ปรัชญาแดนพุทธภูมิ: The color of aesthetics in Wat Phra si Sanphet
๒.สถานที่ตั้งของพระนครศรีอยุธยา

ความมีอยู่จริงของพระนครศรีอยุธยาตามแนวคิดทางอภิปรัชญาเป็นสาขาหนึ่งของวิชาปรัชญานั้น ตามแนวคิดของทฤษฎีความรู้นั้นต้องรับรู้ได้ด้วยประสาทสัมผัสของมนุษย์เท่านั้นเช่นเดียวกับความรู้ในความมีอยู่จริงของพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรอยุธยานั้น เนื้อหาของความรู้ส่วนใหญ่นั้นผู้เขียนศึกษาจากสถาบันการศึกษาและตำราประวัติศาสตร์ที่นักวิชาการได้รวบรวมไว้เป็นหนังสือ ให้เป็นอาหารของจิตที่เติมเต็มได้ตลอดเวลาไม่มีวันเต็มอิ่มแต่อย่างใดเนื้อหาของประวัติศาสตร์ของประเทศไทยที่พวกเราศึกษาในสถาบันการศึกษานั้น ตำราที่เขียนพรรณนาได้เขียนไว้ในทุกแง่ทุกมุมก็ตามแต่ก็ยังไม่ถึงความแท้จริงของเรื่องราวได้ทั้งหมดแต่อย่างใด เมื่อเรียนจบหลักสูตรแล้วน้อยนักจะมีกิจกรรมเสริมหลักสูตรได้เดินทางไปศึกษาเหตุผลของความรู้จากประสาทสัมผัสที่ ได้เห็นโบราณสถานของพระนครศรีอยุธยาได้ เพื่อให้ผู้เรียนข้ามพ้นจากการจินตนาการจากตำรา หรือ คำบรรยายที่อาจารย์สอนในห้องเรียนไปเรียนรู้ในสถานที่แท้จริงของพระนครศรีอยุธยานั้นได้ กล่าวคือ ราชอาณาจักรกรุงศรีอยุธยานั้น ตั้งขึ้นมาโดยมีอำนาจอธิปไตยเป็นของตนเองเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว ราชอาณาจักรแห่งนี้ดำรงชีวิตให้มีสีสรรค์ด้วยผู้คนที่มีความคิดอันดีงาม ดำเนินตามวิถีการดำรงชีวิตในเรือนที่อยู่อาศัย การแต่งกาย ที่อยู่อาศัยและความเชื่อในทางพระพุทธศาสนาเถรวาทได้หล่อหลอมให้วิถีชีวิตงดงามด้วยแนวคิดจากคำสอนของพระพุทธเจ้า นำมาสู่การประพฤติเป็นการปฏิบัติในกิจวัตรประจำวันจนสีสรรค์วิถีชีวิตแห่งดินแดนสุวรรณภูมิแห่งตะวันออกเฉียงใต้เพราะมีพระมหากษัตริย์ผู้ปกครองทรงเป็นแบบอย่างแห่งการดำเนินวิถีชีวิตติดต่อกันมายาวนานหลายชั่วอายุคน ในที่สุดอาณาจักรแห่งนี้ต้องล่มสลายลงไปตามกฎไตรลักษณ์เพราะเหตุปัจจัยจากกิเลสอันเกิดจากอาการของจิตที่เรียกว่า "ตัณหา" ของมนุษย์ด้วยกันเองที่สติความระลึกได้ว่าหากตนกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดไป จะมีผลของการ
กระทำกระทบต่อผู้คนและประเทศชาติอย่างไร ส่วนผลของการกระทำนั้น ทำให้ราชอาณาจักรของกรุงศรีอยุธยาขาดจิตวิญญาณของผู้คนที่อยู่อาศัยในพระนครเมืองที่เคยงดงามและรุ่งเรืองมายาวนานเริ่มขาดสีสรรค์ของวิถีชีวิตผู้คนถูกกวาดต้อนไปเป็นทาสรับใช้แรงงานในประเทศนั้นเพื่อให้ราชอาณาจักรแห่งกรุงศรีอยุธยาตกเป็นเมืองประเทศราช อยู่ภายใต้อำนาจของประเทศผู้ชนะสงครามเป็นสัจธรรมที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงไปจากกฎธรรมชาติข้อนี้ได้พระนครกรุงศรีอยุธยาจึงเป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักรสยามเป็นเวลาถึง ๔๑๗ ปีและล่มสลายลงไปแต่ความรู้เกี่ยวกับพระนครศรีอยุธยานั้น มิได้สูญหายไปตามกาลเวลาเพราะกลายเป็นสัญญาที่สั่งสมอยู่ในจิตของมนุษย์เพื่อให้ชาวสยามหยิบเรื่องราวขึ้นมาสอนให้ลูกหลาน รู้จักความสามัคคีซึ่งกันและกันและถูกเล่าขานในรูปของประวัติศาสตร์ที่บันทึกในสยามจดหมายเหตุของประเทศไทย.

๓. สีสรรค์แห่งสุนทรียศาสตร์
สุนทรียศาสตร์เป็นแนวคิดทางปรัชญาสาขาวิชาหนึ่งซึ่งเป็นมนุษย์คิดหาเหตุผลของคำตอบที่เกี่ยวกับความงามขึ้นมามนุษย์มีเหตุผลอะไรจำเป็นต้องศึกษาวิชานี้ ผู้เขียนวิเคราะห์หาเหตุผลได้ว่าธรรมชาติของมนุษย์นั้น มีชีวิตประกอบด้วยกายและจิตเป็นเหตุปัจจัยซึ่งกันและกันทำให้เกิดธาตุขันธ์ดำรงอยู่อย่างมีเหตุผลเพื่อให้มนุษย์มีจิตละเมียดผ่อนคลายความเครียดเพราะความสะดวกสบายของการใช้ชีวิต วิเคราะห์ความงามโดยอาศัยเหตุปัจจัยหลายอย่างมาใช้วิเคราะห์จนเกิดเป็นองค์ความรู้เกี่ยวกับความงามตามหลักความรู้และเป็นความจริงเมื่อความรู้เกี่ยวกับความงามของมนุษย์จึงเป็นอาการของจิต เกิดขึ้นเมื่อปรากฎการณ์ของวัตถุสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากระทบกับอินทรีย์หกของมนุษย์ส่งข้อมูลไปที่จิตของมนุษย์นั้น ทำให้มนุษย์หันเหความสนใจจากสิ่งที่ให้เกิดทุกข์สู่สิ่งที่ให้เกิดการประทับจิต ตราตรึงจิตอย่างนั้นเพราะธรรมชาติของจิตมนุษย์เป็นผู้คิด เมื่อสิ่งใดมากระทบย่อมคิดมีเหตุผลว่า สิ่งที่มากระทบนั้นเป็นสิ่งตนพอใจก็เกิดอารมณ์ของความนึกคิดคล้อยตามสิ่งนั้นไปถ้าสิ่งไหนมากระทบกับจิตของตนแล้วเกิดความรู้สึกไม่พอใจ ไม่นึกคิดคล้อยตามสิ่งนั้นแม้จะถูกบังคับฝืนให้เชื่อก็ตามย่อมเกิดทุกขภาวะนั้นมาจากสิ่งที่มากระทบนั้น.

เมื่อภาพของวัดพระศรีสรรเพชญ์ ปรากฎขึ้นแก่สายตาผ่านประสาทสัมผัสเข้าสู่จิตของเราเอง จิตของฉันก็จินตนาการเห็นก้อนอิฐทุกก้อนเกิดจากจิตวิญญาณและหยาดเหงื่อแรงงานของมนุษย์ที่เกิดมา เพื่อเป็นทาสหลายร้อยคนได้จรรโลงสร้างวัดแห่งนี้ให้สวยงามแสดงให้เห็นถึงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของพระราชอาณาจักรสยามที่เคยเจริญรุ่งเรือง เป็นเรื่องราวของชีวิตผู้คนที่มีประสบการณ์ผ่านความทุกข์ยากในการสร้างสรรค์โบราณสถาน ที่เคยมีชีวิตชาวพระราชวังหลวงอยุธยามาก่อน และการปกป้องพระราชอาณาจักรให้มีอิสระภาพ มนุษย์ได้รับรู้เรื่องของความรู้ผ่านอินทรีย์ ๖ ที่เป็นนามธรรมที่สั่งสมอยู่ในจิตและห่อหุ้มจิตของมนุษย์ไว้ และเมื่อมนุษย์ตายจิตจะออกจากร่างของมนุษย์ไปจุติจิตในวัฏฏสงสารกรุงศรีอยุธยาเคยเป็นราชธานีที่ยิ่งใหญ่ อาคาร สถานที่วัดวาพระพุทธศาสนาและพระราชวังเคยมีปรากฎรูปร่างลักษณะทางกายภาพในอดีตบัดนี้ได้สูญสิ้นไปหมดจากสายตาของมนุษย์ทุกคนแล้ว เหลือแต่ซากปรักหักพังหักพังของก้อนอิฐและหินปูเก่าๆ แต่เรื่องราวของวิถีชีวิตของชาวกรุงศรีอยุธยาในอดีตเป็นสิ่งที่ยังมีอยู่ในใจของมนุษย์ ผู้เวียนว่ายตายเกิดสิ่งเหล่านั้นไม่เคยหายไปจากจิตของมนุษย์แต่อย่างใดแม้จะเกิดและตายมาแล้วกี่ภพชาติก็ตาม

ในความทรงจำที่เป็นสัญญาของความรู้อยู่ในจิต วัดพระศรีสรรเพชญ์แห่งนี้ ฉันเคยทางมาเที่ยวชมโบราณสถานวัดพระศรีสรรค์เพชญ์เมื่อฉันบวชได้พรรษาที่ ๓ฉันเคยมาเที่ยวชมวัดพระศรีสรรเพชญ์ที่นี้กลายเป็นสัญญาของความทรงจำที่ถูกลืมเลื่อนไปเกือบ ๒๐ ปีแล้วฉันได้ห่างหายไปจากสถานที่แห่ง เพราะสัญญาของความรู้ใหม่เข้ามาแทนที่ความรู้เก่า เมื่อจิตผัสสะโบราณสถานแห่งนี้อีกครั้งความคุ้นเคยที่หายไปผุดขึ้นในจิตอีกครั้งหนึ่ง แสดงให้เห็นว่าจิตของฉันได้สั่งสมความรู้ของเรื่องราวของสถานที่แห่งนี้ไว้ ฉันนึกถึงวันเก่าๆ ที่เคยมาเยือนวัดแห่งนี้ ๆ หลายคนบอกว่าไม่รู้จะมาทำไมเพราะวัดพระศรีสรรค์เพชญ์มีแต่ซากปรักหักพังของโบราณสถาน ภาพความมีวิถีชีวิตของผู้คนในประวัติศาสตร์ได้หายไปหมดสิ้นแล้วไม่มีอะไรน่าสนใจ เป็นการมองภาพประวัติศาสตร์ของโบราณสถานด้วยความไม่รู้จึงมองคุณในจิต ถ้ามองในแง่ของเหตุผลทางปรัชญาแล้ว เมื่อเรามาผัสสะสถานที่แห่งจิตเราย่อมเกิดความสงสัย อะไรเป็นเหตุให้สถานที่แห่งนี้เจริญรุ่งเรือง เหตุปัจจัยทำให้อาณาจักรอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ล่มสลายไปเป็นการอนุมานความรู้อันยิ่งใหญ่ที่ใช้จิตของมนุษย์ นึกคิดหาเหตุผลย้อนหลังไปอีกหลายร้อยปี จะรู้เลยว่า ที่นี้คือตำนานที่เล่าขานถึงวิถีชีวิตของผู้คนของประเทศเราที่เป็นไปในประวัติศาสตร์ของความเป็นไปในสังสารวัฏ ล้วนแต่เป็นเรื่องที่สนองความอยากเห็นของผู้คนที่นึกจินตนาการย้อนหลังไป

แนวคิดของพุทธศาสนาเถรวาทสอนว่ามนุษย์ทุกคนถูกพันธนาการด้วยกิเลสตัณหาที่ผ่านจิตเข้ามาห่อหุ้มจิตไว้เหมือนนักโทษ มีความอยากของจิตมัดชีวิตให้จมปลักกับความทุกข์ของชีวิต เพราะความอยากที่เรียกให้สวยงามว่าความปรารถนานั้น ไม่สมหวังดั่งตนคิดปรารถนาแล้วไม่ได้ย่อมเกิดความทุกข์ได้ การตรัสรู้ของพระโพธิสัตว์เป็นพระพุทธเจ้า ทำให้มนุษย์รู้จักอิสระภาพของชีวิตเมื่อเราตัดความพอใจของชีวิตออกไปด้วยความทุกข์จากความไม่สมหวังได้ กิเลสตัณหาที่เป็นอยากของจิตที่ถูกบีบคั้นด้วยปัจจัยภายนอก ได้แก่ความอยากมีเงิน ทรัพย์สินที่ใช้ทำให้จิตได้รับความสะดวกสบายในการเคลื่อนไหวของชีวิตเมื่อตนไม่มีทุกคนจึงหาวิธีการแสวงหาสิ่งต่างๆ มา สนองความต้องการของบางครั้ง ต้องแลกด้วยสุขภาพจึงทำให้มนุษย์เกิดความทุกข์ซ้ำซากในโลกนี้ และโลกหน้าในแต่ะเรื่องราวของภาย นอกชีวิต เรารับรู้ด้วยประสาทสัมผัสมากมายหลายต่อหลายเรื่อง เรื่องราวเหล่าจำได้ไม่ได้บ้าง เรื่องที่จดจำดีเป็นเรื่องที่ทำให้เราเกิดความทุกข์การบีบคั้นด้วยความไม่พอใจ มิใช่เป็นเรื่องสำคัญเพราะความแท้จริงของชีวตมนุษย์นั้นได้เคยเวียนว่ายตายเกิดมาแล้วไม่รู้กี่อสงไขยในภพภูมิต่าง ๆ จิตที่ไปจุติจิตไปน้อมออกไปรับนั้นสั่งสมเรื่องราวเป็นอนุสัยเป็นล้าน ๆ เรื่องด้วย เพียงแต่เราใช้จิตของเราภาวนาให้มีเพียงอารมณ์เดียวเพื่อสลัดอารมณ์อื่น ๆ ของกิเลสที่ห่อหุ้มจิตให้ออกมากที่สุดเท่าที่มนุษย์คนหนึ่ง จะทำได้โดยใช้จิตเป็นเครื่องนำทางต่อให้กิเลสเป็นสิ่งพันธการทับถมในจิตมากน้อยไปเท่าไหร่ ฉันจะสำรอกสิ่งที่หมักหมมในจิตฉันให้หมดสิ้นไป การตั้งสติพิจารณาอารมณ์ที่เกิดขึ้นกับจิตให้ลดความเครียดจากความผ่อนจากหน้าที่การงานของชีวิต

เจตสิกเป็นอาการของจิตเป็นความจริง ๑ ใน ๔ ของความจริงทางอภิปรัชญาในพุทธปรัชญาเถรวาทอันได้แก่ รูป จิต เจตสิกและนิพพาน เป็นต้นความจริงทางอภิปรัชญาเรื่อง "เจตสิก" แปลว่าอารมณ์เกิดขึ้นพร้อมกับจิตกล่าวคือเมื่อจิตมนุษย์ผัสสะสิ่งต่าง ๆที่อยู่ล้อมรอบตัวเราจิตย่อมคิดจากสิ่งที่ผัสสะนั้น นึกคิดว่าเป็นสิ่งใด มีสภาพของเหตุการณ์มีลักษณะอย่างไร สั่งสมความรู้กลายเป็นสัญญาอยู่ในจิตของมนุษย์ แม้วันเวลาผ่านไปจิตของเราไม่เคยลืมเลือนไป เมื่อบวชใหม่ ๆ ฉันเคยมาสถานที่แห่งนี้ภาพของเจดีย์ ๓ องค์ ที่บรรจุอิฐิธาตุพระมหากษัตริย์ที่เคยปกครองดินแดนแห่งผุดขึ้นมาในจิต ชีวิตของมนุษย์หมุนเวียนเปลื่ยนไปอย่างนี้ไม่มีที่สิ้น ฉันอ่านเรื่องราวของวัดพระศรีสรรค์เพชญ์แล้ว เป็นพระอารามหลวงในสมัยกรุงศรีอยุธยาสมัยยังมีชีวิตเป็นวัดที่ไม่มีพระภิกษุสงฆ์จำพรรษาตั้งอยู่ในพระราชวังโบราณของพระนครศรีอยุธยา เช่นเดียวกับปราสาทหินนครวัดเป็นเทวสถานในศาสนาฮินดูและปราสาทบายนเป็นพระอารามหลวง ไม่มีพระภิกษุจำพรรษาเพราะเป็นวัดส่วนพระองค์ที่ทรงใช้ปฏิบัติบูชา รักษาอุโบสถศีล นั่งสมาธิปฏิบัติธรรมเจริญปัญญาใคร่ครวญ พิจาณามาจากอารมณ์เรื่องราวต่าง ๆ ของชีวิตมนุษย์มาจากภายนอกผ่านอายตนะภายในเข้าสู่จิตและอนุสัยต่าง ๆ นอนเนื่องมายาวนานไม่รู้กี่ภพชาติแล้ว สุนทรียในใจของฉัน เมื่อฉันเดินเข้ามาสู่โบราณสถานวัดพระศรีสรรเพชญ์ จิตได้ผัสสะผ่านอินทรีย์ ๖ ของร่างกายฉัน ซึ่งเต็มไปด้วยซากปรักหักของโบราณสถาน กองโบราณคดีเขามีการบูรณเจดีย์ ๓ องค์ตั้งตระหง่าน ในท่ามกลางเมืองเก่า ผู้คนมากมายเขามาเที่ยวสถานที่แห่งนี้ การเที่ยวชมคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น หากมีไกด์ผู้มีความรู้ในพระพุทธศาสนา บรรยายให้เที่ยวชมสถานที่แห่งนี้ คุ่มค่าของชีวิตคือการได้เรียนทางประสบการณ์ของปฏิบัติด้วยการลงมือทำด้วยจิตของฉัน คือการเคลื่อนไหวจิตด้วยการนึกคิดจินตนาการย้อนหลังไปสู่อดีตที่ผ่านมา สถานที่แห่งนี้ไม่มีพระจำพรรษาเพราะตั้งอยู่ในพระบรมมหาราชวังในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีของพระราชอาณาจักรสยาม ในแง่แนวคิดอีกอย่างหนึ่งวัดแห่งนี้เป็นสุสานหลวงโดยเฉพาะพระเจดีย์ ๓ องค์นั้นเป็นที่บรรจุพระอัฐิของบูรพมหากษัตริย์ถึง ๓ พระองค์อากาศยามบ่ายไม่ร้อนมากนัก จิตของฉันนั่งสมาธิแผ่เมตตาวิญญาณที่ยังเฝ้าสถานที่แห่งนี้ตามความรู้ที่ฉันศึกษาจากพระไตรปิฎกว่าชีวิตของมนุษย์มีจิตเป็นผู้เวียนว่ายเกิดไปสู่ภพชาติต่าง ๆ ตามกรรมของตัวเองที่มีค่าเป็นกุศลและอกุศลอยู่ในจิตของแต่ละคน ติดตามจิตที่ไปจุติจิตในภพภูมิต่าง ๆน่าจะเป็นการทำบุญอย่างหนึ่งที่ได้จากการภาวนาก็เป็นกุศลอย่างยิ่งในการใช้ชีวิต และเป็นการลดความเครียดที่สั่งสมมายาวของการทำงานของฉันชีวิตทุกคนจึงเป็นทุกข์ ยิ่งรวยยิ่งทุกข์มาก เพราะภาระรับผิดชอบมีมาก จิตร่างกายจึงทำงานมาก คิดมากยิ่งเครียดมากด้วยจิตฉันเป็นย่อมเกิดความรู้สึกย่อมวังเวง นึกความตายเบื้องหน้าการเจริญมรณะสติบ่อยๆ บางที่ทำให้ลดปัญญาของความวุ่นวายในชีวิตได้เช่นเดียวกัน ฉันพิจารณามองซากปรักหักล้วนแต่เกิดมาจากจิตวิญญาณเพราะเป็นแรงงานของผู้หลายพันคน ที่ถูกเกณฑ์แรงงานมา สร้างสถานแห่งนี้ขึ้นวันแล้ววันเล่า กาลเวลาทำให้ทุกสิ่งอยากเกิดขึ้นย่อมดับไป เป็นวัฏฏจักรอันยาวนาน มนุษย์ผู้มีความอยากในสิ่งตนชอบตามอารมณ์ของโลกธรรมย่อมไม่มีความรู้สึกใด ๆ ต่อสถานที่แห่งนี้ เพราะมัวแต่สนใจในสิ่งตนอยากมีและอยากกับสิ่งนั้น ๆ ไม่อยากให้พลัดพรากจากไป แม้จิตจะคิดรั้งให้ตนอยู่กับเหล่านี้นาน ๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น