้กฎธรรมชาตินี้ ชีวิตสัตว์ทุกชีวิต ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ล้วนต้องรับกรรมของตนเองเท่าเทียมกันโดยไม่มีข้อยกเว้น การพลัดพรากจากคนที่รักเป็นเรื่องที่มนุษย์ทุกคนต้องเผชิญ ซึ่งจิตวิญญาณไม่สามารถหลีกเลี่ยงกฎธรรมชาติแห่งความจริงนี้ได้ ส่วนพระภิกษุโดยสมมตินั้น เมื่อยังไม่ได้พัฒนาศักยภาพชีวิต ก็ไม่มีประสบการณ์ในการฝึกจิตด้วยการทำสมาธิตามอริยมรรคมีองค์ ๘ ได้ ชีวิตย่อมไม่มีสมาธิ ไม่มีความบริสุทธิ์ืผุดผ่อง ยังมีกิเลสความเศร้าหมอง จิตย่อมไม่ตั้งมั่น ไม่เข้มแข็ง ย่อมหวั่นไหวต่อปัญหาที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ตัวอย่างเมื่อผัสสะกับความพลัดพรากจากคนที่รักด้วยความตาย ย่อมอยู่ในอาการทุกข์โศกเศร้าเสียใจเพราะยังมีอนุสัยของความอาลัยในสิ่งที่รัก ยังนอนเนื่องสั่งสมอยู่ในจิตวิญญาณนั้น เป็นต้น
ผู้เขียนเป็นพระภิกษุธรรมดาสามัญทีี่สังคมไม่รู้จักและเป็นเพียงพระภิกษุบ้านนอกคนหนึ่ง แต่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูงหาที่สุดมิได้จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระภิกษุสงฆ์จากทั่วประเทศ ร่วมยืนปลงธรรมสังเวช ณ พระบรมโกรธของพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ ๙ ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ผู้เขียนเคยได้ร่วมยืนปลงธรรมสังเวชถึง ๓ ครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นบุญกุศลอันสูงยิ่งใหญ่ในชีวิต การที่พวกเราเหล่าภิกษุได้รับโอกาสจากพระองค์ ให้ยืนปลงธรรมสังเวชไว้อาลัย ณ พระบรมโกรธของพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ ๙ นั้นเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งของชีวิต เป็นเพราะพระเมตตาและพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระภิกษุสามเณร แม่ชี และผู้ถือศีล ๘ ได้ร่วมยืนปลงธรรมสังเวชเพื่อไว้อาลัยพระบรมศพ ฯ ได้วันละ ๓ เวลาคือ รอบ ๐๙.๐๐ น. ๑๓.๐๐ น. และ รอบ ๑๕.๐๐ น. ในทุก ๆ วัน จนกว่าจะแล้วเสร็จในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐

ด้วยเหตุผลดังกล่าวมาข้างต้นนั้น ผู้เขียนตัดสินใจศึกษาค้นคว้าข้อมูลเรื่องgrief in laws of Tipitaka (ธรรมสังเวชในพระไตรปิฎก) และการเขียนบทความนี้ ผู้เขียนมีเจตนาอยู่ในใจของผู้เขียนเพื่อเป็นวิทยาทาน ให้เกิดความรู้และความเข้าใจในความเป็นไปของชีวิตแก่ประชาชนชาวไทย ผู้มีศรัทธาและเทิดทูนในหลวงผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาลและเป็นมหาราชาผู้ทรงธรรมที่ยิ่งใหญ่ ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ทรงงานเพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยามเท่านั้น คำตอบของบทความนี้มาจากวิเคราะห์หาเหตุผลจากที่มาของความรู้ในพยานเอกสารในพระไตรปิฎก อรรถกถา เอกสารวิชาการอื่น ๆ และ แผนที่โลกออนไลน์เป็นต้น ข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์นั้นจะเป็นประโยชน์แก่พระธรรมวิทยากรสายต่างประเทศทั่วโลก ใช้ในการบรรยายแก่ผู้แสวงบุญในประเทศอินเดีย และสหพันธรัฐประชาธิปไตยเนปาลที่สังเวชนียสถานแห่งที่ ๔ ที่เมืองกุสินาราสถานที่ปรินิพพานของศากยมุนีพุทธเจ้า ให้มีเนื้อหาเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ส่วนกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูล จากที่มาของความรู้จากพยานเอกสารในพระไตรปิฎก และอรรถกถา พยานวัตถุในพุทธสถานต่าง ๆ จะเป็นประโยชน์แก่ผู้วิจัยในระดับปริญญาเอก เพื่อพัฒนาศักยภาพของนิสิตในการวิเคราะห์ข้อมูลหาเหตุผลของคำตอบ จากข้อมูลในพยานหลักฐานต่าง ๆ จนเป็นคำตอบที่เป็นความรู้ที่ผ่านเกณฑ์การตัดสินที่สมเหตุสมผล และปราศจากข้อสงสัยในเหตุผลของความเป็นจริงจากการวิเคราะห์อีกต่อไป เพื่อใช้ประโยชน์แก่รุ่นหลังที่จะรักษาความรู้และความจริงในพระพุทธศาสนา ที่มีความเป็นสากล ที่เป็นอัตลักษณ์ของตนเองและภาคภูมิใจในความเป็นตนของตน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น