Introduction to Methods of Learning in The Tripika according to Buddhaphumi's Philosophy
จุดประสงค์เพื่อการศึกษา
๑.เพื่อศึกษาปัจเจกบุคคล
๒.เพื่อศึกษาวิธีการเรียนรู้ในพระไตรปิฎก
๓.บทวิเคราะห์วิธีการเรียนรู้ของปัจเจกบุุคลกับวิธีการเรียนรู้ในพระไตรปิฎก
บทนำ
ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง ในปีการศึกษา ๒๕๕๗ มีสถาบันการศึกษาทุกระดับชั้นรวม ๓๘,๘๓๘ แห่ง มีครูและอาจารย์ ๖๙๖,๒๓๑ คน ทำหน้าที่รับผิดชอบพัฒนาศักยภาพนักเรียน ๑๒,๙๖๘,๑๓๒ คน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีวัดพุทธไม่น้อยกว่า ๓๓,๙๐๒ แห่ง ที่ยังคงเป็นสถานศึกษาเรื่อง"ชีวิต" เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของรัฐบาลในการพัฒนาศักยภาพประชาชนเสริมสร้างชีวิตให้มีศรัทธาในตนเอง มีความวิริยะในการพัฒนาเพื่อการพึ่งพาตนเองได้ตลอดเวลา มีสติในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น มีสมาธิที่เข้มแข็ง มีปัญญาหยั่งรู้ในวิธีแก้ปัญหาให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยตนเอง จนจิตใจบริสุทธิ์ ปราศจากอคติ ปราศจากความโกรธ อ่อนโยนเหมาะกับการทำงานร่วมกับผู้อื่น มีอารมณ์มั่นคงในความมุ่งหวังของชีวิตและไม่หวั่นไหวต่อการปฏิบัติหน้าที่เพื่อรับใช้ประชาชนและประเทศชาติ
ทุกปี วัดพระพุทธทั่วทั้งราชอาณาจักรไทย จัดโครงการปฏิบัติธรรมประจำปี โครงการปริวาสกรรม และโครงการปฏิบัติธรรมในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนามากมายอยู่หลายโครงการ ในปีพ.ศ.๒๕๕๙ ชาวไทยพุทธมากกว่า ๑๙ ล้านคน เข้าร่วมสวดมนต์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ในพุทธสถานจำนวน ๒๒,๙๖๗ แห่ง แต่ปัญหาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาสังคม ปัญหาจริยธรรมทางการเมือง และปัญหาความเชื่อของประชาชนในสังคม ยังคงเป็นปัญหาสำคัญของประเทศและเป็นประเด็นข่าวที่เกิดขึ้นทุกวัน ข้อมูลต่าง ๆ ถูกแชร์บนอินเตอร์เน็ต และทุกคนสามารถมองเห็นได้บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือ เมื่อผู้คนได้รับข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตและบริโภคเนื้อหาข่าวเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้คนในสังคม และสั่งสมข้อมูลทางอารมณ์ในจิตใจของพวกเขา
เมื่อรับรู้สิ่งใดสิ่งหนึ่ง พวกเขาก็จะคิดจากสิ่งนั้นและพอใจในพฤติกรรมนั้น พวกเขาก็จะเลียนแบบพฤติกรรม ที่พวกเขาอยากเป็นเหมือนคนอื่น ๆ ต้องการที่จะมีสิ่งเดียวกับคนอื่น ๆ มี เพราะฉะนั้นการแสวงหาด้วยเจตนาทุจริต จึงเป็นการกระทำที่ผิดศีลธรรมและกฎหมายอาญาของประเทศ จนกลายเป็นปัญหาสังคมในปัจจุบัน พระพุทธเจ้าทรงสอนว่าชีวิตมนุษย์ประกอบด้วยปัจจัยทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งเป็นปัจจัยพิเศษที่ก่อกำเนิดชีวิตใหม่ ชีวิตมนุษย์ขาดร่างกายและจิตใจไม่ได้ หากขาดร่างกายหรือจิตใจ ชีวิตมนุษย์ก็ไม่สามารถดำรงอยู่ได้เหมือนท่อนไม้ที่ตายแล้ว หากจิตไม่มีร่างกายให้ดำรงอยู่ ก็จะกลายเป็นวิญญาณไปจุติอีกโลกอื่น ส่วนวิญญาณจะไปจุติในโลกใด ขึ้นอยู่กับอกุศลกรรมหรือกุศลกรรม เมื่อการเคลื่อนไหวของมนุษย์เกิดจากเจตนาในจิตใจของบุคคลที่แสดงออกผ่านกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม เป็นต้น ลักษณะของจิตใจมนุษย์ ถึงแม้จะเป็นสิ่งไร้รูปร่างก็ตาม ดูเหมือนกระแสไฟฟ้าสลับที่เกิดดับตลอดเวลา แต่จิตใจไม่เคยเสื่อมสลายไปกับร่างกาย เมื่อจิตของมนุษย์มีธรรมชาติเป็นผู้รู้ ผู้คิด ผู้เก็บ นึกคิด และจินตนาการ ดังนั้น จิตจึงสำคัญกว่าร่างกายของมนุษย์
เมื่อได้ฟังข้อเท็จจริงในเรื่องนี้แล้ว ผู้เขียนเกิดความสงสัยว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ทั้งที่คนไทยเชื่อในเรื่องกรรมตามคำสอนของพระพุทธศาสนา หากละเมิดศีลห้าถือว่าเป็นกรรมชั่ว เมื่อตายไปแล้ว จิตวิญญาณก็ไปเกิดในนรก และในกรรมเดียวกันนี้ ก็เป็นการกระทำที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน อีกทั้งยังเป็นความผิดต่อกฎหมายอาญาที่มีโทษประหารชีวิตอีกด้วย
ในยุคปัจจุบัน โลกของมนุษย์ก้าวหน้าไปมากทั้งด้านเทคโนโลยี่ด้านคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต ผู้คนกล้าแสดงความคิดเห็นของตนเองทางอินเตอร์เน็ตมากขึ้น ทั้งพฤติกรรมทางกาย วาจาและใจ ซึ่งฝังรากลึกอยู่ในจิตใจและเกินการควบคุม เนื่องจากขาดจิตสำนึกของตนในสังคม เหตุใดวิถีชีวิตของชาวพุทธในประเทศไทยจึงยังคงมีปัญหาอยู่ เมื่อพิจารณาปัญหาอาชญากรรมและปัญหาสังคมจะเห็นได้ว่า ประเทศของเราไม่ได้ก้าวหน้าไปไกลจากอดีตมากนัก ปัญหาความคิดขัดแย้งของผู้คนในสังคมและการเมือง การใช้เหตุผลซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญาในการอธิบายความเชื่อทางศาสนาที่แตกต่างกันในการแสดงความเห็นบนอินเตอร์เน็ต เป็นต้น การพัฒนาเศรษฐกิจที่วัดความเติบโตทางเศรษฐกิจ แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของประเทศ โดยไม่คำนึงความเป็นจริงว่าผู้คนใช้ชีวิตในความยากจนอย่างไร ? นอกจากนี้ ความรู้จากอินเตอร์เน็ตยังทำให้ความเชื่อได้ของผู้คนเปลี่ยนไป ในอดีตเรายึดถือพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง ในปัจจุบันมีการฉลองและบูชาลูกเทพเจ้า ซึ่งเชื่อกันว่าจะนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ชีวิต มีพิธีบูชาต่าง ๆ ในสังคม ถือเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมของไทยในการตีความเพื่อหาตัวเลข เพื่อเล่นหวย ซื้อลอตเตอรี่ ฯลฯ บางคนมีการศึกษาสูงและมีฐานะทางสังคมดี ก็ยังเชื่อในเรื่องเหล่านี้
จากข้อเท็จจริงที่ได้กล่าวมาข้างต้น ผู้เขียนจึงสงสัยว่าในปัจจุบัน ประเทศไทยและประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก จัดตั้งสถาบันการศึกษาขึ้นกระจายทั่วประเทศเพื่อให้ความรู้แก่ประชาชน พัฒนาศักยภาพประชาชนให้เป็นคนเก่ง คนดี มีทักษะที่ดีในการประกอบอาชีพ แต่จากการศึกษาวิจัยส่วนใหญ่พบว่าศักยภาพของคนไทยในการทำงานและการศึกษายังเทียบไม่ได้กับคนชาติ แม้แต่คนในประเทศอาเซียนและคนไทยก็ยังอยู่ตามหลัง ทำให้ผู้เขียนสนใจศึกษาปัญหา "ปัจเจกบุคคล" และวิธีการเรียนรู้ในพุทธปรัชญาเถรวาท การพัฒนาการคิดอย่างมีเหตุผล จะเป็นประโยชน์ต่อเรา ช่วยให้เข้าใจวิถีของมนุษย์ สามารถนำความรู้นี้ไปประยุกต์ใช้เป็นอย่างรูปธรรม สามารถบูรณาการกับการเรียนรู้สมัยใหม่ได้ และที่สำคัญจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการนำเเอาหลักปรัชญาพุทธศาสนามา พัฒนาศักยภาพของชีวิต เพื่อความมั่นคงของจิตใจและดำรงอยู่อย่างสงบสุขในอนาคต.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น