Introduction who am I according to Buddhaphumi's Philosophy
สารบาญ
๑. บทนำ
๒. ตัวตนของมนุษย์
๓. ประเภทของมนุษย์
๓.๑ ปุถุชน
๓.๒ อริยบุคคล
๔. มนุษย์พัฒนาแนวคิดให้เกิดปรัชญา
๑.บทนำ ฉันเป็นใคร
ฉันเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในสังคมที่เรียกว่า "ครอบครัว" ซึ่งประกอบด้วยพ่อแม่ พี่น้อง ลุงป้า น้าอา ของฉัน เมื่อฉันเกิดมาพ่อแม่ของฉันต้องเกิดตามกฎหมายและตั้งชื่อให้ชัดเจนว่า ฉันเป็นใครและมาจากไหน เมื่อฉันเกิดมามีชีวิตรอดอยู่ มีสิทธิและหน้าที่ตามกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อฉันโตขึ้น ไม่มีใครเป็นที่พึ่งของฉันได้ตลอดชีวิต ฉันต้องช่วยเหลือตนเองให้มีชีวิตรอดจนกว่าจะตาย ฉันจึงมีหน้าที่ไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนตามกฎหมายที่เรียกว่า"พระราชบัญญัติประถมศึกษา" เพื่อพัฒนาศักยภาพของชีวิตของตนผ่านระบบการศึกษาของประเทศและสั่งสมความรู้ในจิตใจ เพื่อนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการทำงานและเสริมทักษะชีวิตในการอยู่ร่วมกับคนอื่น เมื่อฉันอายุได้ ๗ ขวบ จึงถูกส่งไปเรียนหนังสือให้สามารถอ่านออกเขียนได้ ที่โรงเรียนที่ตั้งอยู่ในตัวอำเภอ เพื่อเรียนรู้ทักษะการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่น ๆ เช่น ครู อาจารย์ เพื่อนที่โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย เพื่อเรียนรู้ตัวตนของตัวเองและผู้อื่นเกี่ยวกับอุปนิสัยใจคอ ความเห็น ทัศนคติที่หยั่งรากลึกในจิตใจของทุกคนและแสดงออกผ่านบุคคลิกภาพของตน เมื่อสำเร็จการศึกษาก็ต้องเรียนรู้วิถีชีวิตในสังคมของคนทำงานในหน่วยงานราชการ องค์กรต่าง ๆ ธุรกิจส่วนตัวและงานการกุศลเพื่อสังคม ฯลฯ ทำไมฉันต้องเข้าสังคมเพราะพื้นฐานของชีวิต ฉันกลัวสิ่งที่เหนือธรรมชาติที่ซ่อนอยู่ในจิตใจและอยู่นอกเหนือการควบคุมของฉันได้ทำให้ชีวิตฉันอยู่กับความไม่แน่นอนว่าจะตายเมื่อไหร่ หรือชีวิตต้องพบความล่มเหลว เป็นต้น เช่น ภูเขาไฟระเบิด พายุ และเทพเจ้า ที่ฉันเชื่อว่ามีอำนาจที่จะมีอิทธิพลต่อวิถีชีวิตของฉันและผู้อื่นๆ ต้องเป็นไปตามพรหมลิขิต แต่การอยู่ร่วมกันในสังคม ใช่ฉันจะมีชีวิตที่อยู่ได้อย่างปลอดภัยและมีความสุขเท่านั้น แต่ทุกสังคมมีปัญหาในการอยู่ร่วมกันเพราะมนุษย์มีอคติและมักจะสงสัยเพื่อหาเหตุผลยืนความจริงของคำตอบในเรื่องนั้น ๆ ถ้าตอบเป็นที่น่าพอใจเขาก็มีความสุข แต่ถ้าคำตอบไม่เป็นที่พอใจก็อาจทำให้เกิดความคิดที่ไม่ดีได้ เมื่อจิตใจของมนุษย์มีอคติต่อกันและมีอารมณ์ต้องการที่จะมี ต้องการเป็น และอยากได้ซ่อนเร้นอยู่ในใจของทุกคน ทำให้มนุษย์แข่งขันกันเอง จึงทะเลาะวิวาทด้วยคำพูดตลอดเวลาและชอบแบ่งปันอารมณ์ของตนเองลงบนอินเตอร์เน็ตให้ผู้อื่นรับรู้ตลอดเวลา และหลงตนเองว่ามีศักยภาพเหนือคนอื่น ในการแสวงสิ่งต่าง ๆ มาตอบสนองตัณหาของตนได้ไม่ยาก แม้จะต้องมีข้อแลกเปลี่ยนก็ตาม เช่น ร่างกายของมนุษย์เองแม้จะเป็นสิ่งไม่เที่ยงแต่ก็ถือว่าเป็นวัตถุแห่งกิเลสได้ และใช้ตอบสนองอารมณ์อยากของมนุษย์ได้เช่นกัน
แม้มนุษย์จะมีหลายอย่างพร้อมที่จะสนองความต้องการของตนเอง แต่จิตใจของมนุษย์ไม่เคยพอใจกับสิ่งที่มีและไม่เคยเบื่อกับกาารแสวงหาสิ่งอื่นเพื่อสนองตัณหาของตนเอง ในสังคม ชีวิตมนุษย์มีปัญหาเพราะอคติต่อกันและกัน ดูหมิ่นกันและกัน ตัดสินคนอื่นจากภายนอก เพราะขาดการสื่อสารกัน เมื่ออยู่ในอารมณ์มืดมิด มักขาดสติในความยั้บยั้งช่ั่งใจจึงทำร้ายต่อกัน โดยไม่นึกถึงผลกรรมว่า เมื่อทำเสร็จแล้ว ผลของกรรมจะเป็นความผิดต่อหลักศีลธรรมของพระพุทธเจ้าและประมวลกฎหมายอาญา เป็นต้น และกรรมที่ทำไปแล้ว จะกลายเป็นอารมณ์แห่งกรรมที่สั่งสมอยู่ในจิตจนกลายเป็นสัญญาอย่างนั้น เมื่อสิ้นชีวิตไปแล้วแต่ชีวิตมิได้ตายแล้วสูญเพราะจิตวิญญาณออกจากร่างกายของชีวิตนั้น ไปสู่ภพภูมิตามกุศลกรรมหรืออกุศลกรรมของตนเองดังนั้น ในแต่ละวันมนุษย์บางคนต้องชดใช้กรรมในคุก ภาวะโรคซึ่มเศร้า จากการกระทำ การพูดและการคิด หากผู้นั้นเป็นคนใจร้อนขาดการยับยั้งช่างใจ ย่อมเกิดการทะเลาะวิวาททำร้ายและฆ่ากัน เป็นต้น บางครั้งมนุษย์ผัสสะวัตถุสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่มีเจ้าของแล้วจิตเกิดตัณหาในความอยากได้ของผู้อื่นมาครอบครอง โดยไม่คิดหาเหตุผลของมโนภาพของเกณฑ์การตัดสินทางศีลธรรมแต่อย่างใดจึงเข้าไปลักทรัพย์ ชิงทรัพย์สินของผู้อื่น โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ขนบธรรมเนียมประเพณีและศีลธรรมอันดีของประชาชน เมื่อเห็นผู้อื่นได้ดีกว่าตนจิตมักริษยา ชอบแสดงวาจาเยาะเย้ย ถากถาง เสียดสี ดูหมิ่นผู้อื่น เพื่อลดคุณค่าชีวิตของเขาให้ด้อยกว่าตน เป็นต้น เหตุให้เกิดการทะเลาะวิวาทเข้าทำร้ายซึ่งกันและกัน เป็นต้นเมื่อมนุษย์เป็นสัตว์สังคมไม่ชอบอยู่คนเดียวเพราะการใช้ชีวิตโดดเดี่ยวทำให้ จิตฟุ้งซ่าน ซึ่มเศร้าจมปลักอยู่ในอารมณ์หนึ่งอารมณ์ใด ทำให้มองโลกในแง่ร้าย มนุษย์จำเป็นต้องมีสังคมเพื่อนฝูง ยอมลดค่าความเป็นมนุษย์ตนเองให้อยู่ในสิ่งแวดล้อมทางที่เสื่อม ด้วยการมัวเมาในรูป เสียง กลิ่น รส สุราและยาเสพติด เพื่อปรุงแต่งจิตวิญญาณของตนเองให้มีความสนุก ครึกครื้นตลอดเวลา และยอมแลกกับปัญหาของสุขภาพในร่างกายของตนเพื่อผู้อื่นยอมรับศักยภาพของตนเองก็พอในสังคมก็พอ
มนุษย์จึงชอบแสวงหาความสุขทางผัสสะเป็นอย่างมาก ยินยอมแลกกับปัญหาของสุขภาพในการพักผ่อนไม่เพียงพอและใช้ยาเสพติดเพื่อให้ตนเองมีความสุขได้นานขึ้น และยอมประกอบอาชีพแม้จะเกิดโรคระบาดโควิค-๑๙ ก็ตาม เป็นความสุขที่ผิดศิลธรรมและกฎหมายก็ตาม บางครั้งมนุษย์มีจิตในอารมณ์ราคะจริตมากเกินไปจนขาดสติขาดความยับยั้งช่างใจหรือในบางครั้ง ก็เลือกที่จะไม่แสดงตัวตนของอาการไม่พอใจออกมา เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง มนุษย์จึงกลายเป็นคนชอบ โกหก พูดปดไม่ตรงกับอารมณ์ตัณหาภายในจิตของตนเองต่อหน้าผู้อื่นเพื่อรักษาคุณสมบัติความเป็นผู้ดีของตนไว้ เมื่อจิตมนุษย์มีจริตแนวโน้มไปสู่กามราคะชอบแสวงหาความพอใจในสิ่งที่ตนชื่นชอบอยู่เสมอ ชอบหมกมุ่นกับสิ่งนั้นได้นานมากยิ่งขึ้นจำเป็นต้องใช้สุรายาเสพติดต่างๆ เป็นตัวช่วยกระตุ้นให้ตนอยู่กับความสุขนั้นนานๆ จึงกลายเป็นความสุขที่ต้องแลกด้วยสุขภาพของชีวิตตนเป็นต้นนอกจากนี้มนุษย์ยังใช้ชีวิตหมกหมุ่นกับสิ่งที่ตนชื่นชอบ การเล่นการพนันต่าง ๆ และเล่นเกมส์ออนไลน์ต่าง ๆ ที่ส่งผ่านอินเตอร์เน็ตสิ่งเหล่านี้เป็นทางไปสู่แห่งความเสื่อมของสุขภาพร่างกาย เพราะอดทนฝืนร่างกายเล่นเกมส์ออนไลน์ติดต่อกันหลายวัน ขาดการพักผ่อนและสูญเสียทรัพย์สินเงินในสิ่งใด ๆ ที่ไม่จำเป็นกับชีวิต การใช้ชีวิตสังคมมนุษย์จมปลักอยู่ในโลกธรรม ๘ ยกย่องสรรเสริญ เป็นต้น
ด้วยเหตุนั้น ผู้เขียนจึงสงสัยว่าฉันเป็นใคร เหตุใดชีวิตฉันจึงไม่เหมือนกับคนอื่น ๆ ที่พวกเขามีวิถีชีวิดีกว่าฉันทั้งฐานะทางเศรษฐกิจ อาชีพ พฤติกรรม และสติปัญญา แต่มองไปอีกยังมีคนที่ฐานะทางเศรษฐกิจด้อยกว่า การศึกษาก็ไม่มี อาหารแต่ละมื้อก็ลำบากกว่าจะหามาได้ แต่เขามีความสุขในความทุกข์ในชีวิตกว่าใครหลายคน ไม่ต้องทะเลาะกับใครในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อีกกับการกินการแต่งตัว ผู้เขียนตัดสินใจที่จะศึกษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับความจริงของมนุษย์ โดยการวิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งความรู้ในพยานเอกสาร เช่นพระไตรปิฎก อรรถกถา คัมภีร์ต่างๆ และจดหมายเหตุต่างๆ เพื่อหาเหตุผลยืนยันความจริงของคำตอบเป็นต้น บทวิเคราะห์นี้จะเป็นประโยชน์ต่อพระธรรมวิทยากรใช้อธิบายให้กับผู้แสวงบุญที่สังเวชนียสถานทั้ง ๔ แห่ง เพื่อให้มีเนื้อหาของพระพุทธศาสนาเป็นไปในทางเดียวกัน กระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลจากที่มาของความรู้ที่แท้จริงเกี่ยวกับมนุษย์ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านที่สามารถประยุกต์ใช้ความรู้ในพุทธศาสนาซึ่งผ่านเกณฑ์การตัดสินที่สมเหตุสมผลและเป็นความรู้ที่แท้จริงของชีวิต ไปพัฒนาศักยภาพของจิตวิญญาณตนเองให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป และมีทักษะในการแก้ไขความทุกข์ในชีวิตตนเองได้ อย่างมีเหตุสมผลโดยไม่มีข้อสงสัยอีกต่อไป สำหรับกระบวนการวิเคราะห์ในการเขียนบทความนี้จะช่วยให้นิสิตระดับปริญญาเอกทางพระพุทธศาสนาและปรัชญา สามารถประยุกต์ใช้กระบวนการคิด ในการวิจัยทางพุทธปรัชญาและบูรณาการกับวิทยาศาสตร์ได้ดีขึ้น
บรรณานุกรม
๑. พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ๔๕ เล่มสีฟ้า เล่มที่ ๔๕ พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ธรรมบทจิตวรรค.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น