The Metaphysical problems of Phu Chee Fah
บทนำ
โดยทั่วไปผู้คนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยมักจะได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับภูชี้ฟ้า จากนักท่องเที่ยวที่เคยไปเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ หรือศึกษาข้อมูลจากเว็บไซต์ต่าง ๆ และแผนที่โลกกูเกิลรวมถึงอ่านรีวิว (Reviewed) ประสบการณ์จากการไปเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ในแง่มุมต่าง ๆ บนแพลตฟอร์อินเตอร์เน็ต หรือข้อมูลจากเว็บไซต์ของกรมอุทยานแห่งชาติ นักท่องจึงยอมรับความจริงเกี่ยวกับความสวยงามของภูชี้ฟ้าแห่งนี้โดยปริยาย
เมื่อผู้คนได้ยินข้อเท็จจริงของเรื่องราวเหล่านี้แล้วรวบรวมเรื่องราวเหล่านี้ไว้เป็นหลักฐานทางอารมณ์ในจิตใจ แต่ธรรมชาติชีวิตของพวกเขานั้น ไม่ได้แค่การรับรู้และรวบรวมเรื่องราวเหล่านี้ ไว้เป็นข้อมูลทางอารมณ์เหล่านั้น แต่ชีวิตของพวกเขายังเป็นนักคิดอีกด้วย เมื่อได้รู้สิ่งใดสิ่งหนึ่ง พวกเขาก็จะคิดจากสิ่งนั้น อย่างไรก็ตาม ธรรมชาติของมนุษย์ มีอายตนะภายในร่างกายมีข้อจำกัดในการรับรู้ สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของตนเอง และชอบมีอคติต่อผู้อื่นเนื่องจากความไม่รู้ของตนเอง ทำให้ชีวิตของพวกเขามืดมน จึงไม่สามารถคิดโดยใช้เหตุผล ซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญา อธิบายความจริงในเรื่องนั้นอย่างสมเหตุผลได้
ดังนั้น เมื่อผู้คนได้รู้ถึงการมีอยู่ของภูชี้ฟ้าผ่านโซเชียลมีเดียก็ตาม เมื่อพวกเขาแสดงความเห็นเกี่ยวกับความจริงของภูชี้ฟ้าตามปฏิภาณของตนเองตามหลักเหตุผลและคาดคะเนความจริง ผู้คนเหล่านั้นอาจใช้เหตุผลอธิบายความจริงของภูชี้ฟ้า บางครั้งอาจผิดบ้าง บางครั้งอาจใช้เหตุผลอธิบายผิดถูกบ้าง บางครั้งอาจใช้เหตผลเป็นอย่างนั้นบ้าง บางครั้งอาจใช้เหตุผลเป็นอย่างนี้บ้าง เมื่อคำตอบไม่แน่นอนว่าความเป็นอย่างไร จึงทำให้ผู้คนอยากมาเยือนสักครั้งในชีวิต เพื่อการศึกษา พักผ่อนหย่อนใจ คลายเครียดจากการทำงานและหันมาใส่ใจสุขภาพของตนมีอายุยืนนานมากขึ้น การมาเยือนทำให้เกิดการรับรู้อายตนะภายในและเก็บเกี่ยวความรู้จากประสบการณ์ชีวิต เมื่อปรุงแต่งอารมณ์ที่มีอยู่ในจิตใจของตนแล้วเกิดความรู้สึกประทับใจ หรือไม่ประทับใจเกี่ยวกับสถานที่แห่ง จำเป็นต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง และรวบรวมพยานหลักฐาน มาวิเคราะห์โดยการอนุมานความรู้จากหลักฐานต่าง ๆ หรือการคาดคะเนความจริงตามหลักเหตุผล เพื่อพิสูจน์ความงามของภูชี้ฟ้าโดยการใช้เหตุผล ซึ่งเป็นเครื่องมือของนักปรัชญาในการอธิบายความจริงในเรื่องนี้
๒.ปรัชญาพุทธภูมิ
แบ่งออกเป็นสาขาการศึกษาต่าง ๆ มากมาย คือ อภิปรัชญา, ญาณวิทยา จริยศาสตร์, สุนทรียศาสตร์ และตรรกศาสตร์ เป็นต้น อภิปรัชญาสนใจศึกษาประเด็นเกี่ยวกับความจริงของมนุษย์ โลก ปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ และการมีอยู่เทพเจ้าเป็นต้น เมื่อนักปรัชญาอ้างข้อเท็จจริงเกี่ยวกับมนุษยชาติ, โลก, ธรรมชาติ, เทพเจ้า เป็นต้น จะต้องมีหลักฐานสนับสนุนข้อเท็จจริง เกี่ยวกับความจริงในเรื่องนั้น
หากไม่มีหลักฐานมาพิสูจน์ความจริงในเรื่องนั้น ตามหลักวิชาการทางปรัชญาถือว่า ข้อเท็จจริงที่ได้ยินมานั้นถือว่าไม่น่าเชื่อถือ ถ้าเป็นพยานบุคคล (personal witness) ก็ถือไม่น่าเชื่อถือ เพราะมนุษย์มีข้อจำกัดในการรับรู้ทางอายตนะภายในร่างกาย และมักมีอคติต่อมนุษย์ด้วยกัน ตามทฤษฎีความรู้เชิงประจักษ์กล่าวไว้ว่า "บ่อเกิดความรู้ของมนุษย์จะต้องรับรู้ผ่านประสาทสัมผัสและสั่งสมเป็นข้อมูลทางอารมณ์ในจิตใจของมนุษย์เท่านั้น" ดังนั้น จึงเป็นพยานที่น่าเชื่อและสามารถเป็นพยานได้ แต่ความเป็นจริงในปรัชญามี ๒ ประเภท คือ
๒.๑. ความเป็นจริงในระดับประสาทสัมผัส
๒.๒ ความเป็นจริงในระดับเหนือประสาทสัมผัส
เราสามารถอธิบายความเป็นจริงทั้งสองประเภทได้ดังนี้
๒.๑.ความจริงที่สมมติขึ้น เป็นความจริงที่มนุษย์ทุกคนสามารถรับรู้ได้ด้วยประสาทสัมผัส เป็นสิ่งที่ปรากฏอยู่รอบตัวมนุษย์ อันได้แก่ วัตถุ, สภาวะ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติและเหตุการณ์ทางสังคมมนุษย์ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และเสื่อมไปในธรรมชาติล้วนเกิดจากปัจจัยปรุงแต่ง เช่น ชีวิตมนุษย์ถือกำเนิดขึ้นโดยปฏิสนธิของวิญญาณในครรภ์มารดา เกิดจากปัจจัยทางร่างกายและจิตใจมารวมกันเพื่อสร้างชีวิตมนุษย์ใหม่ในพระพุทธศาสนา เรียกว่า "สังขตธรรม"
ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๕ ได้นิยมว่า "สังขตธรรม คือ สิ่งที่มีปัจจัยปรุงแต่งขึ้น เมื่อพระพุทธเจ้าทรงปฏิบัติธรรมตามอริยมรรคมีองค์๘ จนจิตบริสุทธิ์ผ่องใส ปราศจากทุกข์ มีจิตใจอ่อนโยนเหมาะแก่การอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม ตั้งมั่นในศรัทธาของตนเองและปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์มั่นคงต่อตนเอง และผู้อื่น พระองค์ทรงมีญาณทิพย์เหนือมนุษย์ พระองค์ทรงเห็นว่าชีวิตของมนุษย์เกิดจากปัจจัยทางการและจิตรวมกันในครรภ์มารดา เป็นต้น
๒.๒.ความเป็นจริงเหนือขอบเขตประสาทสัมผัสของมนุษย์ เป็นสภาวะที่มีอยู่จริง มนุษย์จะบรรลุถึงความรู้ในระดับนี้ต้องผ่านการพัฒนาศัยภาพของชีวิตด้วยวิธีการปฏิบัติตามหลักอริยมรรคมีองค์ ๘ เท่านั้น จึงจะบรรลุถึงความรู้ในระดับอภิญญา ๖ ได้ ไม่มีปัจจัยปรุงแต่งเกิดขึ้น เมื่อไม่เกิดย่อมไม่เสื่อมสลาย เช่นภาวะของนิพพาน เป็นต้น ความจริงทั้งเนื่องจากความรู้ทางปรัชญาเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยพุทธกาล พราหมณ์อารยัน เป็นนักปรัชญาคิดวิเคราะห์หลักฐานซึ่งเป็นมนุษย์ด้วยกัน เพื่อพิสูจน์ความจริงของคำตอบในปัญหาเกี่ยวกับความจริงของคำตอบในเรื่องที่สงสัยนั้น

ดังนั้นเมื่อนักปรัชญากล่าวอ้างข้อเท็จจริงในเรื่องใด ก็ต้องมีพยานบุคคลมายืนยันความจริงในเรื่องนั้น เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของข้อเท็จจริงในเรื่องนั้น การศึกษาปัญหาความจริงเกี่ยวกับภูชี้ฟ้าตามหลักปรัชญาแดนพุทธภูมิ สถานที่ตั้งของภูชี้ฟ้าเป็นพื้นที่ภูเขาตั้งอยู่บนเทือกเขาฟ้าหม่นมีอาณาเขตกินเนื้อที่เข้าไปสู่ดินแดนของไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในส่วนของเนื้อที่กินอาณาเขตเข้าไปประเทศไทยนั้นตั้งอยู่ในเขตวนอุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า ตำบลตับเต๋า อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย
ยอดภูชี้ฟ้ายื่นออกจากหน้าผาไปทางฝั่งประเทศลาวที่เอียงประมาณ ๔๕ องศา จะมองเห็นหมอกของก้อนเมฆลอยหน้าของผู้เขียน พร้อมกับอากาศเย็นในฤดูหนาวได้ลอยมาผัสสะผิวหนังของผู้เขียนช่วยให้เรารู้ว่า ภูชี้ฟ้านั้นเป็นรมณียสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของชีวิตมนุษย์ควรเดินทางไปผัสสะด้วยตนเองเพราะทุกชีวิตมีกิเลสของตัณหาในความอยากมี อยากเป็น อยากได้มาสั่งสมจิตอยู่ตลอดเวลา ได้ปลดปล่อยความเครียดที่สั่งสมในชีวิตของตนเองตลอดเวลาและบีบบังคับจิตวิญญาณให้แสวงหาวัตถุแห่งตัณหา มาสนองความต้องการตนเองและสนองความต้องการผู้อื่นตลอดเวลา เมื่อปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้นแล้ว จนกลายเป็นความทุกข์เพราะชีวิตซึ่มเศร้า หงอยเหงา ชีวิตมนุษย์เผชิญความทุกข์ตลอดเวลา ไม่มีสิ่งใดน่ากลัวเท่าการไม่รู้จักปล่อยวางจากการยึดมั่นถือมั่น ในการครอบครองสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ในชีวิตจนเกินไปไม่ยอมรับจริงที่เปลี่ยนแปลงไปย่อมนำมาสู่สาเหตุของพฤติกรรมฆ่าตัวเองตาย พฤติกรรมต่อต้านสังคม เป็นต้น
มีเหตุผลใด มนุษย์จึงสมมติชื่อยอดเขาแห่งนี้เรียกว่า "ภูชี้ฟ้า" เพราะ เมื่อเราผัสสะด้วยประสาทตาผู้เขียนเห็นว่ายอดภูชี้ฟ้านั้นมีลักษณะคล้ายกับนิ้วชี้ของมือมนุษย์ที่ยกชี้ขึ้นไปสู่บนท้องฟ้า ที่เรียกว่าจักรวาลอันกว้างไกลเกินไปประสาทสัมผัสของมนุษย์ จะรับรู้ได้ด้วยประสาทสัมผัสของนัยน์ตาส่วนหนึ่งของร่างกายที่เรียกว่าอินทรีย์๖ของมนุษย์จะรับรู้ได้ถึงขอบเขตของจักรวาล หน้าผาอันสูงชันด้านทิศตะวันออกของภูชี้ฟ้า ภูชี้ฟ้าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมและมีชื่อเสียงมากเพราะนักเขียนหลายท่านไปรีวิวไว้ในโลกออนไลน์หลายร้อยเว็บไซด์ใแต่ละปีมนช่วงฤดูหนาว จะมีนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศเดินทางมาสู่มาชมพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า จำนวนหลายแสนคนด้วยกัน โดยมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาทั้งปี จะมีมากในช่วงฤดูหนาวเพื่อชมความสวยงามของเมฆหมอกที่พัดผ่านภูชี้ฟ้า ในระดับต่ำกว่ายอดภูชี้ฟ้าในฤดูหนาวนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปที่ภูชี้ฟ้า เพราะพวกเขาสามารถเห็นมวลหมอกหนาแน่นลอยพัดผ่านภูชี้ฟ้าตั้งแต่เช้า
เมื่อพวกเขาไปยืนอยู่บนยอดภูชี้ฟ้า มองลงจากหน้าผาลงสู่ที่ต่ำกว่าจะมองเห็นเมฆหมอกลอยในระดับต่ำยอดภูชี้ฟ้า เป็นภาพที่สวยงามมากเริ่มตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าแสงอาทิตย์กระทบมวลหมอกเหล่านั้น กายของฉันได้ผลกระทบจากลมหนาวพัดจากหุบเขาอันกว้างไกล จากฝั่งประเทศลาว ความหนาวกระทบผิวหนังของเราย่อมทำให้เกิดสภาวะความสุขเกิดขึ้นในจิตใจของตัวเองได้ ความสวยงามของสถานที่แห่งนี้จึงเป็นจุดเด่นที่ คือมวลภาพของเมฆลอยอย่างหนาแน่นในฤดูหนาว อากาศเย็นสบาย พระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า เป็นทัศนียที่สวยงามเกินกว่าคำอธิบายด้วยเหตุผล ที่มนุษย์จะคิดหามาบรรยายให้เข้าถึงได้เป็นสิ่งที่เรียนรู้ได้เฉพาะตนเอง ถึงจะมีความเข้าใจเมื่อชมความงามที่จิตโน้มออกรับไว้มาประทับไว้ใน จิตความงามนี้ให้ติดตามอยู่ในจิตไปทุกหนทุกแห่งท่ี่ชีวิตมนุษย์ได้เดินทางไปทำให้ผู้คนนิยมออกไปถ่ายรูปตรงหน้าผาของภูชี้ฟ้า เพื่อเก็บความทรงจำไว้ในแผ่นภาพมากกว่าทรงจำไว้ในจิตของตัวเอง และไม่มีความคิดหวาดกลัวบางครั้งพลาดพลั้งตกลงจากหน้าผาก็มีเจ้าหน้าที่จำเป็นจึงขึ้งเส้นลวดยาวเหยียดไว้เตือนสติเราให้ระมัดระวังในการเที่ยวภูชี้ฟ้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น